FORD EVEREST SPORT : TEST DRIVE by autosawasdee

ไม่ใช่แค่จะขับ…

แต่สิ่งหนึ่งต้องรู้ว่า สมรรถนะรถเป็นอย่างไร?

รถอะไรก็ไปได้ ถ้ามีทาง มันก็จริง แต่ถ้าเอาเรซซิ่งไปลุยทางออฟโรด ก็จบกัน!

มีสิ่งหนึ่ง ที่ได้เรียนรู้มาหลายปี คือ การได้ ขับทดสอบ ไม่ใช่ได้ ลองขับรถ อย่างแรกการขับรถทดสอบเป็นการลองสมรรถนะของตัวรถที่มีอยู่ แต่อย่างหลัง คือ การได้ลองขับรถ เอาแค่คิดว่าไม่ใช่รถตัวเอง ก็ตะบึงตะบันขับไป

บอกตรงๆ คนอ่านไม่ได้ประโยชน์อะไร อย่างครั้งนี้ เราได้มาลองขับรถ PPV ของ FORD เป็นการลองที่เรียกว่าท้าทาย เพราะรถคันนี้ ตัดออพชั่นออกไปค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ราคาก็ถูกลง

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ดีไซน์ภายนอก แทบดูไม่ออกเลยว่า เป็นตัวลดออพชั่นแล้ว แถมยังเน้นความหรูหราพร้อมเทคโนโลยีช่วยการขับขี่และอุปกรณ์เสริมที่ได้รับการพัฒนาอย่างมาตรฐาน ซึ่งแน่นอนว่าหลงลืมอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่หลงลืมเรื่องความปลอดภัย

นับว่า ฟอร์ด ไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อได้ตอกย้ำตำแหน่งความเป็นผู้นำรถเอสยูวี ที่มีสมรรถนะและความปลอดภัยสูงสุดในเซ็กเมนต์ มาอย่างยาวนานหลายปี เรียกว่าเพิ่งจะเสียแชมป์ในช่วง เศรษฐกิจขาลงของประเทศไทยนี่ล่ะ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งสีดำเงา ทั้งกระจังหน้า กระจกมองข้าง และราวหลังคา ประดับสัญลักษณ์รุ่นสปอร์ตทั้งด้านข้างและด้านหลัง ดูดุดันด้วยกระจัง ซึ่งกระจังหน้านี่ถือเป็นจุดเด่นของฟอร์ดทรัคเลยทีเดียว

กันชนหลังสีดำ พร้อมล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 20 นิ้ว  เพิ่มความหรูหรา โดดเด่นด้วยตัวอักษรนูน ‘EVEREST’ บนกระโปรงหน้ารถ มองเข้ามาตรงๆ บอกเลยว่า รถ SUV ดีๆ นี่ล่ะ หากแต่มันมาจากโครงร่างของรถปิคอัพ

ยิ่งไปกว่านั้น สปอยเลอร์รอบคันแล้ว ยังมีบันไดขึ้นลงห้องโดยสาร เป็นรถ 5 ประตูตรวจการณ์ 7 ที่นั่ง ฝากระโปรงหลังเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ส่วนฝากระโปรงหน้า ก็ไม่ต้องใช้เสาค้ำเวลาเปิด เพราะมีโช๊คอัพเป็นคานยันขนาดใหญ่ ซ้ายขวา เพื่อให้เราไม่ต้องกลัวว่าฝากระโปรงหน้าจะหล่นใส่หัว

และไฟหน้าที่ติดตลอดเวลา ทันทีที่สตาร์ต เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเพื่อความปลอดภัย ไฟหน้าแบบ LED Projector ไฟสำหรับตอนกลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ทันทีที่มีฝนโปรยปรายลงมา เหมาะกับประเทศที่มี 3 ฤดูเป็นอย่างมาก

รวมทั้งไฟสปอร์ตไลต์ทางด้านล่างใต้กันชนหน้าอีกด้วย จุดสังเกตอีกอย่าง คือ เสารับสัญญาณวิทยุบนหลังคา เป็นก้านเทียน ขนาดพอเหมาะ ซึ่งเก๋ไก๋แบบวินเทจ แต่อาจจะดูเชยๆ ไปหรือเปล่า สำหรับรถยุคใหม่

ภายในของฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ยังคงหรูหราเหมือนเดิม แต่เน้นไปเรื่องความเป็นสปอร์ตมากกว่าลักชัวรี่ เบาะออกแนวรถแข่ง หนังสีดำเดินด้ายสีฟ้า มีเบาะรองศีรษะทั้ง 7 ที่นั่ง แต่ 2 ที่นั่งท้าย หมอนรองคอสามารถหดเก็บเป็นเนื้อเดียวกับเบาะพิงได้

แถมด้านท้ายยังมีไฟส่องสว่างเหมือนตอนหน้า และตอนกลาง รวมไปถึงสายชาร์จไฟ 12V อยู่ตอนที่ 3 เป็นรถสามตอนที่ ยังคงความสะดวกสบายกว้างขวาง เพิ่มลูกเล่น และความโฉบเฉี่ยวด้วยการตกแต่งโทนสีดำน้ำเงิน ตั้งแต่แผงคอนโซล ที่วางแขน และเบาะที่นั่ง พร้อมสลักลายคำว่า SPORT บนเบาะนั่งคู่หน้า

เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ พร้อมตกแต่งลวดลาย Hydrographic เคลือบ 2 ชั้นบนวัสดุที่ทันสมัยบนคอนโซลหน้าและที่เปิดประตู สะดวกสบายกับเบาะไฟฟ้าคนขับเพียงที่นั่งเดียว แต่มีปุ่มสตาร์ตโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ช่องแอร์ปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้ายขวา กระจกไฟฟ้าปรับได้ทั้งกระจกหน้าต่าง และกระจกมองข้าง

ระบบความบันเทิง SYNC 3 สั่งงานด้วยเสียง รองรับภาษาไทย พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมกับระบบช่วยโทรฉุกเฉินและกล้องมองหลังขณะถอดจอด ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้ายขวา ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบปรับอุณหภูมิแยกได้ ส่วนที่บังแดดด้านข้างคนขับมีกระจกแต่งหน้า แต่ฝั่งผู้ขับไม่มี

เล็กๆ น้อยๆ อย่างไฟอ่านหนังสือ หรือที่เก็บแว่นตา ก็ช่วยได้เยอะเฉกเช่นเดียวกับคอนโซลกลาง ที่มีช่องใส่ของเพียบเลยทีเดียว ประทับใจ คือ ที่นั่งเหลือพื้นที่เหนือศีรษะไว้เยอะ ช่องขาก็กว้าง ความอ้วนของห้องโดยสาร ก็ยิ่งทำให้การเดินทางโปร่งโล่งสบาย แถมช่วยเรื่องทัศนวิสัยของคนขับอีกด้วย

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต ยังคงมีแบบฉบับเฉพาะของ ฟอร์ด คือ ใส่เทคโนโลยีเข้าไปเต็มพิกัด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) กล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ขณะถอยจอด ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า (EPAS) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Traction Control & Electronic Stability Program)

เครื่องยนต์ PPV ตัวนี้ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เหมือนกับโครงสร้างเดิม ที่มาจากปิคอัพอย่าง เรนเจอร์ สำหรับเครื่องยนต์ เทอร์โบตัวนี้ มีกำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า ที่ 3500 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 420 นิวตันเมตร ที่ 1750-2500 รอบต่อนาที นับว่าแรง เร็ว ใช้ได้ หลังจากได้ลองขยี้คันเร่งดูแล้ว ก็รู้สึกว่าให้ความรู้สึกเหมือน SUV เพราะช่วงล่างเปลี่ยนใหม่หมดจากเรนเจอร์ เลยเกาะถนน นุ่มนวล พวงมาลัยก็เหมือนรถเก๋ง วงเลี้ยวไม่กว้างมากนัก ขับง่าย สบายๆ แต่อาจจะไม่ทันใจในการออกตัวนัก เพราะเจ้า เอเวอเรสต์ ตัวหนักกว่าเยอะ

ด้านการขับขี่ ให้สำหรับการใช้งานของครอบครัว ในระดับ 5 ดาว เพราะมีองค์ประกอบครบ อัตราเร่งแซงดี โดยเฉพาะจากความเร็ว 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นย่านความเร็วที่มักจะใช้กับ เอเวอเรสต์ เนื่องจากกระชับ ฉับไว ตอบสนองได้ดี รวมไปถึงการประหยัดน้ำมัน รถที่ขนคนได้ 7 คน พร้อมที่บรรทุกของด้านหลัง ชีวิตก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องขับรถตามๆ กันไป 2-3 คัน ได้มีเวลาพักผ่อนร่วมกัน

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต มีตัวเลือกสีภายนอก 3 สี สีเงิน สีดำ และสีขาว ตัวที่เราเอามาทดสอบเป็นสีขาว ที่มีชื่อเรียกว่า Arctic White ในราคา 1,469,000 บาท ไม่ถึงล้านห้า แต่ได้อะไรๆ ไปเกือบครบ

ต้องบอกว่า ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต รุ่นพิเศษนี้ ทำให้การเป็นเจ้าของง่ายขึ้น จากราคาตัวท็อปที่สูงกว่าพอสมควร และชุดแต่งที่เพิ่มเข้าไป ก็ทำให้เจ้าเวอร์ชั่นนี้ดูดุ ถึงจะมีเบาะปรับไฟฟ้าแค่ตัวเดียวฝั่งคนขับ แต่เบาะตัวอื่นๆ ก็ไม่ได้ปรับยากนัก แถมที่นั่งแถวกลาง 3 ตำแหน่ง ยังพับเพื่อวางของได้ยาว และมากขึ้นเหมือนเบาะที่ 7-8 จุดชาร์จไฟเยอะ ตามแบบคนยุคใหม่ ที่มือถือแบตฯ จะหมดไม่ได้ มีไฟอลังมากๆ ตอนหน้า ตอนกลาง และตอนท้ายภายในห้องโดยสาร แต่ไม่มีไฟที่กระจกแต่งหน้าด้านคนที่นั่งข้างๆ คนขับ มีแค่กระจกอย่างเดียว ส่วนฝั่งคนขับยิ่งแล้วใหญ่ไม่มีกระจกส่องหน้าเลย ข้อดี คือ ประหยัด วงเลี้ยวแคบ เบาะนั่งสบาย พวงมาลัยจับถนัดมือ แถมมีมัลติฟังก์ชั่น เป็นมัลติมีเดีย ควบคุมหมวดการทำงานต่างๆ จากพวงมาลัยก็ง่ายดาย น่าซื้อหามาใช้ แต่ “สายซื้อมาใช้แล้วขายต่อ” สายนี้ของแนะนำให้ไปซื้อรถตลาดน่าจะดีฝ่า…

 

Related posts

Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed