ฟอร์ด ประเทศไทย มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานรถที่หลากหลายของลูกค้า ล่าสุดได้คัดสรรแบรนด์ยางรถยนต์ที่ได้รับความไว้วางใจและมีคุณภาพระดับสากลอย่างแบรนด์ฮันกุก (Hankook) และอพอลโล(Apollo) มาเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าฟอร์ดได้ใช้ยางคุณภาพมาตรฐานในราคาคุ้มค่ามาจำหน่ายที่ศูนย์บริการฟอร์ดทั่วประเทศ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษมากมายให้กับลูกค้าครอบครัวฟอร์ด คุณสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ดมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าด้านบริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานรถของลูกค้า เรายินดีที่ได้นำแบรนด์ยางระดับสากลอย่างแบรนด์ฮันกุกและอพอลโล ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมีมาตรฐานมาจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าฟอร์ดในราคาที่คุ้มค่า เพื่อเป็นการยกระดับการบริการ การสร้างความมั่นใจ และมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา” ยางรถยนต์ฮันกุกเป็นหนึ่งในแบรนด์ยางระดับโลกจากประเทศเกาหลีใต้ที่ได้รับการยอมรับทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยมีราคาเริ่มต้นเพียงเส้นละ 1,480 บาท ยางรถยนต์ฮันกุกสำหรับรถยนต์นั่ง มี 5 รุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่นKinergy ECO2 ยางรถแต่งมาตรฐาน รุ่น Ventus V12 Evo2 ยางรถยนต์ที่เน้นความสปอร์ต รุ่น Ventus Prime3 ยางรถยนต์ที่ช่วยในเรื่องของการควบคุม รวมถึงรุ่นที่ให้ความนุ่มนวลขณะขับอย่าง รุ่น Ventus V2 Conecpt2 และVentus S1 Noble2 ยางรถยนต์ฮันกุกสำหรับรถอเนกประสงค์และรถกระบะ มีให้เลือก 5 รุ่น คือ รุ่น Dynapro HP2 ยางรถยนต์ออนโรด ที่เน้นการขับขี่ด้วยความเร็ว รุ่น Dynapro HT ยางรถยนต์ออนโรด ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น Vantra LT ยางรถยนต์สำหรับการบรรทุกมาตรฐาน เหมาะสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน (ALL-Terrain / OFF-ROAD) รุ่น Dynapro AT2 ยางรถยนต์กึ่งออฟโรด เหมาะกับการใช้งานหลากหลายประเภท และรุ่น Dynapro MT2 ยางรถยนต์ออฟโร้ดสำหรับการขับขี่บนเส้นทางขรุขระ ยางอพอลโลเป็นอีกหนึ่งในแบรนด์ยางชั้นนำของโลกจากอินเดียที่นำเสนอยางคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าหลากหลายรุ่นตามประเภทรถ ได้แก่ ยางรถยนต์อพอลโลสำหรับรถยนต์นั่ง มีให้เลือก 4 รุ่น คือ รุ่น ALNAC 4G ยางที่มีคุณภาพและมอบสมรรถนะสูง รุ่น AMAZER 3G MAXX เป็นยางที่ช่วยประหยัดน้ำมัน รุ่น ASPIRE 4G ยางที่มอบสมรรถนะการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัยในทุกเส้นทาง และรุ่น Manchester United ยางรุ่นพิเศษสำหรับผู้ชื่นชอบทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อพอลโลร่วมมือกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด นอกจากนี้ แบรนด์อพอลโลยังมาพร้อมยางสำหรับรถยนต์รถอเนกประสงค์ และรถกระบะ รถตู้สำหรับการขับขี่บนถนนหลวง อีก 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น APTERRA HT ยางเพื่อรถยนต์อเนกประสงค์คุณภาพมาตรฐาน รุ่นAPTERRA HT2 ยางที่มอบความเงียบให้กับห้องโดยสารขณะขับ รุ่น ALTRUST ยางที่มอบความไว้ใจในความทนทาน เหมาะสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน (ALL-Terrain / OFF-ROAD) และรุ่น APTERRA AT2 ยางที่ เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมือง ทางทุรกันดาร หรือออฟโรดเป็นบางครั้ง นอกจากนี้ ฟอร์ดยังมียางรถยนต์หลากหลายแบรนด์วางจำหน่ายที่ศูนย์บริการฟอร์ดโดยมีราคาเริ่มต้น ดังนี้ · ยางขอบ 17 นิ้ว สำหรับรถฟอร์ด เรนเจอร์ ราคาเริ่มต้นเส้นละ 3,330 บาท · ยางขอบ 18 นิ้ว สำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ ราคาเริ่มต้นเส้นละ 3,730 บาท พบกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อยางที่ศูนย์บริการฟอร์ด ดังนี้ · ลูกค้ารถฟอร์ดซื้อยาง 3 เส้น แถมฟรี 1 เส้น สำหรับแบรนด์ที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 พร้อมข้อเสนอผ่อน 0% นาน 10 เดือน เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารกสิกรไทย และกรุงศรีอยุธยา ที่เข้าร่วมรายการ · โปรแกรมรับประกันราคายาง หากเจอที่อื่นถูกกว่า รับเงินส่วนต่างคืนทันที · รับประกันอุบัติเหตุจากสภาพถนนนานสูงสุด 120 วัน · สำหรับการซื้อยางอพอลโลเฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ รับประกันอุบัติเหตุจากสภาพถนนนานสูงสุด 2 ปี ลูกค้ารถฟอร์ดที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ฟอร์ด(Ford Call Center) โทร. 1383 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญและรายละเอียดด้านการบริการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th
Category: Social
เวสป้า ยกทัพพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ถ่ายทอดสีสันแห่งอิสระ
เอกลักษณ์สไตล์อิตาลี ผ่าน 4 รุ่น 8 เฉดสีพร้อมเตรียมเซอไพรส์เหล่าคนรักสกู๊ตเตอร์ตลอดปี 2022 เวสป้าเพิ่มอรรถรสผ่านเฉดสีให้กับทุกการขับขี่อีกครั้ง ภายใต้คอนเซปต์ “Tell Your Story with Colours” ถ่ายทอดเรื่องราวของคุณผ่านความหลากหลายของสีสัน ไปกับเวสป้าไอคอนนิกสกู๊ตเตอร์ทั้ง 4 รุ่น 8 เฉดสี โด่ดเด่นด้วยดีไซน์และสีสันที่สะท้อนเอกลักษณ์สุดพรีเมี่ยมบ่งบอกบุคลิก ตัวตน ความหลงใหล และสไตล์ของผู้เป็นเจ้าของ ลองมาสัมผัสประสบการณ์แห่งสีสันที่ไร้ขอบเขต กับ ‘เวสป้า’ ถ้าคุณพร้อมก็ออกไปโลดแล่นกันได้เลย เริ่มต้นที่ Vespa Sprint 125 i-Get ABS โดดเด่นเกินใครไปได้ทุกที่อย่างที่ใจคุณอยากไป กับรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าสไตล์สปอร์ตที่ยังคงความคลาสสิกของยุค 60’s ไว้อย่างลงตัวกับรูปทรงปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวขับขี่คล่องตัว มาพร้อมสมรรถนะที่เร้าใจ ตอบรับชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว ไฟหน้าทรงหกเหลี่ยมสไตล์สปอร์ตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Vespa Sprint กับ 2 เฉดสีล่าสุด สีน้ำเงิน Blue Estroverso เฉดสีใหม่ล่าสุดที่ให้ลุคสปอร์ตพรีเมี่ยมสไตล์ยุโรป และ สีเหลือง Yellow Sole สะกดทุกสายตาด้วยเฉดสีที่สดใส พร้อมพลังความสุขในทุกเส้นทางให้กับผู้ขับขี่ สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา 113,900* บาท มาต่อที่สไตล์สปอร์ตกับ Vespa Sprint S 150 i-Get ABS สัมผัสกับความเร้าใจ ลุคสปอร์ต เด่นด้วยการตกแต่งเนกไทสีแดง ที่มาพร้อมเบาะหนังปั๊มลอน และสติกเกอร์ลายกราฟิกบริเวณตัวถัง และสัญลักษณ์ตัว S บริเวณล้อหน้า-หลัง ช่วยทำให้ล้อแม็กซ์สีดำมีความดุดันขึ้นไปอีกระดับ มาด้วยกัน 2 เฉดสี กับ สีเขียว Green Tenace สีแห่งแฟชั่นนำสมัย บ่งบอกความเป็น New Gen เรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่น และ สีส้ม Orange Tramonto บ่งบอกถึงความสนุก สดใส แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์ซ่อนเร้นที่น่าค้นหา สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา136,900* บาท อีกหนึ่งไอคอนนิกแห่งยุค Vespa Primavera 150 i-Get ABSรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าไฟกลม สุดคลาสสิกกลับมาอีกครั้งพร้อมรูปโฉมใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Vespa Primavera ต้นฉบับในปี 1968 ผสานกับความทันสมัยของรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าต้นแบบ Vespa 946 จนกลายมาเป็นสกู๊ตเตอร์ที่คงเอกลักษณ์และลงตัวสำหรับชีวิตคนเมือง มาพร้อมเฉดสีล่าสุด “Green Relax” เติมเต็มความรู้สึกสดใหม่ สะท้อนรสนิยมเท่แต่เรียบง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกวันของทุกการขับขี่ สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา 131,400* บาท และล่าสุด เวสป้าเพิ่มอรรถรสการขับขี่ให้ดึงดูดใจไปอีกขั้นกับ Vespa Primavera S 150 i-Get ABS Touring เติมเต็มทุกอารมณ์การขับขี่สไตล์ทัวร์ริ่ง มาพร้อมเอกลักษณ์กับไฟทรงกลมสุดคลาสสิก เสริมลุคใหม่ให้โดดเด่นด้วยการตกแต่งสีน้ำเงิน บริเวณคิ้วตัวถังด้านหน้า บังแตร บังโคลนหน้า ล้อแม็ก ที่พักเท้า ตัดกับสีตัวรถอย่างลงตัว และสติกเกอร์ข้างตัวถังพร้อมด้วยดีไซน์ธงชาติอิตาลี พร้อมให้คุณออกไปสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ ที่บ่งบอกความเป็นคุณได้ตลอดเส้นทาง กับ 3 เฉดสีล่าสุด สีเบจ Beige Avvolgente, สีน้ำเงิน Blue Estroverso และสีเหลือง Yellow Sole สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา 137,900* บาท ตลอดปี 2022 นี้ เวสป้าเตรียมเซอไพรส์ส่งต่อความสนุกให้เหล่าคนรักสกู๊ตเตอร์ได้คึกคักกันตลอดปี โดยสามารถติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ของเวสป้าได้ที่ LINE @vespathailand หรือhttp://www.vespa.co.th เฟซบุ๊กOfficial Vespa Society Thailand และ อินสตาแกรม @vespathailand
TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD 2565
ฯพณฯ องคมนตรี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย มอบรางวัล TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD ให้กับนางสาวนันทิยา พิทักษ์วงษ์ดีงาม (ซ้าย) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C ประเทศไทยบริษัท สยามมิชลิน จํากัด โดยรางวัลนี้ได้มอบให้กับสุดยอดองค์กรธุรกิจไทยที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศในแต่ละด้าน ภายใต้แนวคิด “The Next Normal Transformation for Business Sustainability การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ความยั่งยืนในยุคปกติครั้งใหม่” เพื่อให้รางวัลนี้เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศและสร้างความภาคภูมิใจในความสำเร็จขององค์กร รางวัล “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2022” หรือ “สุดยอดองค์กรธุรกิจไทยแห่งปี 2565” จัดทำโดยนิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยซึ่งได้จัดทำการสำรวจด้านผลการดำเนินงานขององค์กร การประกอบธุรกิจที่มีความโดดเด่น มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
IMC จับมือ OR
คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ลงนามสัญญาร่วมกับ จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ในการเป็นผู้อุปถัมภ์อย่างเป็นทางการในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” เมื่อเร็วๆ นี้ พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” วันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานีติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง www.motorexpo.co.th, FB : MotorExpo, IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH, Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH
BRIDGESTONE เปลี่ยนยางขอบใหญ่ จัดให้ล้นถัง
บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดหนัก จัดเต็ม ส่งโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ “BRIDGESTONE เปลี่ยนยางขอบใหญ่ จัดให้ล้นถัง” ตอบแทนลูกค้าที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง เมื่อลูกค้าเปลี่ยนยางบริดจสโตนทุกรุ่นที่ร่วมรายการ ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ทุก 4 เส้น และลงทะเบียนรับประกันยาง จะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชค 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นรับรางวัล บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท ทุกๆ 2 เดือน รวมมูลค่า 1,050,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2565 เมื่อลูกค้าซื้อและเปลี่ยนยางพร้อมลงทะเบียนรับประกันยางผ่านช่องทาง https://bridgestoneth.com เพื่อรับสิทธิ์ร่วมชิงโชคลุ้นรับรางวัล โดยมีกำหนดในการจับรางวัลทุกๆ 2 เดือน ทั้งหมด 3 ครั้ง สำหรับการจับรางวัลในแต่ละครั้ง ได้แก่ รางวัลที่ 1 บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 100,000 บาท และรางวัลที่ 2 บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 50 รางวัล รวมมูลค่า 250,000 บาท รวมจำนวนของรางวัลตลอดรายการ 153 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,050,000 บาท เงื่อนไขโปรโมชั่น: 1) ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชคเพื่อลุ้นรับรางวัลบัตรเติมน้ำมัน ปตท รางวัลที่ 1 มูลค่า 100,000 บาท และรางวัลที่ 2 มูลค่า 5,000 บาท เมื่อซื้อและเปลี่ยนยางบริดจสโตนทุกรุ่นที่ร่วมรายการ ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ทุก 4 เส้น พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง และอัปโหลดใบเสร็จได้ถูกต้องครบถ้วน 2) ข้อมูลบนใบเสร็จต้องครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีรายละเอียด วันที่ใบเสร็จ, ชื่อร้านค้า, ชื่อ-นามสกุลลูกค้า, เบอร์โทรศัพท์มือถือ ทะเบียนรถ, รุ่นยาง, ขนาดยาง, จำนวนยาง และราคายาง 3) จำกัดจำนวนสิทธิ์ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จ 4) จำกัดสิทธิ์ 153 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาโปรโมชั่น 5) ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2565 6) กำหนดการจับรางวัล ดังนี้ ครั้งที่ 1: จับรางวัลวันที่ 19 สิงหาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ครั้งที่ 2: จับรางวัลวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ครั้งที่ 3: จับรางวัลวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 7) ประกาศผลผู้โชคดีผ่านทาง FACEBOOK Fanpage: Bridgestone Thailand และทางบริษัทฯ จะแจ้งผู้โชคดีทุกท่านผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเกณฑ์การตัดสิน และเงื่อนไขต่างๆ ของโปรโมชั่น เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bridgestone.co.th หรือสอบถามได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-636-1555
ยอดขาย ORA Good Cat เดือนพฤษภาคมสูงเป็นประวัติการณ์
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เขย่าวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยยอดขายของยนตรกรรมอัจฉริยะทั้ง 3 รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,132 คัน นำโดยเจ้าเหมียวไฟฟ้า 100% ขวัญใจผู้บริโภค ORA Good Cat ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดขายและส่งมอบสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยถึง 508 คัน พร้อมยกกำลังความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้นกับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่ยังคงยืนหนึ่งในตลาดคอมแพคเอสยูวี 5 เดือนติดต่อกัน โดยจนถึงปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกสู่ท้องถนนประเทศไทยไปแล้วกว่า 8,277 คัน สานต่อภารกิจในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย (xEV Leader) ที่มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ซึ่งอัดแน่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมแห่งยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืนในอนาคต ในปีที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางการแข่งขันอันเข้มข้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ การันตีด้วยความโดดเด่นของ ORA Good Cat ที่ได้เข้ามาปลุกกระแสความตื่นตัวของผู้บริโภคอย่างยิ่งใหญ่จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทันทีตั้งแต่มีการส่งมอบ ซึ่งเกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถส่งมอบเจ้าเหมียวไฟฟ้าให้กับแฟนๆ ชาวไทยได้ถึง 508 คันในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคม ORA Good Cat มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 1,286 คัน โดยตั้งแต่เริ่มส่งมอบจวบจนถึงปัจจุบัน มีจำนวน ORA Good Cat วิ่งอยู่บนท้องถนนประเทศไทยกว่า 1,748 คัน และยังมียอดจองที่รอส่งมอบอีกกว่า 3,000 คัน โดยบริษัทฯ จะทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่ที่ประเทศจีนและพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ เพื่อทยอยส่งมอบเจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นนี้ให้แก่ลูกค้าโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการประกาศลดภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการจาก 8 เปอร์เซ็นต์เหลือ 2 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผุ้บริโภคชาวไทยตื่นตัวและมีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น สำหรับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถยืนหยัดรั้งตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีได้อย่างเหนียวแน่นติดต่อกัน 5 เดือนซ้อนในปีนี้ ด้วยยอดขายและส่งมอบในเดือนพฤษภาคมถึง 431 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 43.8 เปอร์เซนต์จากยอดขายรวมทั้งหมดในเซ็กเมนต์ 983 คัน โดยในปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้ส่งมอบ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ให้กับลูกค้าทั่วประเทศไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,504 คัน โดย 1,863 คันเป็นยอดขายและส่งมอบภายในปีนี้ ตอกย้ำความสำเร็จและสะท้อนถึงการตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค ในส่วนของเอสยูวีระดับพรีเมียม All New HAVAL JOLION Hybrid SUV เจ้าสิงโตอารมณ์ดีที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยและสมรรถนะโดดเด่นเหนือระดับรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่หลากหลายรูปแบบ ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายและส่งมอบในเดือนพฤษภาคมถึง 193 คัน รวมส่งมอบไปแล้วนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,025 คัน โดยเป็นยอดขายและยอดส่งมอบภายในปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) จำนวน 1,426 คัน คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นับตั้งแต่ก้าวแรกทีได้เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในประเทศไทยจนถึงปัจจุบันนี้เกิดจากความรัก ความไว้วางใจ และการสนับสนุนของแฟนๆ ชาวไทยที่ช่วยจุดประกายความมุ่งมั่นตลอดจนหล่อเลี้ยงความตั้งใจให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพรวมถึงสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางทั้ง Online และ Offline เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทยได้อย่างแท้จริง โดยเราจะยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินงานที่มีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง(User-Centric) ด้วยการรับฟังเสียงของทุกคนอยู่เสมอเพื่อน้อมนำทุกความคิดเห็นมาต่อยอดและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดจนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้แข็งแกร่งและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสร้างสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำภารกิจในการส่งเสริมการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าไทยอย่างเป็นรูปธรรม เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้ากลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยการขยาย GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และPartner Store อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด พร้อมให้บริการแล้วทั้งสิ้น 46 แห่ง แบ่งออกเป็น Direct Store 9 แห่ง และ Partner Store 37 แห่ง และมี Partner Store ที่อยุ่ในระหว่างการก่อสร้างอีก 25 แห่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น ยังจะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่การเป็นสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในท้ายที่สุดอีกด้วย นอกจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมีผลงานที่น่าประทับใจในเวทีระดับโลกเช่นเดียวกัน โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดขายรถยนต์รวมทุกรุ่น 80,062 คัน เพิ่มขึ้น48.9% จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา จำแนกรถยนต์จากแบรนด์ HAVAL จำนวน 41,748 คัน แบรนด์ ORA 10,768 คันและแบรนด์อื่นๆ รวม 27,546 คัน
โอมาคาเสะ คาร์
กลุ่มตรีเพชร โดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ จากการใส่ใจในการให้บริการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน “โอมาคาเสะ คาร์” ได้รับความ “ไว้วางใจ” สามารถสร้างผลงานโดดเด่นได้จากปีที่แล้วโดยทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 131.7% จากลูกค้าทั่วทุกภูมิภาค โดยมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 5 สาขา เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการ “โอมาคาเสะ คาร์” เราจะยังคงยึดมั่นในการนำเสนอรถยนต์มือสองคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง มีประวัติการซ่อมบำรุงย้อนหลังที่สามารถตรวจสอบประวัติได้ รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยโดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ภาพรวมธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการของ “โอมาคาเสะ คาร์” ในการรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มช่องทางและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าที่ต้องการเห็นรถจริงและทดลองขับจริงเราจึงตัดสินใจขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 สาขา ที่ อ. ปักธงชัย จ. นครราชสีมา ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสามารถรองรับการเดินทางของลูกค้าได้จากหลากหลายเส้นทาง ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ พร้อมบริการส่งรถมือสองเกรดพรีเมี่ยมฟรีถึงหน้าบ้านทั่วภาคอีสาน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.omakasecar.com หรือ Facebook: Omakase Car Northeastern ภาคอีสาน”
ฟอร์ดยกระดับบริการลูกค้า
ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวรถให้บริการเคลื่อนที่ (Mobile Service Vehicle – MSV) โฉมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้านอกสถานที่ได้หลากหลายยิ่งขึ้น เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลด้วยมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการ พร้อมเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าด้วยบริการนัดหมายออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน FordPass™ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมอบบริการแบบพร้อมเสมอ หรือ ‘Always-On’ คุณสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ดให้ความสำคัญอย่างมากกับการส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า เราจึงได้พัฒนายกระดับรถให้บริการเคลื่อนที่ให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและความหลากหลายในการให้บริการตามมาตรฐานฟอร์ด พร้อมทั้งมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการจองบริการและติดตามสถานะการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่นฟอร์ดพาสบนสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นความตั้งใจของฟอร์ดในการดูแลลูกค้าแบบ ‘พร้อมเสมอ’ เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น” ฟอร์ดได้พัฒนารถให้บริการเคลื่อนที่โดยนำรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ มาติดตั้งตู้ที่กระบะท้ายพร้อมติดตั้งชั้นวางอะไหล่ แผงเครื่องมือและอุปกรณ์ และระบบไฮดรอลิก เพื่อให้รองรับงานบริการได้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือมาตรฐานเดียวกับที่ศูนย์บริการ ได้แก่ การเช็คระยะ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองอากาศ สลับยางถ่วงล้อ รวมถึงงานบำรุงดูแลรักษาทั่วไป อาทิ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ การเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน การเปลี่ยนหลอดไฟ การอัพเดตซอฟต์แวร์ โดยการออกแบบได้คำนึงถึงประสิทธิภาพในกระบวนการให้บริการของช่างเทคนิค เพื่อให้ส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เร็วยิ่งขึ้น ฟอร์ดได้เริ่มให้บริการรถบริการเคลื่อนที่โฉมใหมตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยในปีนี้จะมีรถบริการเคลื่อนที่โฉมใหม่รวม 109 คัน กระจายไปยังศูนย์บริการฟอร์ดเพื่อให้บริการลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของรถฟอร์ดด้วยการนัดหมายบริการรถให้บริการเคลื่อนที่ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ฟอร์ดพาส’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะช่วยให้ลูกค้ารถฟอร์ดสามารถทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อรับบริการที่หลากหลายจากฟอร์ดผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์บริการ ซึ่งลูกค้าฟอร์ดสามารถดาวน์โหลด ‘ฟอร์ดพาส’ ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดยฟอร์ดยังมอบความอุ่นใจในการรับบริการด้วยบริการยืนยันตัวตนของช่างพร้อมตรวจสอบสถานะผ่านหน้าจอได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถติดต่อผู้จำหน่ายใกล้บ้านเพื่อนัดหมายใช้บริการรถให้บริการเคลื่อนได้ โดยนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ลูกค้าสามารถค้นหาศูนย์บริการฟอร์ดที่ต้องการได้ที่https://www.ford.co.th/locate-a-dealer/ หรือแอดไลน์ของฟอร์ด ประเทศไทยได้ที่ LINE ID: @FordThailand
MG SUPERCHARGE
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ เอ็มจี ในประเทศไทย เพิ่มความสะดวกสบายของการใช้บริการสถานี MG SUPER CHARGE ด้วยฟังก์ชันใหม่ “PLUG AND CHARGE” ที่ช่วยให้การชาร์จรถง่ายมากขึ้น นำร่องให้บริการแล้วกว่า 35 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ เตรียมอัพเกรดให้ครอบคลุมครบทุกสถานีชาร์จที่ล่าสุดมีจำนวน 153 แห่ง ทั่วประเทศไทย เพื่อรองรับกระแสรถยนต์ อีวี ในอนาคต สำหรับ “PLUG AND CHARGE” เป็นฟังก์ชันที่ให้ความสะดวกสบายกับลูกค้าเอ็มจีเพื่อลดขั้นตอนการใช้บริการสถานี MG SUPER CHARGE เพียง 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1.ปลดหัวชาร์จออกจากตู้ MG SUPER CHARGE 2.เสียบหัวชาร์จเข้ากับตัวรถ ตู้ชาร์จจะตรวจสอบข้อมูลและเริ่มการชาร์จโดยอัตโนมัติ 3.เมื่อชาร์จเสร็จ หรือต้องการหยุดการทำงาน เพียงกดปุ่ม Stop บนหน้าจอ MG SUPER CHARGE และใส่Password* *สามารถตรวจสอบ Password ได้ใน i-SMART APP สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถ MG ZS EV และ MG EP ก็สามารถใช้งาน “PLUG AND CHARGE” ได้เพียงนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการเอ็มจี ทั่วประเทศ เพื่ออัพเดทฟังก์ชัน และเติมเงินใน MG WALLET ให้เพียงพอสำหรับการชาร์จ ปัจจุบันมีสถานี MG SUPER CHARGE ที่รองรับระบบแล้ว 35 แห่งในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ในอนาคตทาง บริษัทฯ มีแผนอัพเกรดสถานีให้ครอบคลุมครบทุกสถานีภายในปีนี้ คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟังก์ชัน “PLUG AND CHARGE” เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันความสะดวกสบายที่เราเพิ่มให้กับลูกค้าเอ็มจี เพราะเป้าหมายของเอ็มจีไม่ใช่เพียงแค่การขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น สิ่งที่เราทำมาโดยตลอดคือการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้มีความแข็งแกร่ง ซึ่งสถานีชาร์จเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญ ล่าสุดได้มีการวางแผนผลักดันการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้มีมากถึง 153 แห่ง ทั่วประเทศ จากการร่วมมือกับ ศูนย์บริการเอ็มจีทั่วประเทศไทย และสถานีบริการน้ำมันบางจาก โดยมีเป้าหมายหลักคือการมีสถานีชาร์จMG SUPERCHARGE ทุกๆ 150 กิโลเมตร นอกเหนือจากการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จแล้วการพัฒนาสถานีชาร์จให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่เคยมองข้าม ฟังก์ชัน “PLUG AND CHARGE” จึงเป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายที่พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าเอ็มจีโดยเฉพาะ” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com Line: @MGThailand Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand Twitter: @mg_thailand Instagram: @mgthailand Youtube: MG Thailand TikTok: @mgthailand
อีซูซุรับรางวัลเกียรติยศ
รางวัล“แบรนด์น่าเชื่อถือสูงสุดแห่งปี” (Thailand’s Most Admired Brand) และรางวัลพิเศษ“Market Leader Brand Award” คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับมอบรางวัล “แบรนด์รถปิกอัพที่น่าเชื่อถือสูงสุดประจำปี 2565” (Thailand’s Most Admired Brand 2022) ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจและวิจัยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รวมถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยนิตยสาร BrandAge ซึ่ง “แบรนด์อีซูซุ” ได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือเป็นอันดับ 1 ในหมวดยานยนต์ กลุ่มประเภทรถปิกอัพ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล“Market Leader Brand Award” ซึ่งเป็นการคัดเลือกแบรนด์ที่มีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ จากการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด รวมถึงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดและเป็นผู้นำทางการตลาดอีกด้วย