บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์ Compact sedan รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้ปรัชญา“People beloved car” หรือ “รถยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน” อันเป็นผลสำเร็จจากการศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงในทุกด้าน ทำให้ได้รถยนต์ที่จะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง พร้อมด้วย Package การขายที่จะทำให้ผู้ที่ครอบครองเป็นเจ้าของ ALL NEW YARIS ATIV ได้รับมากกว่ารถยนต์ ด้วยประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทำให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่า สะดวกสบาย พร้อมความพึงพอใจสูงสุดในการเป็นเจ้าของ แนวคิดหลักในการสร้างสรรค์รถยนต์ ที่จะเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย (Beloved car) 1.ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด YARIS ATIV ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดในการพัฒนา ดังต่อไปนี้ – ความภาคภูมิใจ (Proudful) ด้วยการออกแบบภายนอกสไตล์ Fastback พร้อมการออกแบบภายในที่หรูหรา – ความสะดวกสบาย (Comfortable) ด้วยภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม – ราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย (Affordable) ด้วยองค์ประกอบที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงเหนือระดับ และความคุ้มค่า 2.ประสบการณ์ที่ดีที่สุด ด้วย Package สินเชื่อรถยนต์รูปแบบใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เช่นPackage ประกันภัย PHYD : Pay How Your Drive ที่ลดอัตราดอกเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้าที่ขับขี่อย่างปลอดภัยและ TFSR : Toyota Connected Frequent Service Reward เพื่อตอบแทนลูกค้าที่นำรถเข้าศูนย์เพื่อรับบริการตรงตามเวลาที่กำหนด 3.การขับเคลื่อนที่ดีที่สุด ด้วยบริการ T-Connect ที่จะคอยดูแลผู้ขับขี่ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบต่างๆ เช่น ระบบติดตามรถหาย (Theft Track) การแจ้งเตือนการบำรุงรักษาผ่านระบบดิจิทัล (Digital Maintenance Reminder) การจองผ่านระบบดิจิทัล (Digital booking) ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS และบริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge service) สเป็คพิเศษ สำหรับประเทศไทย จากการศึกษาความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างลึกซึ้ง จึงนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทยเป็นพิเศษ ผ่านองค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ 1.ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient light) 64 เฉดสี แนวเส้นไฟส่องสว่างได้รับการออกแบบติดตั้งอยู่บริเวณแผงหน้าปัด เพื่อเพิ่มความรู้สึกหรูหรา ล้ำสมัย ให้กับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร 2.เบาะหนังสีแดง เพื่อมอบความรู้สึกพึงพอใจเหนือระดับให้กับลูกค้าที่มองหาความหรูหราภายในห้องโดยสาร 3.ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีเทเมทัลลิก ช่วยเน้นความโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ทรงสปอร์ต และช่วยเสริมบุคลิกอันโฉบเฉี่ยวให้กับรถคันนี้ 4.ลำโพงระดับ Premium เนื่องจากความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในตลาดรถยนต์ปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดนี้ จึงติดตั้งระบบเสียงที่มีคุณภาพสูง มอบเสียงเพลงอันไพเราะ ทรงพลัง เพื่อให้ลูกค้าเพลิดเพลินยิ่งขึ้นในระหว่างการขับขี่ จุดเด่นผลิตภัณฑ์ -ตัวถังสไตล์ ”Fastback style” ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมในรถยุโรปหลายรุ่น หรูหรามากขึ้น และยังส่งผล ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียงแค่ 0.284 นอกจากนี้ YARIS ATIV ใหม่ ทุกรุ่นจะมาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED ล้ออัลลอยด์ Two tone ขนาด 16 นิ้ว และยังมีไฟท้ายแบบ Full LED Light-guiding ไฟเลี้ยวSequential ใหม่ การออกแบบรถสามารถต่อยอดการตกแต่งได้หลากหลาย ครอบคลุมความชอบของลูกค้าหลายๆกลุ่ม –ดีไซน์ภายใน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ และยกระดับคุณภาพของรถยนต์นั่งขนาด เล็ก ด้วยการเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในที่มีคุณภาพ ดีไซน์เรียบหรู และเพิ่มความล้ำสมัยเหนือระดับด้วยการเป็นBrand แรกที่มีเบรคมือไฟฟ้า EPB รวมทั้งไฟ “Ambient light” สร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร สามารถปรับได้ถึง64 เฉดสี รวมถึงและหน้าปัด Full digital รวมทั้งมีภายในสีแดงให้เลือกที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร –อุปกรณ์ความปลอดภัย จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานทุกรุ่น เช่น Airbag 6 ตำแหน่ง ระบบ ABS / EBD / BA / VSC…
Category: What New
What New
Mercedes-Maybach ในประเทศไทย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้าทำตลาดรถยนต์ Mercedes-Maybach ในประเทศไทย หลังได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่สะท้อนให้เห็นทิศทางการเติบโตของยานยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีในประเทศไทย พร้อมประกาศเปิดไลน์การประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลกร่วมกับประเทศจีนที่ได้เริ่มทำตลาดยานยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีรุ่นนี้ ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์วางแผนส่งมอบให้กับลูกค้าภายในไตรมาสแรกของปี 2566 นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเผยแนวทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับงานจัดแสดงรถยนต์และงานมหกรรมยานยนต์ที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปี ทั้งการเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” ผู้ให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ที่รู้จริงแบบไม่จำกัดเพศ การสร้างสรรค์บูธแบบอินเทอร์แอคทีฟภายใต้คอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” นำเสนอประสบการณ์ยานยนต์แบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่โดดเด่นเหนือระดับ และไฮไลต์ของรถยนต์หลากหลายรุ่น อาทิEQS 500 4MATIC AMG Premium ยานยนต์พลังไฟฟ้า 100% รุ่นประกอบในประเทศคันแรกที่ผสานทั้งเทคโนโลยีดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน Mercedes-AMG SL 43 รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความยินดีที่จะประกาศการเดินหน้าการทำตลาดโดยมีแผนการประกอบรถยนต์Mercedes-Maybach ในประเทศ เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยได้สัมผัสกับที่สุดของความเป็นยนตรกรรมระดับอัลตร้าลักชัวรีที่มอบความหรูหราจากเมอร์เซเดส-มายบัคได้อย่างเต็มที่ ซึ่งความพิเศษก็คือ ไทยจะเป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลก ร่วมกับประเทศจีน ที่จะเริ่มทำตลาดรถยนต์ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริดภายในประเทศ ก่อนหน้านี้เมอร์เซเดส-มายบัคได้เปิดตัวเอสยูวีระดับอัลตร้าลักชัวรีรุ่น “Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium” ที่ถือเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการแนะนำ “Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium” รุ่นประกอบนอก โดยที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม วันนี้ เรายังจะเพิ่มMercedes-Maybach S 680 4MATIC Premium เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ของยนตรกรรมสุดหรูหราในตระกูลนี้ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสและความสะดวกสบายเหนือระดับให้กับลูกค้าอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดและจับจองได้ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแบบเอ็กซ์คลูซีฟทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป, ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์, สตาร์แฟลก และทีทีซี มอเตอร์ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า นอกจาก Mercedes-Maybach จะเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมที่ทั้งหรูหรา สะดวกสบาย และพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีในประเทศไทยนั้นเติบโตไปในทิศทางที่ดี และด้วยความพรั่งพร้อมในทุก ๆ ส่วน ทั้งในด้านการผลิต การจัดเตรียมอะไหล่ ตลอดจนการบริการหลังการขายจากทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้นภายใต้มาตรฐานระดับสากล นี่จึงเป็นที่มาให้เรามีแผนในการประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach ในประเทศไทย” มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำหนดเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นที่มาของการริเริ่มทำสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของเราภายในการจัดงานแสดงรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอข้อมูลรถยนต์ด้วยความเชี่ยวชาญในรูปแบบดิจิทัล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศใด การนำเสนอบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์“Vision of the Beyond ” ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถเข้ามาโต้ตอบกับ AI Artist โดยจะแสดงข้อความต้อนรับเข้าสู่บูธแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ใหม่ของการเลือกชมรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างสอดคล้องกับตัวตน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์ม Midjourney นอกจากนี้เรายังมีไฮไลต์ของรถยนต์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมายมาให้ลูกค้าได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ประกอบในประเทศอย่าง “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รวมถึง “Mercedes-AMG SL 43” ยานยนต์สปอร์ตพลังแรงตามแบบฉบับรถยนต์เอเอ็มจีที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม” สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์รุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ลูกค้าจะได้พบภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ได้แก่“EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมเปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง EQS 500 4MATIC AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 7,900,000 บาท “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย กับความเป็นที่สุดในทุกด้าน ทั้งความสะดวกสบายในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ตถึงขีดสุดจากภายนอกถึงภายใน และขุมพลังความแรงที่ไม่อาจต้านทานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์เอเอ็มจีด้วยกำลังสูงสุด 381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกคือการบรรจบกันระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายในให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตูพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่ในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการมาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่นSL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร Mercedes-AMG…
เมอร์เซเดส เผย “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รุ่นประกอบในประเทศ และ “Mercedes-AMG SL 43”
เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเผยแนวทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับงานจัดแสดงรถยนต์ ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ทั้งการเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” ผู้ให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ที่รู้จริงแบบไม่จำกัดเพศ การสร้างสรรค์บูธแบบอินเทอร์แอคทีฟภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Vision of the Beyond” นำเสนอประสบการณ์ยานยนต์แบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่โดดเด่นเหนือระดับ และ ไฮไลต์ของรถยนต์หลากหลายรุ่น อาทิ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์พลังไฟฟ้า 100% รุ่นประกอบในประเทศคันแรกที่ผสานทั้งเทคโนโลยี ดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งานและการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม รวมถึงอีกหลายรุ่นที่พร้อมให้แฟน ๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ตื่นเต้นตลอดงานมหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคมนี้ มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำหนดเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นที่มาของการริเริ่มทำสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของเราภายในการจัดงานแสดงรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่39 ครั้งนี้ด้วย เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอข้อมูลรถยนต์ด้วยความเชี่ยวชาญในรูปแบบดิจิทัล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศใด การนำเสนอบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond ” ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถเข้ามาโต้ตอบกับ AI Artist โดยจะแสดงข้อความต้อนรับเข้าสู่บูธแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ใหม่ของการเลือกชมรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างสอดคล้องกับตัวตน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์ม Midjourney นอกจากนี้ เรายังมีไฮไลต์ของรถยนต์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมายมาให้ลูกค้าได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ประกอบในประเทศอย่าง “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รวมถึง “Mercedes-AMG SL 43” ยานยนต์สปอร์ตพลังแรงตามแบบฉบับรถยนต์เอเอ็มจีที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม” ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าและผู้มาเยี่ยมชมงานด้วยคอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำจากยนตรกรรมแห่งโลกอนาคต ผ่านรถยนต์ไฮไลต์โมเดลใหม่ 3 รุ่น ที่เสมือนเป็นตัวแทนของ Vision ในอนาคตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่ว่าจะเป็น Vision of Innovation กับการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการบุกเบิกและคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งโลกอนาคต Vision of Performance กับยานยนต์ที่ยกระดับสมรรถนะความแรงไปอีกขึ้นกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการสร้างสรรค์ออกมาราวกับงานฝีมือสุดประณีต และ Vision of Sustainability ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการพัฒนาระบบปลั๊กอินไฮบริดให้มีประสิทธิภาพลดการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง เป็นมิตรต่อโลกมากยิ่งขึ้น ส่วนประสบการณ์ของการได้เข้ามาสัมผัสบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่งานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ก็พิเศษไม่แพ้รถยนต์ไฮไลต์ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์ภาพโลกอนาคตจาก Vision ผู้เข้าร่วมงาน เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าตอบคำถามสั้น ๆ ว่า “ภาพโลกอนาคตของคุณเป็นอย่างไร?” ระบบ AI จะนำคำตอบไปสร้างเป็นภาพโลกอนาคตในแบบคุณ พร้อมโชว์ผ่านจอขนาดยักษ์ในงาน ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟได้แบบเต็ม ๆ สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์รุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ลูกค้าจะได้พบภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ได้แก่ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมเปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง EQS 500 4MATIC AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 7,900,000 บาท “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย กับความเป็นที่สุดในทุกด้าน ทั้งความสะดวกสบายในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ตถึงขีดสุดจากภายนอกถึงภายใน และขุมพลังความแรงที่ไม่อาจต้านทานของเครื่องยนต์จาก AMG แบบ One Man, One Engine ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์เอเอ็มจี ด้วยกำลังสูงสุด 381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกคือการบรรจบกันระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายในให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตูพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่ในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการมาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่น SL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร Mercedes-AMG SL 43 วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 11,700,000 บาท “Mercedes-Benz…
NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!!
ด้วยคอนเซ็พท์ RIDE THE R ANYTIME…รถสปอร์ตแท้ สายพันธุ์ R-Series ดีเอ็นเอสายพันธุ์แชมป์! จาก ยามาฮ่า ออกสีสันตัวใหม่ ให้ได้เป็นเจ้าของกัน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่ง NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่! ออกสู่ตลาดรถสปอร์ตเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำรถสปอร์ตของเมืองไทยอีกครั้ง โดยยังคงความเป็นสปอร์ตแท้สายพันธุ์R-Series ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 321 cc เต็มอารมณ์สปอร์ตอีกขั้นกับดีเอ็นเอสายพันธุ์แชมป์ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สะท้อนความเป็นซูเปอร์สปอร์ตในทุกองศา ทุกเส้นทาง ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ กับสีสันใหม่ 3 สี 3 สไตล์สุดเร้าใจ! ตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ให้การตอบสนองการขับขี่ในทุกจังหวะทุกการบิดคันเร่งสุดเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 321 ซีซี แบบ 2 สูบเรียง 8 วาล์ว ระบบหัวฉีดอัจฉริยะจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยความแม่นยำระบายความร้อนด้วยน้ำ และเต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล แข็งแกร่ง ทนทาน เอกสิทธิ์เฉพาะยามาฮ่า ลูกสูบอะลูมิเนียมแบบอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา พร้อมออกแบบให้มีระยะ Offset ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมแรงม้าให้อยู่ในกำมือ และสนุก เร้าใจ ไปในทุกเส้นทางได้อย่างเต็มสมรรถนะ นอกจากนี้ NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ยังให้ความรู้สึกเต็มอารมณ์รถสปอร์ตด้วย AIR MANAGEMENT ยกระดับด้วยการออกแบบแฟริ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดที่เพิ่มขึ้น อกีทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำตามสไตล์รถสายพันธุ์ R-Series ตั้งแต่ไฟหน้าและไฟเลี้ยว FULL LED ดีไซน์ใหม่ อารมณ์ซูเปอร์สปอร์ต R-Series สายพันธุ์เรซซิ่งสปอร์ตแท้ สว่างชัดทุกเส้นทาง, โช้คหัวกลับ TELESCOPIC UP SIDE DOWN สปอร์ตเต็มขั้น ด้วยโช้คหัวกลับที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS (ANTI-LOCK BRAKE SYSTEM) ทำให้สามารถขับขี่ได้สนุกเต็มอารมณ์สปอร์ต ช่วยหยุดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ป้องกันการลื่นไถลในสถานการณ์คับขัน NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ยังมีระบบควบคุม PROUD SUPER SPORTS LOOK ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มอารมณ์รถซูเปอร์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็น Full LCD Meter หน้าปัดแสดงข้อมูลการขับขี่ครบถ้วนและชัดเจนพร้อมไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ (Shift Light), ระบบสวิตซ์สตาร์ทเครื่องยนต์ ดีไซน์เท่ล้ำ บ่งบอกความเป็นบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง พร้อมด้วย Handle Crown ดีไซน์ลุคซูเปอร์สปอร์ตสไตล์ลิ่ง ให้ความแข็งแรง และลดน้ำหนักได้มากขึ้น สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่!!! มีให้เลือกด้วยกันถึง 2 เฉดสี คือสีน้ำเงิน Deep Purplish Blue Metallic, สีดำ Black Metallic มาพร้อมกับ Accessories อุปกรณ์ตกแต่งแท้ยามาฮ่าที่มีให้เลือกเสริมแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้ง บังลมหน้า, ฝาครอบท้ายเบาะ, ชุดเกียร์โยง, ชุดมือเบรก/มือคลัตช์, ชุดแฮนด์ Active, ชุดไฟเลี้ยว LED และ แผ่นเรซินกันฝาถังน้ำมันลายคาร์บอน NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่!!! พร้อมวางจำหน่ายในราคา 207,000 บาท…และตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th Facebook: Yamaha Society…
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริมทัพรถยนต์ 2 รุ่นใหม่
การเพิ่มความแข็งแกร่งใน 2 เซกเมนต์ลักชัวรี กับการเปิดตัว C-Class ใหม่เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริด พร้อมด้วย Vito รถตู้พรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกสองเซกเมนต์ในตลาดรถยนต์ลักชัวรีพร้อมกันด้วยการเปิดตัว “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” เวอร์ชันใหม่แบบปลั๊กอินไฮบริดของ The new C-Class โฉมปัจจุบันที่ถูกใจแฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง และ “Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select” รถตู้อเนกประสงค์สำหรับผู้บริหารยังเจนที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานทั้งในวันทำงานและวันหยุด โดยทั้งสองรุ่นมีวางจำหน่ายที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้แนะนำ The new Mercedes-Benz C-Class รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกมาเป็นคันแรกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมเช่นเคย วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะนำเสนออีกหนึ่งเวอร์ชันใหม่ของรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดรุ่นหนึ่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศไทยคันนี้ กับ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปลั๊กอินไฮบริดใหม่ที่ผสานขุมพลังเบนซินกับพลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เจเนอเรชันที่ 4 ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจในทุกสภาพถนน ทั้งยังประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะผู้ขับขี่สามารถเลือกขับด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร เท่านั้นยังไม่พอ วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยัง ขอแนะนำMercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select ใหม่ ที่สุดแห่งความหรูหราในแบบฉบับอเนกประสงค์ของรถตู้ระดับพรีเมียมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 11 ที่นั่ง ตอบโจทย์ทั้งสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ต้องการความกว้างขวางสะดวกสบายในวันทำงาน และการเป็นรถยนต์สำหรับการใช้งานได้อีกหลายรูปแบบในวันหยุดหรือในทุกวันที่ต้องการ การเปิดตัวรถยนต์ทั้งสองรุ่นในวันนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์มั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ารุ่นใหม่ที่สัมผัสได้ถึงจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทั้งสองเซกเมนต์ในตลาดรถยนต์ลักชัวรีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” คือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในรุ่น C-Class ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เป็น เจเนอเรชันที่ 4 ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันนี้สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าหากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วน การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ ประกอบกับการชาร์จพลังไฟฟ้าด้วยเวลาไม่นาน หากเป็นการขับขี่ภายในเมือง ผู้ใช้สามารถใช้รถยนต์คันนี้ได้อย่างสะดวกสบายด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว รถยนต์คันนี้มาพร้อมรายละเอียดของการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ใหม่ในคอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่ให้สัมผัสที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ จึงช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่พร้อม จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 3,350,000 บาท “Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select” ใหม่คือรถยนต์นั่งขนาด 11 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่พร้อมตอบทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของทุกคนในทุกเส้นทาง ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,950 ซีซี เจเนอเรชันล่าสุดที่ให้กำลังมากขึ้นทว่าให้อัตราสิ้นเปลืองที่ลดลง ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ9G-Tronic มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ 9.6 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 205 กิโลเมตร/ชั่วโมงMercedes-Benz Vito ใหม่นำเสนอดีไซน์ภายนอกที่มีความโดดเด่นในทุกเส้นทาง ด้วยกระจังหน้าโครเมียมกับไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light และล้ออัลลอย Multispoke ขนาด 17 นิ้ว พร้อมประตูบานเลื่อนซ้าย-ขวาที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมทคอนโทรล ดีไซน์ภายในมีเอกลักษณ์กับห้องโดยสารกว้างขวางที่พร้อมเชื่อมต่อให้ทุกการทำงานของคุณลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติภายในห้องโดยสาร (Thermotronic) ขับเคลื่อนความสุขและความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทุกคนได้ตลอดการเดินทาง Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select วางจำหน่ายในราคา 3,100,000 บาท
ISUZU “THE ROCK”
อีซูซุเดินเกมรุก ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง “อีซูซุ คิงออฟทรัคส์” ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ TOUGH AS THE ROCK เสริมไลน์อัพให้แข็งแกร่งและสมบูรณ์ เหนือชั้นกว่าด้วยสมรรถนะและความสะดวกสบายในการขับขี่ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการบรรทุกหนักและธุรกิจขนส่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกใหม่! กระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่เต็มพิกัด ในแบบฉบับสุดยอดรถบรรทุกยุคใหม่ พร้อมสุดยอดเครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอลเรลทรงพลังที่ให้แรงบิดสูงถึง 1,324 นิวตัน-เมตร แบบ Flat Torque ให้กำลังต่อเนื่องที่รอบต่ำ ครบครันด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกที่มากกว่า ห้องโดยสารกว้างขวาง ขับสบายแม้เดินทางในระยะทางไกล ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกความสำเร็จให้เจ้าของธุรกิจได้อย่างแท้จริง กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “จากสภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2565 ในครึ่งปีแรกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรุ่นสิบล้อหัวลาก และสิบล้อลากพ่วง มีอัตราเติบโตสูงขึ้นถึง 8.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอีซูซุในฐานะเจ้าตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ของเมืองไทย จึงเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่! ล่าสุด ISUZU “THE ROCK” ลุยทุกความสำเร็จ TOUGH AS THE ROCK ส่ง 2 โมเดลใหม่ ได้แก่ ISUZU THE ROCK รุ่น GXZ ราคาเริ่มต้น 3,250,000 บาท และ ISUZU THE ROCK รุ่น FXZ ราคาเริ่มต้น 3,180,000 บาท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างผลกำไรสูงสุดแก่ธุรกิจ ชูจุดขายเหนือกว่าทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมลุยทุกเส้นทาง โดยการปรับโฉมใหม่ด้วยกระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่เต็มพิกัด ด้วยระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อีซูซุ รุ่น MEB9 และเฟืองท้ายขนาดใหญ่ ออกแบบให้รองรับแรงบิดได้สูง มุมปีนไต่ดีเข้าเกียร์ง่าย พร้อมระบบป้องกันการเข้าเกียร์ผิด และระบบรองรับหัวเก๋งแบบลอยตัว (Full Floating) ลดการสั่นสะเทือนให้ความนุ่มนวลเหนือกว่า และระบบยกหัวเก๋งแบบไฟฟ้า พร้อมระบบแจ้งเตือนการ ล็อกหัวเก๋งไม่สนิทเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นช่วงล่างหลังแบบแหนบและแขนรับแรงบิดรูปตัว V (V-Type…
NEW MAZDA CX-8 1.549 ล้านบาท
หลังจากที่ได้ขับ NEW MAZDA CX-8 รถยนต์ที่มีหลากหลายฟังก์ชั่นสำหรับครอบครัว ก็สรุปได้ว่า ไม่จำเป็นต้องเอาตัว TOP ที่มีราคาสองล้านกว่าบาท แต่สามารถมีรถยนต์รวมญาติ แบบ 7ที่นั่งได้ ที่จะพร้อมหน้าทั้ง พ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย รถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ดีไซน์ใหม่สุดหรูคันนี้ ต้องบอกเลยว่ามีเวอร์ชั่นที่ชนกับคู่แข่งในตลาด และเวอร์ชั่นที่โดดเด่นจนไม่มีคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน NEW MAZDA CX-8 รถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์สุดหรูคันนี้ ผมได้ลองขับตัวเบนซิน 7ที่นั่ง ในราคาเริ่มต้นที่ 1,549,000 บาท แต่ถึงจะเป็นตัวเริ่มต้น แต่ก็ปรับโฉมใหม่ให้หรูหรามากยิ่งขึ้น ใส่อุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจนล้นคัน ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอเอสยูวี MAZDA CX-8 เป็นหนึ่งในรถรุ่นเรือธงของมาสด้า เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถที่ให้ความสะดวกสบาย โดยได้วางตำแหน่งให้เป็นรถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ที่ดีที่สุดในตลาด ที่สำคัญคือพัฒนาขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์นั่ง MAZDA CX-8 ใหม่ เป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับเรือธงของมาสด้าสำหรับตลาดประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ภายใต้ปรัชญาการพัฒนาที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางของมาสด้า ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อมอบความก้าวหน้าล่าสุดของการออกแบบและเทคโนโลยี มาสด้า CX-8 แสดงถึงแนวทางที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความพึงพอใจ และการใช้งานจริงให้กับรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลายของผู้ใช้ ผมได้ลองขับตัวเริ่มต้นตัวนี้ ลงไปเส้นทางภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะหนทางช่วงสุดท้ายจาก หาดใหญ่ ไปเบตง ซึ่งมีทางคดโค้งเยอะๆ นั้น MAZDA CX-8 ทำได้ดีทีเดียว ส่วนเจ้าตัว 3 แถว 7 ที่นั่ง หรือ 6 ที่นั่ง ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เดียวค่อยมาว่ากันโอกาสต่อไป เพราะบอกตามตรงนะว่า NEW MAZDA CX-8 เอาราคาเริ่มต้นก็พอ เพราะห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 6 ที่นั่ง นั้น คนตัวใหญ่ใช้ 6 ที่นั่งจะดีกว่า ไหล่ไม่เบียดกัน ส่วนเป็นพวกขนาดมาตรฐาน ก็ 7ที่นั่ง จะเบนซิน หรือดีเซลก็ใช้ได้ทั้งนั้น NEW MAZDA CX-8 ถูกยกระดับความสะดวกสบายเพื่อเติมความสุขให้กับผู้โดยสารทุกคนตลอดการเดินทางด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อ สามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือ รับ-ส่ง ข้อความ จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณBluetooth และเพลิดเพลินไปกับไลฟ์สไตล์ดิจิตอลด้วย Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ที่จัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และ USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สามได้เพิ่มเข้ามาในรถรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน จึงทำให้รถรุ่นนี้ ไม่เพียงแค่เป็นรถที่มอบความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นรถที่ทันสมัยไปอีกขั้น สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว NEW…
LEXUS UX 250h “The Urban Disruptor”
เลกซัส ประเทศไทย แนะนำ LEXUS UX 250h รุ่นปรับปรุงใหม่ ยนตรกรรม Luxury compact crossover สุดหรู โดดเด่นด้วยการออกเเบบภายนอกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เส้นสายที่เฉียบคม ให้ความรู้สึกปราดเปรียว เร้าใจ พร้อมสีภายนอกใหม่ Sonic Iridium และFeature ทันสมัยใหม่ล่าสุดด้วยหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ที่รองรับระบบApple Car Play แบบไร้สาย และช่อง USB-C 2 จุดบริเวณด้านหน้า เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง ตอบรับ Lifestyle คนเมืองยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น LEXUS UX Luxury compact crossover ที่ได้รับการออกเเบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคม ให้ความรู้สึกปราดเปรียว เร้าใจ พร้อม Function การใช้งานที่ล้ำสมัย มอบความสะดวกสบาย และเพลิดเพลินในการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ ตอบรับกับ Lifestyle คนเมืองยุคใหม่ได้อย่างดี ภายในเน้นการออกแบบที่สะท้อน “ความปราณีต และความพิถีพิถัน” หรือ “Takumi Craftsmanship” ผสานความงดงามแห่งศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น กับเทคโนโลยีการผลิตอันก้าวล้ำ ละเมียดละไมในทุกรายละเอียด เห็นได้จากวัสดุบริเวณแผงคอนโซลหน้าที่เรียกว่า “Washi” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากงานกระดาษซึ่งเคยใช้ในบ้านญี่ปุ่นสมัยโบราณ และ ลายเบาะใหม่ที่ถูกถักทอแบบ “Sashiko” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความแข็งแกร่งของเสื้อยูโด การออกแบบภายในยังให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นจุดศูนย์กลาง สอดคล้องตามหลักสรีศาสตร์ ทำให้ทุกการควบคุมเป็นไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ สีภายนอกใหม่ Sonic Iridium และ Feature ทันสมัยใหม่ล่าสุดด้วยหน้าจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ที่รองรับระบบ Apple Car Play แบบไร้สาย และช่องเสียบ USB-C 2 จุดบริเวณด้านหน้า เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทางตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ได้อย่างดียิ่งขึ้น LEXUS UX 250h โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร ด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริด 2.0 ลิตรมอบสมรรถนะที่ทรงพลังพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประสานสมรรถนะกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-C (Global Architecture-Compact Platform) ที่มีการใช้Aluminum เข้ามาเป็นองค์ประกอบของตัวรถ ส่งผลให้ได้ตัวถังที่มีน้ำหนักเบา และแข็งแกร่ง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ มีการทรงตัวดีเยี่ยม นอกจากนี้ LEXUS UX ได้นำเทคโนโลยีการเชื่อมต่อตัวถังด้วยระบบเลเซอร์อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ LEXUS โดยในรุ่นปรับปรุงใหม่นี้ได้มีการเพิ่มจุดเชื่อมให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้มีเสถียรภาพ และความนุ่มนวลในการขับขี่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม มอบความสะดวกสบาย และเพลิดเพลินในการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ พร้อมความมั่นใจสูงสุดด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ LEXUS Safety System Plus ที่เพียบพร้อมด้วยระบบปกป้อง และป้องกันอย่างครบถ้วน LEXUS UX ยังมาพร้อมกับรุ่น F SPORT ที่ได้รับการถ่ายทอด DNA จาก Sport Supercar อย่าง LEXUS LFAโดดเด่นด้วยชุดแต่งรอบคัน และเบาะนั่งดีไซน์เฉพาะของ F SPORT ให้ความรู้สึกโอบกระชับ รองรับทุกสรีระนอกจากนี้ยังเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ด้วยระบบ Active Sound Control และระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน(Adaptive Variable Suspension) ที่ช่วยควบคุมการดูดซับแรงของ Shock absorber ที่ล้อทั้งสี่ ให้ตอบสนองต่อการควบคุมของผู้ขับขี่ และสภาพพื้นผิวถนนได้อย่างเหมาะสม เสริมประสิทธิภาพการควบคุมและให้ความสะดวก สบายอย่างเหนือระดับ เลือกเป็นเจ้าของยนตรกรรม Luxury Compact Crossover LEXUS UX ใหม่ นำเข้าทั้งคัน…ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่าย LEXUS อย่างเป็นทางการ สีภายนอก 12 สี White Nova Glass Flake (เฉพาะรุ่น F SPORT) Sonic Quartz (เฉพาะรุ่น Luxury และรุ่น Grand Luxury) Sonic Titanium Sonic Chrome Sonic…
ISUZU NLR 130
อีซูซุตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง อีซูซุ คิงออฟทรัคส์ เปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง 4 ล้อ และ6 ล้อ ตระกูลเอลฟ์รุ่นใหม่! ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ The Only One ELF” พร้อมเสริมไลน์อัพใหม่! ISUZU NLR 130 แรงม้า แบบเกียร์กึ่งอัตโนมัติ ISUZU Smoother ขับง่าย ขับสบาย ไม่ต้องเหยียบคลัตช์สยบทุกความยุ่งยากขณะขนส่งของในเมือง ราคาเริ่มต้นเพียง 1,090,000 บาท กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “จากความผันผวนของปัจจัยทางเศรษฐกิจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อีซูซุในฐานะเจ้าตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตระหนักถึงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านการขนส่งแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน ภาพลักษณ์ และความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ จึงได้เปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง รุ่นไมเนอร์เชนจ์ “ใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF)” ด้วยการปรับรูปลักษณ์ภายนอกจรดภายใน ทั้งยังเสริมอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้นตามแบบฉบับสุดยอดรถบรรทุกยุคใหม่ นอกจากนี้ อีซูซุยังได้เสริมไลน์อัพใหม่! “ISUZU NLR 130 แรงม้า เกียร์กึ่งอัตโนมัติ ISUZU Smoother”ขับง่าย ขับสบาย ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ ตอบโจทย์การใช้งานด้านขนส่งท่ามกลางสภาวะการจราจรที่ติดขัดในเมืองได้อย่างลงตัว พร้อมคุณสมบัติประหยัดน้ำมันสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลในทุกเจเนอเรชั่นตามวิถีของผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง” รถบรรทุกขนาดกลางรุ่นใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF) เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ทุกความสำเร็จของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วย · ใหม่! ชุดไฟหน้าและไฟตัดหมอก ISUZU LED TECH พร้อมไฟหรี่รูปตัว L เท่ สะดุดตา พร้อมเพิ่มความสว่างในทุกเส้นทาง (ยกเว้นรุ่น NLR Lite) · ใหม่! กระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่ เต็มพิกัด · ใหม่! ไฟในห้องโดยสารขนาดใหญ่แบบ LED เพิ่มความสว่าง ตอบโจทย์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น · ใหม่! USB Charger สะดวกสบายยิ่งกว่า · เครื่องยนต์อีซูซุซูเปอร์คอมมอนเรล แรงบิดแบบ Flat Torque แรงเต็มสมรรถนะและประหยัดน้ำมันตอบสนองทุกการใช้งาน ได้แก่ – เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4JH1E3N ขนาด 2,999 cc ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ในรุ่น NLR Lite – เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4JJ1E3N ขนาด 2,999 cc ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ในรุ่น NLR130, NLR Smoother, NMR130 และ NMR MIXER – เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4HK1-TCN ขนาด 5,193 cc ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 404 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,600 รอบ/นาที ในรุ่น NPR150 และ NPR Smoother – เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4HK1-TCC ขนาด 5,193 cc ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,000 รอบ/นาที ในรุ่น NQR175 · ระบบเกียร์พิเศษ ออกแบบให้อัตราทดเกียร์เหมาะสมกับงานบรรทุกหนัก แข็งแกร่ง ทนทาน ให้กำลังฉุดลากสูงส่งถ่ายกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เสื้อเกียร์อะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ช่วยระบายความร้อนได้ดี (รายละเอียดตามแต่ละรุ่นรถ) · เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยเหล็กกันโคลงหน้า (Stabilizer) พร้อมโช้คอัพกันสะบัด ลดการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย ช่วยยึดเกาะถนน ในรุ่น NLR130, NLR Smoother และ NMR MIXER · พร้อมความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยกระจกไฟฟ้าและเซ็นทรัลล็อก · ล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ขนาด 6.00J ขอบ 15 พร้อมยางเรเดียลแบบไม่มียางใน ในรุ่น NLR Lite, NLR130, และ NLR Smoother ใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF) พร้อมจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com, Facebook…
โตโยต้า รุ่น 60 ปี มีแค่ 6 พันคันเท่านั้น
โตโยต้า ออกรุ่น Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และCamryพร้อมสิทธิประโยชน์ และแพ็กเกจการขายมากมาย เพื่อขอบคุณลูกค้า จำนวนจำกัด6,000 คันเท่านั้น พร้อมร่วมลุ้นเป็นเจ้าของ รถสปอร์ตรุ่นล่าสุด GR 86 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขอบคุณลูกค้าที่สนับสนุนให้เติบโต เคียงข้างสังคมไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ด้วยรถยนต์รุ่นพิเศษ ได้แก่ Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และ Camry ผลิตจำนวนจำกัด สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำในทุกรุ่น เพิ่มความพิเศษด้วยการ Wrap ภายนอกด้วยฟิล์มลามิเนตคุณภาพระดับพรีเมียมสีเทา “Laminated Grey” ด้านข้างตกแต่งด้วยสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี ปรับโฉมภายนอก และภายใน ให้มีเอกลักษณ์และทันสมัยยิ่งขึ้น ลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นนี้จะได้รับชุดกล่องกุญแจพิเศษ ร่วมกิจกรรมท้าทาย และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเปิดเผยว่า“โตโยต้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ร่วมเดินทาง และให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และในโอกาสครบรอบ 60 ปี เราขอแนะนำรถยนต์รุ่นพิเศษที่เหมาะสำหรับคนรักรถ และชื่นชอบในการครอบครองรถรุ่น Limited ได้แก่ Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และ Camry ที่โดดเด่นยิ่งกว่าด้วย สีขาวมุกหลังคาดำ และขอแนะนำกิจกรรม “Hunt Your Uniqueness” เอาใจนักสะสมที่ชื่นชอบการตกแต่งด้วยการนำเสนอรถ Wrap สี Laminated Grey ด้วยฟิล์มลามิเนตคุณภาพระดับพรีเมียม มูลค่า 57,000 บาท เพียงโชว์รูมละ 1 คันเท่านั้น ที่สำคัญรถทุกคันจะได้รับการติดตั้งระบบ T- Connect เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทันสมัย พร้อมรับกล่องกุญแจภายในบรรจุCertificate, Apple Air Tag และพวงกุญแจสำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี ผลิตจำนวนจำกัดในวาระพิเศษนี้เท่านั้นพิเศษยิ่งกว่าสำหรับผู้ที่ตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้ รับสิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าของรถสปอร์ตรุ่นล่าสุด TOYOTA GR86 มูลค่า2,949,000 บาท จำนวน 1 คัน” Toyota YARIS ดีไซน์ภายนอก – สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำ – ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว สีเทา สำหรับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี – ใหม่ สปอยเลอร์ด้านหน้า – ใหม่ สัญลักษณ์รุ่น 60 ปี บริเวณด้านข้าง ดีไซน์ภายใน – ใหม่ วัสดุหุ้มเบาะ ดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้ายสีแดง-เทา พร้อมสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี – ใหม่ พวงมาลัย ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา – ใหม่ กล่องเก็บของที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา – ใหม่ ที่วางแขนด้านข้าง ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ระบบเครื่องเสียง และการเชื่อมต่อ – ใหม่ ระบบ T- Connect ราคา 709,000 บาท Toyota Corolla ALTIS ดีไซน์ภายนอก – ใหม่ สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำ – กระจกมองข้างสีดำเงา – ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED สีเงิน – ใหม่ กระจังหน้าสีเปียโนแบล็ค – ใหม่ วัสดุตกแต่งกรอบไฟตัดหมอกสีโครเมียมรมดำ – ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเทา สำหรับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี – ใหม่ คิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงา และสีดำ – ใหม่ สัญลักษณ์รุ่น 60 ปีบริเวณด้านข้าง ดีไซน์ภายใน – ใหม่ วัสดุหุ้มเบาะ ดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง–เทา พร้อมสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี – ใหม่ แผงประตูด้านข้างตกแต่งด้ายสีแดง – ใหม่ ที่วางแขนด้านข้างตกแต่งด้ายสีแดง – ใหม่ กล่องเก็บของที่คอนโซลกลางตกแต่งด้วยด้ายสีแดง…