เจ้า X3 ตัวนี้ มีดีที่เป็นรุ่นประกอบในประเทศไทย เพราะนอกจากมาตรฐานจะเท่าที่เยอรมันแล้ว ยังมีราคาย่อมเยาว์ลงอีกด้วย ราคาจำหน่าย BMW X3 xDrive20d M Sport เหลืออยู่แค่ 3,659,000 บาท ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่า ราคา 3 ล้านกลางๆ แบบนี้ มีเทคโนโลยีใดบ้าง ที่หลายคนบอกว่ามันคุ้มสุดติ่ง
ด้วยหน้าตาของเจ้า BMW X3 xDrive20d M Sport ต้องบอกว่า อยู่ตรงกลางระหว่าง รถลักชัวรี่ กับรถ SUV ทำให้มันดูเหมือนเป็นครอสคันทรี่ แต่ถ้าจะให้ดูจากอรรถประโยชน์แล้ว คงต้องบอกว่ามันเป็น SUV แห่งยุคอีกตัวหนึ่ง ที่หลายคนชอบรถประเภทแบบนี้ของ BMW ยากจะปฏิเสธ
ตั้งแต่กระจังหน้า ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ แบบอย่างของไฟหน้า ที่เป็น LED ส่องสว่าง พอๆ กับสปอร์ตไลท์ใต้กันชน ที่เน้นในเรื่องของความสว่างที่พื้น มากกว่ากระจายขึ้นด้านบน ส่วนของฝากระโปรงหน้า ลาดต่ำ ให้ทัศนวิสัยที่ดีด้านหน้า และยังช่วยในเรื่องหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดี
ที่แอร์แดมป์ใต้กันชนหน้า จะแยกเป็น 3 ส่วน แบ่งเป็นตรงกลาง และซ้ายขวาที่มีสปอร์ตไลท์ แต่ด้วยช่องว่างที่เว้นระยะไว้ ทำให้ดูเหมือนเป็นช่องระบายอากาศให้ไหลผ่านตัวรถได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากสัญลักษณ์ BMW ใบพัดสีฟ้า ที่ปลายฝากระโปรงหน้า และประตูที่ 5 ด้านท้ายแล้ว ต้องบอกว่าไฟเลี้ยว และสัญลักษณ์ M ที่ตกแต่งอยู่ส่วนต่างๆ ให้ความเก๋เท๋ไม่แพ้กัน
ปลายหลังคาเป็นเสาอากาศครีบปลาฉลาม ท่อไอเสียคู่ ไฟท้ายขนาดใหญ่ พร้อมตาแมวสะท้อนแสงด้านล่าง สัญลักษณ์ของ X3 และโลโก้ที่บอกว่าเจ้าตัวนี้ ใช้พลังงานดีเซล ไม่อย่างนั้นอาจจะนึกว่าแรงๆ แบบนี้เป็นเบนซินเทอร์โบ
BMW X3 xDrive20d M Sport มาพร้อมกับล้ออัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว เสริมความสะดุดตาด้วยชุดตกแต่งรอบคันดีไซน์ M Aerodynamics และขอบหน้าต่างสีดำเงา เท่กันตรงล้อนี่ล่ะ
BMW X3 xDrive20d M Sport ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยเครื่องยนต์ ดีเซลทรงพลัง 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic และเสริมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยในรุ่น M Sport เพื่อให้สนุกสนานกับการขับ
เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 8 วินาที แถมความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียงพอต่อคนนั่ง 5 คน พร้อมบรรทุกสัมภาระด้านหลัง
BMW X3 xDrive20d M Sport มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ยที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร เสริมสมรรถนะแบบสปอร์ตด้วยช่วงล่าง M Sport
มาดูภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบคลาสสิกหรูหราในแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู ยกระดับความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้นด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับและเบาะนั่งตอนหน้าแบบ M Sport คอนโซลด้านบนหุ้มด้วยหนัง Sensatec และเสริมบรรยากาศด้วยชุดไฟ ambient light
ภายในห้องโดยสารตกแต่งสวยงาม เสริมลุคพรีเมียมด้วยการตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมพ่นลาย เพิ่มความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ M Sport และแป้นเปลี่ยนเกียร์ ทั้งยังเสริมความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ และกล้องมองหลัง เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและแม่นยำในทุกเส้นทาง
ถ้าจะว่ากันในเรื่องความปลอดภัย รถยนต์คันนี้มาพร้อมปุ่มควบคุม iDrive และสั่งงานด้วยระบบสัมผัส จอแสดงผลภาพความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานอัจฉริยะ BMW Gesture Control ที่สามารถควบคุมระบบนำทางและระบบบันเทิงสื่อสาร ผ่านการเคลื่อนไหวของมือ และการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานโดยใช้ภาษาพูดในชีวิตประจำวันแทนที่การใช้ชุดคำสั่งที่กำหนดมา
ส่วนในรุ่น M Sport จะมีระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตา (BMW Head-up Display) และระบบเสียง HiFi loudspeaker ทำให้ไม่ต้องละสายตาไปจากท้องถนน ต้องยอมรับว่า เป็นเหมือนรถครอบครัว แต่ช่วงล่างตอบสนองเหมือนรถสปอร์ตเป็นอย่างมาก
ว่ากันตามตรง รถเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก คุณพ่อคุณแม่คุณลูก ประมาณ 3 ถึง 4 คน กำลังดี ราคาสรุปได้ว่าเหมาะสมกับสมรรถนะ เรียกว่าซื้อไปไม่ผิดหวัง แถมยังได้เรื่องความสวย เพราะไม่ใช่แค่การดีไซน์เด็ดๆ แต่เข็ดฟันเพราะเน้นไปที่มันเป็น SUV เต็มตัว
สรุป เร่งหลังติดเบาะเหมือนสปอร์ตซีดาน ทางขรุขระก็ยังลุยได้เหมือนครอสคันทรี่ เก็บของได้มากๆ เหมือน MPV นั่งสบายเหมือน ลักชัวรี่ซีดาน ช่วงล่างปลอดภัยเหมือนกับจะเอาไปลงแข่งได้ รายละเอียดอย่างซันรูฟ ก็มีไม่น้อยหน้าใคร เอาเป็นว่า ถ้าลองจะติดใจ จริงๆ เชื่อดิ