เกรท วอลล์ มอเตอร์ แนะนำวิธีดีๆ ในการดูแลรถยนต์ไฟฟ้ารับฝน

เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน หลายคนอาจเป็นกังวลว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้จะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยหรือไม่บนท้องถนนเมืองไทย ซึ่งระหว่างทางที่ขับไปอาจเจอน้ำท่วมขังรอการระบาย หรือถ้าจะชาร์จรถขณะที่ฝนตกจะทำได้หรือไม่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก จึงขอตอบคำถามที่หลายคนสงสัย พร้อมแนะนำวิธีดีๆ ในการดูแลรักษารถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อมาใช้สอย รวมถึงผู้สนใจที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งจะทำให้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้นสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและยังดูแลง่ายกว่าที่คิด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติในช่วงฝนตก ·    ในยามฝนตกฟ้าร้อง บางคนอาจไม่กล้าใช้อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าและอาจเป็นห่วงว่าการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องห้ามโดนน้ำไม่ต่างกัน แต่ความจริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติแม้โดนฝน เพราะมอเตอร์แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ต่างได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีด้วยฉนวนไฟฟ้า รวมถึงมีเซ็นเซอร์ตรวจจับไฟฟ้ารั่ว และระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน (Ground Fault Protection) ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ·    สำหรับการขับรถในช่วงฝนตกก็ต้องระวังไม่ต่างจากการขับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน เช่น ควรขับรถโดยใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพถนนเพื่อควบคุมรถบนถนนที่ลื่น และรักษาระยะห่างจากรถคันหน้ากว่าปกติ โดยรถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่าง ORA Good Cat ก็มีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยกที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการขับขี่มากขึ้น นอกจากนั้น ยังมีกล่องหุ้มเซลล์แบตเตอรี่ที่แข็งแรง รองรับความปลอดภัยทางไฟฟ้า 5 ด้าน ได้แก่ การป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน การกระแทก และการเกิดเพลิงไหม้โดยหากเกิดการชนที่กระทบแบตเตอรี่ รถยนต์จะดับภายใน 50 มิลลิวินาทีเพื่อความปลอดภัย และยังมีการควบคุมอุณภูมิและการระบายความร้อนที่ดี ซึ่งช่วยป้องกันการเผาไหม้ที่อาจเกิดขึ้นเองของแบตเตอรี่ได้เช่นกัน ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขณะฝนตกได้อย่างไร้กังวล ·      ปัจจุบันมีแท่นชาร์จมากมายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศซึ่งพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จรถได้อย่างสะดวกสบายทั้งแบบ DC และ AC สำหรับเกรท วอลล์ มอเตอร์ มีสถานีชาร์จรถยนต์แบบชาร์จเร็วด้วยกระแสไฟ DC หรือ G-Charge Supercharging Station ณ สยามสแควร์ ซอย 7 โดยวางแผนที่จะขยายจุดชาร์จเป็น 55 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ ·    แท่นชาร์จจากหลายบริษัทได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน และมีระบบป้องกันหรือที่ครอบซึ่งจะมีช่องที่สามารถระบายน้ำได้ ถึงแม้ในช่วงฝนตกหรือมีน้ำขังที่เต้ารับ ก็วางใจได้ว่าจะไม่มีน้ำขังอยู่ที่บริเวณหัวประจุรวมถึงมีการติดตั้งระบบตัดไฟรั่วและลงสายดินไว้เช่นกัน นอกจากนั้น ตัวรถส่วนใหญ่ยังมีซีลกันน้ำที่สามารถกันฝุ่นและกันน้ำสาดได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันน้ำฝนกระเด็นเข้าไปยังขั้วชาร์จไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี รวมถึงระบบเซ็นเซอร์จะตัดกำลังไฟฟ้าทันทีหากพบกระแสไฟรั่วไหลในวงจร อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ด้วยการสำรวจบริเวณแท่นชาร์จ หัวประจุ และสายไฟทุกครั้งก่อนชาร์จว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดที่ชาร์จให้แห้งก่อนปิดฝา แม้น้ำท่วม รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังขับได้อย่างอุ่นใจ ·    พอฝนตกหนัก ปัญหาน้ำท่วมก็สร้างความลำบากใจให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน เพราะนอกจากจะรถติดชวนให้หงุดหงิดแล้ว ยังต้องกังวลว่าน้ำท่วมขังจะทำให้รถหยุดทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ยังถือว่าเป็นน้องใหม่สำหรับท้องถนนในเมืองไทยที่แสนท้าทาย รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ใต้ท้องรถที่สัมผัสน้ำได้ทันที แต่ก็ขอให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นสามารถขับเคลื่อนได้อย่างปลอดภัยในสภาวะน้ำท่วม เพราะระบบในรถได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีและป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในระบบ ·    นอกจากนั้น รถยนต์ไฟฟ้ายังมีการทดสอบ IP Rating (Ingress Protection) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวเล็ดลอดเข้าภายในตัวรถ ซึ่งค่ามาตรฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปอยู่ที่ IP67 การันตีว่าสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมไม่เกิน 1 เมตรได้ ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที โดย ORA Good Cat นั้นใช้แบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน IP67 เช่นกัน โดยสามารถกันน้ำจากการแช่น้ำความลึกไม่เกิน 1 เมตรได้สูงสุด 30 นาที และยังสามารถกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์ และยังสามารถขับลุยน้ำได้ลึกถึง 40 เซ็นติเมตร ·    อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องขับรถขณะน้ำท่วม ผู้ใช้งานควรเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ค่อยๆ ขับโดยใช้ความเร็วต่ำ คอยระวังสิ่งกีดขวางบนท้องถนน เช่น ท่อนไม้ หรือก้อนหิน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับแบตเตอรี่ได้ และพยายามไม่จอดรถค้างไว้เป็นเวลานาน โดยหลังจากที่ขับรถลุยน้ำในระดับสูงและเป็นระยะเวลานาน ผู้ใช้สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กรถยนต์เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานได้อีกทาง นอกจากนั้น ผู้ใช้งานควรศึกษาคู่มือการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้ดีว่าสามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมได้มากเพียงใดเพื่อที่จะได้ใช้งานรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังสามารถมั่นใจได้ทุกการขับขี่ เพราะนอกจากจะวางใจได้ถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล พร้อมการยกรดับประสบการณ์การบริการ รวมถึงการรับฟังเสียงผู้บริโภคตลอดเวลาเพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน โดยรถยนต์คันใหม่ที่ซื้อจาก เกรทวอลล์ มอเตอร์ ทุกคันจะมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร* รวมถึงการรับประกับแบตเตอรี่ EV ตลอดระยะเวลา 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร* นอกจากนี้ ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านทางแอปพลิเคชัน GWM ตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 5 ปี* ซึ่งทีมงานมืออาชีพพร้อมที่จะไปให้ความช่วยเหลือถึงจุดเกิดเหตุภายใน 1 ชั่วโมง หรือจะติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่าน GWM Contact Centre ที่เบอร์ 02-668-8888 ก็ได้เช่นกัน หรือหากต้องการนัดทีมงานจากศูนย์บริการของ GWM ให้ไปตรวจถึงที่หมายก็สามารถนัดหมายบริการMobile Service* ได้ทาง Partner Store หรือ GWM Contact Centre ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันทำการ  

 
Read More

เวสป้า ยกทัพพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ถ่ายทอดสีสันแห่งอิสระ

เอกลักษณ์สไตล์อิตาลี ผ่าน 4 รุ่น 8 เฉดสีพร้อมเตรียมเซอไพรส์เหล่าคนรักสกู๊ตเตอร์ตลอดปี 2022 เวสป้าเพิ่มอรรถรสผ่านเฉดสีให้กับทุกการขับขี่อีกครั้ง ภายใต้คอนเซปต์ “Tell Your Story with Colours” ถ่ายทอดเรื่องราวของคุณผ่านความหลากหลายของสีสัน ไปกับเวสป้าไอคอนนิกสกู๊ตเตอร์ทั้ง 4 รุ่น 8 เฉดสี โด่ดเด่นด้วยดีไซน์และสีสันที่สะท้อนเอกลักษณ์สุดพรีเมี่ยมบ่งบอกบุคลิก ตัวตน ความหลงใหล และสไตล์ของผู้เป็นเจ้าของ ลองมาสัมผัสประสบการณ์แห่งสีสันที่ไร้ขอบเขต กับ ‘เวสป้า’ ถ้าคุณพร้อมก็ออกไปโลดแล่นกันได้เลย เริ่มต้นที่ Vespa Sprint 125 i-Get ABS โดดเด่นเกินใครไปได้ทุกที่อย่างที่ใจคุณอยากไป กับรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าสไตล์สปอร์ตที่ยังคงความคลาสสิกของยุค 60’s ไว้อย่างลงตัวกับรูปทรงปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวขับขี่คล่องตัว มาพร้อมสมรรถนะที่เร้าใจ ตอบรับชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว ไฟหน้าทรงหกเหลี่ยมสไตล์สปอร์ตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Vespa Sprint กับ 2 เฉดสีล่าสุด สีน้ำเงิน Blue Estroverso เฉดสีใหม่ล่าสุดที่ให้ลุคสปอร์ตพรีเมี่ยมสไตล์ยุโรป และ สีเหลือง Yellow Sole สะกดทุกสายตาด้วยเฉดสีที่สดใส พร้อมพลังความสุขในทุกเส้นทางให้กับผู้ขับขี่ สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา 113,900* บาท มาต่อที่สไตล์สปอร์ตกับ Vespa Sprint S 150 i-Get ABS สัมผัสกับความเร้าใจ ลุคสปอร์ต เด่นด้วยการตกแต่งเนกไทสีแดง ที่มาพร้อมเบาะหนังปั๊มลอน และสติกเกอร์ลายกราฟิกบริเวณตัวถัง และสัญลักษณ์ตัว S บริเวณล้อหน้า-หลัง ช่วยทำให้ล้อแม็กซ์สีดำมีความดุดันขึ้นไปอีกระดับ มาด้วยกัน 2 เฉดสี กับ สีเขียว Green Tenace  สีแห่งแฟชั่นนำสมัย บ่งบอกความเป็น New Gen เรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่น และ สีส้ม Orange Tramonto บ่งบอกถึงความสนุก สดใส แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์ซ่อนเร้นที่น่าค้นหา สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา136,900* บาท อีกหนึ่งไอคอนนิกแห่งยุค Vespa Primavera 150 i-Get ABSรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าไฟกลม สุดคลาสสิกกลับมาอีกครั้งพร้อมรูปโฉมใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Vespa Primavera ต้นฉบับในปี 1968 ผสานกับความทันสมัยของรถสกู๊ตเตอร์เวสป้าต้นแบบ Vespa 946 จนกลายมาเป็นสกู๊ตเตอร์ที่คงเอกลักษณ์และลงตัวสำหรับชีวิตคนเมือง มาพร้อมเฉดสีล่าสุด “Green Relax” เติมเต็มความรู้สึกสดใหม่ สะท้อนรสนิยมเท่แต่เรียบง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกวันของทุกการขับขี่ สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา 131,400* บาท และล่าสุด เวสป้าเพิ่มอรรถรสการขับขี่ให้ดึงดูดใจไปอีกขั้นกับ Vespa Primavera S 150 i-Get ABS Touring เติมเต็มทุกอารมณ์การขับขี่สไตล์ทัวร์ริ่ง มาพร้อมเอกลักษณ์กับไฟทรงกลมสุดคลาสสิก เสริมลุคใหม่ให้โดดเด่นด้วยการตกแต่งสีน้ำเงิน บริเวณคิ้วตัวถังด้านหน้า บังแตร บังโคลนหน้า ล้อแม็ก ที่พักเท้า ตัดกับสีตัวรถอย่างลงตัว และสติกเกอร์ข้างตัวถังพร้อมด้วยดีไซน์ธงชาติอิตาลี พร้อมให้คุณออกไปสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ 
ที่บ่งบอกความเป็นคุณได้ตลอดเส้นทาง กับ 3 เฉดสีล่าสุด สีเบจ Beige Avvolgente, สีน้ำเงิน Blue Estroverso และสีเหลือง Yellow Sole สำหรับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ราคา 137,900* บาท ตลอดปี 2022 นี้ เวสป้าเตรียมเซอไพรส์ส่งต่อความสนุกให้เหล่าคนรักสกู๊ตเตอร์ได้คึกคักกันตลอดปี โดยสามารถติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ของเวสป้าได้ที่ LINE @vespathailand หรือhttp://www.vespa.co.th เฟซบุ๊กOfficial Vespa Society Thailand และ อินสตาแกรม @vespathailand   

 
Read More

TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD 2565

ฯพณฯ องคมนตรี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย มอบรางวัล TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD ให้กับนางสาวนันทิยา พิทักษ์วงษ์ดีงาม (ซ้าย) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C ประเทศไทยบริษัท สยามมิชลิน จํากัด โดยรางวัลนี้ได้มอบให้กับสุดยอดองค์กรธุรกิจไทยที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศในแต่ละด้าน ภายใต้แนวคิด “The Next Normal Transformation for Business Sustainability การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ความยั่งยืนในยุคปกติครั้งใหม่” เพื่อให้รางวัลนี้เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศและสร้างความภาคภูมิใจในความสำเร็จขององค์กร รางวัล “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2022” หรือ “สุดยอดองค์กรธุรกิจไทยแห่งปี 2565” จัดทำโดยนิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยซึ่งได้จัดทำการสำรวจด้านผลการดำเนินงานขององค์กร การประกอบธุรกิจที่มีความโดดเด่น มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  

 
Read More

โตโยต้า รุ่น 60 ปี มีแค่ 6 พันคันเท่านั้น

โตโยต้า ออกรุ่น Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และCamryพร้อมสิทธิประโยชน์ และแพ็กเกจการขายมากมาย เพื่อขอบคุณลูกค้า จำนวนจำกัด6,000 คันเท่านั้น  พร้อมร่วมลุ้นเป็นเจ้าของ รถสปอร์ตรุ่นล่าสุด GR 86 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขอบคุณลูกค้าที่สนับสนุนให้เติบโต      เคียงข้างสังคมไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ด้วยรถยนต์รุ่นพิเศษ ได้แก่ Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และ Camry ผลิตจำนวนจำกัด สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำในทุกรุ่น     เพิ่มความพิเศษด้วยการ Wrap ภายนอกด้วยฟิล์มลามิเนตคุณภาพระดับพรีเมียมสีเทา “Laminated Grey” ด้านข้างตกแต่งด้วยสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี ปรับโฉมภายนอก และภายใน   ให้มีเอกลักษณ์และทันสมัยยิ่งขึ้น ลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นนี้จะได้รับชุดกล่องกุญแจพิเศษ           ร่วมกิจกรรมท้าทาย และรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเปิดเผยว่า“โตโยต้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ร่วมเดินทาง และให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด     และในโอกาสครบรอบ 60 ปี เราขอแนะนำรถยนต์รุ่นพิเศษที่เหมาะสำหรับคนรักรถ และชื่นชอบในการครอบครองรถรุ่น Limited ได้แก่ Yaris, Corolla Altis, Corolla Cross และ Camry ที่โดดเด่นยิ่งกว่าด้วย      สีขาวมุกหลังคาดำ และขอแนะนำกิจกรรม “Hunt Your Uniqueness” เอาใจนักสะสมที่ชื่นชอบการตกแต่งด้วยการนำเสนอรถ Wrap สี Laminated Grey ด้วยฟิล์มลามิเนตคุณภาพระดับพรีเมียม มูลค่า 57,000 บาท เพียงโชว์รูมละ 1 คันเท่านั้น  ที่สำคัญรถทุกคันจะได้รับการติดตั้งระบบ T- Connect เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทันสมัย พร้อมรับกล่องกุญแจภายในบรรจุCertificate, Apple Air Tag และพวงกุญแจสำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี ผลิตจำนวนจำกัดในวาระพิเศษนี้เท่านั้นพิเศษยิ่งกว่าสำหรับผู้ที่ตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้ รับสิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าของรถสปอร์ตรุ่นล่าสุด TOYOTA GR86 มูลค่า2,949,000 บาท จำนวน 1 คัน” Toyota YARIS ดีไซน์ภายนอก – สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำ – ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว สีเทา สำหรับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี – ใหม่ สปอยเลอร์ด้านหน้า – ใหม่ สัญลักษณ์รุ่น 60 ปี บริเวณด้านข้าง ดีไซน์ภายใน – ใหม่ วัสดุหุ้มเบาะ ดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้ายสีแดง-เทา พร้อมสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี – ใหม่ พวงมาลัย ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา – ใหม่ กล่องเก็บของที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา – ใหม่ ที่วางแขนด้านข้าง ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ระบบเครื่องเสียง และการเชื่อมต่อ – ใหม่ ระบบ T- Connect ราคา      709,000 บาท Toyota Corolla ALTIS  ดีไซน์ภายนอก – ใหม่ สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำ – กระจกมองข้างสีดำเงา – ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED สีเงิน – ใหม่ กระจังหน้าสีเปียโนแบล็ค – ใหม่ วัสดุตกแต่งกรอบไฟตัดหมอกสีโครเมียมรมดำ – ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเทา สำหรับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี  – ใหม่ คิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงา และสีดำ – ใหม่ สัญลักษณ์รุ่น 60 ปีบริเวณด้านข้าง ดีไซน์ภายใน – ใหม่ วัสดุหุ้มเบาะ ดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง–เทา พร้อมสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี – ใหม่ แผงประตูด้านข้างตกแต่งด้ายสีแดง – ใหม่ ที่วางแขนด้านข้างตกแต่งด้ายสีแดง – ใหม่ กล่องเก็บของที่คอนโซลกลางตกแต่งด้วยด้ายสีแดง…

 
Read More

IMC จับมือ OR

คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ลงนามสัญญาร่วมกับ จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ในการเป็นผู้อุปถัมภ์อย่างเป็นทางการในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” เมื่อเร็วๆ นี้ พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” วันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานีติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง www.motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH  

 
Read More

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาพร้อมเปิดจำหน่าย ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวีใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยรุ่น e:HEV RS ราคา 1,259,000 บาท และรุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาทตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอนที่ตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และขับเคลื่อนตลาดรถยนต์คอมแพคท์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และหรูหรามากยิ่งขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สะดวกสบายเหนือกว่ากับระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย พร้อมตั้งเป้าจำหน่ายมากกว่า 8,000 คัน ภายในหนึ่งปีนับจากการเปิดตัว มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “หลังจากที่ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์ 2022 ที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมด้วยยอดจองสิทธิ์จากลูกค้าทั่วประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อแบรนด์และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้า ซึ่งเป็นยนตรกรรมไฮบริดพลังงานทางเลือกที่ลงตัวกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน เพราะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมที่จะเชื่อมไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคต ตามเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2593 ของฮอนด้า 
ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ สร้างสังคมปลอดมลพิษให้เกิดขึ้นจริง และด้านความปลอดภัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เพื่อมุ่งไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ ทั้งนี้การเปิดตัวฮอนด้าซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะเสริมความแข็งแกร่งให้ไลน์อัป ฮอนด้า ซีวิค และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคท์ได้อย่างต่อเนื่อง” ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย โดยมีราคาจำหน่าย ดังนี้ ·   รุ่น e:HEV RS            ราคา 1,259,000 บาท ·   รุ่น e:HEV EL+           ราคา 1,129,000 บาท และมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 31 กรกฎาคม2565 รับดอกเบี้ย 2.59%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี เสื้อแจ็กเกต e:HEV มูลค่า 500 บาท** นอกจากนี้ ยังมอบแคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่ ได้แก่ ·   รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี 
ไม่จำกัดระยะทาง** ·  ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 
มูลค่า 7,158.50 บาท ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีใหม่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัย ที่จะเชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่หลากหลาย* อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและAndroid Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเป็นต้น ทั้งนี้ ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน  โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED  กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว  ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต  พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อาทิ ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรูพกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย(Wireless Charger) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตรและมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยมาพร้อมกับสวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)…

 
Read More

BRIDGESTONE เปลี่ยนยางขอบใหญ่ จัดให้ล้นถัง

บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดหนัก จัดเต็ม ส่งโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ “BRIDGESTONE เปลี่ยนยางขอบใหญ่ จัดให้ล้นถัง” ตอบแทนลูกค้าที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง เมื่อลูกค้าเปลี่ยนยางบริดจสโตนทุกรุ่นที่ร่วมรายการ ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ทุก 4 เส้น และลงทะเบียนรับประกันยาง จะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชค 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นรับรางวัล บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท ทุกๆ 2 เดือน รวมมูลค่า 1,050,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 
1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2565 เมื่อลูกค้าซื้อและเปลี่ยนยางพร้อมลงทะเบียนรับประกันยางผ่านช่องทาง https://bridgestoneth.com     เพื่อรับสิทธิ์ร่วมชิงโชคลุ้นรับรางวัล โดยมีกำหนดในการจับรางวัลทุกๆ 2 เดือน ทั้งหมด 3 ครั้ง สำหรับการจับรางวัลในแต่ละครั้ง ได้แก่ รางวัลที่ 1 บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 100,000 บาท และรางวัลที่ 2 บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 50 รางวัล รวมมูลค่า 250,000 บาท รวมจำนวนของรางวัลตลอดรายการ 153 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,050,000 บาท เงื่อนไขโปรโมชั่น: 1)     ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชคเพื่อลุ้นรับรางวัลบัตรเติมน้ำมัน ปตท รางวัลที่ 1 มูลค่า 100,000 บาท และรางวัลที่ 2 มูลค่า 5,000 บาท เมื่อซื้อและเปลี่ยนยางบริดจสโตนทุกรุ่นที่ร่วมรายการ ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ทุก 4 เส้น พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง และอัปโหลดใบเสร็จได้ถูกต้องครบถ้วน 2)     ข้อมูลบนใบเสร็จต้องครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีรายละเอียด วันที่ใบเสร็จ, ชื่อร้านค้า, ชื่อ-นามสกุลลูกค้า, เบอร์โทรศัพท์มือถือ ทะเบียนรถ, รุ่นยาง, ขนาดยาง, จำนวนยาง และราคายาง 3)     จำกัดจำนวนสิทธิ์ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จ 4)     จำกัดสิทธิ์ 153 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาโปรโมชั่น 5)     ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2565 6)     กำหนดการจับรางวัล ดังนี้ ครั้งที่ 1: จับรางวัลวันที่ 19 สิงหาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 
1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ครั้งที่ 2: จับรางวัลวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่
1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ครั้งที่ 3: จับรางวัลวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 
1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 7)     ประกาศผลผู้โชคดีผ่านทาง FACEBOOK Fanpage: Bridgestone Thailand และทางบริษัทฯ จะแจ้งผู้โชคดีทุกท่านผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเกณฑ์การตัดสิน และเงื่อนไขต่างๆ ของโปรโมชั่น เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bridgestone.co.th หรือสอบถามได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-636-1555  

 
Read More

ยอดขาย ORA Good Cat เดือนพฤษภาคมสูงเป็นประวัติการณ์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เขย่าวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยยอดขายของยนตรกรรมอัจฉริยะทั้ง 3 รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,132 คัน นำโดยเจ้าเหมียวไฟฟ้า 100% ขวัญใจผู้บริโภค ORA Good Cat ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดขายและส่งมอบสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยถึง 508 คัน พร้อมยกกำลังความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้นกับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่ยังคงยืนหนึ่งในตลาดคอมแพคเอสยูวี 5 เดือนติดต่อกัน โดยจนถึงปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกสู่ท้องถนนประเทศไทยไปแล้วกว่า 8,277 คัน สานต่อภารกิจในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย (xEV Leader) ที่มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ซึ่งอัดแน่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมแห่งยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืนในอนาคต ในปีที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางการแข่งขันอันเข้มข้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ การันตีด้วยความโดดเด่นของ ORA Good Cat ที่ได้เข้ามาปลุกกระแสความตื่นตัวของผู้บริโภคอย่างยิ่งใหญ่จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทันทีตั้งแต่มีการส่งมอบ ซึ่งเกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถส่งมอบเจ้าเหมียวไฟฟ้าให้กับแฟนๆ ชาวไทยได้ถึง 508 คันในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคม ORA Good Cat มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 1,286 คัน โดยตั้งแต่เริ่มส่งมอบจวบจนถึงปัจจุบัน มีจำนวน ORA Good Cat วิ่งอยู่บนท้องถนนประเทศไทยกว่า 1,748 คัน และยังมียอดจองที่รอส่งมอบอีกกว่า 3,000 คัน โดยบริษัทฯ จะทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่ที่ประเทศจีนและพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ เพื่อทยอยส่งมอบเจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นนี้ให้แก่ลูกค้าโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการประกาศลดภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการจาก 8 เปอร์เซ็นต์เหลือ 2 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผุ้บริโภคชาวไทยตื่นตัวและมีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น สำหรับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถยืนหยัดรั้งตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีได้อย่างเหนียวแน่นติดต่อกัน 5 เดือนซ้อนในปีนี้ ด้วยยอดขายและส่งมอบในเดือนพฤษภาคมถึง 431 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 43.8 เปอร์เซนต์จากยอดขายรวมทั้งหมดในเซ็กเมนต์ 983 คัน โดยในปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้ส่งมอบ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ให้กับลูกค้าทั่วประเทศไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,504 คัน โดย 1,863 คันเป็นยอดขายและส่งมอบภายในปีนี้ ตอกย้ำความสำเร็จและสะท้อนถึงการตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค ในส่วนของเอสยูวีระดับพรีเมียม All New HAVAL JOLION Hybrid SUV เจ้าสิงโตอารมณ์ดีที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยและสมรรถนะโดดเด่นเหนือระดับรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่หลากหลายรูปแบบ ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายและส่งมอบในเดือนพฤษภาคมถึง 193 คัน รวมส่งมอบไปแล้วนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,025 คัน โดยเป็นยอดขายและยอดส่งมอบภายในปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) จำนวน 1,426 คัน คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นับตั้งแต่ก้าวแรกทีได้เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในประเทศไทยจนถึงปัจจุบันนี้เกิดจากความรัก ความไว้วางใจ และการสนับสนุนของแฟนๆ ชาวไทยที่ช่วยจุดประกายความมุ่งมั่นตลอดจนหล่อเลี้ยงความตั้งใจให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพรวมถึงสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางทั้ง Online และ Offline เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทยได้อย่างแท้จริง โดยเราจะยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินงานที่มีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง(User-Centric) ด้วยการรับฟังเสียงของทุกคนอยู่เสมอเพื่อน้อมนำทุกความคิดเห็นมาต่อยอดและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดจนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้แข็งแกร่งและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสร้างสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน”  ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำภารกิจในการส่งเสริมการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าไทยอย่างเป็นรูปธรรม เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้ากลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยการขยาย GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และPartner Store อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด พร้อมให้บริการแล้วทั้งสิ้น 46 แห่ง แบ่งออกเป็น Direct Store 9 แห่ง และ Partner Store 37 แห่ง และมี Partner Store ที่อยุ่ในระหว่างการก่อสร้างอีก 25 แห่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น ยังจะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่การเป็นสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในท้ายที่สุดอีกด้วย นอกจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมีผลงานที่น่าประทับใจในเวทีระดับโลกเช่นเดียวกัน โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดขายรถยนต์รวมทุกรุ่น 80,062 คัน เพิ่มขึ้น48.9% จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา จำแนกรถยนต์จากแบรนด์ HAVAL จำนวน 41,748 คัน แบรนด์ ORA 10,768 คันและแบรนด์อื่นๆ รวม 27,546 คัน  

 
Read More

โอมาคาเสะ คาร์

กลุ่มตรีเพชร โดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ จากการใส่ใจในการให้บริการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน “โอมาคาเสะ คาร์”   ได้รับความ “ไว้วางใจ” สามารถสร้างผลงานโดดเด่นได้จากปีที่แล้วโดยทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 131.7% จากลูกค้าทั่วทุกภูมิภาค โดยมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 5 สาขา เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการ “โอมาคาเสะ คาร์”  เราจะยังคงยึดมั่นในการนำเสนอรถยนต์มือสองคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง มีประวัติการซ่อมบำรุงย้อนหลังที่สามารถตรวจสอบประวัติได้ รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยโดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ภาพรวมธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการของ “โอมาคาเสะ คาร์”   ในการรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งเพิ่มช่องทางและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าที่ต้องการเห็นรถจริงและทดลองขับจริงเราจึงตัดสินใจขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 สาขา ที่ อ. ปักธงชัย จ. นครราชสีมา ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสามารถรองรับการเดินทางของลูกค้าได้จากหลากหลายเส้นทาง  ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ พร้อมบริการส่งรถมือสองเกรดพรีเมี่ยมฟรีถึงหน้าบ้านทั่วภาคอีสาน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.omakasecar.com หรือ Facebook: Omakase Car Northeastern ภาคอีสาน”  

 
Read More

ฟอร์ดยกระดับบริการลูกค้า

ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวรถให้บริการเคลื่อนที่ (Mobile Service Vehicle – MSV) โฉมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้านอกสถานที่ได้หลากหลายยิ่งขึ้น เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลด้วยมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการ พร้อมเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าด้วยบริการนัดหมายออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน FordPass™ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมอบบริการแบบพร้อมเสมอ หรือ ‘Always-On’ คุณสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ดให้ความสำคัญอย่างมากกับการส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า เราจึงได้พัฒนายกระดับรถให้บริการเคลื่อนที่ให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและความหลากหลายในการให้บริการตามมาตรฐานฟอร์ด พร้อมทั้งมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการจองบริการและติดตามสถานะการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่นฟอร์ดพาสบนสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นความตั้งใจของฟอร์ดในการดูแลลูกค้าแบบ ‘พร้อมเสมอ’ เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น”  ฟอร์ดได้พัฒนารถให้บริการเคลื่อนที่โดยนำรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ มาติดตั้งตู้ที่กระบะท้ายพร้อมติดตั้งชั้นวางอะไหล่ แผงเครื่องมือและอุปกรณ์ และระบบไฮดรอลิก เพื่อให้รองรับงานบริการได้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือมาตรฐานเดียวกับที่ศูนย์บริการ ได้แก่ การเช็คระยะ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองอากาศ สลับยางถ่วงล้อ รวมถึงงานบำรุงดูแลรักษาทั่วไป อาทิ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ การเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน การเปลี่ยนหลอดไฟ การอัพเดตซอฟต์แวร์ โดยการออกแบบได้คำนึงถึงประสิทธิภาพในกระบวนการให้บริการของช่างเทคนิค เพื่อให้ส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เร็วยิ่งขึ้น ฟอร์ดได้เริ่มให้บริการรถบริการเคลื่อนที่โฉมใหมตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยในปีนี้จะมีรถบริการเคลื่อนที่โฉมใหม่รวม 109 คัน กระจายไปยังศูนย์บริการฟอร์ดเพื่อให้บริการลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของรถฟอร์ดด้วยการนัดหมายบริการรถให้บริการเคลื่อนที่ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ฟอร์ดพาส’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะช่วยให้ลูกค้ารถฟอร์ดสามารถทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อรับบริการที่หลากหลายจากฟอร์ดผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์บริการ ซึ่งลูกค้าฟอร์ดสามารถดาวน์โหลด ‘ฟอร์ดพาส’ ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดยฟอร์ดยังมอบความอุ่นใจในการรับบริการด้วยบริการยืนยันตัวตนของช่างพร้อมตรวจสอบสถานะผ่านหน้าจอได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน  นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถติดต่อผู้จำหน่ายใกล้บ้านเพื่อนัดหมายใช้บริการรถให้บริการเคลื่อนได้ โดยนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ลูกค้าสามารถค้นหาศูนย์บริการฟอร์ดที่ต้องการได้ที่https://www.ford.co.th/locate-a-dealer/ หรือแอดไลน์ของฟอร์ด ประเทศไทยได้ที่ LINE ID: @FordThailand  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed