ทีมแข่งรถฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง พร้อมส่งรถแข่งใหม่ถึง 3 คัน พร้อมเผยสมาชิกใหม่ของทีมในสนามแรกรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ ปี 2021 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 29 – 31 ตุลาคม นี้ ฟอร์ด ประเทศไทย เดินหน้าสร้างความตื่นเต้นให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอีกครั้ง ด้วยการส่งทีมแข่งรถฟอร์ดไทยแลนด์ เรซซิ่ง (Ford Thailand Racing – FTR) ลงสนามการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ ปี 2021 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 29 – 31 ตุลาคม 2564 ในปีนี้ฟอร์ดได้เปิดตัวรถแข่งใหม่ของทีมถึง 3 คัน ได้แก่ รถแข่งในตระกูลฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ฟอร์ด มัสแตงTA2 เครื่องยนต์โคโยตี้ อลูมิเนเตอร์ 5.2 ลิตร สองคันแรกของโลก ในหมายเลข 64 และ 88 สำหรับลงสนามครั้งแรกในรุ่นไทยแลนด์ ซูเปอร์คาร์ จีทีเอ็ม รวมไปถึงฟอร์ด เรนเจอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค 3.2 ลิตร หมายเลข 03 ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดให้เหนือชั้นไปอีกขั้น สำหรับลงแข่งในรุ่นไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิกอัพ คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการมีส่วนร่วมในกีฬามอเตอร์สปอร์ต จะทำให้แบรนด์ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ เป็นที่จดจำในกลุ่มลูกค้าชาวไทย เพราะมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่ลูกค้าของเราให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และฟอร์ดก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งในปีนี้ เพื่อที่เราจะได้แสดงให้ผู้ชมเห็นถึงความสามารถทางวิศวกรรมของฟอร์ดบนสนามแข่ง รวมถึงสร้างความประทับใจครั้งใหม่ให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย” มร.เคล เคิร์นส ประธานโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หัวหน้าทีม FTR และนักขับอิสระ หรือGentleman Driver ผู้คว้ารางวัลการแข่งขันในรุ่น TAV8 เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา พร้อมลงแข่งอีกครั้งในรถฟอร์ด มัสแตงหมายเลข 64 ในปีนี้ กล่าวว่า “จากที่ได้ฟังเสียงของเครื่องยนต์ครั้งแรกก็มั่นใจได้เลยว่ารถคันนี้ต้องยอดเยี่ยมมาก ผมตั้งตารอที่จะได้ขับฟอร์ด มัสแตง ในสนามแข่งครั้งนี้ เราต้องขอขอบคุณทางทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ทีมวิศวกรคอร์ลิสส์ เรซเอ็นจิเนียริง และทีมมอสเทค เรซ เอนจินส์ ที่ทำให้ฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง สามารถนำเครื่องยนต์ที่ล้ำสมัยของฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ มาประกอบกับแชสซีรถแข่งระดับโลกในรุ่นทรานส์แอม (HOWE TA2) และพัฒนาปรับแต่งให้ทำงานคู่กับระบบการเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้นแพดเดิลชิฟท์ แบบซีควินเชียล 6 สปีดได้ โดยนอกจากการนำทีมผู้เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกับวิศวกรฟอร์ดอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสรรค์รถแข่งให้ทีม FTR แล้ว เครกยังพร้อมลงสนามแข่งในรถฟอร์ด มัสแตง หมายเลข88 ในการแข่งขันซูเปอร์คาร์ จีทีเอ็ม อีกด้วย” ในปีนี้ ทีม FTR ยังดึงตัว แจ็ค เลมวาร์ดนักแข่งมืออาชีพสัญชาติไทย-เดนิช วัย 36 ปี ผู้กวาดรางวัลชนะเลิศมากกว่า20 ครั้งจากการแข่งขันทั่วเอเชียตลอดระยะเวลา 23 ปีในวงการ มาขับฟอร์ด มัสแตงในการลงสนามครั้งแรกนี้เช่นกันมร.แจ็ค เลมวาร์ด กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม FTR เพราะฟอร์ดมีชื่อเสียงระดับตำนานในประวัติศาสตร์ของมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะฟอร์ด มัสแตง นอกจากรถฟอร์ดจะเป็นรถในดวงใจของคนไทยมาเป็นเวลาถึง 25 ปีแล้ว ฟอร์ด มัสแตงคันนี้ยังสร้างขึ้นจากดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ โดยทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญมาก ผมจึงมั่นใจว่าเราจะทำได้ยอดเยี่ยมในการแข่งขันครั้งนี้” หลังจากได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขันในปี 2563 แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค จะพาฟอร์ด เรนเจอร์หมายเลข 03 รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ เครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 3.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้นลงแข่งในสนามไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิกอัพอีกครั้ง โดยรถคันนี้จะมาพร้อมระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นพิเศษ น้ำหนักตัวถังที่เบาและติดอุปกรณ์เพิ่มอากาศพลศาสตร์สำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ มร.แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค กล่าวว่า “ผมรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมแข่งกับทีมฟอร์ดอีกครั้งในปีนี้เนื่องจากผมคุ้นเคยกับการได้ขับฟอร์ด เรนเจอร์ มากขึ้นจากการแข่งปีที่แล้ว ผมรู้สึกมั่นใจและท้าทายที่จะได้สู้ศึกในปีนี้อีกครั้งเพื่อคว้าแชมป์มาให้สำเร็จ หลังจากทีมแข่งปรับรถแข่งทุกด้านจากปีที่แล้ว ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ลงสนาม รับรองว่าสนุกแน่นอน”
Month: October 2021
นิสสัน แนะวิธีดูแลภายในรถหรูให้ดูดีอยู่เสมอ
นิสสัน มีความสวยงามภายในของห้องโดยสาร ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่เสริมให้รถยนต์ของคุณดูดีมีระดับ พร้อมความสบายเมื่อนั่งโดยสารและให้ความรู้สึกเหมือนใหม่อยู่เสมอ ซึ่งนิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ มาพร้อมกับสองสีภายในสุดหรูเบจ และดำ-แดงเบอร์กันดี จึงมีลูกค้าหลายท่านอยากทราบวิธีดูแลรักษาภายในให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ วันนี้ ลูจิอาน่า พาซารูดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งภายในและเบาะนั่งของนิสสันมากว่า 7 ปี จะมาแนะเคล็ดลับการดูแลให้ฟังกัน 1.เช็ดทำความสะอาดเป็นประจำทุกสัปดาห์ “หากคุณใช้รถเป็นประจำ ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดทุกสัปดาห์ โดยใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาดๆ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์” ลูจิอาน่า อธิบาย เขาเสริมว่า การเช็ดทำความสะอาดเพียงไม่กี่นาที จะช่วยขจัดฝุ่นละออง หรือสิ่งตกค้าง และช่วยให้หนังชุ่มชื่น และดูใหม่อยู่เสมอ สำหรับการเลือกผ้าไมโครไฟเบอร์ เข้าแนะนำผ้าที่ผสมโพลีเอสเตอร์ และโพลีเอไมด์ในสัดส่วน70/30 โดยความหนานี้เหมาะสำหรับการเช็ดสี กระจก พลาสติก และหนัง นอกจากนี้ แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นบนแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางของรถ เนื่องจากมันถูกออกแบบมาไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดกลับออกมา ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวในรถของคุณ และไม่เป็นขุย 2.เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม “เพื่อให้เบาะหนังและคอนโซลของรถคุณสะอาดหมดจด ควรใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยทำความสะอาดหนังได้ดีและไม่ทำให้เบาะเป็นรอยหรือทำลายพื้นผิววัสดุ” ลูจิอาน่า แนะการเลือกระดับความนุ่มของแปรงคือ เมื่อลองถูกับมือของคุณดูก่อน หากรู้สึกนุ่มมือ และไม่ระคายเคือง ไม่เป็นรอยแดง เป็นอันว่าใช้ได้ เขาแนะนำแปรงที่ทำจากขนม้า เพราะขนม้าขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม ทนทาน และคุณสมบัติในการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม เขาเสริมว่าหากภายในรถยนต์ของคุณเป็น สีเบจแบบในเทอร์ร่า ใหม่ ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สีที่อ่อนกว่า เช่น ขาว หรือครีม เพื่อป้องกันไม่ให้สีตกใส่เบาะหนัง 3.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ได้มาตรฐาน เจ้าของรถสามารถนำรถยนต์เข้ารับบริการล้างอัดฉีดที่เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดภายในและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับวัสดุภายในของตัวรถ ทุก ๆ หกเดือน หรือตามอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถซื้อน้ำยาทำความสะอาดเบาะแบบพิเศษสำหรับขจัดคราบ สีที่เลอะ ที่จะช่วยรักษาเบาะนั่งให้ดูดีอยู่เสมอ แถมยังให้กลิ่นหอมสดชื่นติดรถอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกซื้อควรประกอบไปด้วยสามคุณสมบัติ ได้แก่ การป้องกันรังสียูวี เนื่องจากรังสียูวีมีส่วนทำให้เกิดการเสื่อมสภาพภายในรถ สามารถกันฝุ่น และเคลือบผิวได้โดยไม่ทิ้งคราบ “ฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์ก่อน แล้วค่อยเช็ดลงบนเบาะหนังให้ทั่วถึงและให้น้ำยาเข้าไปตามรอยตะเข็บ รวมถึงส่วนที่ต้องสัมผัสกับผิวหนังหรือเส้นผมเป็นประจำ” หากเบาะของคุณมีลวดลายแบบในเทอร์ร่าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น เขาแนะนำว่าควรเลือกแปรงขนาดเล็กเพื่อความเหมาะสม “สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างเคร่งครัด และสอบถามร้านล้างรถเสมอว่าใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหน และสุดท้าย เมื่อซื้อรถ ผู้จำหน่ายสามารถช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงวิธีการดูแลรถที่เหมาะสมให้ได้ 4.เพิ่มความเงางามให้กับรถของคุณ ผลิตภัณฑ์ปรับสภาพเบาะช่วยเพิ่มความเงางามและคงความสวยงามของเบาะรถยนต์หลังทำความสะอาด “ผมแนะนำว่าควรเทน้ำยาลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์ แทนการเทลงบนเบาะโดยตรง วิธีนี้จะช่วยให้น้ำยากระจายตัวอย่างทั่วถึง จากนั้นทิ้งไว้สักสิบนาทีให้แห้งและเซ็ตตัว” 5.ทำความสะอาดหน้าจอ สำหรับการทำความสะอาดหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้วของ เทอร์ร่า ให้ใช้ผ้าแห้งและนุ่ม หากจำเป็นต้องทำความสะอาดเพิ่มเติม ให้ใช้สารทำความสะอาดที่เป็นกลางในปริมาณเล็กน้อย เช่น สบู่อ่อนๆ กับผ้านุ่มๆ ห้ามฉีดพ่นหน้าจอด้วยน้ำหรือผงซักฟอก เทน้ำยาลงบนผ้าให้พอหมาดก่อนแล้วจึงค่อยเช็ดหน้าจอ 6.รถใหม่ๆยิ่งดี สุดท้ายนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากนิสสัน แนะนำว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มดูแลภายในรถของคุณคือ ตอนที่พึ่งได้รับรถใหม่มาเพื่อที่จะคงความใหม่ไปได้อีกหลายปี อีกทั้งการทำความสะอาดและดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง“ผมแนะนำให้พกผ้าใบหรือผ้าคลุมกันน้ำติดรถไว้เสมอ สำหรับใช้คลุมเวลาที่คุณต้องพาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ ขนอุปกรณ์กีฬาหรืออุปกรณ์แคมป์ปิ้ง ภายในรถของคุณจะไม่เลอะเทอะ การดูแลรักษาภายในที่สวยงามของรถนั้นง่ายและคุ้มค่า หากคุณปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม”
เที่ยวอุ่นใจกับ ฟอร์ด
ฟอร์ด ห่วงใย หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลายๆคนน่าจะวางแผนเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเพื่อชดเชยหลังจากไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้เพื่อเดินทางออกต่างจังหวัดในยุคโควิด เพราะมีความปลอดภัยและไม่ต้องเดินทางร่วมกันคนจำนวนมาก จึงอาจทำให้สภาพการจราจรบนท้องถนนหนาแน่น เป็นเหตุให้ผู้เดินทางต้องใช้เวลาอยู่ในรถนานจนอาจเกิดความเครียดจากหลายๆปัจจัย วันหยุดยาวนี้ ฟอร์ด จะพาเดินทางไปกับรถคู่ใจที่จะพาคุณออกไปท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานและปลอดภัยกับฟีเจอร์ของรถที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง 1.เบาะนั่งสบาย การเดินทางโดยรถยนต์แทนเครื่องบินนั้น บางครั้งทำให้ต้องขับรถนานกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย การเพ่งสมาธิบนท้องถนนและต้องนั่งอยู่บนเบาะในท่าเดิมเป็นเวลานานอาจทำให้มีอาการปวดเมื่อยได้ วิธีการผ่อนคลายง่ายๆ คือการหมั่นยืดเส้นยืดสายเวลารถติด หรือแวะพักผ่อนคลายที่จุดพักรถ ในการขับขี่ อย่าลืมปรับเบาะที่นั่งให้ตรงกับสรีระและท่าทางที่สบายที่สุด โดยเบาะที่นั่งในฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นเบาะนั่งปรับไฟฟ้า สามารถปรับได้ถึง 6 ทิศทาง ทั้งความสูง ระดับการเอน หรือที่รองศีรษะ ก็สามารถปรับให้พอดีได้ 2.ดูแลความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ในการเดินทางข้ามจังหวัด เราอาจต้องพบกับสภาพการจราจรที่ติดขัด รวมถึงผู้ร่วมสัญจรบนท้องถนนที่ใช้ความเร็วสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้คนขับต้องมีสมาธิตลอดเวลา รถยนต์ฟอร์ดอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะมากมายที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าของรถ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) จะเป็นตัวช่วยในการขับขี่ทางไกลได้อย่างปลอดภัยและผ่อนคลายความเมื่อยล้าในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นเพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างที่พอเหมาะกับรถคันหน้า โดยใช้ระบบกล้องและเรดาร์เดียวกับระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking – AEB) หรือระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ที่จะช่วยส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถกำลังจะหลุดออกนอกเลนที่คุณขับอยู่ 3.ชาร์จแบตได้ทุกที่ หายห่วงได้เลย หากคุณลืมชาร์จแบตโทรศัพท์มาจากบ้าน เพราะคุณสามารถชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ในรถสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ มีช่องต่อไฟ 230 โวลต์ภายในห้องโดยสาร และช่องต่อ USB อีกหลายจุด สบายใจได้เลยว่าคุณจะไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารอย่างแน่นอน นอกจากนี้ รถยนต์ฟอร์ด ยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNCTM 3 ภาษาไทยรองรับ Apple Carplay และ Android Auto ที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณสามรถเปิดวิทยุหรือเลือกเล่นเพลงโปรดได้โดยไม่ต้องละสายตาจากการขับรถ 4.บรรทุกสัมภาระได้อย่างจุใจ สำหรับคนที่เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด และต้องขนสัมภาระเยอะมากเป็นพิเศษ รถยนต์ฟอร์ดสามารถช่วยคุณได้ ฟอร์ดเรนเจอร์ สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากถึง 1.3 ตัน สามารถบรรทุกของจำนวนมากหรือลังหลายกล่องได้สบายๆ ส่วนฟอร์ด เอเวอเรสต์ ก็พร้อมปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้เหมาะกับการขนของ ด้วยการพับเก็บเบาะที่นั่งในแถวที่ 3 ด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้กว้างขึ้นได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งแร็คหลังคา สำหรับจักรยาน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่สามารถบรรทุกในรถได้และมีน้ำหนักไม่เกิน 750 กิโลกรัม โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด 5.ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถมีส่วนช่วยที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางโดย สวัสดิภาพในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น หลงทาง รถติดหล่ม หรือเกิดเหตุขัดข้องใดๆระหว่างการเดินทาง ฟอร์ด คำนึงถึงความปลอดภัยและความสบายใจของผู้ใช้เป็นอันดับแรก รถฟอร์ดรุ่นเรือธงอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทร็ค และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส จึงมาพร้อมกับระบบแผนที่นำทาง Navigation ให้สามารถป้อนข้อมูลปลายทางได้โดยใช้สัญญาณดาวเทียมในการนำทาง โดยไม่ต้องวิตกกังวลหากเกิดเหตุให้ไปต่อไม่ได้ เพราะสามารถใช้ระบบช่วยโทรฉุกเฉินติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา
ควิกเลนส่ง ‘ควิกแมน เปลี่ยนไว’
ควิกเลน ศูนย์บริการยางและรถยนต์ประเภทเร่งด่วน เดินหน้านำเสนอบริการคุณภาพมาตรฐานระดับโลกเพื่อความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ด้วย ควิกแมน เปลี่ยนไว บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ลูกค้าถึงบ้านสำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการ และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ครั้งแรกของธุรกิจฟาสต์ฟิต บริการ ควิกแมน เปลี่ยนไว โดยควิกเลนส่งมอบบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่และถ่ายน้ำมันเครื่องเร่งด่วนนอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่มีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ หรือต้องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อบำรุงรักษารถตามระยะ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่สะดวก วางใจได้จริง โดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน พร้อมฟรีค่าแรงและค่าบริการนอกสถานที่ ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น. – 20.00 น. ควิกเลนยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษ และสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการ ควิกแมน เปลี่ยนไว กับโปรโมชั่นแบตเตอรี่ และ น้ำมันเครื่อง สุดคุ้ม ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม ได้แก่ เปลี่ยนแบตเตอรี่ออมนิคราฟท์ แบบ Maintenance-Free ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ราคาเริ่มต้นเหลือเพียง 1,777 บาท เมื่อเทิรน์แบตเดิม พร้อมการรับประกันนาน 2ปี/40,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่องดีเซล ออมนิคราฟท์ เกรด 10,000 กม. ราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 140 บาท/ลิตร ฟรีค่าแรง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% เกรด 10,000 กิโลเมตร ปกติ 570 บาท/ลิตร เหลือเพียง 199 บาท/ ลิตร ฟรีค่าแรง ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถาม และขอรับบริการง่ายๆ ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ควิกเลน ที่หมายเลข 02-039-5798 หรือที่ www.facebook.com/QuickLaneThailand นอกจากนี้ ควิกเลนทุกสาขาพร้อมบริการบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อด้วยมาตรฐานระดับโลกที่สะดวกรวดเร็วครอบคลุมลักษณะงานมากถึง 14 ประเภท เช่น การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตรวจซ่อมระบบเบรค โช๊คอัพและระบบช่วงล่าง ไปจนถึงแบตเตอรี่รถยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมอบความไว้วางใจด้วยการบริการโดยช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญและทีมงาน คุณภาพประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและอะไหล่คุณภาพเยี่ยมมาตรฐานระดับโลกอย่างอะไหล่ออมนิคราฟท์ (Omnicraft) ที่มากับการรับประกันที่ยาวนานอีกด้วย ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการควิกเลนทั่วประเทศ ทั้ง 16 สาขา 8 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล และอีก 8 สาขาในต่างจังหวัด เปิดให้บริการตามปกติทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น. ค้นหาบริการที่สะดวกวางใจได้จริง ควิกเลนที่ใกล้คุณที่สุด ได้ที่ www.quicklane.com/th-th/locations
เตรียม #NextGenRanger
สำหรับ ฟอร์ด แล้วนั้น ในการทดสอบความแกร่งและความทนทานของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทีมวิศวกรผู้พัฒนารถฟอร์ดทั่วโลกไม่เคยยั้งมือกับการตั้งโจทย์สุดโหดทุกรูปแบบ เพื่อให้มั่นใจว่านี่จะเป็นรถกระบะระดับโลกที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ท้าทายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการออกแบบและพัฒนาเพื่อเป็นรถกระบะที่แกร่งที่สุด ชาญฉลาดที่สุด ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์ ทุกรุ่นที่เคยมีมา กระบะพันธุ์แกร่งคันนี้จึงต้องผ่านการทดสอบทั้งบนถนนจริงและในโปรแกรมเสมือนจริงมากกว่าทุกครั้ง มร.จอห์น วิลเลมส์ หัวหน้าวิศวกรโปรแกรม ฟอร์ด เรนเจอร์ กล่าวว่า “เพราะคำว่า ‘เกิดมาแกร่ง’ ของเราไม่ได้มากันง่ายๆ เราจึงจริงจังกับทุกขั้นตอน ทุกองค์ประกอบของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการทดสอบด้วยมาตรฐานเดียวกับที่เราใช้กับรถฟอร์ดทุกรุ่นฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงต้องเผชิญทุกสภาพแวดล้อมการขับขี่สุดทรหดที่อาจพบได้ในทุกมุมโลก นอกจากเพื่อให้มั่นใจว่ารถคันนี้พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้าแล้ว กระบะคันนี้ยังต้องผ่านมาตรฐานระดับโลกที่เข้มข้นของฟอร์ด ทั้งในแง่คุณภาพ ความทนทาน และความไว้วางใจได้ สิ่งสำคัญคือลูกค้าของเราต้องวางใจได้ว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ จะเป็นรถคู่ใจที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือชั้นได้ตลอดการใช้งาน เราจึงต้องทดสอบรถด้วยรูปแบบสุดหฤโหดต่างๆ ที่เหนือไปกว่าการใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจว่ารถคันนี้พร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์อันท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการบุกป่า ฝ่าโคลน รับมือกับสภาพอากาศร้อนชื้น การลากจูงของหนักผ่านยอดเขาสูงหรือความทนทานต่ออุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ผ่านมาหมดแล้ว” จนถึงตอนนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้ผ่านการทดสอบขับฝ่าทะเลทรายไปแล้วกว่า 10,000 กิโลเมตร การขับแบบใช้งานในชีวิตประจำวันราว 1,250,000 กิโลเมตร และการขับขี่แบบออฟโรด พร้อมน้ำหนักในการบรรทุกสูงสุดอีก625,000 กิโลเมตร และเรายังคงทดสอบรถอยู่จนถึงตอนนี้ ภายใต้ทุกสภาพเส้นทางที่แตกต่างกันทั่วโลก และก่อนที่รถจะออกมาวิ่งทดสอบบนถนนจริง ทีมวิศวกรของฟอร์ดใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการทดสอบรถต้นแบบในระบบจำลองสถานการณ์เสมือนจริง รวมถึงการทดสอบรถต้นแบบคันจริงในห้องแล็บอีกหลายพันชั่วโมง เพื่อตรวจสอบทุกองค์ประกอบตั้งแต่อากาศพลศาสตร์ ไปจนถึงความทนทานของชิ้นส่วนและโครงสร้างทั้งหมด อย่างไรก็ตาม โปรแกรมจำลองสถานการณ์เสมือนจริงช่วยร่นระยะเวลาในการพัฒนารถรุ่นใหม่ ในขณะที่การทดสอบในห้องแล็บช่วยให้เราปรับแต่งและทดสอบแต่ละชิ้นส่วนได้อย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็ยังไม่มีอะไรทดแทนการทดสอบรถบนถนนจริงได้” มร. วิลเลมส์ อธิบาย ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ มีความคาดหวังว่ารถกระบะคู่ใจจะต้องพร้อมบุกตะลุยไปทุกที่ การทดสอบของเราจึงจำลองสถานการณ์ที่ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมที่ลูกค้าพบเจอได้ในการใช้งานจริงโดยการทดสอบเหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่ทำงานของฟอร์ดทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าในกว่า 180 ประเทศทั่วโลกได้อย่างเต็มที่ สำหรับการทดสอบบางอย่างที่ทรหดเกินกว่ามนุษย์จะทนได้ จึงมีการใช้โปรแกรมจำลองสถานการณ์เสมือนจริงและหุ่นยนต์เข้ามาเป็นตัวช่วย เช่น การทดสอบช่วงล่างของรถด้วยระบบสั่นสะเทือน ทำให้รถทั้งคันต้องเจอแรงกระแทกสุดทรหดต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น มร.จอห์น วิลเลมส์ หัวหน้าวิศวกรโปรแกรม ฟอร์ด เรนเจอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะวิศวกร งานแรกของเราคือการถ่ายทอดความต้องการของผู้ใช้รถให้ออกมาเป็นข้อมูลที่ชัดเจน จับต้องได้ เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานให้กับทุกคนในทีมออกแบบและพัฒนารถ เพื่อให้ทีมวิศวกรใช้อ้างอิงในทุกกระบวนการ นี่คือสิ่งที่สำคัญสูงสุดสำหรับเรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เพราะเป็นรถที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับลูกค้าทั่วโลก”
Supermodel Me Revolution
บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เรียลลิตี้ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกนำเรียลลิตี้การแข่งขันยอดนิยมอย่าง ‘Supermodel Me’ มานำเสนอสู่สายตาแฟนๆ รายการทั่วโลกอีกครั้งให้สมกับการรอคอย บอกเลยว่าครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่าด้วยความสดใหม่ของเนื้อหารายการ ที่เพิ่มความท้าทายรูปแบบใหม่ และการรวมตัวของเหล่านักแสดงชื่อดังมากความสามารถ และผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงแฟชั่นมาช่วยเพิ่มสีสันให้รายการ ด้วยกระแสนิยมที่มีเพิ่มขึ้นจาก 5 ซีซั่นแรกทำให้ SupermodelMeได้ออกอากาศใน 13 ประเทศทั่วโลกและโชว์ฟอร์มจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเวทีนานาชาติ Supermodel Me ซีซั่นล่าสุดนี้ ได้รับการสนับสนุนหลักในการถ่ายทำจาก Subaru Asia โดยมี 12 นางแบบสาวมั่นจาก 8 ประเทศทั่วเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม มาร่วมสะท้อนพลังความแกร่งของหญิงยุคใหม่ภายใต้ธีม ‘SupermodelMe Revolution’ เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สดใหม่ และน่าติดตามยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างต้นแบบของผู้หญิงเอเชียยุคใหม่ให้แก่ผู้ชมทั่วโลก ที่ผ่านมาผลงานเรียลลิตี้โชว์ของ Refinery Media ทั้ง SupermodelMe Season 1 ถึง 5 และ Asia’s Next Top Model Cycles 5 และ 6 ล้วนสร้างกระแสนิยมจนสามารถผลักดันให้เกิดซูเปอร์โมเดลหน้าใหม่ป้อนสู่วงการรวมถึงการแจ้งเกิดของinfluencer ชื่อดังบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยในซีซั่น 6 นี้ 12 นางแบบจะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน พวกเธอต้องผ่านการฝึกฝนทักษะด้านกีฬาอย่างหนัก ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแวดวงแฟชั่นอย่างเจาะลึก ขณะเดียวกันก็ต้องทดสอบสภาพความแข็งแกร่งของจิตใจและร่างกายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งแฟชั่นที่ล้ำสมัย พวกเธอต้องทำสิ่งนี้ร่วมกันในขณะที่อาศัยอยู่ร่วมกันและต้องเผชิญหน้ากันอย่างเข้มข้น ‘SupermodelMe Revolution’ สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อท้าทายขีดสุดของจิตใจ ร่างกายและจิตวิญญาณของเหล่านางแบบทั้ง 12 คนผ่านเนื้อหารายการที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อเฟ้นหาผู้เข้าแข่งขันเพียงหนึ่งเดียวที่จะคว้าชัยชนะ ในการเป็นSupermodelMe และได้รับหน้าที่ในการเป็น Subaru Ambassador ถ่ายปกนิตยสาร Harper’s Bazaar และเซ็นสัญญาเข้าสังกัดนางแบบอาชีพกับค่าย Storm Model นอกจากจะเฟ้นหานางแบบหน้าใหม่แล้ว ‘SupermodelMe Revolution’ ยังได้รวมผู้ทรงอิทธิพล ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและวงการบันเทิงในฐานะคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไว้มากมาย นำโดย ซินดี้ บิชอป นางแบบและนักแสดงมากความสามารถชาวไทย, Yu Tsai ช่างภาพชาวอเมริกัน ที่โด่งดังอย่างมากจาก America’s Next Top Model Cycle 22 และCycle 23, Hanli Hoefer พิธีกรรายการโทรทัศน์, Ase Wang นักธุรกิจ พิธีกร นักแสดง นางแบบชาวสิงคโปร์ และCatriona Grey นางงามจักรวาล 2018 นางแบบ และนักร้องชาวฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย โดยในซีซั่นนี้จะมีพิธีกรชื่อดังMonika Sta. Maria นางแบบชาวฟิลิปปินส์และรองแชมป์ Asia’s Next Top Model (รอบที่ 3) และ Dana Slosar นางแบบชาวไทยและผู้ชนะ Asia’s Next Top Model (รอบที่ 6) คอยเป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาแก่เหล่าผู้เข้าแข่งขันอย่างใกล้ชิด
HONDA เปิดตัว New PCX160 ลุคใหม่
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว New PCX160 ยกระดับความเท่ เติมเต็มความสปอร์ตด้วยสีสันใหม่ล่าสุดที่มีเอกลักษณ์ ตอกย้ำความเป็น Iconic ที่ผู้ครอบครองภาคภูมิใจ สะท้อนความเป็นที่สุดในกลุ่มพรีเมียม เอ.ที. ด้วยการผสานดีไซน์ที่ล้ำสมัย สมรรถนะการขับขี่จากเครื่องยนต์ที่แรงที่สุด และเทคโนโลยีเหนือระดับเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ New PCX160 มาพร้อมคอนเซปต์ “THE NEXT CHAPTER OF THE PRIDE สะท้อนอีกขั้นของความภูมิใจ” ถ่ายทอดภาพลักษณ์ความเป็นรถระดับ Iconic อย่างชัดเจน เริ่มจากรุ่น ABS ที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยสีใหม่ล่าสุด Matte Red หรือสีแดงด้าน ที่ให้ความโดดเด่นแต่ไกลในทุกมุมมอง พร้อมโลโก้ PCX แบบโครเมี่ยมรมดำ (New Black Chromium Emblem) ที่ช่วยสะท้อนเอกลักษณ์ความเท่เรียบหรูแบบเต็มขั้น เสริมด้วยสีน้ำเงินใหม่ในรุ่น Standard ที่ให้ทั้งความพรีเมียมและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร New PCX160 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด eSP+ 4 วาล์ว ขนาด 157 ซีซี แรงขึ้น ลื่นขึ้น ขับขี่นุ่มนวล ให้สมรรถนะที่ดีที่สุดในคลาส ปลอดภัยขั้นสุดด้วยระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีและเสียอาการขณะขับขี่ มั่นใจด้วยดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรก ABS ที่ล้อหน้า ในรุ่น ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกอย่างกะทันหัน และเทคโนโลยี Combi Brake ในรุ่น Standard ที่ช่วยกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้สมดุล New PCX160 มาพร้อมระบบไฟ Full LED รอบคัน แผงหน้าปัดแบบ Full Digital Speedometer แสดงสถานะต่าง ๆ ของตัวรถได้อย่างชัดเจนครบถ้วนทุกฟังก์ชัน…
MAZDA เปิดตัว CX-8 เพิ่มรุ่น Exclusive เบนซิน 6 ที่นั่ง
ตลาดรถอเนกประสงค์เริ่มคึกคักเมื่อมาสด้าเสริมทัพป่วนตลาดลุยเจาะฐานลูกค้ารถครอบครัวขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มเอสยูวีและปิกอัพดัดแปลง เปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-8 รถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว 7 ที่นั่งและ 6 ที่นั่ง ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งอย่างแท้จริง มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All”ทุกช่วงเวลา…มีคุณค่าไม่สิ้นสุด มอบความสะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว พร้อมเพิ่มทางเลือกใหม่ที่หลากหลายยิ่งขึ้นกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 ที่นั่ง Exclusive เบาะนั่งแบบ Captain Seat ทุกรุ่นมาพร้อม หน้าจอ Center Display แบบทัชสกรีนใหม่ ขนาด 8 นิ้ว ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และเพิ่มเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้ครบยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ยต่ำสุด0%1 หรือ 1.99%2, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี3 หรือ ฟรี Mazda Care 3 ปี4 กดราคาจำหน่ายเริ่มต้นลงเหลือ 1.4 ล้านบาท คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวรถอเนกประสงค์เอสยูวีสุดหรู CX-8 ในครั้งนี้ เป็นรุ่นที่สองต่อจาก CX-5 ภายใต้กลยุทธ์ทางด้านผลิตภัณฑ์ของมาสด้าที่ต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงปลายปี ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาของปี 2564 ตลาดรถอเนกประสงค์ในกลุ่ม D-SUV แบบ 7 ที่นั่ง รวมกับรถกระบะดัดแปลง หรือรถประเภทPPV มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2564 จำนวน 36,811 คัน เติบโตถึง28% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ที่มีจำนวน 28,857 คัน แสดงให้เห็นว่าตลาดในกลุ่มนี้ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต แต่ตัวเลือกในตลาดยังคงมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นการปรับกลยุทธ์ CX-8 ในครั้งนี้ จะเรียกความสนใจจากลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์แบบครอบครัว ที่พัฒนาขึ้นจากโครงสร้างรถยนต์นั่ง และส่งมอบความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารทุกคนในครอบครัว การเปิดตัวในครั้งนี้ ได้รับการยกระดับให้โดดเด่นและครบครันยิ่งขึ้น พร้อมนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายถึง 5 รุ่นย่อย ด้วยที่นั่งทั้งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง ทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์เอสยูวี มีห้องโดยสารสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งการโดยสารและการขนสัมภาระ ให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และครบครันในเรื่องเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัย มาสด้า CX-8 เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีขนาดใหญ่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากโครงสร้างของรถยนต์นั่ง โดยไม่ได้มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะเช่นเดียวกับ PPV จึงทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลมากกว่า หรือเทียบเท่ากับรถยนต์นั่ง แต่ยังคงมีความอเนกประสงค์ด้านการใช้งานตามที่ลูกค้ามองหา ซึ่งเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และส่งมอบความสุขให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัวในทุกการเดินทาง พร้อมเติมเต็มการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น” คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า “มาสด้า CX-8 ยังคงความเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง หนึ่งเดียวในตลาดที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยมาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีคุณค่าไม่สิ้นสุด มีการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนคือ ลูกค้ากลุ่มนักบริหารระดับสูง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จรอบด้าน เป็นผู้นำ และมีไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง เป็นรถที่จะมาเติมเต็มทุกช่วงเวลาอันมีค่าของทุกคนในครอบครัว สร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขตและไม่มีที่สิ้นสุด” ด้วยความครบครันของเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัย ที่มีเพิ่มเติมเข้ามาในทุกรุ่น ควบคู่กับทางเลือกรุ่นย่อยที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของมาสด้า เฉกเช่นเดียวกับรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่นอื่นในตระกูล CX-Series ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพพรีเมี่ยมของห้องโดยสาร สมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่า ความอเนกประสงค์ของการใช้งาน และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ที่ล้วนแล้วได้รับการออกแบบโดยคำถึงถึงการใช้งานของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง การปรับในครั้งนี้ เพื่อให้มาสด้า CX-8 มีความครบครันตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้ามากยิ่งขึ้นจึงมาพร้อมทางเลือกใหม่ที่ลูกค้าเรียกร้อง โดยเพิ่มเติมมาในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 SP Exclusive แบบ 6 ที่นั่ง โดยมาพร้อมที่นั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถปรับเอน และเลื่อนหน้า-หลังได้ พร้อมคอนโซลกลาง ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาอันมีค่าของครอบครัว มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย มอบความสบายแบบพรีเมี่ยมที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น นอกจากนี้ในทุกรุ่นย่อยยังได้รับการยกระดับความคุ้มค่า ด้วยการเสริมเทคโนโลยีด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ครบครัน อาทิ หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature ไฟท้ายแบบ LED Signature ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด เป็นต้น สำหรับห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ยังคงมาพร้อมเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยเบาะที่นั่งแถวสองแบบ 3 ที่นั่งกว้างขวาง สะดวกสบายในทุกอิริยาบถ และสามารถขึ้น-ลงรถได้สะดวก พร้อมตอบรับทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต ด้วยความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เก็บสัมภาระ ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เมื่อพับเบาะแถวที่สองและสาม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดีๆ และความเพลิดเพลินของทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัวไปตลอดการเดินทาง การออกแบบภายนอกและภายใน ยังคงพิถีพิถันในทุกรายละเอียดดุจงานศิลปะชิ้นเอก ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ถ่ายทอดความงามที่อยู่เหนือกาลเวลา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรูหรา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม ใช้วัสดุแบบ Real Wood และตกแต่งด้วยสีเงินซาตินโครม ผสานกับเบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red รองรับการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบMazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay และ Android Auto โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนใหม่ ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่หรูหราและสะดวกสบายต่อการใช้งานพร้อมเพิ่มความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสารด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง มาพร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและการใช้งานของทุกคนในครอบครัวเป็นหลัก มอบความสะดวกสบายด้วยการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลาง ตามปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน มอบความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) เพื่อตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ MAZDA CX-8 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วย เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร(SKYACTIV-G 2.5) มีใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 2.5 S (แบบ 7 ที่นั่ง) รุ่น 2.5 SP (แบบ 7 ที่นั่ง) และรุ่น 2.5 SP Exclusive (แบบ 6 ที่นั่ง) มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ที่ถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยมให้พละกำลังสูงถึง 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทางเลือกที่สองกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ในรุ่น XDL (แบบ 7 ที่นั่ง) และ XDL Exclusive…
New Honda CB500F
เน็กเก็ตไบค์สายสตรีท ดีไซน์ปราดเปรียว ดุดัน โดดเด่นเต็มขั้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ระดับท็อปคลาส ช่วงปลายฝนต้นหนาว ฤดูกาลขับขี่บิ๊กไบค์กลับมาอีกครั้ง และถึงเวลาที่เหล่าไบค์เกอร์จะได้ออกไปสัมผัสกับบรรยากาศบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในเมืองที่คุ้นเคย หรือจะขี่ลุยออกต่างจังหวัด ก็สามาถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ของตัวเอง สำหรับนักบิดสายสตรีทที่ชื่นชอบในสไตล์เน็กเก็ตไบค์ ชั่วโมงนี้ต้องไม่พลาดกับโมเดลใหม่ในตระกูล 500 Series ที่ฮอนด้าได้เปิดตัว New CB500F รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นเน็กเก็ตไบค์ที่ออกแบบมาเพื่อสายสตรีทโดยเฉพาะ เหมาะกับการขับขี่ในเมืองเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการดีไซน์ตัวรถให้มีความปราดเปรียวและคล่องตัว ตำแหน่งท่านั่งการขับขี่ให้ความกระชับ ควบคุมรถได้ง่าย มีบุคลิกแตกต่างกับรหัสตัว R และ X อย่างชัดเจน นอกจากสไตล์ความโดดเด่นของ Street Naked Bike ที่ตอบโจทย์ความต้องการนักบิดได้อย่างลงตัวแล้ว เมื่อรวมกับการเสริมสมรรถนะเต็มขั้น ด้วยโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 41 มม. และดิสก์เบรกหน้าคู่ที่ติดตั้งเข้ามาใหม่ ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์แบบ Radial Mount 4 Pots และระบบเบรกแบบ ABS ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และการควบคุมขั้นสูงสุดเทียบเท่าบิ๊กไบค์ระดับท็อปคลาส กล่าวถึงฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการยกระดับในครั้งนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเพิ่มอรรถรสการขับขี่ในเวลากลางคืนมากยิ่งขึ้น นั่นคือในด้านระบบไฟส่องสว่างแบบ Full LED ได้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน สามารถให้ความสว่างทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากถึง25% เลยทีเดียว New CB500F รุ่นล่าสุด ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด บิดติดมือในทุกอัตราเร่ง และยังติดตั้ง Assist Slipper Clutch ที่ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลัง เพิ่มความนุ่มนวลขณะเปลี่ยนเกียร์ มาพร้อมระบบ Emergency Stop Signal สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกฉุกเฉินกะทันหัน ตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับซูเปอร์ไบค์ สำหรับนักบิดสายสตรีท ที่ชอบความปราดเปรียวคล่องตัวสไตล์เน็กเก็ตไบค์ New CB500F เป็นบิ๊กไบค์ที่เหมาะมากสำหรับขับขี่โลดแล่นในเมืองหรือทุกเส้นทางบนท้องถนน ด้วยออปชันจัดเต็มระดับท็อปคลาส แต่ราคาเท่าเดิม หรือ214,700 บาท ผู้ที่สนใจ New CB500F สามารถไปพบกับรถคันจริงได้ที่ Honda Big Wing ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ : www.hondabigbike.com เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondabigbiketh #New500Series #NewCB500F #HondaBigBike #CBRSeries #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ThaiHonda #HondaThailand
บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ครบรอบ 20 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย นำโดย มร. วิลฟรีด ลุกซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน, คุณองอาจ อรุณแสงโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด, และคุณอำนาจ วจนะวิวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารแบรนด์ ร่วมในการจับรางวัลให้แก่ลูกค้าผู้โชคดีกลุ่มแรกในการมอบรางวัลประจำเดือน สำหรับแคมเปญเฉลิมฉลองการเดินทางครบรอบ 20 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ในไทย พร้อมมอบรางวัลรวมมูลค่า 7 ล้านบาท การจับรางวัลดังกล่าวจัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย โดยมีคุณปรีชา เบี้ยมุกดา เจ้าพนักงานชำนาญการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน แคมเปญดังกล่าว นอกจากจะมอบรางวัลสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ซึ่งรวมถึงแพ็คเกจบริการลีมูซีนพร้อมคนขับด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ประสบการณ์การขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สขับขี่ BMW Driving Experience กิจกรรม MINI John Cooper Works Track Days หรือจะเป็นคอร์สขับขี่มอเตอร์ไซค์ฉบับออฟโร้ดอย่าง BMW Motorrad Rider Training ทั้งสามแบรนด์ยังเตรียมมอบรางวัลใหญ่จุใจ ได้แก่ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupe รถยนต์ไฟฟ้าล้วน The New All-Electric MINI และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ในช่วงท้ายของแคมเปญในปี 2565 อีกด้วย ลูกค้าที่ซื้อบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด…