ถ้าจะเอ่ยถึง มาสด้า3 ต้องบอกว่าเปิดตัวต่อสาธารณชนให้คนไทยได้รู้จักกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยนับเป็นรถยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า เรียกง่ายๆ ว่าเจ้า มาสด้า3 เป็นตัวแทนซูมซูมของรถยุคใหม่ของ มาสด้า
อย่างไรก็ตาม มาสด้า3 ได้รับการยกย่อง ด้านรูปลักษณ์ ที่แสนจะดึงดูดใจและการควบคุมรถเป็นเลิศ นอกจากนี้ยังติดอันดับ top 3 ของรถยนต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ปี 2557
ทั้งนี้ มาสด้า3 รุ่นแรกได้ขึ้นไลน์การผลิตในโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ และเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2547 ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด มียอดขายในประเทศไทยสูงกว่า 30,000 คัน ถัดมารุ่นที่ 2 เริ่มขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2554 ซึ่งรุ่นนี้วางจำหน่ายในตลาดเพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น แต่กลับมียอดขายสูงกว่า 15,000 คัน ต่อมาในรุ่นที่ 3 เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดกับการพัฒนา ระบบต่างๆ การสำแดงพลังของเครื่องยนต์ และการกลมกลืนของการใช้งานของช่วงล่าง มาสด้า3 จึงเป็นรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และภายใต้การออกแบบโคโดะ ดีไซน์ อันสง่างาม รวมทั้ง 3 เจนเนอเรชั่น มียอดขายในประเทศไทยสูงถึง 62,477 คัน
มาสด้า3 รุ่นปรับโฉมใหม่ โมเดลเยียร์ปี 2017 ได้รวมความเร้าใจใหม่ๆ อาทิ การออกแบบที่พริ้วไหว ความสปอร์ตที่สมบูรณ์แบบ และการขับที่สนุกสนาน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ของรถกลุ่ม C-segment
รูปลักษณ์ภายนอก สวยงามมุ่งมั่น ตามลายเส้นด้านข้างที่ดูพริ้วไหว เต็มเปี่ยมไปด้วยรูปลักษณ์ในแบบโคโดะดีไซน์ ที่ดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างด้วยรูปทรงที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย กระจังหน้าใหม่และ signature wing โฉมใหม่ใช้ไฟ LED ตลอดจนกันชน และกระจกมองข้าง ออกแบบให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รูปลักษณ์ภายนอกนั้นให้ความสำคัญ กับลักษณะทางกายภาพของตัวรถด้วยการเน้นรูปทรงตามแนวนอน ให้ได้ความรู้สึกที่กว้างกว่า และรูปทรงแนวดิ่งที่ดูแข็งแรงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เน้นให้ฐานของตัวรถยิ่งดูกว้างขึ้น ให้สัดส่วนที่ทรงพลังและสง่างาม ทั้งรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตูจะดูคล้ายกันมาก แต่ที่เราเลือกเจ้าตัว 5 ประตู เพราะอรรถประโยชน์ ในการบรรทุกของด้านหลัง ง่ายดายมาก ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่ แนวเส้นของก้านพุ่งตรงไปในทิศทางเดียว ช่วยเน้นเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่และให้ความรู้สึกถึงความดุดันแข็งแกร่งให้กับดีไซน์โดยรวมของตัวรถ แถมสีมีให้เลือกถึง 7 สี รวมถึง 3 สีใหม่ คือ สีเทา เมทิเออ เกรย์ สีดำ เจ็ทแบล็ก สีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู และ สีแดง โซล เรด สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล กับสีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค
การออกแบบ ตกแต่งภายใน เป็นความลงตัวของความเป็นสปอร์ต กับซีดาน มารวมกัน รถคันนี้ พูดได้ว่าเป็นสปอร์ตซีดาน เบาะนั่งที่เป็นบัคเก็ตซีท ทำให้มีอารมณ์การขับเหมือนรถสปอร์ต พวงมาลัย และหัวเกียร์ที่สวยงาม ดึงดูดให้รู้สึกอยากจะขับรถคันนี้ทันทีที่ได้เปิดประตูเข้าไปสัมผัสภายในรถ แผงควบคุมที่ยาวไปถึงที่นั่งผู้โดยสารมีรูปทรงที่เก๋ไก๋มากขึ้น มีมิติมากขึ้น และกรอบแผงประตูด้านในก็มีดีไซน์ที่เฉียบคม ความเป็นหนึ่งเดียวที่สัมผัสได้ ระหว่างหน้าจอ Center Display และแผงควบคุมเกิดจากพื้นที่ที่กว้างขวาง และลาดต่ำ มาสด้า3 ใหม่มีเบรกมือไฟฟ้า และกล่องเก็บสัมภาระดีไซน์ใหม่ ที่ไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับด้ามเบรคมืออีกต่อไป ปุ่ม Center Commander และสวิตช์ควบคุมที่เกี่ยวข้องถูกจัดวางไว้กึ่งกลาง ง่ายที่สุด คือ การปรับวิทยุนี่ล่ะ ภายในมีทั้งแบบผ้าสีดำชนิดใหม่ และเบาะหนังสีดำให้เลือก โดยเบาะหนังสีดำที่เรานำมาขับ ให้ความรู้สึกแนวสปอร์ต ในขณะที่เบาะผ้าจะออกแนวโรมานซ์ เสียมากกว่า
เทคโนโลยีเพียบ เพราะการออกแบบหน้าจอ Active Driving Display และมาตรวัดต่างๆ แสดงผลให้ชัดเจนอ่านง่ายยิ่งขึ้น หน้าจอ Active Driving Display อัพเกรดใหม่เป็นหน้าจอสีที่เพิ่มความสว่าง ความคมชัดมากกว่าเดิม สัญญาณเตือนต่างๆ จะเป็นสีแดง และเหลือง แสดงข้อมูลได้ราบรื่นขึ้น และมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเดิม ส่วนเครื่องยนต์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่มีสมรรถนะถึง 165 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดถึง 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที มาตรฐาน ยูโร4 กับระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมทาง มาสด้า ยืนยันว่า ณ ปัจจุบันนี้ มาสด้า3 ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซินอยู่ ยังไม่นำเอาเครื่องยนต์ดีเซลมาใส่อย่างแน่นอน อย่างนั้นใครที่ติดใจกับการขับเครื่องยนต์ดีเซลอย่าง มาสด้า2 ก็ต้องรอต่อไปก่อน
ส่วนประสบการณ์แบบ จินบะ-อิตไต คือ สิ่งที่มาจากปรัชญาที่ว่า มนุษย์เป็นศูนย์กลาง มนุษย์ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนารถยนต์ของมาสด้า โดยเฉพาะกับ มาสด้า3 ใหม่ เป้าหมาย คือ การพัฒนาให้ได้มาซึ่งสมรรถนะที่คล่องตัว และให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินในการขับ ที่แน่ๆ คือ ตอนขับ รู้สึกได้ถึงต้นจัดมาก การขับตอบสนุกได้ดี เร่งเครื่องด้วยคันเร่ง ไปในทันที ไม่ต้องรอรอบ ถึงรอบไม่จัด แต่การพุ่งทะยานจากจุดหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซงในความเร็วประมาณ 80-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พริบตาเดียว ขึ้นไปแบบไม่รู้ตัว แต่กลับมั่นใจ เพราะจำเป็นต้องใช้พวงมาลัยควบคู่ไปด้วย แต่กลับควบคุมง่ายดาย พูดได้เข้าใจง่ายๆ คือ เร่งคันเร่ง รถมาสด้า3 ไปแบบไม่รอรอบ การหักเลี้ยว การเข้าโค้ง แม่นยำมากเพราะพวงมาลัยตอบสนองดี ที่สำคัญเบรกสั่งได้ดังใจ แต่ไม่หยุดจนหัวทิ่ม และด้วยเทคโนโลยี จี-เวคเตอริ่ง คอนโทรล (GVC) เปิดตัวเป็นครั้งแรกในมาสด้า3 ใหม่นี้ นับเป็นเทคโนโลยีแรกภายใต้ซีรีส์ใหม่ สกายแอคทีฟ-วีฮิเคิล ไดนามิกส์ GVC นั้นมีพื้นฐานอยู่บนความคิดแหวกแนวที่ว่า ให้เครื่องยนต์นั้นช่วยเสริมประสิทธิภาพของช่วงล่าง และสอดคล้องกับปรัชญา ในการพัฒนาว่าด้วยมนุษย์เป็นศูนย์กลางของ มาสด้า GVC ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้แปรตามการสั่งการจากพวงมาลัย เพื่อควบคุมให้แรงเหล่านี้เป็นหนึ่งเดียว และเสริมประสิทธิภาพการรับน้ำหนักในแนวดิ่งของยางแต่ละเส้นให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพสูงสุด GVC ช่วยควบคุมแรงบิด ทำให้เกิดการผ่อนแรงจีทันทีเมือเริ่มหมุนพวงมาลัย ทำให้การรับน้ำหนัก ถ่ายไปที่ล้อหน้า จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนให้ดีขึ้น และการตอบสนองของรถดีขึ้น ถนนลื่น เช่น เมื่อฝนตก หิมะตก จะไม่มีปัญหากับประสิทธิภาพในการเกาะถนน
ความปลอดภัยแบบ อัจฉริยะ คือ ระบบ ALH เป็นระบบไฟหน้าแบบใหม่ที่ใช้ไฟ LED แบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วนสามารถแยกเปิดปิดได้ ช่วยให้ขับในเวลากลางคืนได้ปลอดภัยขึ้น ประกอบด้วยไฟสูงที่ไม่แยงตาและไฟต่ำที่ให้รัศมีการมองกว้างไกลกว่า โหมดทางหลวงจะปรับเป็นไฟสูงโดยอัตโนมัติ เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง เมื่อกล้องด้านหน้าตรวจจับไฟหน้าของรถที่กำลังแล่นสวนมาหรือไฟท้ายของรถคันหน้าได้ ไฟสูงจะดับและไฟต่ำในช่องที่เหมาะสมจะทำงานอัตโนมัติ ระดับความสว่างของไฟก็จะถูกปรับให้เหมาะสม ช่วยให้แสงไฟไม่ไปรบกวนสายตาผู้ขับอื่นๆ บนท้องถนน แต่ยังคงทัศนวิสัยเป็นเลิศของไฟสูงอยู่ ไฟต่ำที่มีรัศมีกว้างใช้ระบบไฟอันเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ขยายมุมมองไปถึงเสาเอและกระจกมองข้างที่ไฟหน้าทั่วไปไม่สามารถทำได้ ระบบช่วยปรับปรุงทัศนวิสัยเมื่อขับบนทางแยกและเมื่อขับในเวลากลางคืน ด้วยระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติที่จะปรับลำแสงขึ้นเอง โหมดทางหลวงจะช่วยให้มองเห็นถนนได้ไกลกว่าในยามกลางคืน อันนี้ จะมีอยู่ในตัว TOP ซึ่งราคา 1.1 ล้านบาทเท่านั้นเอง
ถ้าจะว่าไปแล้ว ตัวล่าง หรือตัวกลางของมาสด้า3 ก็น่าใช้ แต่ถ้าจะเอาเทคโนโลยีใหม่ครบๆ ล่ะก็ต้องเชียร์ตัว TOP นั่นล่ะ