เมื่อเสียงตามสายบอกมาเกี่ยวกับเจ้ารถเล็กคันนี้ ดูเหมือนเสียงสวรรค์ จากพีอาร์หนุ่ม ของ ฮอนด้า ออโต้โมบิลส์ บอกกับเราว่า ฮอนด้า ซิตี้ ตัวใหม่พร้อมให้ได้ทดสอบแล้ว ถึงจะรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายใน แต่ก็ต้องบอกว่าถ้าเป็นไปได้ อยากได้ทั้งรุ่นเริ่มต้นและรุ่นท็อป มาเปรียบเทียบกัน
คำตอบ คือ ออโต้สวัสดี ได้นำเอาทั้ง ฮอนด้า ซิตี้ ตัวเริ่มต้น และตัวท็อป มาทดสอบร่วมกัน เพื่อเปรียบเทียบ และข้อมูลต่อไปนี้ อาจจะเป็นข้อคิด ให้หลายคน ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ ฮอนด้า ซิตี้ ตัวใหม่ตัวนี้ ได้เลือกว่า ตัวเริ่มต้นราคาถูก หรือแพงอีกหน่อยเอาตัวท็อปไปเลย
รูปลักษณ์ภายนอก ต้องถือว่าเป็นการดีไซน์ภายนอก ที่มีแบบฉบับของรถยนต์ ฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ เรียกได้ว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นได้มากกว่า อิโคคาร์ เพราะได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Standing on The Edge” ที่สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน ซึ่งใช้โครงสร้างเดียวกันทั้งตัวเริ่มต้น และตัวท็อป
มีไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่าง ซึ่งมีรายละเอียดในตัวท็อปมากกว่า สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันมีไฟแบบ LED เดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ติดตลอดเวลาทันทีที่สตาร์ตรถ แถมไฟท้ายแบบ LED ด้วยเหมือนกัน แต่กระจังหน้าแบบโครเมียมไม่เหมือนกัน เพราะ HONDA CITY ใหม่ รุ่น RS ให้ความเป็นสปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black
มือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียม เฉพาะรุ่น SV ต่างจากตัวท็อป ที่เป็นแบบสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามตัวเริ่มต้นจะสีเดียวกับตัวรถ แต่ถ้าเป็นตัว RS หรือตัวท็อปจะเป็นสีดำ แถมตัวท็อปจะเป็นล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ถ้าเป็นตัวอื่นจะแค่ 15 นิ้ว
ทันทีที่นั่งหลังพวงมาลัย เลยรู้ว่าการออกแบบภายใน พิถีพิถันเป็นอย่างมาก เปลี่ยนทุกสุนทรียภาพให้กว้างขวางกว่าที่เคย ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย และแฝงความประณีตในทุกรายละเอียด อันนี้ตัวเริ่มต้นกับตัวท็อปมีอะไรคล้ายๆ กันยกเว้น เบาะ คอนโซล แผงข้างประตู จะแตกต่างกัน
อย่างที่บอกเบาะที่นั่งดีไซน์ใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบเบาะหนังกลับ เป็นหนังผสมกำมะหยี่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ดูดุดัน ในรุ่นท็อป และเบาะหนังธรรมดาในรุ่น SV ส่วนตัวเริ่มต้นรุ่น V และ S จะเป็นเบาะผ้า เอาล่ะทีนี้ ยิ่งละเอียด ยิ่งเลือกยากเข้าไปเรื่อยๆ ขณะที่กำลังขับ เราเลยรู้สึกว่าเบาะตัวท็อปน่านั่งที่สุด
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ เฉพาะรุ่น SV เป็นรุ่นต่อจากท็อปหรือ RS แถมยังมีคอนโซลหน้าแบบ Piano Black ที่สร้างสรรค์ขึ้น เฉพาะรุ่น RS คอนโซลกลางมาพร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ในรุ่น RS ช่องเก็บของตรงกลางด้านหลัง สามารถวางขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร มือจับเปิดประตูด้านใน ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยโครเมียมในทุกรุ่น ยกเว้นตัวเริ่มต้น
หน้าจอสังเกตให้ดี มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่สีแดง เฉพาะรุ่น RS ถ้าเป็นแสงสีขาวจะมีในรุ่นรองลงไป นอกจากการขับขี่ ที่ควบคุมพวงมาลัยได้ง่ายๆ ในย่านความเร็วกฎหมายกำหนด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบ จะควบคุมง่ายมากๆ แถมพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
ขุมพลังใต้ฝากระโปรงหน้านี่สิ มีคำถาม ที่ถามมาซ้ำๆ เครื่องเล็กจะออกต่างจังหวัดได้หรือ เลยตอบว่าได้ ไม่ว่าเครื่องเล็กขนาดไหน เอาเครื่องมอเตอร์ไซค์มาใส่รถยนต์ ก็ไปได้ จะถึงเร็วถึงช้าอีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งเครื่องที่เป็นขุมพลังเทอร์โบใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ เบนซิน นี่ยิ่งน่าสนใจ
ไม่ว่าตัวเริ่มต้น ตัวท็อปของ ซิตี้ เป็นแบบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ในรุ่นเดิม
แหมๆๆๆๆ…..มันก็น่าน้อยใจ หากใครที่เพิ่งซื้อตัวเก่าไปสดๆ ร้อนๆ และเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ มีแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร โอ้…แม่เจ้า แถมทำงานร่วมกับเกียร์ CVT อีกด้วย เลยทำให้อัตราเร่ง และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
มาดูเกียร์กันบ้าง ใช้เกียร์ 7 สปีด แต่ตัวเริ่มต้นมีเพียงเกียร์ที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง แต่ถ้าเป็นตัวท็อปของ ซิตี้ เกียร์สามารถปรับเปลี่ยนได้ที่พวงมาลัย เพิ่มความสนุกสนานเหมือนกัน ส่วนการขับทางไกล ถ้ามีปัญหาเรื่องระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซิตี้ ตอบโจทย์ได้ไม่ยาก
รถมีมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC TURBO เกิดจากระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง ส่งผลให้ได้พลังงานที่เกิดจากการเผาไหม้ที่รุนแรง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบและต่อเนื่อง อันนี้ฟังจากเสียงเครื่องที่เดินเรียบทั้งรอบสูงและรอบต่ำ
กับเรื่องสุดเจ๋ง คือ Honda CONNECT ซึ่งมีในตัวท็อปหรือ รุ่น RS คือ เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อรถยนต์ และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ให้ผู้ขับ และรถยนต์สามารถสื่อสารกันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชัน คือ…
1.MY SERVICE สามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ
2.DRIVING BEHAVIOR บันทึกข้อมูลการขับขี่เป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี
3.WIFI สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์
4.AIRBAG DEPLOYMENT เมื่อถุงลมทำงานแสดงว่าเกิดอุบัติเหตุ Honda CONNECT จะส่งสัญญาณไปยังเบอร์ติดต่อฉุกเฉินทันที
5.SECURITY ALARM ช่วยแจ้งสถานะเมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก
6.REMOTE VEHICLE CONTROL สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด
7.GEO FENCE & SPEED ALERT สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้
8.FIND MY CAR สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุดผ่านทางแอปพลิเคชัน
และในตัวท็อปกับรองท็อป ยังมีกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ในจังหวะที่เกียร์เปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง แต่ในรุ่นเริ่มต้นไม่มี
สีและรุ่นของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น V และรุ่น S พร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำ (รุ่น RS, V และ S) และทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV)
แถมมีรุ่นย่อยให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ ตัวท็อป รุ่น RS ราคา 739,000 บาท รุ่นรองท็อป SV ราคา 665,000 บาท รุ่น V ราคา 609,000 บาท และรุ่น S ราคา 579,500 บาท ราคาที่จับต้องได้ ดูรายละเอียด www.honda.co.th/city
