เบนซ์ บริจาคตู้ชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ให้ใช้ฟรี…ทุกยี่ห้อ
![](https://autosawasdee.com/wp-content/uploads/2020/07/EQ2-840x633.jpg)
เมื่อตอนที่ ทีมพีอาร์ เมอร์เซเดส เบนซ์ โทรศัพท์มาบอกว่า ขอเชิญไปร่วมสัมผัส และฟังบรรยาย เกี่ยวกับนโยบายของ โครงการ “Charge to Change” นั้น บอกตามตรงว่าไม่รู้สึกอะไรเลย…เพราะว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา การทำโครงการ CSR ต่างๆ ของบริษัทรถยนต์ ล้วนเป็นที่มาแห่งการสร้างอิมเมจแบรนด์ ให้มีภาพลักษณ์แห่งอัตลักษณ์นิยม
แต่เมื่อเดินทางไปถึง พัทยาเหนือ โดยการขับรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด ของ เมอร์เซเดส รุ่น GLC 300e 4MATIC AMG นอกจากเราจะได้สัมผัส สมรรถนะ ของรถยนต์ ประเภทใช้พลังงานทางเลือก ร่วมกับเครื่องยนต์เบนซินแบบเดิม เพิ่มเติม คือ ให้กำลังแรงขึ้น ประหยัดขึ้น ที่สำคัญ มลภาวะเป็นพิเศษทางอากาศลดน้อยลงด้วย
![](https://autosawasdee.com/wp-content/uploads/2020/07/EQ3-840x561.jpg)
ขณะที่เรากำลังสนใจ และหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด คันนี้อยู่นั้น คุณอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็มาให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับโครงการที่ใช้ชื่อว่า “Charge to Change” ว่า “การชาร์จเพื่อเปลี่ยนโลก ลดปัญหา PM 2.5 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้คนไทย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวโครงการ “Charge to Change” อย่างเป็นทางการ ชวนผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับพลังงานน้ำมันหันมา “ชาร์จเพื่อเปลี่ยนโลก” โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมาชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้บ่อยขึ้น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหา PM 2.5 สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น พร้อมทั้งสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้กับคนไทย ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเลิกล้มโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยของ เมอร์เซเดส เบนซ์ และยังรามไปถึงการล้มเลิกการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่กระทั่งข่าวลือว่า EQC รถยนต์ที่ เมอร์เซเดส เบนซ์ ยกเลิกการทำตลาดในเมืองไทย ก็ไม่ได้แปลความหมายว่า โครงการรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งหมดของ เมอร์เซเดส เบนซ์ ตัวอื่นๆ จะไม่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย เพราะโรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ไม่เพียงแต่จะใช้กับรถยนต์ภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย แม้ในช่วง โควิด-19 ที่ผ่านมา เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบกับผู้คนทั่วโลก นำไปสู่การที่พวกเราต้องเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อลดการระบาด จนกระทั่งทำให้การเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อรถยนต์ไฟฟ้าของ เมอร์เซเดส เบนซ์ ในประเทศไทย ต้องเลื่อนออกไป แต่การวางแผนระยะยาว เพื่อต่อสู้กับปัญหามลภาวะทางอากาศของฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะบรรเทาเบาบางลง และไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก ทว่าในความเป็นจริง ปัญหานี้ยังอยู่กับเรา ไม่ได้หายไปไหน และการเดินทางด้วยรถยนต์ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิด PM 2.5 ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุชัดเจนว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของฝุ่นละออง PM 2.5 นั้นมาจากการเดินทางโดยรถยนต์ และเฉพาะในกรุงเทพฯ เพียงเมืองเดียวก็มีจำนวนรถยนต์จดทะเบียนอยู่มากกว่า 10 ล้านคัน ไม่ว่าจะมีโควิดหรือหลังจากโควิดผ่านพ้นไป ปัญหา PM 2.5 จะยังเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยทุกภาคส่วนต้องหันมาร่วมมือกันแก้ไข แต่สำหรับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้ามาลงทุนและทำตลาดในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เราได้กลับมาคิดทบทวนว่า จะมีทางใดที่เรายังสามารถใช้รถยนต์ต่อไปแต่ช่วยให้อากาศสะอาดขึ้นได้บ้าง ซึ่งเราพบว่า รถยนต์ EQ Power หรือรถยนต์รุ่นปลั๊กอินไฮบริดที่เรามีนั้นสามารถมอบการเดินทางที่ปราศจากมลพิษให้กับผู้ขับขี่ได้ แต่การจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในวงกว้างนั้นต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากผู้ใช้รถยนต์ทุกคน จึงเป็นที่มาของการสร้างสรรค์โครงการ “Charge to Change” ขึ้นอย่างเป็นทางการในวันนี้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งผู้ใช้เมอร์เซเดส-เบนซ์และผู้ใช้รถยนต์ แบรนด์อื่นๆ ตระหนักว่า คุณสามารถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนโลกให้สะอาดขึ้นพร้อมทั้งลดปัญหา PM 2.5 ได้เพียงหันมาชาร์จรถยนต์ของคุณให้บ่อยขึ้น นอกจากนี้เรายังจะประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ร่วมมือกันขับคลื่อนเพื่อผลักดันให้กรุงเทพฯ กลายเป็นฮับของการเดินทางโดยรถยนต์พลังงานสะอาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตด้วย”
![](https://autosawasdee.com/wp-content/uploads/2020/07/Amg1-840x546.jpg)
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะโครงการนี้ เป็นโครงการที่ไม่ส่งผลยอดขายกับ เมอร์เซเดส เบนซ์ แต่อย่างใด แต่ส่งผลกับสังคมโดยรวม โครงการ “Charge to Change” เป็นโครงการระยะยาวที่จะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่
1.การกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เมอร์เซเดส-เบนซ์พบว่า ผู้ใช้รถยนต์ EQ Power หลายท่านมักจะไม่ชาร์จพลังงานไฟฟ้า ด้วยสาเหตุสำคัญ 3 ประการคือ ไม่ทราบว่ารถยนต์ของตัวเองชาร์จได้ ไม่ทราบว่าจะชาร์จได้ที่ไหนบ้าง และไม่สนใจที่จะชาร์จเพราะเติมน้ำมันแล้วขับด้วยน้ำมันสะดวกกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงมุ่งสร้างความตระหนักรู้ ทั้งผ่านวิดีโอออนไลน์และการร่วมมือกับบุคคลชั้นนำในวงการต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์รับรู้ว่า เพียงแค่ขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ไฟฟ้าในทุกวัน คุณก็สามารถมีส่วนช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ทันทีในทุกการขับขี่ และไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น แต่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินจากแบรนด์ใดก็สามารถมีส่วนช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นได้เช่นกัน
2.การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีความพร้อมและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์จะร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในหลายวงการเพื่อขยายเครือข่ายการชาร์จ โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ เพื่อทำให้ประสบการณ์ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกและเข้าถึงง่ายที่สุดสำหรับผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเริ่มต้นด้วยการมอบ Wallbox สำหรับการชาร์จไฟฟ้าจำนวน 100 ชุดให้กับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตามสวนสาธารณะ และที่ใช้สถานที่ส่วนรวม ร่วมกันอย่างกว้างขวาง
3.สู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งหวังให้โครงการนี้มีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
![](https://autosawasdee.com/wp-content/uploads/2020/07/amg2-840x560.jpg)
ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เปิดเผยยอดขายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ว่า รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้ แบรนด์ Mercedes-AMG สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นถึง 54% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ส่วนรถยนต์ EQ Power หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์มีสัดส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า เทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์พลังงานทางเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการสร้างสรรค์โครงการ “Charge to Change”ซึ่งจะเป็นโครงการระยะยาวที่เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความตั้งใจจะทำเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาตระหนักในการมีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในอนาคต
นอกจากการเปิดตัวโครงการ “Charge to Change” อย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมาแล้ว ครั้งนี้ เป็นการนำสื่อมวลชนมาร่วมกันตอกย้ำ ถึงการทุ่มเทให้กับสังคม ที่ต้องเปลี่ยนร่วมกัน เพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
#แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นก้าวสำคัญ
#หากทุกฝ่ายให้ความสนใจ
#เมอร์เซเดส เบนซ์ ประเทศไทย เริ่มทำแล้ว!