FORTUNER COMMANDER

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงในตลาดPPV           ตลอดระยะเวลา10 ปีติดต่อกัน แนะนำรถอเนกประสงค์ระดับหรูรุ่นพิเศษFORTUNER COMMANDER โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สง่างาม พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย พิเศษด้วยการปรับจูนช่วงล่างใหม่ให้ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความนุ่มนวล เกาะถนน       เสริมสมรรถนะการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบ ครบครันด้วยระบบความปลอดภัย ตอบโจทย์ในทุกสภาพการใช้งาน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์     เจนเนอเรชั่นที่ 1 สู่ตลาดเมืองไทย ภายใต้โครงการ “IMV : Innovative International Multi-Purpose Vehicle” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า สร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท Pick-Up Passenger Vehicle (PPV)  ในประเทศไทย โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า  390,000 คัน อีกทั้งยังส่งออกจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย และที่สำคัญสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม ตลอดจนอรรถประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า สร้างความภูมิใจในการเป็นเจ้าของด้วยความเหนือระดับอย่างแท้จริง จนสามารถครองใจลูกค้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ ยืนยันความสำเร็จด้วยยอดขายอันดับ 1 ในตลาด PPV 10 ปีติดต่อกัน พร้อมการันตีด้วยรางวัลด้านคุณภาพมากมาย อาทิรางวัล เจ.ดี.พาวเวอร์ เอเซีย แปซิฟิก (JD Power) รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมแห่งปี (TAQA Awards) และรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Car of the year) และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นในคุณภาพ และความไว้วางใจด้วยดีตลอดมา พร้อมกันนี้ยังเป็นการเสริมความเป็นผู้นำตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โตโยต้า ภูมิใจแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูFORTUNER COMMANDER  ใหม่ ที่โดดเด่นด้วย ชุดตกแต่งกันชนหน้าและหลัง บันไดข้าง คิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงาพร้อมด้วยสัญลักษณ์ FORTUNER และหลังคาสีดำแบบทูโทน โดดเด่น สะกดทุกสายตา พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในใส่ใจในทุกรายละเอียดกับ เบาะหนังและวัสดุตกแต่งสีดำ สลับเดินตะเข็บด้ายสีแดง ให้ความแตกต่างที่เหนือระดับ ขับเคลื่อนเหนือระดับด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2.4 GD Super Power ที่ให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร 150 แรงม้า  ตอบสนองเต็มพลังทั้งแรงม้า และแรงบิด สอดรับทุกการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะ พร้อมปรับจูนช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังใหม่ รองรับแรงสั่นสะเทือนในทุกสภาพถนน   ได้เป็นอย่างดี ครนครับด้วยฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวก และเพิ่มระบบความปลอดภัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างเต็มพิกัดด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) FORTUNER COMMANDER เพิ่มความพิเศษ เหนือระดับรอบคัน ใหม่…ดีไซน์ภายนอก…สะท้อนความเป็นผู้นำของรถเอนกประสงค์ระดับหรูชุดตกแต่งกันชนหน้าและกระจังหน้าสีดำเงาบันไดข้างสีดำเงากระจกมองข้างสีดำเงาหลังคาสีดำแบบทูโทนคิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงาล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วใหม่…ดีไซน์ภายใน…ใส่ใจในทุกรายละเอียด แตกต่างอย่างเหนือระดับภายในดีไซน์สปอร์ตโทนสีดำสลับแดง ให้ความรู้สึกสปอร์ตเบาะนั่งและวัสดุเดินด้ายตกแต่งสีแดงใหม่…สมรรถนะการขับขี่…ระบบช่วงล่างสไตล์รถสปอร์ต ตอบสนองได้ดั่งใจ ช่วงล่างได้รับการปรับจูนพิเศษทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับควบคุม ตอบสนองการขับขี่ที่ได้อรรถรส สนุกสนานมากยิ่งขึ้น มั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกสภาพถนน ใหม่…ฟังก์ชันความปลอดภัย…ให้ความมั่นใจได้ทุกการเดินทาง กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)  ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)  ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)  อนึ่ง เลือกเป็นเจ้าของ FORTUNER COMMANDER จำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันด้วย 2 สี Two tone จากโรงงาน Emotional Red Black Top   และ White Pearl CS Black Top  ราคา  ใหม่ 2.4 Commander  เกียร์อัตโนมัติ 1,505,000 บาท หรือเลือกเป็นเจ้าของ FORTUNER รุ่น GR Sport และ FORTUNER รุ่น Legender มีสีภายนอกให้เลือก 3 สี 1.Emotional Red Black…

 
Read More

TOYOTA ALTIS GR Sport

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์นั่งยอดนิยม  โคโรลล่า อัลติส GR Sport ปรับปรุงโฉมใหม่ล่าสุดในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด HEV GR Sport และรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร GR Sport เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมสมรรถนะการขับขี่ และความทนทาน สบายใจตลอดอายุการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต และการเดินทางให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าโคโรลล่า อัลติสทุกรุ่น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำหนึ่งในตำนานของรถยนต์โตโยต้าที่การันตีด้วยคุณภาพมากกว่า 55 ปี นับตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด มียอดขายมากกว่า 50 ล้านคันทั่วโลก แสดงถึงการยอมรับในพื้นฐานอันสำคัญทางด้านคุณภาพ (Quality) ความทนทาน (Durability) และความน่าเชื่อถือ (Reliability) หรือ QDR ซึ่งสืบทอดจนถึงรุ่นปัจจุบัน โดยมีการพัฒนาด้านสมรรถนะการขับขี่ ด้วยสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA เสริมประสิทธิภาพในการทรงตัวและเกาะถนน ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ (Fun-to-drive) พร้อมระบบช่วงล่างด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone) ทั้งมอบความมั่นใจสูงสุด กับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า Toyota Safety Sense ในปีนี้ โตโยต้า เปิดศักราชด้วยการเสริมทัพรถยนต์นั่งยอดนิยม เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ กับโคโรลล่าอัลติส GR Sport รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ กับรุ่น HEV GR Sport ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด และรุ่น 1.8 GR Sport กับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift พร้อมสัมผัสของสมรรถนะในการขับขี่ที่เร้าใจกว่าที่เคย ด้วยช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต ประกอบด้วยชุดคอยล์สปริงและช็อคแอบซอร์บเบอร์ พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหลังที่พัฒนาใหม่ มอบความรู้สึกในการขับขี่ที่หนักแน่น เกาะถนนดีเยี่ยม ควบคุมได้ตามใจสั่ง โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส GR Sport สะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ต ออกแบบให้รองรับการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์  กับแพ็กเกจชุด GR SPORT ประกอบด้วย กันชนหน้า, กระจังหน้า, ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตหลัง, ล้ออัลลอย 17  นิ้วออกแบบใหม่โดยเฉพาะ พร้อมสัญลักษณ์ GR Sport บริเวณท้ายรถ ภายในสะท้อนความเป็น GR ด้วยการตกแต่งเบาะหนัง เดินตะเข็บด้ายสีแดง พนักพิงศีรษะและปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ช่องเสียบ USB แบบType C ในช่องเก็บของคอนโซลกลาง, หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support), ระบบ Illuminate entry system, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS และ 3 สี พิเศษเฉพาะรุ่น ได้แก่ สีขาวมุก (Platinum White Pearl) สีแดง (Red Mica Metallic) และสีดำ (Attitude Black Mica)  โคโรลล่า อัลติส GR รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ RACE YOUR SPORTY AMBITION…ขีดสุดความเร้าใจ อะไรก็หยุดไม่ได้ ใหม่ ดีไซน์ภายนอก,,,BRAND NEW RACER BRAND NEW FEELING โคโรลล่า อัลติส ฟิลเรซซิ่ง ใหม่ สายพันธุ์ GR -กันชนหน้าใหม่ GR Sport -กระจังหน้าใหม่ GR Sport -ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ -กระจกมองข้างสีดำและสเกิร์ตข้าง GR Sport -สเกิร์ตหลัง GR Sport -ล้อแมกซ์ขนาด 17 นิ้ว GR Sport -สัญลักษณ์ GR Sport บริเวณประตูท้าย ใหม่ ดีไซน์ภายใน…GR SPORT RACING INSIDE…

 
Read More

Vespa LX 125 i-Get “PINK ROSA”

เวสป้า เติมเฉดสีแห่งความสดใสครั้งใหม่ ด้วย พร้อมเซอร์ไพรส์จากศิลปินไทยชื่อดังมาร่วมออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษ Vespa LX 125 i-Get “PINK ROSA” เวสป้า ส่งความสดใสครั้งใหม่กับที่สุดของสกู๊ตเตอร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมือง กับ Vespa LX 125 i-Get เฉดสีใหม่ล่าสุด สีชมพู “PINK ROSA” ที่จะมาหยุดทุกสายตาด้วยความโดดเด่นจากการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสดใส น่ารัก แต่แฝงไว้ด้วยความเท่และคลาสสิกชวนหลงใหลตามแบบฉบับเวสป้า พร้อมดึง 2 ศิลปินไทยBenzilla และ Jirayu Koo ร่วมดีไซน์ของพรีเมี่ยมคอลเลคชั่นพิเศษ อัพเลเวลความสดใสให้กับสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว LIVE LIFE OUT OF THE ORDINARY….เติมเฉดใหม่ให้ชีวิตมีสีสันไม่ซ้ำใคร คอนเซ็ปต์ที่บ่งบอกตัวตนของVespa LX 125 i-Get กับเฉดสีใหม่ล่าสุด สีชมพู “PINK ROSA” เป็นอีกครั้งที่เวสป้าได้หยิบยกสีสันความสดใสมาอยู่บนสกู๊ตเตอร์ พร้อมเพิ่มความพิเศษมากขึ้น กับการ Collabs กับ 2 ศิลปินไทยชื่อดังอย่าง Benzilla ศิลปินสตรีทอาร์ต ที่เราคุ้นตาจากผลงานสุดโดดเด่น ‘LOOOK’ และอีกหนึ่งศิลปินอิลลัสเตรเตอร์ Jirayu Koo จากผลงานตัวการ์ตูนสุดน่ารัก ‘น้องกลมกลม’ กับคาแรกเตอร์ลักษณะอ้วนกลม เต็มไปด้วยความสดใสและสีสันที่หลากหลาย ซึ่งทั้งสองเคยได้ฝากผลงานร่วมผลกับบรรดาแบรนด์ดัง ๆ มาแล้วมากมาย มาร่วมออกแบบพรีเมี่ยมคอลเลคชั่นให้กับสกู๊ตเตอร์ Vespa LX 125 i-Get (PINK ROSA) ที่ประกอบไปด้วย หมวกกันน็อก ผ้าคลุมเบาะ พวงกุญแจ กระเป๋าผ้าพันคอ หน้ากากผ้า และ ชุดสติกเกอร์เรียกว่าเป็น Perfect Combination เมื่อจับคู่เข้ากันกับตัวสกู๊ตเตอร์ อนึ่ง ในเทศกาลเฉลิมฉลอง หากใครยังหาของขวัญไม่ได้ สกู๊ตเตอร์ 
Vespa LX 125 i-Get สี PINK ROSA เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของขวัญที่ประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างแน่นอน แอบกระซิบว่าของแถมพรีเมี่ยมคอลเลคชั่นพิเศษนี้มีจำนวนจำกัด สำหรับ 400 ท่านแรก ที่เป็นเจ้าของ Vespa LX 125 i-Get สีใหม่ล่าสุด PINK ROSA จะได้รับพรีเมี่ยมเซ็ตคอลเลคชั่นพิเศษ เพื่อเพิ่มสีสันในทุกการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น ได้แก่ 1. หมวกกันน็อก 2. กระเป๋า 3. ผ้าคลุมเบาะ 4. ผ้าเช็ดหน้า5. พวงกุญแจ 6. หน้ากากผ้า และ ชุดสติกเกอร์ โดยราคาของ “Vespa LX 125 i-Get (PINK ROSA)” อยู่ที่ 91,900 บาทราคานี้เป็นราคา ON THE ROAD PRICE ที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าจดทะเบียน พ.ร.บ. ประกันรถหาย 1 ปี  พร้อมรับชุดWelcome kit และสำหรับลูกค้าท่านที่ซื้อ Vespa LX 125 i-Get สีอื่นๆ 500 ท่านแรก จะได้รับของพรีเมี่ยมเซ็ต 
ซึ่งประกอบไปด้วยกระเป๋าผ้า และพวงกุญแจ  พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายเวสป้าทั่วประเทศ และอีกหนึ่งความพิเศษส่งท้ายปี เวสป้าขอมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มถึง 2 ต่อ เมื่อออกสกู๊ตเตอร์ Vespa LX 125 i-Get ต่อที่ 1 รับทันที คูปองมูลค่า 2,000 บาท ต่อที่ 2 กองทัพของแถมสุดพิเศษสำหรับลูกค้าเวสป้าโดยเฉพาะ อาทิ Vespa Essential Kit, New Normal Pack, Vespa Welcome Kit และผ้ายางรองพื้น (ยกเว้นสี Pink Rosa) โดยสามารถกดรับคูปองได้ที่ LINE OA: vespathailand หรือ https://lin.ee/pyfkWB สามารถติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ของเวสป้าได้ที่ LINE @vespathailand หรือ  http://www.vespa.co.th เฟซบุ๊กOfficial Vespa Society Thailand และ อินสตาแกรม @vespathailand   

 
Read More

นิสสัน นาวารา จัดโปรแรง

นิสสัน รุ่นดับเบิ้ลแค็บ PRO-4X และ PRO-2X รับฟรี อุปกรณ์ตกแต่งแท้จากนิสสันพร้อมค่าติดตั้งเฉพาะสีที่ร่วมรายการ อันเป็นแคมเปญพิเศษที่จัดโปรแรงส่งท้ายปี นิสสัน ประเทศไทย จัดโปรโมชั่นพิเศษส่งท้ายปีสำหรับ นิสสัน นาวารา ใหม่ รถกระบะกล้าเพื่อคนแกร่ง เสนอแคมเปญพิเศษ ออกรถ นาวารา PRO-4X สีแดงเบิร์นนิ่ง เรด และ PRO-2X สีแดง เบิร์นนิ่ง เรด, สีดำ แบล็ค สตาร์, และสีขาว ไวท์ เพิร์ล รับฟรี อุปกรณ์ตกแต่งแท้จากนิสสันพร้อมค่าติดตั้ง มูลค่า 44,000 บาท จำนวน 9 รายการ เสริมความดุดันยกระดับความหล่อที่เหนือใคร ประกอบด้วย (1) โลโก้ NAVARA ฝากระโปรงหน้าสีส้มลาวา (2) โลโก้ท้าย (3) กันชนหน้าแบบออฟโรด (4) คิ้วกันสาดประตู (5) เสาอากาศแบบครีบฉลาม (6) พื้นปูกระบะท้าย (7) ชุดแต่งขอบประตู (8) ชุดพรมและผ้ายางปูพื้น และ (9) ฟิล์มเซรามิก นิสสัน นาวารา รุ่นดับเบิ้ลแค็บ PRO-4X ราคาเริ่มต้น 1,149,000 บาท กระบะหล่อ แรง ลุย โดดเด่นด้วยระบบ 4×4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ ออฟโรดโหมดพร้อมลุยเส้นทางท้าทาย และนิสสัน นาวารา รุ่นดับเบิ้ลแค็บ PRO-2X ราคาเริ่มต้น 999,999 บาท ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกระจังหน้าและอุปกรณ์ตกแต่งโทนสีดำ ไฟหน้า Quad-Eye LED  4 ดวง และไฟ Daytime Running Light การออกแบบที่สะท้อนความแข็งแกร่ง ดุดัน อันเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยแอคเซนท์สีส้ม-แดงพร้อมเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต เหนือกว่าด้วยขุมพลังที่เหลือล้นจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตรเทอร์โบคู่ 190 แรงมา เกียร์ 7 สปีด เสริมความปลอดภัยอย่างครบครันด้วย 360°  Safety Shield  เช่น เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง(IAVM) ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (MOD) เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ(IFCW) และเทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB)  ให้คุณมั่นใจได้ทุกการเดินทาง นาวารา ทั้งสองรุ่น มาพร้อมข้อเสนอพิเศษอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% (ดาวน์ 30%, ผ่อนนาน 48 เดือน) ขับฟรี สูงสุด90 วันพร้อมฟรี ค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี/100,000 กิโลเมตร ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2564ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ ลูกค้าที่สนใจรถยนต์นิสสันรุ่นต่าง ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขแคมเปญพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายนิสสัน ทั่วประเทศ รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ของนิสสัน 02 401 9600 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ นิสสัน ประเทศไทย (1) ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่ผ่านการพิจารณาภายใต้เงื่อนไขและทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด / ทั้งนี้เงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อและอื่นๆเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของบริษัท นิสสัน ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (2) ขับฟรีสูงสุด 90 วัน นับจากวันรับรถ เฉพาะระยะเวลาการผ่อนชำระไม่เกิน 72 เดือน เท่านั้น / เฉพาะที่รับรถและเป็นสัญญาในเดือนธันวาคม 2564 จะเริ่มผ่อนชำระงวดแรก หลังจากเป็นสัญญา 90 วัน (3) ขยายรับประกันคุณภาพรถใหม่จาก 3 ปี เป็น 5 ปี โดยรับประกันต่อเนื่องจากระยะเวลารับประกันของผู้ผลิตรถยนต์(ระยะเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือไม่เกิน 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน / บริหารโปรแกรมโดย บริษัท เอ ดับเบิลยู พี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด รับประกันภัยโดย บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) (4) ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษพร้อมติดตั้ง มูลค่า 44,000 บาท ประกอบด้วย 1.โลโก้ NAVARA ติดฝากระโปรงหน้า 2.โลโก้NAVARA ติดท้าย 3.กันชนหน้าแบบออฟโรด 4.เสาอากาศแบบครีบฉลาม 5. ชุดแต่งขอบประตู 6. ชุดพรมและผ้ายางปูพื้น7. พื้นปูกระบะท้าย 8. คิ้วกันสาดประตู 9. ฟิล์มเซรามิค (นาวารา โปร-4X เฉพาะสีแดงเบิร์นนิ่ง เรด และ โปร-2X เฉพาะสีแดงเบิร์นนิ่ง เรด, สีดำ แบล็ค สตาร์, และสีขาว ไวท์ เพิร์ล)  

 
Read More

TOYOTA CROSS ราคาโดนใจ

โตโยต้า โคโรลล่า ครอส HEV GR Sport ฉายา “RACE YOUR JOURNEY AMBITION” โดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยกับ “โคโรลล่า ครอส” ใหม่ คันนี้ ซึ่งได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จ ยอดจองทะลุ 4,200 คัน ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่เปิดตัว มียอดขายสะสมตั้งแต่เปิดตัว รวมทั้งสิ้น 27,794 คัน ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดในตลาดรถซับคอมแพคเอสยูวี ที่สำคัญ ยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด มีสัดส่วนถึง 85 % ของยอดจำหน่ายรวม และเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ Hybrid SUV ตอกย้ำความเชื่อมั่นในระบบเครื่องยนต์ไฮบริดของโตโยต้า ที่ประหยัดน้ำมัน เงียบ แรง ทนทาน และมลพิษต่ำ โตโยต้า โคโรลล่า ครอส โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยว  ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และความเงียบภายในห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ประตูท้ายเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด–ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated และกล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic view monitor) นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ทั้งแบบไฮบริดรุ่นล่าสุดเจเนเรชันที่ 4 และเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i ที่ตอบสนองด้วยอัตราเร่งที่เร้าใจและประหยัดน้ำมัน โตโยต้า โคโรลล่า ครอส HEV GR Sport    ดีไซน์ภายใน… MORE SPORTY INTERIOR ใหม่…ดีไซน์ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black สปอร์ต เข้มเต็มสไตล์ GR ใหม่…เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ GR สมรรถนะการขับขี่… MORE EXCITING PERFORMANCE ใหม่…ช่วงล่างปรับจูนใหม่ เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจกว่าเดิม ด้วยคอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์    ที่พัฒนาเพื่อสมรรถนะในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ในรุ่น GR Sport โดยเฉพาะ ช่วยให้เกาะถนนดีเยี่ยม ทรงตัวดียิ่งขึ้นเข้าโค้งมั่นใจ ระบบช่วงล่าง เฉพาะรุ่น GR Sport ด้านหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ ด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ ระบบเบรก ด้านหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลัง ดิสก์เบรก ใหม่…เหล็กค้ำตัวถังด้านล่าง  เฉพาะรุ่น GR Sport ใหม่…พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR Sport เครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร ผสาน 2 พลัง มอเตอร์ไฟฟ้า x เครื่องยนต์ ให้การตอบสนองเต็มกำลังพร้อมอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด ซึ่งเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร (2ZR FXE) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว นี้ มีแรงม้าสูงสุด (EEC net) 72 กิโลวัตต์ (98 PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด (EEC net) 142 นิวตัน–เมตร(14.5 กก.-ม.) ที่ 3,600 รอบ/นาที มอเตอร์ไฟฟ้าชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 88 กิโลวัตต์ / แรงบิดสูงสุด 202 นิวตัน–เมตร แบตเตอรี่ไฮบริดชนิด นิกเกิลเมตัลไฮดราย ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์ (3 ชั่วโมง) เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ (122 PS) อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ ลิตร ใหม่…ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สไตล์ GR พร้อมยางขนาด 225/50 R18 ระบบความปลอดภัย… MORE CONFIDENCE SAFETY ใหม่…All-Speed Dynamic Radar Cruise Control with Lane…

 
Read More

“MODELLISTA”

ชุดแต่ง TOYOTA โดดเด่น หรู Tokyo Style มาตรฐานการผลิตญี่ปุ่น คุณวีระเกียรติ์วัฒนวีรเดช รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.ฮิโรฮิสะ ทากิชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัดร่วมแถลงข่าวการร่วมมือกับ บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด นำเสนอชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถแท้ MODELLISTA ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Tokyo Style พร้อมความมั่นใจในการผลิตมาตรฐานญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แห่งการดีไซน์ที่มีความพรีเมียม หรูหรา แตกต่างไม่เหมือนใคร ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดีไซน์          ภายใต้แนวความคิดที่ท้าทาย ในการปฏิรูปองค์กรสู่การเป็น “องค์กรแห่งการขับเคลื่อน” (Mobility Company) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ “ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า (Ever-better Cars)” เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายอย่างครบถ้วน เป็นแรงบันดาลใจให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมมือกับ บริษัท ทีซีดี เอเชียจำกัด นำเสนอชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถแท้ MODELLISTA ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Tokyo Style และมาตรฐานการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แห่งการดีไซน์ เน้นความหรูหรา พรีเมียม ทันสมัย ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใคร “MODELLISTA” (โมเดลลิสต้า) เป็นคำในภาษาอิตาเลียน หมายถึง “Designer” สอดคล้องกับหลักการดำเนินงานที่ต้องการออกแบบสิ่งที่พิเศษสำหรับลูกค้า ด้วยความเป็นมืออาชีพด้านวิศวกรรมและการออกแบบรถยนต์ ซึ่งอุปกรณ์ตกแต่งรถแท้ MODELLISTA ได้รับแรงบันดาลใจจากเมือง Tokyo ประเทศญี่ปุ่นหนึ่งใน    มหานครแห่งความทันสมัย ที่เพิ่มสีสันให้กับรถ และยกระดับไลฟ์สไตล์ของผู้ครอบครองให้มีความพรีเมียม หรูหราขึ้นอีกระดับ ภายใต้แนวคิด “Sense of Unity” ซึ่งหมายถึง การดีไซน์ที่ลงตัวในทุกองค์ประกอบ โดดเด่นทุกมุมมอง ด้วยดีไซน์ที่เหนือระดับ พร้อมขับเคลื่อนไลฟ์สไตล์ที่ลงตัวไปพร้อมกัน มร.ฮิโรฮิสะ ทาคิชิตะ ประธานกรรมการ บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า“MODELLISTA เป็นธุรกิจตกแต่งรถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2540 และพัฒนาสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ในปี พ.ศ.2545 ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน และคงไว้ซึ่งมาตรฐานภายใต้การออกแบบที่เน้นความพรีเมียม และความสร้างสรรค์ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่น ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านชุด โดยแนวคิดในการพัฒนาชุดอุปกรณ์ตกแต่ง   จะเน้นที่ความพรีเมียม มีสไตล์ ทันสมัย และหรูหรา ภายใต้มาตรฐานในการออกแบบ และมาตรฐานผลิตของโตโยต้า หลังจากที่ได้ทำการศึกษาตลาดในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานาน เราพบว่ามีลูกค้าจำนวนมาก    ให้ความสนใจในการแต่งรถ ให้ดูมีความพรีเมียม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังมีความมั่นใจว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีคุณภาพในการผลิตสูง ดังนั้นเราจึงมีแผนในการขยายฐาน    การออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์มายังประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศแรกนอกประเทศญี่ปุ่นที่เป็นฐานของการผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถแท้ MODELLISTAโดยในปี 2564 ได้แนะนำออกสู่ตลาดประเทศไทยแล้วจำนวนทั้งสิ้น 3 รุ่น ได้แก่ • Camry Modellista ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “BRIGHT ELEGANCE STYLE” ซึ่งออกแบบตามต้นฉบับในประเทศญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มความหรูหรา พรีเมียม และเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ให้ความภาคภูมิใจในการครอบครองเป็นเจ้าของ • Fortuner Modellista ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “SMART ELEGANCE” ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้รถ PPV มีความโดดเด่น เท่ห์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสปอยเลอร์หน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของ Modellista รูปทรง Floating Wing พร้อมการตกแต่งสีเงินโครเมียม สร้างรูปลักษณ์ที่สง่างาม สร้างเอกลักษณ์ได้อย่างเด่นชัดแม้ในระยะไกล • Corolla Cross Modellista ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “ADVANCE URBAN STYLE” ช่วยเสริมภาพลักษณ์รถเอนกประสงค์ยอดนิยมให้โดดเด่นมีสไตล์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครของ Modellistaซึ่งยังคงอรรถประโยชน์ใช้สอยไว้อย่างเต็มเปี่ยม” การแนะนำชุดอุปกรณ์ตกแต่งรถโตโยต้าแท้ MODELLISTA ในรถโตโยต้าได้รับความกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าทุกท่าน โตโยต้าขอมอบประสบการณ์ใหม่ในการซื้อให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยแคมเปญและข้อเสนอสุดพิเศษดังนี้ ซื้อรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นมาตรฐานทุกรุ่น รับฟรีชุดตกแต่งรถแท้ Modellista มูลค่ากว่า 57,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เลือกซื้อชุดตกแต่งรถแท้ คัมรี Modellista ในราคา 41,000 บาท หรือจ่ายเพิ่มเพียงเดือนละ 765 บาทต่อเดือน* โดยจ่ายพร้อมกับยอดการผ่อนชำระรายเดือน                                                                             เลือกซื้อโคโรลล่า ครอส รุ่นพิเศษ Modellista เฉพาะรุ่น HEV Premium Safety ราคา 1,240,500 บาท หรือ HEV Premium ราคา 1,130,500 ในจำนวนจำกัดเพียง 250 คัน นอกจากนี้ TOYOTA มีแผนที่จะร่วมมือกับ บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด ในการพัฒนาชุดตกแต่งรถแท้ MODELLISTAเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ต่อไป  

 
Read More

NEW MAZDA CX-3 สีใหม่ “แพลตทินั่ม ควอตซ์”

มาสด้า ประเทศไทย เปิดเกมส์บุกหนักตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวี เปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-3 มาพร้อมแนวคิด “Leap Forward” ให้ชีวิตไปอีกขั้น กับเอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เชื่อมต่อคนรุ่นใหม่กับโลกยานยนต์ด้วยการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด มาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อิสระสังคมแห่งโลกยุคดิจิตอล พบกับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 อีกระดับ ด้วยสีภายนอกเทรนด์ใหม่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ มอบความสปอร์ตพรีเมี่ยมในทุกมุมมอง สะท้อนเอกลักษณ์ความมีสไตล์ของผู้ขับขี่ที่ชัดเจน ตั้งเป้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่ม B-SUV และ B-Car Upper ที่มองหารถเอสยูวีคันแรก ที่ตอบครบทั้งไลฟ์สไตล์และภาพลักษณ์ตลอดจนฟังก์ชั่นการใช้งานบนพื้นฐานความคุ้มค่า ตั้งราคาขายเริ่มต้นเพียง 769,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวกับดอกเบี้ย 1.33%1 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “MAZDA CX-3 ถือเป็นหนึ่งในรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าชาวไทย เปิดตัวแนะนำครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 สามารถสร้างยอดขายให้กับมาสด้าได้อย่างต่อเนื่องกลายเป็นโมเดลที่ทำสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และล่าสุดในปีนี้ (เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564) ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 104% ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยมียอดขายสะสมสูงถึง 3,500 คัน ซึ่งการเปิดตัว NEW MAZDA CX-3 ครั้งนี้ นับเป็นการวางกลยุทธ์ใหม่ของมาสด้า ในการสร้างความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ให้กับรถเอสยูวีในตระกูล CX-Series ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ต่อเนื่องจากที่ได้เปิดตัวแนะนำรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นพี่ NEW MAZDA CX-5 และ NEW MAZDA CX-8 พร้อมคอนเซปต์ที่เด่นชัดด้วยภาพลักษณ์ของ MAZDA FAMILY SUV ไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ เนื่องจากการวางกลยุทธ์ด้านราคา การขยายฐานลูกค้า การเติมเทคโนโลยี และเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ลูกค้าสัมผัสและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น สำหรับการเปิดตัว NEW MAZDA CX-3 ครั้งนี้ เป็นการพัฒนาปรับโฉมเป็นครั้งที่สี่ ซึ่งทำให้ CX-3 เป็นเอสยูวีที่ล้ำสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นการกลับมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ในกลุ่ม B-SUV ด้วยการเป็นรถที่ให้มากกว่าความคุ้มค่า กับราคาที่จับต้องได้และเป็นเจ้าของได้ง่าย ครบครันด้วยเทคโนโลยี ที่ตอบรับและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอลได้อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ CX-3 ยังมาพร้อมกับการเปิดตัวสีใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งดีไซน์เนอร์เจาะจงใช้เทรนด์สีใหม่แห่งอนาคต  สี บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์เพื่อก้าวสู่เทรนด์แฟชั่นใหม่ก่อนใคร และเชื่อว่าสีดังกล่าวจะมาสร้างกระแสนิยมใหม่ให้กับวงการรถยนต์ เช่นเดียวกับกระแสตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี กับสีซิกเนเจอร์ของมาสด้าต่างๆ ที่ผ่านมา ทั้ง สีแดง โซล เรด คริสตัล, สีเทา แมชชีนเกรย์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ พร้อมยกระดับความพรีเมี่ยม ล้ำสมัยในทุกด้านของผลิตภัณฑ์รถครอสโอเวอร์ของมาสด้าที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และแสดงออกถึงตัวตนของลูกค้าในยุคดิจิตอลได้อย่างแท้จริง ซึ่งมาสด้ามั่นใจว่า รถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทยเช่นที่ผ่านมา”  อนึ่ง ทางด้าน คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-3 ถือเป็นการวางกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถประเภทครอสโอเวอร์เอสยูวีของประเทศไทย การปรับโฉม NEW MAZDA CX-3 ให้มีความล้ำสมัยมากขึ้นอีกขั้น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น ซึ่งการกลับมาครั้งนี้มาพร้อมแนวคิด “Leap Forward” ให้ชีวิตไปอีกขั้น กับเอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีคาแรกเตอร์และมีสไตล์ อัพเดททุกเทรนด์ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ มองทุกจังหวะเป็นโอกาส เลือกที่จะแข่งและเอาชนะตัวเอง เพื่อให้พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้น ได้ใช้ชีวิตและเติมเต็มประสบการณ์ของตัวเองและกลุ่มเพื่อนอย่างเต็มที่และคุ้มค่า  และกำลังมองหารถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกในกลุ่ม B-SUV ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยี และมาพร้อมความคุ้มค่าครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งในเชิงภาพลักษณ์ ประสบการณ์และการใช้งานอย่างครบถ้วน เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายอีกขั้นของชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง” ดังนั้น NEW MAZDA CX-3 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการและตัวตนของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงครบครันด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในรุ่นย่อยทั้ง 3 รุ่น รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ตอบรับทุกประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตก้าวไปสู่อีกระดับ ด้วยความอเนกประสงค์ของการใช้งานที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ในทุกรุ่นย่อย ที่ให้พละกำลังแรงมากที่สุดในกลุ่มเซกเมนต์ถึง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม.* และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยความเหนือชั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคันให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสนุกคล่องตัวในการขับขี่ตามแนวคิด จินบะ อิไต(Jinba Ittai) พร้อมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control (GVC) ที่ให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกัน พบกับอีกขั้นของสไตล์ที่พรีเมี่ยมโดดเด่นพร้อมความสง่างามเป็นครั้งแรกกับสีภายนอกใหม่ล่าสุด Platinum Quartz สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่จะมาเสริมให้มาสด้ากลายเป็นผู้นำเทรนด์ของวัยรุ่นยุคสมัยใหม่ โดยเป็นสีที่แสดงออกถึงความมีคุณภาพสูง ด้วยผลึกกึ่งโปร่งแสงจากควอตซ์ที่ขาวละเอียด นวลเนียน และมีคุณภาพ สะท้อนตัวตนอันมีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ มีความแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความรู้สึกหรูหรา ทรงพลัง และสง่างามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Kodo design – Soul of Motion ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความโฉบเฉี่ยวที่เปรียบประดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต เพื่อสะท้อนความเรียบหรูทรงพลังในสไตล์เอสยูวี และสร้างความตราตรึงใจให้กับผู้พบเห็น สำหรับภายในห้องโดยสารก็ยังคงโดดเด่นด้วยความประณีตพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด คัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส พร้อมเพิ่มความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยคอนโซลหน้าแบบ Grand Luxe Suede® สีเทา ที่ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนังสีดำตัดด้วยด้ายสีเทา เพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิตอล NEW MAZDA CX-3 จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้น รวมถึงช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารบนโลกโซเชียล และอัพเดทเทรนด์ได้ทุกที่ทุกเวลากับเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ที่สามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ด้วยระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Wireless Apple CarPlay® และรองรับ Android AutoTM* ที่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญได้โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้วควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander มอบความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง การพัฒนาภายใต้ปรัชญา HMI…

 
Read More

NEW MAZDA CX-3 สีใหม่ “แพลตทินั่ม ควอตซ์”

มาสด้า ประเทศไทย เปิดเกมส์บุกหนักตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวี เปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-3 มาพร้อมแนวคิด “Leap Forward” ให้ชีวิตไปอีกขั้น กับเอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เชื่อมต่อคนรุ่นใหม่กับโลกยานยนต์ด้วยการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด มาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อิสระสังคมแห่งโลกยุคดิจิตอล พบกับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 อีกระดับ ด้วยสีภายนอกเทรนด์ใหม่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ มอบความสปอร์ตพรีเมี่ยมในทุกมุมมอง สะท้อนเอกลักษณ์ความมีสไตล์ของผู้ขับขี่ที่ชัดเจน ตั้งเป้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่ม B-SUV และ B-Car Upper ที่มองหารถเอสยูวีคันแรก ที่ตอบครบทั้งไลฟ์สไตล์และภาพลักษณ์ตลอดจนฟังก์ชั่นการใช้งานบนพื้นฐานความคุ้มค่า ตั้งราคาขายเริ่มต้นเพียง 769,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวกับดอกเบี้ย 1.33% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “MAZDA CX-3 ถือเป็นหนึ่งในรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าชาวไทย เปิดตัวแนะนำครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 สามารถสร้างยอดขายให้กับมาสด้าได้อย่างต่อเนื่องกลายเป็นโมเดลที่ทำสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และล่าสุดในปีนี้ (เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564) ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 104% ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยมียอดขายสะสมสูงถึง 3,500 คัน ซึ่งการเปิดตัว NEW MAZDA CX-3 ครั้งนี้ นับเป็นการวางกลยุทธ์ใหม่ของมาสด้า ในการสร้างความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ให้กับรถเอสยูวีในตระกูล CX-Series ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ต่อเนื่องจากที่ได้เปิดตัวแนะนำรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นพี่ NEW MAZDA CX-5 และ NEW MAZDA CX-8 พร้อมคอนเซปต์ที่เด่นชัดด้วยภาพลักษณ์ของ MAZDA FAMILY SUV ไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ เนื่องจากการวางกลยุทธ์ด้านราคา การขยายฐานลูกค้า การเติมเทคโนโลยี และเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ลูกค้าสัมผัสและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น สำหรับการเปิดตัว NEW MAZDA CX-3 ครั้งนี้ เป็นการพัฒนาปรับโฉมเป็นครั้งที่สี่ ซึ่งทำให้ CX-3 เป็นเอสยูวีที่ล้ำสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นการกลับมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ในกลุ่ม B-SUV ด้วยการเป็นรถที่ให้มากกว่าความคุ้มค่า กับราคาที่จับต้องได้และเป็นเจ้าของได้ง่าย ครบครันด้วยเทคโนโลยี ที่ตอบรับและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอลได้อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ CX-3 ยังมาพร้อมกับการเปิดตัวสีใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งดีไซน์เนอร์เจาะจงใช้เทรนด์สีใหม่แห่งอนาคต  สี บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์เพื่อก้าวสู่เทรนด์แฟชั่นใหม่ก่อนใคร และเชื่อว่าสีดังกล่าวจะมาสร้างกระแสนิยมใหม่ให้กับวงการรถยนต์ เช่นเดียวกับกระแสตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี กับสีซิกเนเจอร์ของมาสด้าต่างๆ ที่ผ่านมา ทั้ง สีแดง โซล เรด คริสตัล, สีเทา แมชชีนเกรย์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ พร้อมยกระดับความพรีเมี่ยม ล้ำสมัยในทุกด้านของผลิตภัณฑ์รถครอสโอเวอร์ของมาสด้าที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และแสดงออกถึงตัวตนของลูกค้าในยุคดิจิตอลได้อย่างแท้จริง ซึ่งมาสด้ามั่นใจว่า รถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทยเช่นที่ผ่านมา”  อนึ่ง ทางด้าน คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-3 ถือเป็นการวางกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถประเภทครอสโอเวอร์เอสยูวีของประเทศไทย การปรับโฉม NEW MAZDA CX-3 ให้มีความล้ำสมัยมากขึ้นอีกขั้น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น ซึ่งการกลับมาครั้งนี้มาพร้อมแนวคิด “Leap Forward” ให้ชีวิตไปอีกขั้น กับเอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีคาแรกเตอร์และมีสไตล์ อัพเดททุกเทรนด์ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ มองทุกจังหวะเป็นโอกาส เลือกที่จะแข่งและเอาชนะตัวเอง เพื่อให้พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้น ได้ใช้ชีวิตและเติมเต็มประสบการณ์ของตัวเองและกลุ่มเพื่อนอย่างเต็มที่และคุ้มค่า  และกำลังมองหารถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกในกลุ่ม B-SUV ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยี และมาพร้อมความคุ้มค่าครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งในเชิงภาพลักษณ์ ประสบการณ์และการใช้งานอย่างครบถ้วน เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายอีกขั้นของชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง” ดังนั้น NEW MAZDA CX-3 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการและตัวตนของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงครบครันด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในรุ่นย่อยทั้ง 3 รุ่น รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ตอบรับทุกประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตก้าวไปสู่อีกระดับ ด้วยความอเนกประสงค์ของการใช้งานที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ในทุกรุ่นย่อย ที่ให้พละกำลังแรงมากที่สุดในกลุ่มเซกเมนต์ถึง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม.* และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยความเหนือชั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคันให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสนุกคล่องตัวในการขับขี่ตามแนวคิด จินบะ อิไต(Jinba Ittai) พร้อมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control (GVC) ที่ให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกัน พบกับอีกขั้นของสไตล์ที่พรีเมี่ยมโดดเด่นพร้อมความสง่างามเป็นครั้งแรกกับสีภายนอกใหม่ล่าสุด Platinum Quartz สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่จะมาเสริมให้มาสด้ากลายเป็นผู้นำเทรนด์ของวัยรุ่นยุคสมัยใหม่ โดยเป็นสีที่แสดงออกถึงความมีคุณภาพสูง ด้วยผลึกกึ่งโปร่งแสงจากควอตซ์ที่ขาวละเอียด นวลเนียน และมีคุณภาพ สะท้อนตัวตนอันมีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ มีความแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความรู้สึกหรูหรา ทรงพลัง และสง่างามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Kodo design – Soul of Motion ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความโฉบเฉี่ยวที่เปรียบประดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต เพื่อสะท้อนความเรียบหรูทรงพลังในสไตล์เอสยูวี และสร้างความตราตรึงใจให้กับผู้พบเห็น สำหรับภายในห้องโดยสารก็ยังคงโดดเด่นด้วยความประณีตพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด คัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส พร้อมเพิ่มความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยคอนโซลหน้าแบบ Grand Luxe Suede® สีเทา ที่ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนังสีดำตัดด้วยด้ายสีเทา เพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิตอล NEW MAZDA CX-3 จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้น รวมถึงช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารบนโลกโซเชียล และอัพเดทเทรนด์ได้ทุกที่ทุกเวลากับเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ที่สามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ด้วยระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Wireless Apple CarPlay® และรองรับ Android AutoTM* ที่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญได้โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้วควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander มอบความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง การพัฒนาภายใต้ปรัชญา HMI…

 
Read More

Lamborghini ไขข้อสงสัย! เพราะอะไร Aventador จึงเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์

Aventador รหัสสุดท้ายของ Lamborghini คือความลับที่ส่งให้ซูเปอร์สปอร์ตคาร์อย่าง Aventador กลายเป็นไอคอนนิคความแรงที่เป็นกระแสชั่วพริบตา ทั้งยังสร้างปรากฏการณ์น่าจดจำให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา วันนี้ Lamborghini พามาย้อนดูหน้าประวัติศาสตร์ของ Aventador กับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ V12 รุ่นนี้ 1.อะเวนทาดอร์เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับแบรนด์ลัมโบร์กินีได้อย่างสมศักดิ์ศรี ด้วยยอดขายกว่า 10,000 คันในเวลาเพียง 9 ปี โดย Aventador ใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็มียอดจองมากกว่าจำนวนรถยนต์ V12 ที่ลัมโบร์กินีเคยผลิตรวมกันทั้งหมดเสียอีก และนี่คือ Aventador คันไฮไลต์ในรอบทศวรรษที่คุณไม่ควรพลาด ในปี 2011 Aventador LP 700-4 ถือกำเนิดขึ้น ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค๊อกที่ผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด เครื่องยนต์ V12 เจเนเรชั่นใหม่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับอะเวนทาดอร์โดยเฉพาะด้วยกำลัง 700 แรงม้า และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญอย่างประตูแบบเปิดปีกนก ในปี 2012 ลัมโบร์กินีได้เปิดตัว Aventador Roadster ซึ่งเป็นอะเวนทาดอร์เปิดประทุนรุ่นแรก โดยที่หลังคารถแต่ละฝั่งถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาน้อยกว่า 6 กก. ด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อการถอดเข้าออกที่สะดวก และในปีเดียวกันนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความโดดเด่นของอะเวนทาดอร์ ลัมโบร์กินีได้รังสรรค์อะเวนทาดอร์รุ่นพิเศษอย่างAventador J อะเวนทาดอร์ที่ถูกผลิตมาคันเดียวในโลก ถูกออกแบบตกแต่งภายนอกและภายในให้เข้ากัน โดยเน้นให้เห็นถึงเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์ที่ลัมโบร์กินีเชี่ยวชาญ และสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกได้ว่ารวมความเป็นที่สุดแห่งประสบการณ์ไว้ในรถคันนี้ ปี 2016 Aventador Miura Homage ซีรีส์พิเศษที่ผลิตเพื่อเป็นเกียรติให้กับซูเปอร์สปอร์ตคาร์ในตำนานอย่างMiura ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี โดยสะท้อนจิตวิญญาณของ Miura ต้นแบบ ทั้งในแง่สีสันและฟีเจอร์ไว้อย่างครบครัน ผลิตจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้น ในปีเดียวกันนี้ ลัมโบร์กินีได้ทำการปรับโฉมให้กับอะเวนทาดอร์ โดยใช้ชื่อ Aventador S ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ และความสะดวกสบายในการใช้งานทุกวัน ปี 2018 Aventador SVJ กับตำแหน่งราชันแห่ง Nürburgring – ถือเป็นสถิติใหม่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ SVJ ในฐานะรถยนต์แบบโปรดักชั่นที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดในสนามแข่งระดับโลกด้วยเวลาเพียง 6:44.97 นาที โดยผลิตออกมาเพียง 900 คัน ขณะที่สเปเชี่ยล อิดิชั่น อย่าง SVJ 63 ผลิตจำกัดเพียง 63 คันเท่านั้น เพื่อระลึกถึงการก่อตั้ง Lamborghini ในปี 1963 นั่นเอง โดยทั้ง 2 รุ่น ถูกออกแบบให้ใช้หลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงอย่าง ระบบ ALA  ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดยLamborghini อีกด้วย ปี 2019 Aventador S by Skyler Grey ถือเป็น one-off ที่สร้างสีสันให้กับงาน Monterey Car Week เลยก็ว่าได้ ผลงานคอลลาบอเรชั่นกับศิลปินดาวรุ่ง Skyler Grey ที่หลอมรวมศิลปะแห่งโลกยนตรกรรมและศิลปะแนวสตรีทอาร์ต ภายใต้คอนเซปต์ “splash-effect” ไว้ได้อย่างมีสไตล์ ที่สำคัญยังเป็น Lamborghini คันแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการรับรองและปกป้องในฐานะงานศิลปะอีกด้วย 2.Lamborghini Aventador กลายเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์อันยอดเยี่ยมในโลกแห่งจินตนาการ จะเห็นได้ว่าเป็นรถที่มาพร้อมกับฮีโร่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาพยนตร์ฮอลลีวูด รถเครื่องยนต์ V12 นี้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่สร้างประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ระดับโลกหลากหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งคู่หูของอัศวินรัตติกาล อย่าง Aventador ที่เป็น BatMobile ให้กับ Bruce Wayne ในภาพยนตร์ “The Dark Knight Rises” (2012) โดยรถที่นำมาเข้าฉากคือ Aventador LP 700-4 ที่มาพร้อมป้ายทะเบียนเมืองสุดเท่ห์อย่าง “Gotham – 649 8227″ อีกด้วย 3.Aventador ถือเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์คันแรกของ Lamborghini ที่ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจด้วยโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ มีให้เลือกถึง 4 แบบ – STRADA, SPORT, CORSA และ EGO ซึ่งในโหมดEGO นี้เองที่ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าโปรไฟล์ต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ ณ ขณะนั้นมากที่สุด อาทิ ระบบส่งกำลัง(เครื่องยนต์, 4WD), การบังคับเลี้ยว และชุดควบคุมระบบช่วงล่าง  Magneride adaptive ที่สามารถปรับระดับตามโหมดการขับขี่ในทุกสถานการณ์ 4.แม้จะเดินทางมาถึงรหัสสุดท้ายของ Aventador แต่เชื่อเถอะว่า Aventador LP 780-4 Ultimae (แอลพี 780-4 อูลติเม) คือ Aventador ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์การผลิตรถของ Lamborghini โดยคอนเซปต์หลักของรุ่นนี้คือการหลอมรวมสุดยอดสมรรถนะของ Aventador SVJ กับสไตล์ที่สง่างามเหนือกาลเวลาของ Aventador S ไว้ในหนึ่งเดียว มร.สเตฟาน วิงเคิลแมน ประธานบริหาร Automobili Lamborghini ได้กล่าวไว้ว่า “Aventador LP 780-4 Ultimae เป็นตัวแทนของความสำเร็จสำหรับเครื่องยนต์ V12 ของ Lamborghini ตัวรถสามารถส่งต่อประสบการณ์การขับขี่สูงสุดและตอบโจทย์ในการเป็นตัวแทนส่งท้ายของรุ่นทั้งในเรื่องของสมรรถนะและดีไซน์อันเป็นตำนาน Aventador นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นรถที่จะเป็นตำนานไว้อยู่แล้วตั้งแต่เปิดตัว และ Aventador LP 780-4 คือการส่งต่อตำนานที่เหมาะสมที่สุด” พละกำลังและสมรรถนะ Aventador LP 780-4 Ultimae มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร สร้างพละกำลังสูงสุด 780 แรงม้า โดยเพิ่มขึ้นมากถึง 40 แรงม้าเมื่อเทียบกับ Aventador S และ 10 แรงม้าเมื่อเทียบกับ SVJ จุดเด่นของ Ultimae คือการรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดจากการพัฒนากว่า 10 ปี  ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่ได้รับจากการทำสถิติในสนามอย่าง Nürburgring-Nordschleife บนSVJ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ระบบการขับขี่ที่ก้าวหน้าและเพิ่มความสะดวกสบายใน Aventador S หรือความดิบของตัวรถที่มีมาตั้งแต่ Aventador โฉมแรก…

 
Read More

New HONDA CB500X

แอดเวนเจอร์ไบค์ของนักบิดสายลุยตัวจริง ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ในปัจจุบันล้วนมีความแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายสปอร์ตที่ชื่นชอบความเร็ว แรง แบบรถแข่งในสนาม สายเน็กเก็ตที่เน้นความคล่องตัวกับการขับขี่ในเมือง และสายแอดเวนเจอร์ที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยเฉพาะในกลุ่มนี้กำลังได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับรถคู่ใจของนักเดินทางรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง New CB500X หลังการเปิดตัวได้สร้างความตื่นเต้นให้กับนักบิดสายลุยเป็นอย่างมาก เพราะด้วยออปชันที่เติมเต็มเข้ามาใหม่ ทั้งโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. และดิสก์เบรกหน้าคู่พร้อมคาลิปเปอร์แบบ Twin Piston 2 Pots ถือว่าเป็นการยกระดับให้แอดเวนเจอร์ไบค์รุ่นนี้โดดเด่นและเหนือชั้นที่สุดในคลาสเดียวกัน ด้วยฟิลลิ่งการขับขี่ในสไตล์แอดเวนเจอร์ของ New CB500X จากตำแหน่งท่านั่งที่ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมการวางองศาของแฮนด์ยกสูงและมีความกว้างกำลังพอดี ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย ขับขี่สบาย ไม่เมื่อยล้า แม้ขับขี่ในระยะทางไกล และพร้อมลุยทุกอุปสรรคกับการออกแบบความสูงของตัวรถจากพื้นดิน สูงถึง 181 มม. รวมกับการใช้ล้อแม็กหน้าดีไซน์ใหม่ ขนาดใหญ่ 19 นิ้ว และมีน้ำหนักเบา เช่นเดียวกับสวิงอาร์มที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีน้ำหนักที่เบากว่าเดิม ส่งผลให้การใช้งานพร้อมลุยทั้งแบบออนโรดและออฟโรดได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ระบบส่องสว่างของไฟหน้าแบบ Full LED ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพความสว่างได้มากขึ้นถึง 25% ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ในเวลากลางคืนทำได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ในด้านสมรรถนะของ New CB500X เป็นที่ยอมรับของเหล่าไบค์เกอร์สายลุยอยู่แล้ว จากขุมพลังเครื่องยนต์2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด โดดเด่นในเรื่องการตอบสนองแรงบิดในรอบต่ำ ขับขี่ท่องเที่ยวเดินทางขึ้นเขาได้อย่างคล่องตัว ประสานการทำงานกับ Assist Slipper Clutch ที่ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลัง เพิ่มความนุ่มนวลขณะเปลี่ยนเกียร์ สำหรับนักบิดสายแอดแวนเจอร์ที่ชื่นชอบการขับขี่ผจญภัยในสไตล์ทัวริ่ง New CB500X คือ คำตอบที่ใช่และพร้อมลุยในทุกเส้นทาง ด้วยออปชันจัดเต็มระดับท็อปคลาส แต่ราคาเท่าเดิม หรือ 224,900 บาท สนใจ New CB500X สามารถไปพบกับรถคันจริงได้ที่ Honda Big Wing ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.hondabigbike.comเฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondabigbiketh #New500Series  #NewCB500X  #HondaBigBike  #WhatStopsYou  #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ThaiHonda  #HondaThailand  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed