อยากได้ GLC ราคาก็อยู่ที่ 4.18 ล้านบาท

MERCEDES BENZ ส่งเจ้า GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เขย่าตลาดปลั๊กอินไฮบริดด้วยเอสยูวีระดับลักชั่วรี่ ขับขี่ไฟฟ้าอย่างเดียวโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลยได้ไกลถึง 120 กิโลเมตร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) โชว์ตัวเลขยอดขายและการเติบโตในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2023 พร้อมเดินหน้าบุกตลาดครึ่งปีหลัง เริ่มด้วยการเผยโฉม The new GLC เอสยูวียอดนิยมของแบรนด์ที่เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ขึ้นไลน์ผลิตทำตลาด ในประเทศแบบ Local production นำเสนอคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” ชูภาพยนตรกรรมเหนือระดับที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดดเด่นด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นทั้งในด้านของสมรรถนะและระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า สามารถทำระยะทางได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมากมาย เสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัยต่อยอดจุดแข็งด้านการเป็นยนตรกรรมรูปแบบเอสยูวีที่เหมาะกับการใช้งานและการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 2.6 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลก มร.มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี2023 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,019,200 คันทั่วโลก มีอัตราการเติบโตที่ 5% โดยส่วนหนึ่งคือยอดขายในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตัวเลขสูงถึง 102,600 คัน เติบโตกว่า 121% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับยอดขายในประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 6% ปิดยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน เป็นผลมาจากการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB เรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมกัน 2 รุ่น ในอีก 6 สัปดาห์นับจากนี้ และในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายฯ สามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและเข้ารับบริการแบบครบวงจรได้ในทุกพื้นที่ นอกจากการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยรถปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำตลาดในประเทศไทย สามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย และสำหรับผู้ที่ขับขี่ระยะทางไกลก็ยังสามารถขับขี่ต่อเนื่องได้ด้วยเครื่องยนต์สันดาปโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องระยะทางและการหาจุดชาร์จไฟฟ้าระหว่างทาง เช่นเดียวกับ The new GLC ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้”…

 
Read More

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัว BMW R 18 Roctane

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Roctane ใหม่ ในฐานะมอเตอร์ไซค์รุ่นที่ห้าของตระกูล R 18 อันเลื่องชื่อ โดยมอเตอร์ไซค์ในตระกูล R 18 อยู่ในกลุ่มที่ร่วมเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยการผสมผสานสไตล์วินเทจเข้ากับเทคโนโลยีการขับขี่ที่ดีที่สุดในศตวรรษที่ 21 ทั้งยังหลอมรวมความเป็นครุยเซอร์และทัวร์ริ่งแบบแบ็กเกอร์คัสตอมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมองค์ประกอบที่ชวนให้นึกถึงบ็อกเซอร์ในตำนานปี 1936 บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Roctane ใหม่ ยังคงนำเสนอแก่นแท้ของการขี่มอเตอร์ไซค์ซึ่งยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปสู่อีกขั้นด้วยการออกแบบที่น่าเกรงขาม เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่าใคร  บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Roctane ใหม่ สีเทา Mineral Grey Metallic Matte ราคาจำหน่าย: 1,375,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีที่ทันสมัย และชิ้นส่วนแท้ในสไตล์แบ็กเกอร์คัสตอม บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Roctane ใหม่นี้สานต่อสไตล์อันโดดเด่นจากบีเอ็มดับเบิลยู R 5 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งหัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน มาพร้อมกับการออกแบบที่เพรียวลม แตกต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีไฟ LED ที่ล้ำสมัยซึ่งได้รับการตีความแบบคลาสสิก นอกจากนั้น มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ขนาดใหญ่ 4 จังหวะ 2 สูบ หรือ ‘บิ๊กบ็อกเซอร์’ พร้อมความจุ 1,802 ซีซี สามารถส่งกำลังได้ถึง 67 กิโลวัตต์ (91 แรงม้า) ที่ 4,750 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่วค่าออกเทน 95 ขึ้นไป นอกเหนือจากประสิทธิภาพเครื่องยนต์อันน่าประทับใจแล้ว มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังสามารถทำความเร็วได้สูงสุดมากกว่า 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เสียงเครื่องยนต์อันน่าหลงใหลในทุกท้องถนนอีกด้วย มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเพลา พร้อมชุดเกียร์ 6…

 
Read More

New Honda XL750 Transalp

ไทยฮอนด้า พร้อมเปิดราคา “New Honda XL750 Transalp” รถบิ๊กไบค์สไตล์แอดเวนเจอร์  พร้อมเปิดรับจองอย่างเป็นทางการ หลังจากเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา  New Honda XL750 Transalp มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (TRANSALP MAT BALLISTIC BLACK METALLIC) ราคาจำหน่ายที่ 389,000 บาท และสีขาว (TRANSALP ROSS WHITE ราคาจำหน่ายที่ 394,000 บาท โดยรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์รุ่น New Honda XL750 Transalp ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและทางวิบาก ควบคุมง่ายด้วยเฟรมที่มีน้ำหนักเบาเพียง 208 กิโลกรัม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 750 ซีซี 2 สูบเรียง 8 วาล์ว ให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินไปกับการผจญภัยด้วย 5 โหมดการขับขี่ ได้แก่ Travel, Sport, Standard, Rain และ User ซึ่งพละกำลังแตกต่างกันไปในแต่ละโหมด รวมไปถึงระบบความปลอดภัย ที่สามารถปรับค่าต่างๆ ได้ด้วยตนเองตามความเหมาะสมในการใช้งาน หน้าจอเรือนไมล์ ใช้หน้าจอแบบหน้าจอสี TFT ขนาด 5 นิ้ว พ่วงด้วยระบบควบคุมการทำงานฟังก์ชันต่างๆ สั่งงานด้วยเสียงขณะขับขี่ของฮอนด้า ผ่านแอปพลิเคชัน Honda RoadSync พร้อมเบาะนั่งที่ให้ความสบายสำหรับการขับขี่ในเมืองและการผจญภัยในทุกพื้นที่ขับได้ทั้งเส้นทางออฟโร้ดและออนโร้ดด้วยล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 18 นิ้ว ที่พร้อมระบบเบรก ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ที่ล้อหลัง ควบคุมการขับขี่ได้ เปิดให้จองได้แล้ววันนี้ที่ Honda BigWing ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดได้ที่ เว็บไซต์ :  www.thaihonda.co.th/hondabigbike/ เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : fb.com/HondaBigBikeTH…

 
Read More

“Monkey Lightning Custom Edition”

ดีไซน์ ซน แสบ ซ่า CUB House by Honda เอาใจสาวกลิงน้อย เปิดตัวดีไซน์ใหม่ “Monkey Lightning Custom Edition” ที่มาในธีมสีเหลืองสดใสพร้อมกับลายสายฟ้า Lightning Reflexes เพิ่มความซุกซน แสบ ซ่า กว่าเดิม  Monkey Lightning Custom Edition เป็นรถมินิไบค์ที่สะท้อนความซุกซน ผสมผสานกับกลิ่นอายของความคลาสสิกวินเทจ มีดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยลายสายฟ้าตรงตัวถังรถ โดยเฉพาะเบาะ Tartan Seat ลายตารางหมากรุก ลงตัวกับเฟรมสีเหลืองสดใส ยกระดับความซน แสบ ซ่า แบบเต็มสตรีมในคอนเซปต์ “Catch me if you can จับให้ได้…ถ้าซนจริง” พร้อมให้เหล่าสาวกลิงได้เป็นเจ้าของก่อนใครแล้ววันนี้ที่ CUB House Flagship Store ทั้ง 15 สาขาทั่วประเทศ ในราคา 108,900 บาท หรือจองได้ที่ https://bit.ly/MonkeyLightning ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse/ เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า  :  fb.com/hondamotorcyclethailand เฟซบุ๊ก CUBhouse : fb.com/cubhousebyhonda #CUBHouse #CUBHouseMagazine #ตามกระแสCUB  #HondaMonkey #MonkeyLightning #MonkeyCustomEdition #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า  #HondaMotorcycle #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด  

 
Read More

ALL-NEW TOYOTA INNOVA ZENIX

“The Amazing Memories” ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ นั่นคือ สโลแกนของเจ้า TOYOTA INNOVA ตัวใหม่ล่าสุด ที่ทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ระดับพรีเมียม ภายใต้ชื่อว่า “อินโนวา ซีนิกซ์” ALL-NEW INNOVA ZENIX   โตโยต้า เน้นเปิดประสบการณ์ใหม่กับดีไซน์ใหม่ทั้งคัน จากหัวจรดท้าย จากภายนอก สู่ภายใน ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันระดับพรีเมียม เช่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถวสองปรับไฟฟ้าแบบ “Captain Seat” พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแถว 3 พับเรียบเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และสีพิเศษใหม่ Dark Steel Mica พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยรอบคัน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และอรรถรสในการขับขี่ สร้างความมั่นใจตลอดการเดินทาง    ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง เลือกเป็นเจ้าของได้ 2 รุ่น TOYOTA INNOVA ZENIX รุ่น 2.0 HEV Smart เปิดประสบการณ์ใหม่กับการออกแบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบคัน พิเศษ! เบาะนั่งแถว 2 แบบ Captain Seat และโต๊ะส่วนตัวพับได้ พิเศษ! หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ไฟหน้า และไฟท้าย LED ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบ Kick Activated จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถว 3 แบบพับเรียบ (50:50) ระบบเบรกมือไฟฟ้า และหน่วงเบรกอัตโนมัติ ระบบเชื่อมต่อ T-Connect เปิดประสบการณ์ใหม่กับสมรรถนะในการขับขี่…

 
Read More

BMW : X1 xDrive30e M Sport

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport ใหม่ ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ Sports Activity Vehicle (SAV) ด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดพร้อมสมรรถนะที่เหนือชั้นในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมคอมแพกต์ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ก้าวสู่อีกหมุดหมายแห่งความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมผสานกับโซลูชันเพื่อการขับขี่ที่ยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าในประเทศไทยจะได้สัมผัสบีเอ็มดับเบิลยู X1 ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive และระบบปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 83 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ตอกย้ำเอกลักษณ์ระดับพรีเมียมอันฝังแน่นผ่านรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งและความอเนกประสงค์ในการใช้งาน รถยนต์รุ่นนี้ยังมอบความรู้สึกอิสระที่ไม่เหมือนใครให้แก่ผู้โดยสารทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะทางไกล บีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard) ซึ่ง บีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport ผสานพลังแห่งการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูเข้ากับจุดเด่นของเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดได้เป็นอย่างดี โดยเครื่องยนต์อันทรงพลังผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ามอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ พร้อมลดการปลดปล่อยมลพิษ และยังเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญเชื้อเพลิงให้ดียิ่งขึ้น ระบบ BMW eDrive เจนเนอเรชันที่ 5 ซึ่งติดตั้งในบีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport นี้ ยังช่วยปลุกเร้าผู้ขับขี่ที่มองหาสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอีกด้วย บีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport มาพร้อมกับการออกแบบภายนอกอย่างมีสไตล์และร่วมสมัย ในขณะที่ยังคงรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งตามสไตล์ของบีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่ม SAV พร้อมคุณสมบัติการออกแบบที่โดดเด่น ทั้งสัดส่วนอันทรงพลัง ซุ้มล้อรูปทรงเกือบสี่เหลี่ยม และส่วนหน้าและส่วนท้ายตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู X ส่วนหน้าของบีเอ็มดับเบิลยู X1 xDrive30e M Sport ให้ความรู้สึกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED แบบเพรียว กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ที่เกือบเป็นสี่เหลี่ยม เส้นสายรูปตัว X ที่แผ่ออกไปด้านข้าง และแถบโครเมียมอันสะดุดตาที่ช่องรับอากาศด้านล่าง รถรุ่นนี้ยังติดตั้งระบบไฟหน้า Adaptive LED มาเป็นมาตรฐานพร้อมกับระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam assistant) และล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-spoke แบบสลับสี ขุมพลังเบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยี TwinPower Turbo ที่ติดตั้งในรถยนต์รุ่นนี้ส่งกำลังเครื่องยนต์ที่เหลือล้นถึง 110…

 
Read More

NETA GT ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า100%

เพื่อคนรุ่นใหม่ NETA GT รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจึงเกิดขึ้น ที่สะท้อนจุดยืนของ NETA ในการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้จริง มอบความสปอร์ต (Sport) ดีไซน์ทันสมัย(Fashion) เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ (Young) ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Auto Shanghai 2023  ·    Pure Sports Car Design – การออกแบบสู่การเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง NETA GT รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อการเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง(Pure Sports Car Design) ด้วยรูปลักษณ์ทรงสปอร์ตแบบ 2 ประตู ตัวรถมีความลู่ลมโดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เพียง 0.21 ลงตัวด้วยล้อดีไซน์สปอร์ตขนาด 19นิ้ว  ·    Million-level comfortable cockpit – ห้องโดยสารมอบความสะดวกสบายขั้นสุด ภายในห้องโดยสาร NETA GT ใช้วัสดุบุนุ่มทั่วทั้งคันพร้อมเบาะหนังแบบ Nappa  ห้องโดยสารโอ่โถงด้วย Super Large Panoramic Glass roof  สามารถควบคุมและสั่งการระบบของรถรวมถึงความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอ Cluster ขนาดใหญ่ถึง 10.25 นิ้ว และหน้าจอกลางขนาด 17.6 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูงถึง 2.5K พร้อมลำโพง 12 จุดทั่วทั้งคัน ประสานการประมวลผลอัจฉริยะด้วยชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด Qualcomm Snapdragon 8155  Generation ที่ 3  พร้อมซีพียูแบบ 8-Core และโปรเซสเซอร์ 7nm ที่ช่วยให้ทุกการประมวลผลและการใช้งานรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น ·    Excellent sports car performance – ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทันทีที่เหยียบคันเร่ง NETA GT มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 78 kWh ให้ระยะทางสูงถึง  660 กม. ต่อการชาร์จเต็ม (มาตรฐาน CLTC) ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อโดยมาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้พละกำลังสูงถึง 340 กิโลวัตต์ หรือ 462 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 620 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม  ภายใน 3.7 วินาที โดดเด่นด้วยปุ่ม “One-Click Eject Button” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการออกตัวแบบพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยอัตราเร่งสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น NETA GT ยังมอบความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double Wishbone independent suspension และด้านหลังแบบ Five-link independent suspension ที่ได้รับการปรับจูนช่วงล่างแบบสปอร์ต และการออกแบบให้รถมีความสมดุลด้วยการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่อัตราส่วน 50:50  พร้อมเบรกคาลิเปอร์ประสิทธิภาพสูงด้านหน้าแบบ Four-piston fixed caliper  และ ด้านหลังแบบ Single-piston floating…

 
Read More

TOYOTA YARIS รุ่น ปี 2566

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์ TOYOTA YARIS เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมสมรรถนะการขับขี่คล่องตัว และมีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense” นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการผ่านระบบออนไลน์ว่า “โตโยต้าได้แนะนำรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนั่นคือ TOYOTA YARIS  ซึ่งมียอดขายรวมในประเทศไทยกว่า 418,000 คัน* นับตั้งแต่เปิดตัวในปี พ.ศ.2548 และยังได้รับความนิยมด้วยยอดขายอันดับ 1 ในตลาดอีโคคาร์แฮทช์แบ็คในปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมาอีกด้วย ในวันนี้ผมมีความยินดี  ที่จะแนะนำ TOYOTA YARIS รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาทั้งในด้านรูปลักษณ์ และฟังก์ชันการใช้งาน     เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น” นายรัฐพล ชุมสมุทร หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค กล่าวถึงการพัฒนารถรุ่นนี้ว่า“TOYOTA YARIS รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่นี้ เรารักษาจุดแข็งของคอมแพคแฮทช์แบ็คไว้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความประหยัดน้ำมัน ความนุ่มนวล และคล่องแคล่วในการขับขี่ ห้องโดยสารนั่งสบาย เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย      และครั้งนี้เรายังได้เสริมจุดเด่นของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบรับแอคทีฟไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่” โดยมี 3 ส่วนหลักในการพัฒนา ดังนี้ 1.     การดีไซน์ภายนอก ธีมการออกแบบ Refined & Energetic ให้ความรู้สึกปราดเปรียวน่าขับขี่ –              “Hammerhead Design” เทรนด์ใหม่ล่าสุดของ TOYOTA  –              ไฟหน้า Projector LED แนวคมเข้ม ผสานกับ Daytime Running Light พร้อมดีไซน์ “Secondary Illumination” ที่ทำให้รู้สึกพุ่งทะยานไปข้างหน้า –              กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ แบบ “Diffuser Style” พร้อมตกแต่งด้วยลาย Carbon fiber –              สีภายนอกใหม่ “Cement Gray…

 
Read More

“ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่”

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวที่สุดแห่งยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวี “ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 6” ในไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย เสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปเอสยูวีของฮอนด้าและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเอสยูวีในไทย พร้อมยกระดับเอสยูวีเซกเมนต์ไปอีกขั้นอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งในทุกมิติ  ครั้งแรกกับขุมพลังการขับเคลื่อนระบบฟูลไฮบริด e:HEV ใน ซีอาร์-วี ใหม่ ผสานการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม รองรับทุกไลฟ์สไตล์กับเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง มั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อยครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่หลากหลาย เติมเต็มประสบการณ์ที่ดีตลอดเส้นทาง สู่อีกขั้นแห่งเอสยูวีที่สมบูรณ์แบบ ในราคา 1,419,000 – 1,729,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษฟรีประกันภัย 1 ปี รับดอกเบี้ย 2.29%** พร้อมฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้าอัลติเมทแคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2ปีหรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นในรุ่น e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) เมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 – 31 พฤษภาคม 2566 มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ซีอาร์-วี คือหนึ่งใน Global Model ที่สำคัญของฮอนด้า ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายและครองใจลูกค้าทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เจเนอเรชันแรก โดยในประเทศไทย ซีอาร์-วี ได้เข้ามาเปิดตลาดเอสยูวีและทำให้รถเอสยูวีเป็นที่นิยมยิ่งขึ้น อีกทั้งส่งผลให้ฮอนด้าขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดเอสยูวีมาอย่างยาวนาน โดยตลอดระยะเวลากว่าเกือบสามทศวรรษ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี คือรถที่อยู่ในใจของคนไทยมาโดยตลอด ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 183,000 คัน ในครั้งนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี…

 
Read More

New YAMAHA R15 Connected

New YAMAHA R15 Connected : Born to Be One1 เร็วดั่งใจ พุ่งไปกับความเป็นหนึ่ง สีใหม่! Aggressive Gray สีเทา เท่ ดุดัน สปอร์ตในทุกองศา บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สร้างปรากฎการณ์ความเร้าใจครั้งใหม่! เมื่อคนกับรถมอเตอร์ไซค์หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ให้ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ เร่งไปให้ถึงขีดสุดกับ “New R15 Connected” (นิวอาร์หนึ่งห้าคอนเน็กเต็ด) สีใหม่ Aggressive Gray สีเทา เท่ ดุดัน สปอร์ตในทุกองศา พร้อมกับรุ่นท๊อป “R15M Connected-ABS” (อาร์หนึ่งห้าเอ็มคอนเน็กเต็ด-เอบีเอส) มาพร้อมกับ Aerodynamic Design เอกลักษณ์เฉพาะจากตระกูล R-Series DNA ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 155 ซีซี VVA ล้ำหน้าอีกขั้นกับ เทคโนโลยี Y-Connect แอปพลิเคชันการเชื่อมต่อข้อมูลรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ และรถเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังตอกย้ำความเร้าใจยิ่งขึ้น เฉพาะรุ่น R15M Connected-ABS กับระบบ Quick Shifter เปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัตช์, ระบบ Traction Control ป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง และระบบเบรก ABS พร้อมให้คุณพุ่งทะยานไป สู่ความเป็นหนึ่ง สำหรับ “New R15 Connected” และ “R15M Connected-ABS” มาพร้อมกับขุมกำลัง 155 CC VVA ASSIST & SLIPPER CLUTCH ที่พร้อมตอบสนองทุกการบิดคันเร่งด้วยเครื่องยนต์ 155 ซีซี สูบเดี่ยว 4 วาล์ว พร้อมระบบ VVA วาล์วแปรผันอัจฉริยะ เกียร์สปอร์ต 6 สปีด พร้อมระบบ ASSIST…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed