ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์

คุณภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คุณอังคณา จิตรสกุล กรรมการ บริษัทโตโยต้าเชียงราย จำกัด ผู้แทนชมรมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า หน่วยงานราชการในจังหวัดเชียงราย และ คุณตะวัน ตันวัชรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รตาวัน จำกัด ร่วมเปิด “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” ณ บริษัท รตาวัน จำกัดจังหวัดเชียงราย “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เป็นกิจกรรมในโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์”โตโยต้าได้นำปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ วิถีโตโยต้า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และปรัชญาลูกค้าเป็นที่หนึ่ง มาถ่ายทอดให้แก่วิสาหกิจชุมชนอันเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย ให้สามารถดำเนินธุรกิจด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับทิศทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับปรุงธุรกิจธุรกิจชุมชนต่างๆ และมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจเหล่านี้มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ เช่น ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 50% การควบคุมคุณภาพการผลิตดีขึ้นโดยเฉลี่ย 70% และต้นทุนในการควบคุมสินค้าคงคลังลดลงโดยเฉลี่ย 40% เป็นต้น บริษัท รตาวัน จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สัก จัดจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ “องค์อรเฟอร์นิเจอร์” มีโรงงานผลิตที่จังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมโครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ในปี 2560 โดย โตโยต้าร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ส่งเจ้าหน้าที่ของโตโยต้าที่มีประสบการณ์ด้านระบบการผลิตแบบโตโยต้าและหลักการไคเซ็น (การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง) เข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้ของโตโยต้าเข้าไปถ่ายทอดและปรับปรุงระบบการจัดการปัญหาของธุรกิจ โดยนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจนั้นๆ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างมืออาชีพ สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม สร้างการจ้างงานในท้องถิ่น และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยบริษัทฯ ได้ส่งมอบโครงการแก่บริษัท รตาวันฯ ภายหลังการปรับปรุงเสร็จสิ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2561 และได้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พบว่าบริษัท รตาวันฯ ยังคงรักษาประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และทำการปรับปรุงด้วยตนเองตามหลักวิถีโตโยต้าอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายผลการสร้างมาตรฐานการควบคุมงานจนสามารถลดต้นทุนและพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ครอบคลุมสินค้าทุกแบบของบริษัท รวมถึงบริหารงานได้ด้วยตนเองอย่างมืออาชีพ สามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา 100%  จากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการรักษามาตรฐานการดำเนินงานและวัฒนธรรมไคเซ็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โตโยต้าและบริษัท รตาวันฯ จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ในการปรับปรุงธุรกิจแก่วิสาหกิจชุมชนในภาคเหนือ ดังนี้ ·      การวางแผนธุรกิจตลอดทั้งกระบวนการ โดยบอร์ดแสดงการควบคุม (Visualization Board) ช่วยปรับปรุงการวางแผนธุรกิจในภาพรวม กำหนดแผนการขาย การผลิต และการส่งมอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจแก่ลูกค้า ·      การเพิ่มผลิตภาพโดยปรับปรุงกระบวนการในการผลิต (ไคเซ็น) เช่น การกำหนดมาตรฐานในการผลิตสินค้า(Standardize) ช่วยลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นและการรองาน หรือ การปรับปรุงกระบวนการงานพ่นสี ลดของเสียลดเวลาการแก้งาน ส่งผลให้ผลิตได้เร็วขึ้น ·    การบริหารสินค้าคงคลังด้วยระบบทันเวลาพอดี บริหารการกำหนดแผนการผลิต การสั่งวัตถุดิบ ตลอดจนติดตามสถานะของสินค้าคงคลังในทุกกระบวนการ ช่วยลดต้นทุนจม ส่งผลต่อการบริหารต้นทุนของธุรกิจในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ดำเนินการปรับปรุงธุรกิจชุมชนแล้วเสร็จจำนวน 23 แห่ง  และได้ยกระดับสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” จำนวน 3 แห่ง ซึ่งในปี 2565 นี้ บริษัทฯวางแผนที่จะเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯเพื่อให้ครบทั้ง 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ อีกทั้งบริษัทฯยังได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์จากการดำเนินโครงการ มาถ่ายทอดเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ภายใต้นโยบายประชารัฐ โดยความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ Thailand Smart Center หอการค้าไทย ดำเนินโครงการ Big Brother พี่ช่วยน้อง และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ในการดำเนินงานศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมในจังหวัดกรุงเทพฯนครราชสีมา ชลบุรี รวมถึงโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์(CIV: Creative Industry Village) ในจังหวัดพิษณุโลกและอุบลราชธานีอีกด้วย คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้การประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กรในโอกาสการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 60 ปี นั้น   บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนความสุขสู่ผู้คนและส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนของสังคมภายใต้ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการถ่ายทอดแนวความรู้ในการปรับปรุงธุรกิจ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้ โดยในอนาคต บริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายศูนย์การเรียนรู้ฯ ต่อเนื่องให้ครบ 12 จังหวัด ตามเขตเศรษฐกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม ตลอดจนเฟ้นหานวัตกรรมทางความคิดใหม่ ๆ อาทิ การนำระบบกลไกอัตโนมัติ (Automation) มาปรับใช้กับโครงการฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มธุรกิจชุมชน นำไปต่อยอดในการขับเคลื่อนเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป”   

 
Read More

ดูคาติ เปิดสาขาขอนแก่น

เป็นโชว์รูมแห่งที่ 7 สร้างความมั่นใจให้เหล่าไบค์เกอร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมอัดแคมเปญต้อนรับสาขาใหม่ รถใหม่ราคาพิเศษ และส่วนลดสินค้าไลฟ์สไตล์สูงสุดถึง60% ดูคาติ ประเทศไทย ประกาศเปิดสาขาเต็มรูปแบบแห่งใหม่ในจังหวัดขอนแก่นหนึ่งในสี่เมืองใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีตลาดกลุ่มไบค์เกอร์อยู่เป็นจำนวนมาก หวังให้ ดูคาติ สาขาขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งจุด Check in สุดฮิตให้เหล่าดูคาทิสต้าได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง คุณกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดูคาติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นั้นถือได้ว่าเป็นยอดขายที่ดีที่สุด ซึ่งรุ่นที่ ดูคาติ ประเทศไทย ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเหล่าดูคาทิสต้าคือรุ่นMonster ซึ่งเป็นรุ่นที่สมน้ำสมเนื้อทั้งในเรื่องของราคาและเทคโนโลยีการขับขี่ที่มาพร้อมกับตัวรถ และจากการฟื้นตัวของตลาดในประเทศ ทำให้เราสามารถส่งมอบรถจักรยานยนต์ไปแล้วมากกว่า 300 คัน และสามารถให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้ามากถึง 2,422 คัน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ดูคาทิสต้าทั่วประเทศไทย สำหรับแผนการทำตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของ ดูคาติ ประเทศไทย ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเน้นการทำตลาดเชิงรุก ควบคู่ไปกับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ดูคาติรุ่นใหม่ๆ หลากหลายรุ่นเพื่อเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ของลูกค้าให้มากขึ้น และจะจัดกิจกรรมให้ลูกค้าได้สร้างประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย ในด้านการบริการทั้งเรื่องของงานขายและบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญนั้นจะมีการเร่งเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการในภูมิภาคต่างๆ ให้มากขึ้น ล่าสุดได้ฤกษ์เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น พร้อมให้บริการครบวงจรแก่ลูกค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 28พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป” สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น ตั้งอยู่เลขที่ 168/157 หมู่ที่ 4 ตำบลในเมืองอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นับเป็นอีกพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพมากที่สุดในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมีปริมาณผู้ใช้รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จำนวนมาก และยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจรวมถึงเส้นทางการท่องเที่ยวที่สำคัญและน่าสนใจ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมที่เป็น Unseen อันล้ำค่าหลายสถานที่ จึงเชื่อมั่นว่าโชว์รูม ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น ที่เปิดให้บริการซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่นนั้นจะเป็นอีกหนึ่งจุด Check in สุดฮิตให้เหล่าดูคาทิสต้าได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง รวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกับทางดูคาติอีกมากมาย ซึ่งเราวางแผนเอาไว้ว่าจะจัดกิจกรรม Sport Touring ให้ลูกค้าดูคาติอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแน่นอน ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ไมโครีเทล จำกัด มีคอนเซ็ปต์การตกแต่งด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ภายใต้พื้นที่โชว์รูมขนาด 400 ตารางเมตร สามารถจัดแสดงรถจักรยานยนต์ดูคาติได้ครบทุกรุ่น ในส่วนของศูนย์บริการนั้น เราได้มีการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์อันครบครัน และเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย มีทีมช่างเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญถึงสองท่าน ซึ่งได้ผ่านการอบรมมาตรฐานของดูคาติพร้อมให้คำปรึกษาและตรวจวิเคราะห์ปัญหารถได้อย่างแม่นยำด้วยโปรแกรมในการตรวจสอบ Ducati Diagnosis System 3.0 (DDS 3.0) เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานอิเล็กทรอนิกส์ของตัวรถ และอัพเกรดซอฟท์แวร์สำหรับใช้ขับขี่ในสนาม ซึ่งการซ่อมบำรุงเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์ดูคาติ โดยมีช่องซ่อมมาตรฐานสองช่องซ่อม และมีคลังอะไหล่มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเพื่อเป็นการฉลองเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น แห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย ดูคาติ ประเทศไทย ร่วมกับ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น ได้จัดให้มีแคมเปญพิเศษสุดๆในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 เพียงวันเดียวเท่านั้น! ด้วยการมอบส่วนลดมูลค่า 500 บาท สำหรับการนำรถเข้ามาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง* และมอบส่วนลดสูงสุด 60%* สำหรับ Ducati Apparel และพิเศษสุดๆ คือ ลูกค้าที่ออกรถใหม่ทุกคันยังได้รับทะเบียนเลขสวยมูลค่า 10,000 บาท* ไปด้วย นอกเหนือไปกว่านั้นรถใหม่ทุกคันยังได้รับWarranty นาน 3 ปี, Roadside Assistance นาน 3 ปี พร้อมฟรีจดทะเบียน และพรบ.  

 
Read More

โตโยต้า จับมือ ไอโออิ

โตโยต้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริการ  ด้วยประกันภัยรูปแบบคอนเน็คเต็ด “PHYD–Pay How You Drive” คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ มร.ฮิเดโอะ อิวาซาวะ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอโออิ กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวประกาศความสำเร็จ ประกันภัยรูปแบบใหม่ ภายใต้ประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE  ขับดี ลดให้ “PHYD-Pay How You Drive”  กับจำนวนสมาชิกมากกว่า 120,000 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 24 เดือนแรกหลังจากการเปิดตัว หนึ่งในบริการหลักที่เติบโตสูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้เทคโนโลยีคอนเนคเต็ด “Connected Technology”  พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริการ เพื่อมอบความพึงพอใจที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า ณ TOYOTA ALIVE บางนา กม.3 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงองค์กรจากเดิมที่เป็น  ”บริษัทผู้ผลิตรถยนต์” (Automakers) สู่การเป็น “องค์กรแห่งการขับเคลื่อน” (Mobility Company) เพื่อเดินหน้าพัฒนาการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของผู้คนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 60 ปี โตโยต้าดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “ลูกค้าคือหัวใจสำคัญของเรา” (Customer First) และมีความมุ่งมั่นเพื่อสร้าง “ความพึงพอใจของลูกค้า” (Customer Satisfaction) โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่าน Digital Platform ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการสร้างการบริการเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในทุกด้าน “Mobility as a Service” (MaaS) ให้กับลูกค้าผ่าน  Application T-Connect by TOYOTA เราจึงนำเทคโนโลยี Connected เข้ามาช่วยเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้า และนำเสนอเป็นบริการเพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยความปลอดภัยประหยัด และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา       ในการมอบประสบการณ์ และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ลูกค้าคือหัวใจสำคัญที่สุดของโตโยต้า เรามีความมุ่งมั่นในการที่จะนำเสนอบริการที่ดีในทุกๆด้าน จึงได้นำCustomer Centric มาปรับปรุงใช้ร่วมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราได้ใช้ Smart card เพื่อเก็บประวัติลูกค้า ในขณะที่ Online ยังไม่มี หลังจากนั้นได้พัฒนามาเป็น Toyota Smart   G-BOOK Application Telematics บน Smart phone เป็นครั้งแรกของเมืองไทย นอกจากนั้นเราทำระบบส่ง SMS ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นรายแรกๆ เพื่อติดตามบริการต่อลูกค้า และติดตั้งระบบ Telematics ในรถ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่โทรศัพท์มือถือมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561” “ปัจจุบัน เราได้ติดตั้งระบบ Telematics เพิ่มขึ้นในรถที่ผลิตออกขายกว่า 3 แสนคัน และคาดว่าจะครบ 1.6 ล้านคันภายในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งเราได้นำ Technology Telematics มาใช้ในบริการที่เรียกว่า Connected    มีทั้งหมด 8 บริการโดยแบ่งเป็น 2 ด้านหลัก คือ ประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่(New Buying Experience) และประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ (New Usage Experience) ทั้งนี้ เทคโนโลยี Connected คือการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ภายใต้แนวคิดของเราคือ การดูแลลูกค้าเฉพาะบุคคล การดูแลปัญหาของลูกค้าให้ดีขึ้น และการประสานกับพันธมิตร รวมถึงคู่ค้าให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน” ประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่ “New Buying Experience” ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ได้เปลี่ยนวิธีการซื้อรถจากรูปแบบเดิม ไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับ ลูกค้า ด้วยบริการรูปแบบใหม่ที่โตโยต้าได้คิดค้น และพัฒนาขึ้น อาทิ 1.Connected Auto Loan (CAL) การอนุมัติสินเชื่อรถยนต์รูปแบบใหม่ที่ช่วยให้อนุมัติง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น และไฟแนนซ์ (คู่ค้า) สามารถลดความเสี่ยงได้ 2.Pre-known credit มิติใหม่ในการซื้อรถ โดยลูกค้าสามารถรู้วงเงินสินเชื่อล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันสถาบันการเงินที่เข้าร่วม พร้อมรับสิทธิพิเศษด้านการเงิน อนุมัติก่อน รับรถก่อน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันใจ เอกสิทธ์พิเศษเพื่อลูกค้าโตโยต้าเท่านั้น 3.KINTO บริการออนไลน์รูปแบบใหม่สำหรับลูกค้าบุคคลทั่วไปในการเช่ารถระยะยาว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกรูปแบบใหม่ สะดวกสบายไม่ต้องใช้เงินดาวน์ ประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ “New Usage Experience” เทคโนโลยีเชื่อมต่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคต เพิ่มความอุ่นใจ และมั่นใจด้วยบริการสุด Exclusive ผ่านT-Connect Application บนมือถือที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง รองรับทุกไลฟ์สไตล์ ตอบสนองการบริการที่หลากหลาย อาทิTheftTrack บริการประสานงานติดตามรถหาย / SOS บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง / ประกันภัย PHYD : Pay…

 
Read More

NEW Nissan Almera ราคาใหม่ 1 สิงหา นี้

นิสสัน ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าทุกท่านเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยเสมอมา สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า คือหนึ่งในรถยนต์ที่ผลิตใน นิสสัน ประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อัลเมร่าไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง 360° SAFETY SHIELD รอบคันทำให้ครองใจกลุ่มครอบครัวและคนรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ นิสสัน อัลเมร่าเป็นรถยนต์อันดับต้น ๆ ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคเมื่อเลือกซื้อรถยนต์ ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งด้านสมรรถนะและความคุ้มค่า นิสสัน ประเทศไทย รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความสนับสนุนจากลูกค้าทุกท่านที่มีให้กับนิสสัน 
อัลเมร่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในปัจจุบัน อาทิ ภาวะเงินเฟ้อและราคาวัตถุดิบทั่วโลก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นขณะนี้ นิสสันมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคานิสสัน อัลเมร่าขึ้น ในทุกรุ่นย่อย โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 รายละเอียดการปรับเปลี่ยนราคาในแต่ละรุ่นย่อยมีดังนี้ รุ่น ราคาจำหน่ายเดิม(บาท)   ราคาจำหน่ายใหม่(บาท) Nissan Almera 1.0L Turbo E 509,000 515,000   Nissan Almera 1.0L Turbo EL 559,000 565,000   Nissan Almera 1.0L Turbo V 619,000 625,000   Nissan Almera 1.0L Turbo VL 649,000 655,000   Nissan Almera 1.0L Turbo VL SPORTECH 669,000 675,000           นิสสัน ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ นิสสัน อัลเมร่า ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว มอบความสะดวกสบายและกว้างขวางและยังสร้างความประทับใจด้วย เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ลูกค้าทุกคนสามารถภาคภูมิใจและมั่นใจได้ในทุกการขับขี่ สำหรับผู้สนใจสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมของผู้จำหน่ายนิสสัน ทั่วประเทศ หรือผ่านเว็บไซต์ นิสสันประเทศไทย https://www.nissan.co.th/  

 
Read More

การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

โตโยต้าได้มีการพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดย คุณสมคิดประดิษฐ์กำจรชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์   ประเทศไทย จำกัดพร้อมด้วย คุณสมชาย จักร์กรีนทร์ ผู้อำนวยการสถาบันไทย – เยอรมัน  (Thai-German Institute) และ ดร.อภิชาติ ทองอยู่ ประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Human Development Center) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดสถาบันไทย – เยอรมัน มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำ 10 แห่ง ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในการดำเนินโครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยี  ยานยนต์  การผลิต และการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโตโยต้า ตลอดจนร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาหลักสูตรองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นอื่นๆ แก่บุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมให้ตรงกับความต้องการของ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม อาคารพนาเวศ โรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สถาบันไทย – เยอรมัน พร้อมด้วย มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำ 10 แห่ง ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และถือเป็นการดำเนินงานภายใต้นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ ทางโตโยต้ามุ่งหวังที่จะนำเอาองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยียานยนต์ การผลิต และการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มาถ่ายทอดให้แก่บรรดา นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรต่างๆ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และเตรียมความพร้อมให้มีศักยภาพตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลและศึกษาความเป็นไปได้ในการต่อยอดพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรเพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นอื่นๆ จากประสบการณ์ตรงของบุคลากรภายในบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด ให้แก่บรรดาบุคลากรเหล่านี้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย สำหรับ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีความจำเป็นในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อให้พร้อมรองรับต่อความต้องการแรงงาน ได้แก่ 1)         อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2)         อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3)         อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4)         อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5)         อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 6)         อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม 7)         อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 8)         อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 9)         อุตสาหกรรมดิจิทัล 10)   อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 11)   อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 12)   อุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานที่ทางโตโยต้าได้จัดเตรียมไว้สำหรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บรรดาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประกอบไปด้วย 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการส่งอาจารย์เพื่อถ่ายทอดความรู้สู่สถาบันการศึกษา ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด และ สถาบันไทย-เยอรมัน ในการจัดสรรคณะผู้เชี่ยวชาญและผู้ฝึกสอน ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บรรดา นักเรียน นักศึกษา ในระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ภายใต้ 2 หัวข้อหลัก อันได้แก่ 1.1) โรงงานอัจฉริยะ หรือ “Smart Factory” เป็นการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่นำเอาเทคโนโลยีเครื่องจักรต่างๆปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ IoT (Internet of Things) เข้ามาบริหารจัดการภายในโรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวกสร้างการทำงานที่เป็นระบบแบบอัตโนมัติ (Automation) ยกระดับคุณภาพของชิ้นงาน แต่ใช้กำลังคนที่น้อยลง 1.2) การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หรือ “Productivity Improvement” เป็นการนำวิถี “การผลิตแบบโตโยต้า” มาใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตที่ได้รับการยอมรับและถูกนำไปประยุกต์ใช้ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการผลิตที่ครบทั้งมาตรฐาน และคุณภาพตลอดทั้งกระบวนการ ประกอบไปด้วย 6 หัวข้อหลัก ได้แก่ ความปลอดภัย, สิ่งแวดล้อม, คุณภาพ, ผลผลิต, ต้นทุน และการพัฒนาบุคลากร สถาบันการศึกษา 7 แห่ง ที่เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวกับทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แก่ 1)    มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 2)    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา 3)    มหาวิทยาลัยบูรพา 4)    มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 5)    มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี 6)    วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง 7)    วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม 2.โครงการพัฒนาผู้ประกอบการภายใต้อุตสาหกรรมยานยนต์ หลักสูตรการบำรุงรักษายานยนต์สมัยใหม่ ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สถาบันไทย-เยอรมัน  และสถาบันการศึกษา 3 แห่งในเขตพื้นที่ EEC อันได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) วิทยาลัยเทคนิคบางแสน และ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ในการพัฒนา “หลักสูตรการบำรุงรักษายานยนต์สมัยใหม่” ให้กับผู้ประกอบการภายใต้อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่กลุ่มแรงงานช่างเทคนิคเพื่อให้มีความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เสริมสร้างความรู้และทักษะในการตรวจสอบ และการซ่อมบำรุงพื้นฐานให้กับยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสม (Hybrid Vehicle), ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle) และเทคโนโลยีการจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System) เป็นต้น สำหรับความร่วมมือในการดำเนินโครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย”  ในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายเพื่อจะช่วยพัฒนาบุคลากรด้วยหลักสูตรระยะสั้น ที่ต้องการยกระดับทักษะของบุคลากร หรือนักศึกษาที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยร่วมกันออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานของบริษัทฯด้านการมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของประเทศไทย ภายหลังจากการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทฯ ในโอกาสการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ60 ปี ที่ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนความสุขสู่ผู้คนและส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนของสังคมภายใต้“เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” และมุ่งหวังว่าการมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการในครั้งนี้ โดยมีส่วนช่วยสร้างเสริมทักษะและศักยภาพที่สำคัญที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับแผนงานและความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันอุตสาหกรรมของประเทศไทยต่อไปในอนาคต  

 
Read More

Super Delivery Man Project

ยามาฮ่า เสริมทักษะการขับขี่และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้ฟู้ดเดลิเวอรี่ไรเดอร์ ให้เป็นมากกว่าซูเปอร์ไรเดอร์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ฉลองครบรอบ 67 ปี เสริมความแข็งแกร่งภาพลักษณ์ตราสินค้าอีกครั้งด้วยการนำร่องจับมือร่วมกับพันธมิตร SCB Robinhood จัดโครงการ “Super Delivery Man Project” เพื่อเสริมทักษะการขับขี่ที่ถูกต้องให้กับไรเดอร์ ด้วยการเปิดหลักสูตรอบรมการขับขี่ปลอดภัย โดยผู้เชี่ยวชาญและครูฝึกจากสถาบันการขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) ให้กับฟู้ดเดลิเวอรี่ไรเดอร์จาก Robinhood พร้อมนำผู้เชี่ยวชาญการกู้ชีพและกู้ภัยมาร่วมให้การอบรมทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อีกทั้งยังเสริมทักษะการซ่อมรถจักรยานยนต์เบื้องต้นให้กับกลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี่ไรเดอร์ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับกลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี่ไรเดอร์ให้เป็นมากกว่าซูเปอร์ไรเดอร์ ทั้งในเรื่องการร่วมกันปฐมพยาบาลฉุกเฉิน และการซ่อมรถเบื้องต้นให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที โดยการอบรมโครงการ “Super Delivery Man Project” ในครั้งนี้ มีขึ้น ณ สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA)   

 
Read More

ยามาฮ่า ทดสอบใช้งานจริง “E01”

ยามาฮ่า โชว์สมรรถนะสกู๊ตเตอร์แห่งอนาคต โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ได้อวดโฉมสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า“ยามาฮ่า E01” ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ผ่านมาและเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของยานยนต์แห่งอนาคตภายในงาน ส่งผลให้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม สำหรับผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก ซึ่งการพัฒนาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจากยามาฮ่า ไม่ได้ริเริ่มในช่วงเวลาเพียง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทว่าเริ่มต้นกันมายาวนานนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1995  “ยามาฮ่า E01” มีจุดเด่นในด้านการชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ปริมาณตั้งแต่ 0-90% ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงทั้งยังมีสมรรถนะการใช้งานเทียบเท่าสกู๊ตเตอร์ขนาด 125 ซีซี ให้พละกำลัง 8.1 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 104 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง เมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 100 กม./ชม. ส่งผลให้ ยามาฮ่า E01 สามารถตอบสนองการใช้งานในสไตล์ที่หลากหลาย สำหรับการทดสอบขับขี่ “ยามาฮ่า E01” เริ่มการทดสอบใช้งานในจังหวัดเชียงใหม่ บนเส้นทางที่แบ่งออกเป็นการขับขี่ขึ้น-ลงเขา เพื่อทดสอบการขับขี่ในทางลาดชัน ซึ่งต้องใช้กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่าปกติ โดยทดสอบทั้งแบบขับขี่คนเดียว และทดสอบขับขี่แบบมีผู้ซ้อนท้าย เพื่อทดสอบว่าพละกำลังของตัวรถเมื่อมีน้ำหนักมากขึ้นจะส่งผลให้สมรรถนะลดลงหรือไม่ ทั้งยังได้ทดสอบขับขี่ขณะฝนตกบนสภาพพื้นถนนที่มีความเปียกลื่น ซึ่ง “ยามาฮ่า E01” ยังคงสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยโหมดการขับขี่ 3 ระดับ เพื่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขณะใช้งาน และไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ได้แก่ – PWR (โหมดเพาเวอร์): สำหรับการขับขี่ที่ดึงกำลังสูงสุดของมอเตอร์ออกมา เหมาะสำหรับการขี่ขึ้นเนิน และการเร่งแซง ฯลฯ – STD (โหมดมาตรฐาน): สำหรับการขับขี่ทั่วไปที่ใช้บ่อยที่สุดในช่วงความเร็ว 30 – 80 กม./ชม. – ECO (โหมดอีโค): สำหรับการขับขี่ระยะไกล เพื่อจำกัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่และจำกัดความเร็วสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 60 กม./ชม. ด้านการตอบสนองของผู้ขับขี่กับตัวรถมีความเหมาะสมเป็นอย่างดี สามารถควบคุมรถในโค้งได้อย่างนุ่มนวลและมั่นใจ ด้วยดีไซน์ของตัวรถที่ออกแบบภายใต้แนวคิดที่คำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ทั้งรถและผู้ขับขี่ต้องมีการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันส่งผลให้การควบคุมเป็นไปได้อย่างใจต้องการ สามารถติดตามการทดสอบขับขี่ครั้งต่อไปของ “ยามาฮ่า E01” ว่าจะมีการทดสอบใช้งานในรูปแบบไหน เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานจริง ที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันมากที่สุด เพื่อให้ “ยามาฮ่า E01” เป็นที่สุดของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับผู้ใช้ทุกท่านมากที่สุด  

 
Read More

Lexus Amazing Showcase

เลกซัสประเทศไทย ขอเชิญลูกค้าภาคใต้ทุกท่านสัมผัสมหกรรมยนตรกรรมสุดหรู พร้อมทดลองขับ และรับข้อเสนอสุดพิเศษในงาน “Lexus Amazing Showcase” ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 1 ฝั่งเฟสติวัล เซ็นทรัลภูเก็ต หลังจากประสบความสำเร็จในงาน “Lexus Amazing Showcase” ที่สยามพารากอน และเซ็นทรัลขอนแก่น เมื่อเดือนเมษายน และพฤษภาคมที่ผ่านมา เลกซัสประเทศไทยเดินหน้าต่อในการนำสุดยอดยนตกรรมไฟฟ้า 100% สุดหรูจากเลกซัส UX 300e และรถยนต์เลกซัสอีกหลากหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น IS 300h ES 300h UX 250h และ RX 300 ไปให้ลูกค้าชาวภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมทดลองขับได้อย่างเต็มที่ พิเศษสุดภายในงาน รับของที่ระลึกและข้อเสนอสุดพิเศษมากมายที่พลาดไม่ได้ พบข้อเสนอพิเศษมากมายภายในงาน “Lexus Amazing Showcase” ·      จอง Lexus UX 300e ภายในงาน รับฟรี Lexus Wall box Charger มูลค่า 80,000 บาท พร้อมบริการติดตั้งถึงบ้าน โปรแกรม Lexus Exclusive Package ครอบคลุมการรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 10ปี ไม่จำกัดระยะทาง* ·      จอง Lexus UX 250h และ Lexus IS 300h ภายในงาน รับฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package* ·      จอง Lexus ES 300h ภายในงานรับ Lexus Exclusive Package* ·      จอง Lexus RX 300 ภายในงานเลือกรับข้อเสนอสุดพิเศษ Ø ฟรีดอกเบี้ย 0% ส่วนลดสูงสุด 200,000บาท รับฟรีประกันภัย ชั้น1 และLXP แพ๊คเกจ บำรุงรักษา (เมื่อดาวน์เริ่มต้นที่ 30% และผ่อนชำระ 48 เดือน)* Ø หรือ เลือกรับส่วนลดเงินสดสูงสุด 500,000บาท ทุกรุ่นภายในงานมาพร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษ ·      ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยต่ำสุด 1.59%* สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ·      จองรถภายในงานรับ Lexus Amazing Showcase รับฟรี Central Gift Card มูลค่า 50,000 บาท และDiffuser จาก Jo Malone มูลค่า 4,100 บาท* ·      ลงทะเบียนทดลองขับรับฟรี Lexus Care Set (ชุดสเปรย์แอลกอฮอล์และหน้ากากผ้า)* * เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พิเศษ! สำหรับลูกค้าคนพิเศษผู้ครอบครองเลกซัส เพียงเข้าชมงานรับทันที Service Voucher มูลค่า 1,000 บาท พร้อมพบไฮไลท์สุดพิเศษ ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. กับมินิคอนเสิร์ต “ไอซ์ ศรัณยู” ที่เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเลกซัสเท่านั้น! และพลาดไม่ได้! สำหรับลูกค้าเลกซัสในพื้นที่ภาคเหนือ เตรียมพบกับงาน “Lexus Amazing Showcase”ที่จะยกขบวนยนตรกรรมไฟฟ้า xEV ภายใต้ Lexus Electrified ไปจัดแสดงพร้อมข้อเสนอ และกิจกรรมสุดพิเศษมากมายภายในงาน เร็วๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ เซ็นทรัล เชียงใหม่ 21-24 กรกฎาคม 2565 นี้  

 
Read More

Honda Dream School

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อโครงการ “Honda Dream School โรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยกับฮอนด้า” เป็นปีที่ 17 เพราะฮอนด้าเชื่อว่าการปลูกฝังเรื่องความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและความมีวินัยจราจรเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้นักเรียนและผู้ปกครองในการกลับมาใช้ชีวิตวิถีใหม่รับการเปิดเรียนอย่างเต็มรูปแบบ อนึ่ง โครงการฯ มีเป้าหมายในการสร้างและปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยแก่เยาวชนและชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ ปีนี้ พนักงานฮอนด้าจิตอาสาได้รวมกลุ่มทำการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมของ 3 โรงเรียน ทั้งโรงเรียนวัดบำเพ็ญเหนือ จ.กรุงเทพมหานคร โรงเรียนวัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงเรียนบ้านหนองปรือน้อย จ.ปราจีนบุรี เพื่อให้โรงเรียนมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการจราจรและการใช้ชีวิตของนักเรียนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกิจกรรมนี้ ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวไปสู่เป้าหมายฮอนด้าในปี2593 ในด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย  เพื่อสร้างสังคมปลอดมลพิษ (Carbon Neutrality) และสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์  (Zero Traffic Collision Fatalities) กิจกรรมในปีนี้ ประกอบด้วย 1.ด้านสิ่งแวดล้อม พัฒนาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนและชุมชน อาทิ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวของโรงเรียนทั้งสวนหย่อมสมุนไพร ศูนย์เรียนรู้ทางเกษตร และห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนได้เรียนรู้ในสถานที่จริง รวมถึงการส่งเสริมจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม โดยจัดตั้ง “ธนาคารขยะ” เพื่อส่งเสริมการแยกขยะให้ถูกต้องและเพิ่มมูลค่าด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างถูกวิธี ฯลฯ 2.ด้านความปลอดภัย เพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนนและเส้นทางจราจรต่างๆ ในช่วงการเข้าเรียนและเลิกเรียนอาทิ ปรับปรุงและทาสีทางม้าลายและฟุตบาทบริเวณหน้าโรงเรียน สร้างรั้วกั้นริมถนนหน้าโรงเรียน ติดตั้งป้ายจราจรเพิ่มเติม ฯลฯ นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนเงินทุนสำหรับการดำเนินโครงการที่ริเริ่มและดำเนินการเองในแต่ละโรงเรียนโดยยึดหลักความปลอดภัยในการใช้ชีวิตช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาทิ โครงการอาหารกลางวัน ด้วยอาหารที่มีคุณค่าครบ 5 หมู่ สะอาดและถูกสุขอนามัย การสร้างฉากป้องกันสำหรับโต๊ะรับประทานอาหาร การสร้างจุดล้างมือเพิ่มความสะอาดหลังทำกิจกรรมต่าง ๆ การปรับปรุงห้องสมุดให้เอื้อต่อการค้นคว้า รวมถึงพื้นที่สันทนาการสำหรับทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และโรงเรือนน้ำหมักชีวภาพ ฯลฯ  

 
Read More

วอลโว่ ขึ้นบัลลังก์อันดับ 3 รถหรู ในเมืองไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

-จุดเด่น ยอดขาย วอลโว่ เติบโตขึ้นถึง 94% -วอลโว่ ในปีที่ผ่านมาจำหน่ายไปร่วม 2 พันคัน มีสัดส่วนรถ EV ถึง 30% -XC40 นับเป็นรถธงรุ่นเดียวของ วอลโว่ ที่มีทั้งรุ่นไฮบริด และรุ่น EV ที่ใช้ไฟฟ้า 100% -XC40 ของ วอลโว่ เป็นรถ EV ที่ขายดีอันดับ 1 จนต้องปิดรับการจอง -C40 นับเป็นรถ EV ตัวใหม่ของ วอลโว่ ประจำปี 2565 -ขณะนี้ EV ทุกรุ่นของ วอลโว่ ต้องจองไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือได้รถอย่างต่ำต้นปีหน้า -รถไฮบริดของ วอลโว่ นำเข้าจากโรงงานในมาเลเซีย และรถ EV นำเข้าจากโรงงานในจีน แต่รถทั้งสองประเภท มียอดจองมากกว่ายอดนำเข้า -ตลาดรวมรถ EV วอลโว่ มียอดจำหน่ายเป็นอันดับ 2 ของประเทศขณะนี้ -ภายในปี 2030 หรืออีก 7 ปีครึ่ง วอลโว่ จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% เพราะแนวโน้มในปีที่ผ่านมา วอลโว่ จำหน่ายรถ EV ถึง 40% และในปี 2565 จะมียอดจำหน่าย EV ราว 45-50%  -ประเด็นน่าสนใจ เพราะ XC40 ในรุ่นไฮบริดราคาจำหน่ายประมาณ 2.3 ล้านบาท ขณะที่ XC40 แบบ EV ราคาอยู่ที่ ประมาณ 2.6 ล้านบาท ด้วยสภาวะน้ำมันแพง จึงทำให้ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ EV มีน้ำหนักมากขึ้น -รถ EV ของ วอลโว่ ได้รับการจองทาง on line คิดเป็น 100% แต่ยังคงไปดูรถตัวจริง ทดลองขับ ที่โชว์รูมของ ดีลเลอร์ วอลโว่ -ถึงแม้จะยังไม่มี วอลโว่ ลิซซิ่ง แต่ วอลโว่ ยืนยัน การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับ กรุงศรี และธนชาติ ลูกค้ามีความแฮปปี้เป็นอย่างมาก -ปัจจุบันการจำหน่ายรถยนต์ วอลโว่…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed