มิชลินหลังประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดมิชลินตัดสินใจเปิดนิทรรศการยางรถจักรยานยนต์ในรูปแบบเสมือนจริงบนเครือข่ายออนไลน์ MICHELIN MOTORCYCLE TYRE VIRTUAL EXHIBITION ขึ้นอีกครั้งเป็นรอบที่สองภายใต้สโลแกน The Journey Continues ให้ผู้เข้าชมจากทั่วโลกได้สัมผัสอีกระดับของความตื่นตาตื่นใจด้วยระบบอินเตอร์เฟซที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พื้นที่จัดแสดงเนื้อหาใหม่เพิ่มเติมที่เน้นการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน และนวัตกรรมยางรถจักรยานยนต์ล่าสุดจากมิชลิน โดยนิทรรศการรอบนี้เปิดให้เข้าชมแล้วทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่บัดนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี นิทรรศการเสมือนจริงรอบสองนี้ได้เพิ่มเติมองค์ประกอบใหม่ ๆ หลายประการ อาทิ พื้นที่จัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับคู่มือ‘มิชลิน ไกด์’ โดยมุ่งตอกย้ำ “ความเป็นผู้บุกเบิก” ของมิชลินที่อยู่นอกเหนือขอบเขตธุรกิจยางรถยนต์, เรื่องราวประวัติความเป็นมาของมิชลินในการเข้าร่วมการแข่งขัน ‘โมโตอี เวิลด์ คัพ’ ซึ่งจัดโดยสหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (FIM MotoE World Cup) ที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตของมิชลินอันส่งผลให้เกิดการพัฒนาโซลูชั่นยางใหม่ ๆภายใต้วิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรให้มีสมรรถนะสูงปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นเพื่อทุกคน รวมทั้งพื้นที่แนะนำยางรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุดจากมิชลิน ได้แก่ ‘มิชลิน อนาคี สตรีท’ (MICHELIN Anakee Street) และ ‘มิชลิน โรด คลาสสิก’ (MICHELIN Road Classic) MotoGP™ & Motorcycle Racing Strategy ที่แสดงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างมิชลินและรายการแข่งรถจักรยานยนต์ ‘โมโตจีพี’, ข้อมูลยางรถจักรยานยนต์และนักบิดในการแข่งขัน ‘โมโตจีพี’ ประจำปี 2564, คลิปวิดีโอเกี่ยวกับการแข่งขันและนักบิด ‘โมโตจีพี’ รวมทั้งเนื้อหาใหม่เกี่ยวกับความเป็นมาของมิชลินในการเข้าร่วมการแข่งขัน ‘โมโตอี เวิลด์คัพ’ ซึ่งจัดโดยสหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (FIM MotoE World Cup) และ Partnership with Original Equipment Manufacturers จัดแสดงเนื้อหาสะท้อนพลังการร่วมพันธมิตรของมิชลินกับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำระดับโลก พร้อมทั้งแสดงรถจักรยานยนต์หลากรุ่นที่ใช้ยางมิชลินเป็นยางมาตรฐานติดรถ เนื้อหาทั้งหมดนำเสนอเป็นภาษาต่างๆ รวม 6 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, ไทย, บาฮาซา อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี และเวียดนาม ผู้สนใจสามารถคลิกเข้าชมนิทรรศการยางรถจักรยานยนต์ในรูปแบบเสมือนจริง MICHELIN MOTORCYCLE TYRE VIRTUAL EXHIBITION รอบสองนี้ ได้ที่: motorcycletyreexhibithall.michelin.asia
Author: GIANT Autosawasdee
ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต
ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (Population and Community Development Association หรือ PDA) สานต่อโครงการฝึกอบรมอาชีพสร้างอาชีพสู้โควิด-19 แบบเร่งด่วนในโครงการ ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต(Regenerating Life) เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ในอาชีพเกษตรควบคู่ไปกับการเสริมทักษะทักษาด้านดิจิทัล เพื่อนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เพื่อการขายสินค้าในโลกออนไลน์ ให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 250 ครัวเรือนใน 11 จังหวัด ทั่วประเทศ คุณกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทยและตลาดอาเซียน กล่าวว่า “ฟอร์ดตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดกับชุมชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เราจึงได้ร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนจัดทำโครงการ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ ขึ้นเป็นปีที่ 2 เพราะเราเล็งเห็นว่าการมอบองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาวให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสูญเสียรายได้ในช่วงโควิด-19 ได้ โดยจะเน้นหลักสูตรที่เรียนรู้ง่ายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมนำความรู้ที่ได้มาสร้างโอกาสในการหารายได้ให้กับครอบครัวได้ทันที โดยมีทีมงานและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ในชุมชนมาร่วมถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริง” ในการฝึกอบรมกลุ่มแรกที่ศูนย์มีชัย จังหวัดขอนแก่น ผู้เข้าอบรมอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะดิจิทัลผ่านการฝึกอบรมในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพื่อการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยมีวิทยากรซึ่งเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ‘บ้านสวนเบญจมงคลมินิฟาร์ม’ มาร่วมถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์จากการทำเกษตรพอเพียงและการทำธุรกิจในช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้เข้าอบรมอาชีพเกษตรยังได้รับการฝึกอบรมผ่านการปฏิบัติจริงใน 4 ฐานการเรียนรู้ ประกอบด้วย การเตรียมดินและการเพาะปลูกผักและพันธุ์กล้าไม้ การเพาะเห็ดและการดูแลรักษา การเพาะถั่วงอก รวมถึงการเพาะทานตะวันงอก เมื่อจบการฝึกอบรม ผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบอาชีพเบื้องต้น ได้แก่ ชุดเพาะเห็ดนางฟ้า ชุดเพาะถั่วงอกและชุดเพาะทานตะวันงอก กล้าพืชผักสวนครัว และชุดป้องกันโควิด-19 เพื่อนำไปใช้จุนเจือการบริโภคในครัวเรือนหรือสร้างรายได้ด้วยตัวเองได้ทันที ฟอร์ดมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วประเทศไทยในหลากหลายมิติโดยในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมในหลากหลายกิจกรรม สำหรับโครงการ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้สนับสนุนงบประมาณราว 930,000 บาทในการจัดอบรมเพื่อมอบองค์ความรู้ในด้านการสร้างอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีช่องทางในการหารายได้ ซึ่งมีเป้าหมายฝึกอบรมให้ชาวบ้านกว่า 250 ครอบครัว ภายในปีนี้
BMW R18 Custom & R5
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ชวน Smiths Vintage Club สำนักมอเตอร์ไซค์คัสตอมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย มาร่วมกันจุดประกายให้กับวงการนักแต่งรถสไตล์วินเทจ ด้วยการเปิดตัวโปรเจกต์สุดพิเศษ บีเอ็มดับเบิลยู R18Custom ต่อยอดจากรถครูซเซอร์รุ่นดั้งเดิมที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในทุกอณู บีเอ็มดับเบิลยู R18 เป็นมอเตอร์ไซค์ครูซเซอร์ดีไซน์คลาสสิกที่นำเอาดีเอ็นเอจากรถต้นแบบอย่าง บีเอ็มดับเบิลยูConcept R5 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากบีเอ็มดับเบิลยู R5 รุ่นเดิมจากเมื่อกว่า 80 ปีที่แล้ว กลับมาชุบชีวิตใหม่อีกครั้งด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ เจาะตลาดกลุ่มผู้ชื่นชอบรถทรงคลาสสิก สำหรับการออกแบบตัวรถ ไม่ได้มีเพียงรูปทรงที่ดูย้อนยุคเท่านั้น แต่ยังยกมาทั้งดีไซน์ของท่อไอเสีย บังโคลนแบบคลาสสิค รวมถึงระบบต่างๆ เช่นเพลาขับเคลื่อน ซึ่งย้อนกลับไปใช้องค์ประกอบและรูปแบบในแนวเดียวกันรุ่นดั้งเดิม ในลุคใหม่ที่คุมโทนสีดำ ตัดกับความเงาของโครเมี่ยมได้อย่างลงตัว ในเมื่อบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้เชื่อมั่นในพลังของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มาตั้งแต่ปี 1923 เราจึงนำเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สองสูบที่ทรงพลังที่สุดของเราด้วยขนาด 1,802 cc มาเป็นหัวใจของบีเอ็มดับเบิลยู R18 มอบพละกำลัง 91 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที ทั้งยังผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสานกับกลิ่นอายของการขับขี่มอเตอร์ไซค์แบบคลาสสิกได้อย่างลงตัว สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R18 Custom คันพิเศษนี้ จะถูกปรับแต่งโดย Smiths Vintage Club ไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับแถวหน้าที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ชื่นชอบความวินเทจและคนรักมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ด้วยตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ก่อตั้งอย่าง “สัน–สรวิสิษฎ์ บรรจงลักษมี” ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคอมมิวนิตี้ยอดฮิตสำหรับวินเทจไบค์เกอร์ในมหานครแห่งนี้ ชื่อของ Smiths Vintage Club มีที่มาจากวงร็อคอังกฤษ “The Smiths” ที่โด่งดังในช่วงทศวรรษ 1980s และเป็นวงโปรดของคุณสัน นอกจากความรักในเพลงร็อคแล้ว แน่นอนว่าคุณสันเป็นผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์เป็นอย่างมาก และยังเป็นเจ้าของรถคัสตอมหลากหลายรุ่น ซึ่งทำให้การเลือกรถเข้ามาแต่งแต่ละคันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยด้วยความคลาสสิกและหายากของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู R100, R51, หรือ R90S และนอกเหนือจากการแต่งรถแล้ว มอเตอร์ไซค์บางคันของคุณสันยังถูกนำไปปรับปรุงเครื่องยนต์เพื่อเป็นรถแข่งเต็มตัว ก่อนจะส่งไปลงสนามภายใต้สังกัดทีม Smiths Vintage Club และถึงกับเคยคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะมอเตอร์ไซค์รุ่นปัจจุบันมาแล้ว เมื่อถามถึงรถแต่งคันโปรดของคุณสัน หนึ่งในไฮไลท์จากคอลเลกชันของเขาก็คือ บีเอ็มดับเบิลยู R68 ปี 1954 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรุ่นระดับตำนานที่มีจำนวนการผลิตน้อยมาก เพียงราว 1,800 คันเท่านั้น โดยคุณสันได้นำรถหายากคันนี้มาแต่งใหม่ ยกเอาท่อไอเสียขึ้นไปอยู่ด้านบนให้เหมือนกับเป็นรถแข่ง ส่วนอีกหนึ่งคันโปรดอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู R100 RS ปี1980 ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมไม่น้อยในวงการนักแต่งคัสตอมไบค์ และทางคุณสันเองก็ได้นำมาแต่งแบบทำใหม่หมดในทุกรายละเอียดเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ยางรถ โปรเจกต์ บีเอ็มดับเบิลยู R18 Custom นี้ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการสเก็ตช์ภาพเพื่อให้งานออกแบบสามารถดึงตัวตนของความเป็น Smiths Vintage Club ออกมาได้มากที่สุด และต่อยอดจากความคลาสสิกของตัวรถเองอย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะเริ่มลงมือสร้างผลงานจริงต่อไป มาติดตามดูกันว่าผลงานการสรรสร้าง BMW R18 Custom จาก Smiths Vintage Club จะออกมาเป็นอย่างไร โดยสามารถอัปเดทความเคลื่อนไหวของโปรเจกต์นี้ได้เร็วๆนี้ ที่ Facebook BMW Motorrad Thailand
WSBK ที่ เฆเรซ “ราซกัตลิโอกลู” ระเบิดฟอร์มเก่ง
รายการ มอเตอร์ไซค์แข่งขันทางเรียบ เวิลด์ซูเปอร์ไบค์ โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ดาวบิดยามาฮ่า ระเบิดฟอร์มเก่ง ควบรถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 กวาดแชมป์จากการชิงชัยในสนาม 10 ศึกเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ เฆเรซ เก็บแต้มทิ้งห่างคู่แข่ง 20 คะแนน ขณะเหลือการแข่งขัน 3 สนามในฤดูกาลนี้ การแข่งขันในสนามที่ 10 ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ-อังเคล นีอัตโต้ แคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน ระยะทางต่อรอบ 4.423 กิโลเมตร ในรายการโมตุล สแปนิช ราวนด์ เกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดความสูญเสียอีกครั้ง ส่งผลให้ฝ่ายจัดการแข่งขันลดการชิงชัยเหลือ 2 เรซ และเป็นทางด้าน โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ดาวบิดเติร์ก สังกัดพาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์เอสบีเค ที่บิดด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ควบรถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 ผงาดคว้าชัยในเรซแรก ก่อนจะซิ่งนำม้วนเดียวจบซิวแชมป์ในเรซที่ 2 ไปครอง รวมถึง อันเดรีย โลคาเทลลี่ #55 นักบิดอิตาเลียน เพื่อนร่วมสังกัดพาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์เอสบีเค ที่ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในกลุ่มรุกกี้ บิดจบการแข่งขันด้วยอันดับ 4 จากการชิงชัยทั้ง 2 เรซ เดินหน้าคว้าแต้มให้กับตนเองได้อย่างต่อเนื่อง จากผลงานระดับท็อปส่งผลให้ โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ยังคงรั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักบิด เก็บไปแล้วทั้งสิ้น 449 คะแนน ถือแต้มเหนือกว่าอันดับ 2 ถึง 20 คะแนน รวมถึง ยามาฮ่า ที่ครองจ่าฝูงในประเภทค่ายผู้ผลิต หลังโกยไปแล้วทั้งสิ้น 474 คะแนน…
ฟอร์ดเอาใจลูกค้าสายแต่งรถ
ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดนานสูงสุดถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เพื่อเสริมความมั่นใจในคุณภาพและความคุ้มค่าจากการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งแท้โดยช่างผู้ชำนาญจากศูนย์บริการฟอร์ด สำหรับลูกค้า ฟอร์ด เรนเจอร์ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันพิเศษ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ใหม่สามารถนำยอดซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดรวมจัดสินเชื่อกับรถใหม่ และลูกค้าปัจจุบันสามารถผ่อนชำระ 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ข้อเสนอการผ่อนสุดพิเศษเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 จนถึง 31 ธันวาคม 2564 คุณสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ดทราบดีว่าลูกค้าในประเทศไทยชื่นชอบการแต่งรถ เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพเหมาะกับการใช้งานและยกระดับการขับขี่ของลูกค้า นอกจากนี้ สิ่งที่ฟอร์ดให้ความสำคัญสูงสุด คือ การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เราจึงได้นำเสนอการแคมเปญขยายระยะการคุ้มครองคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งแท้ของฟอร์ด เพื่อช่วยยกระดับความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเลือกใช้อุปกรณ์ตกแต่งแท้ ที่ได้รับการติดตั้งตามมาตรฐานจากช่างมืออาชีพ ลูกค้ารถฟอร์ดจะอุ่นใจด้วยความคุ้มครองที่ยาวนาน สะท้อนการดูแลกันเสมือนคนในครอบครัว” แคมเปญรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ด มอบสิทธิประโยชน์คุ้มค่าแก่ลูกค้าเจ้าของรถยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทั้งรถที่ยังอยู่ในระยะการรับประกันคุณภาพจากโรงงาน 3 ปี/100,000 กิโลเมตร และยังครอบคลุมถึงรถที่เกินระยะการรับประกันคุณภาพ เมื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ด Genuine Ford Accessories (GFA) และอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้ผ่านการทดสอบและได้รับใบอนุญาตจากฟอร์ด Ford License Accessories (FLA) โดยมีรายละเอียด ดังนี้ -ลูกค้ารถใหม่จะได้รับสิทธิพิเศษในการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งสูงสุด 3 ปี/100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน -ลูกค้าที่รถยังอยู่ในระยะการรับประกันคุณภาพ 3 ปี/100,000 กิโลเมตร จะได้รับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่ง 2 กรณี ภายใต้เงื่อนไขที่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์สูงสุด คือ ระยะการรับประกันหมดพร้อมกันกับการรับประกันของตัวรถที่ 3 ปี/100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน หรือ ระยะการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่ง 1 ปี/20,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อนจากวันติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง -ลูกค้าที่รถเกินระยะการรับประกันคุณภาพ 3 ปี/100,000 กิโลเมตร จะได้รับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งที่ 1 ปี/20,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อนจากวันติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง สิทธิพิเศษสำหรับ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ใหม่พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ด สามารถนำยอดซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดรวมคำนวณกับค่ารถเพื่อจัดสินเชื่อกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดรวมตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป สามารถเข้าร่วมแคมเปญผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน (เฉพาะศูนย์บริการฟอร์ดที่ร่วมรายการ) ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เฉพาะหน้าบัตรที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 จนถึง 31 ธันวาคม 2564 สามารถนำยอดซื้ออุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดรวมผ่อนชำระกับสินค้าหรือบริการอื่นได้ แคมเปญรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดพร้อมให้บริการที่ศูนย์บริการฟอร์ดทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.ford.co.th/owner/ford-accessories/ นอกจากนี้ ลูกค้าฟอร์ดทั่วประเทศสามารถติดต่อศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ฟอร์ด (Ford Call Center) เพื่อรับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่เบอร์โทรศัพท์ 1383
Factory Sandbox
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน คุณสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และคุณภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และคณะ เข้าตรวจเยี่ยมและรับฟังการรายงานผลความคืบหน้าโครงการ Factory Sandbox พร้อมเยี่ยมเดินชมกิจกรรมการฉีดวัคซีนกลุ่มพนักงาน ณ ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมี มร. โมะริคาซุชกกิ ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ โดยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox บูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานและโรงพยาบาลวิภาราม ณ ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยในชีวิตพนักงาน รวมถึงการมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการลดทอนปัญหาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศ มร.โมะริคาซุ ชกกิ ประธานคณะกรรมการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ท่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะ ได้เข้ามาตรวจเยี่ยมและเป็นสักขีพยาน ในการฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานของเราภายใต้โครงการ Factory Sandbox ซึ่งโครงการนี้ เป็นมาตรการของรัฐที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยและลดโอกาสการติดเชื้อโควิด-19 ให้แก่พนักงาน ครอบครัวของพนักงาน และชุมชนโดยรอบ การช่วยเหลือชุมชนและสังคมให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของเรา ในฐานะที่เราเป็นพลเมืองของสังคมไทย โดยโครงการ Factory Sandbox ช่วยให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ ที่ผ่านมามิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้มีแนวทางการปฏิบัติและมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดภายในโรงงานของเราอย่าง ‘เคร่งครัด’ และ ‘ต่อเนื่อง’ ไม่ว่าจะเป็น นโยบายการ Work From Home การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การล้างมือ รวมถึงการใช้แบบฟอร์มในการคัดกรองหรือ Online Screening และการตรวจ ATK เชิงรุกภายในสถานประกอบการ เพื่อตรวจคัดกรองภายในองค์กรเป็นประจำทุกวัน ตลอดจนจัดสรรการฉีดวัคซีนแบบกลุ่ม ให้แก่พนักงานของเรา” สำหรับขอบข่ายความร่วมมือภายใต้โครงการ Factory Sandbox กระทรวงแรงงานจะเป็นผู้ดำเนินการสำรวจและประเมินมาตรการการปฏิบัติตามแนวทางของโครงการฯ ของศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่แหลมฉบัง พร้อมรายงานผลการตรวจต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ในขณะที่โรงพยาบาลวิภารามจะดำเนินการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ให้พนักงานทั้งหมดภายในศูนย์การผลิตฯ รวมถึงคัดแยกผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาตามเกณฑ์กลุ่มสีและดำเนินการฉีดวัคซีนแก่พนักงานทุกคนที่ตรวจไม่พบเชื้อ โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะให้ความร่วมมือผ่านการจัดหาสถานที่กักตัวพนักงานที่ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงสูง ตลอดจนดำเนินการตามมาตรการและข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด นับตั้งแต่การตรวจ รักษา ดูแล และควบคุม โปรแกรมการฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รวมถึงพนักงานของบริษัท ซัพพลายเออร์ที่ทำงานในพื้นที่ของศูนย์การผลิตฯ จะมีการดำเนินการทั้งในส่วนภายใต้ข้อตกลงของโครงการ Factory Sandbox ที่วางเป้าหมายให้มีการฉีดวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ให้แก่พนักงานที่มีคุณสมบัติครบตามกำหนด รวมกว่า 1,900 คน และในส่วนของบริษัทฯ เอง ที่มีการจัดหาวัคซีนสำหรับพนักงานจากช่องทางต่างๆ ซึ่งด้วยการสนับสนุนของโครงการFactory Sandbox ทำให้บริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายของการฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานทุกคนจนครบ 2 เข็ม ภายในสิ้นปี 2564 นี้ ศูนย์การผลิตมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตที่มีความสำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่นทั่วโลก ประกอบด้วยโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง และโรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 424,000 คันต่อปี สร้างการจ้างงานมากกว่า6,200 ตำแหน่ง รวมถึงแรงงานในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์อีกกว่า 400,000 คน อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตขึ้นด้วยฝีมือคนไทยเป็นรายแรก และถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดการส่งออกรถยนต์สะสมแล้วมากกว่า 4.4 ล้านคัน (ตั้งแต่ปี 2531-2564) เพื่อการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกกว่า 120 ประเทศ โดยศูนย์การผลิตแห่งนี้ ยังเป็นศูนย์การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในสายการผลิตรถยนต์ โดยติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาโรงงานที่มีกำลังการผลิตถึง 5 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้ ยังมีการพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ซึ่งเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ในปีนี้ ศูนย์การผลิตแหลมฉบังผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคัน นับเป็นฟันเฟืองสำคัญนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยและจะยังคงเดินหน้าทำการผลิตภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาเสถียรภาพการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ท้าทายต่างๆ และร่วมเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่สร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอย่างยั่งยืน
All New YAMAHA EXCITER155
เรามาเจาะลึก 7 จุดเด่นใหม่ Design The Next Level ใน All New YAMAHA EXCITER155 กันดีกว่า ว่ามีอะไรที่โดดเด่นกันบ้าง เริ่มต้นจาก… 1.ใหม่หมดจดด้วยรูปโฉมได้รับการออกแบบและถ่ายทอด DNA จากรถสปอร์ตในตระกูล R-Series 2.ระบบไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Super Sport Full LED แยกโคมไฟสูง และไฟต่ำ พร้อม Day Time Running Light สว่างชัดเจนทุกการเคลื่อนไหว 3.โดดเด่น ทันสมัย หน้าจอเรือนไมล์ LCD ดิจิทัลเต็มระบบ แสดงครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน 4.สปอร์ต โฉบเฉี่ยวด้วยไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ถอดแบบรุ่นใหญ่ ในตระกูล R-Series สว่างชัดและปลอดภัย 5.เครื่องยนต์ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำบล็อกใหม่ แรงเร้าใจด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA เกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจกว่าเดิม 6.เฟรมดีไซน์ใหม่รูปตัว Y น้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดีขึ้นกว่าเดิม เสริมด้วยความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น 7.เพิ่มความจุของถังน้ำมัน เสริมประสิทธิภาพการใช้งาน เดินทางได้ไกลขึ้นกว่าเดิม ด้วยความจุ 5.4 ลิตร พบกับความเร้าใจครั้งใหม่ของ All New YAMAHA EXCITER 155 Design The Next Level ได้แล้ววันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ #YAMAHA #EXCITER #155
นิสสัน ผ่อนผันช่วงเวลาขอ
นิสสัน ประเทศไทย ผ่อนผันนโยบายการรับประกันรถยนต์และการบำรุงรักษาตามระยะในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องลดการเดินทางและการใช้รถยนต์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ตามข้อจำกัดการเดินทางตามระยะเวลาที่กำหนดของรัฐบาล นิสสัน ตระหนักถึงความกังวลจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้ารถยนต์นิสสันการใช้รถยนต์ลดลงเนื่องจากการลดการเดินทางต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคระบาดที่เกิดขึ้น บริษัทฯ จึงได้ผ่อนผันการบำรุงรักษารถยนต์นิสสัน และการรับประกันคุณภาพ อย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความกังวล และลดความเสี่ยงต่อโรคระบาดโควิด-19 ตามรายละเอียดดังนี้ สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถนำรถเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะที่กำหนดในช่วงที่รัฐบาลได้มีประกาศจำกัดการเดินทาง จะได้รับการผ่อนผันให้สามารถเข้ารับบริการล่าช้ากว่าระยะที่กำหนดได้ 3 เดือน หรือ 3,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน อนึ่ง ลูกค้าที่ขาดการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะในช่วงที่รัฐบาลมีประกาศจำกัดการเดินทาง บริษัทฯ อนุโลมให้สิทธิการรับประกันยังคงอยู่ มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “นิสสัน ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 ปี ที่ยืนหยัดเคียงข้างคนไทย ลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดใหญ่เช่นนี้ เราต้องการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากที่สุด โดยนโยบายผ่อนผันการรับประกันรถยนต์ของนิสสัน ทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นและปลอดภัยในเวลานี้ นิสสัน พร้อมผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ยังคงดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันโควิด-19 ที่โชว์รูม และศูนย์บริการนิสสันทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจของลูกค้าทุกครั้งที่มาเยี่ยมชมหรือเข้ารับบริการ ณ ผู้จำหน่ายนิสสันของเรา” ทั้งนี้ ลูกค้านิสสัน สามารถนำรถยนต์เข้ารับบริการทุก ๆ 6 เดือน หรือตามระยะทางที่กำหนดในรถยนต์แต่ละรุ่น* ได้ที่ศูนย์บริการนิสสัน ทั่วประเทศ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center หมายเลข 02 401 9600 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ นิสสัน ประเทศไทย
นิสสันพาเยี่ยมชมศูนย์วิจัยแห่งนวัตกรรม
นิสสัน มองไปข้างหน้าถึงอนาคตนับเป็นสิ่งที่นิสสันให้ความสำคัญและมีความภาคภูมิใจมาโดยตลอด และวิสัยทัศน์ที่ก้าวไปข้างหน้านี้ตอกย้ำให้เห็นว่าบุคลากรของนิสสันมีทัศนคติที่ใฝ่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวของนักวิจัยที่เรากำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีความปราดเปรื่องพร้อมจะท้าทายกับตัวเองอยู่เสมอไม่เว้นแต่ละวัน และยังไล่ล่าตามหาฝัน และพร้อมรับมือกับทุกปัญหา ทีมนักวิจัยรุ่นใหม่ของเรามุ่งมั่นผลักดันตัวเองให้มีพัฒนาการเพื่อค้นคว้าหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน โดยขับเคลื่อนภายใต้หลักการสำคัญของนิสสันที่ว่า “กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า” ซึ่งที่ศูนย์วิจัยของนิสสัน พวกเขาทำงานด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัยมุ่งสู่การพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อการขับขี่รถยนต์ในยุคหน้า ศูนย์วิจัยของนิสสัน เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาถึงสองแห่งซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดคานากาวะ โดยหนึ่งในอาคารนั้นเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2501 พิสูจน์ว่านิสสันให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนาน ที่แห่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างของนิสสัน รวมถึงการพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็นนวัตกรรมที่สำคัญในอนาคต วัตถุประสงค์หลักของนักวิจัยของนิสสันคือการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยให้นิสสันสามารถนำไปใช้งานได้จริง ตลอดจนประเมิน เทรนด์ในปัจจุบันเพื่อวิเคราะห์ถึงความต้องการในอนาคต นิสสันแบ่งกระบวนการวิจัยออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้: 1. การขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าสู่เป้าหมายการลดคาร์บอนเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) 2. การพัฒนาบริการด้านการขับเคลื่อนเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ 3. ผลักดันการใช้นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ให้เหนือกว่ารถยนต์ธรรมดา และขยายการไปสู่การผลิตเพื่อใช้จริง 4. คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ เพื่อยานยนต์แห่งอนาคต ศูนย์วิจัยแห่งนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศของนิสสัน เป็นจุดนัดพบของเหล่านักวิจัยที่มารวมตัวกันด้วยพลังขับเคลื่อนจากภายในที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงโลกด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.nissan.co.th, Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืนสามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn และรับชมวิดีโอล่าสุดที่ YouTube
เอช เซม ตอบโจทย์ตรงใจ ไรเดอร์
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เอช เซม ถูกใจรูปทรงสวยงาม ใช้งานง่าย พร้อมรูปแบบการเช่าที่หลากหลาย หมดกังวลเรื่องซ่อมบำรุง เพราะ เอช เซม ดูแลตลอดอายุสัญญา ด้วยความคุ้มค่าและความหลากหลายของรูปแบบการเช่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นมา มีไรเดอร์ให้ความสนใจทดลองขับและทำสัญญาเช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เอช เซม เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเช่าแบบรายวัน รายเดือน หรือรายปีโดยสามารถแบ่งสัดส่วนการเช่าออกเป็น เช่าแบบรายวัน 24% เช่าระยะสั้นตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป 34% และเช่าระยะยาวตั้งแต่365 วัน ขึ้นไป 42% ซึ่งเป็นระยะการเช่าที่ไรเดอร์ให้ความสนใจมากที่สุด บางส่วนของความคิดเห็นจากไรเดอร์ โรบินฮู้ด ที่เข้าร่วมโครงการ Robinhood EV Bike เช่ารถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าแบรนด์ เอช เซม คุณโฆษิต จันทรา ไรเดอร์ โรบินฮู้ด กล่าวว่า “ปกติทำงานประจำ แต่ขับโรบินฮู้ดเป็นอาชีพเสริม แค่วันเสาร์และอาทิตย์ พอทราบว่า เอช เซม มีโปรแกรมการเช่าแบบรายวัน เลยสนใจเช่า เพื่อใช้หารายได้เสริมในช่วงวันหยุด” สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ 099-001-1888 วันจันทร์ – วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.30 น. หรือติดต่อด้วยตัวเอง ณ H SEM POWER STATION ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ หรือ ลงทะเบียนผ่าน Line Official: @hsemrider