ยอดขายรวมของตลาดรถยนต์ในเดือนที่ผ่านมา 64,122 คัน เท่ากับลดลง 17.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่ในช่วงเดือนกันยายนของปีนี้ ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้วเสียอีก คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2564 ชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนท์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 64,122 คัน ลดลง17.7%ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 25,255 คัน ลดลง 13.5% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 38,867 คัน ลดลง 20.2% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 30,164 คัน ลดลง 21% ประเด็นสำคัญ ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 2564 มีปริมาณการขาย 64,122 คัน ลดลง 17.7% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 13.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 20.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความวิตกกังวลต่อภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศยังคงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ ที่สำคัญสถานการณ์น้ำท่วมได้ลุกลามหลายจังหวัดในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจฐานราก และความสามารถในการซื้อของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ตลาดรถยนต์ในเดือนตุลาคมมีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด–19 (ศบค.) ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด–19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อให้ธุรกิจและประชาชนสามารถดำเนินชีวิต และประกอบธุรกิจได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรคโดยอนุญาตให้สถานประกอบการบางแห่งเปิดบริการ หรือสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ตลอดจนการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยเริ่มทั่วถึงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดียังมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้นจากความพยายามอย่างเต็มที่ของภาครัฐ ในการส่งเสริมมาตรการทางเศรษฐกิจ และการสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภค ตลอดจนการเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวในโครงการนำร่องอย่าง Phuket sandbox Samui plus และ Pattaya move on จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นคืนกลับมา รวมทั้งสถานการณ์น้ำท่วมที่คลี่คลายในหลายพื้นที่ และการเดินหน้าเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่เป็น Hi-season จะช่วยให้สถานการณ์ตลาดรถยนต์ดีขึ้นไปจนถึงสิ้นปี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกันยายน 2564 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 64,122 คัน ลดลง 17.7% อันดับที่ 1 โตโยต้า 19,971 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.1% อันดับที่ 2 อีซูซุ 13,649 คัน ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 21.3% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 6,311 คัน ลดลง 30.5% ส่วนแบ่งตลาด 9.8% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,255 คัน ลดลง 13.5% อันดับที่ 1 ฮอนด้า 5,849 คัน ลดลง 23.0% ส่วนแบ่งตลาด 23.2% อันดับที่ 2 โตโยต้า 5,237 คัน ลดลง 3.6% ส่วนแบ่งตลาด 20.7% อันดับที่ 3 มาสด้า 1,921 คัน ลดลง 6.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.6% 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 38,867 คัน ลดลง 20.2% อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,734 คัน ลดลง 19.6% ส่วนแบ่งตลาด 37.9% อันดับที่ 2 อีซูซุ 13,649 คัน ลดลง 11.6% ส่วนแบ่งตลาด 35.1% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,101 คัน ลดลง 26.2% ส่วนแบ่งตลาด 5.4% 4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 30,164 คัน ลดลง 21% อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,504 คัน ลดลง 18.4% ส่วนแบ่งตลาด 41.5% อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,254 คัน ลดลง 13.4% ส่วนแบ่งตลาด 40.6% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,101 คัน ลดลง 26.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.0% ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,037 คัน โตโยต้า 1,461 คัน – อีซูซุ 804 คัน – ฟอร์ด 329 คัน – มิตซูบิชิ 328 คัน – นิสสัน 115 คัน 5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 27,127 คัน ลดลง 20.9% อันดับที่ 1 อีซูซุ 11,450 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 42.2% อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,043 คัน ลดลง 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 40.7% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,772 คัน ลดลง 24.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.5% สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กันยายน 2564 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 531,931 คัน ลดลง 0.5% อันดับที่ 1 โตโยต้า 166,560 คัน เพิ่มขึ้น 6.0% ส่วนแบ่งตลาด 31.3% อันดับที่ 2 อีซูซุ 131,529 คัน เพิ่มขึ้น 6.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.7% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 61,329 คัน ลดลง 5.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.5% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 176,140 คัน ลดลง 6.7% อันดับที่ 1 ฮอนด้า 53,406 คัน ลดลง 1.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.3% อันดับที่ 2 โตโยต้า 43,101 คัน ลดลง 5.6% ส่วนแบ่งตลาด 24.5% อันดับที่ 3 มาสด้า 15,156 คัน ลดลง 9.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.6% 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 355,791 คัน เพิ่มขึ้น 2.8% อันดับที่ 1 อีซูซุ 131,529 คัน เพิ่มขึ้น 6.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.0% อันดับที่ 2 โตโยต้า 123,459 คัน เพิ่มขึ้น 10.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.7% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 22,530 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 6.3% 4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)ปริมาณการขาย 276,789 คัน เพิ่มขึ้น0.9% อันดับที่ 1 อีซูซุ 119,314 คัน เพิ่มขึ้น 4.4% ส่วนแบ่งตลาด 43.1% อันดับที่ 2 โตโยต้า 104,962 คัน เพิ่มขึ้น 9.8% ส่วนแบ่งตลาด 37.9% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 22,530 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.1% ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 36,160 คัน โตโยต้า 15,986 คัน – อีซูซุ 11,826 คัน – มิตซูบิชิ 4,532 คัน – ฟอร์ด 3,344 คัน – นิสสัน 472 คัน…
Author: GIANT Autosawasdee
ORA Good Cat
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ส่งมอบแคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อตอบแทนการรอคอยการเปิดตัว ORA Good Cat และขอบคุณผู้บริโภคชาวไทยที่ให้การสนับสนุน เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่างดีเยี่ยมเสมอมา ด้วยแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL เปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อ ORA Good Cat รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ก่อนที่จะมีการเปิดตัวและการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 29 ตุลาคม นี้ พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ ผ่อน 0% นาน48 เดือน ฟรีประกันรถยนต์ชั้น 1 ฟรีโฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้ง และบริการเหนือระดับอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า220,000 บาท ในระหว่างวันที่ 14 ตุลาคม 2564 เวลา 0.01 น. ถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 18.00 น. นอกจากนี้ ลูกค้าที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อซื้อ ORA Good Cat ในแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจเสริมORA Value Plus สุดคุ้มเพิ่มเติมได้อีกด้วย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV รถยนต์เอสยูวียอดนิยมระดับโลกจากแบรนด์ HAVAL ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามจากชาวไทย ด้วยการขึ้นแท่นเป็นรถยนต์คอมแพคเอสยูวีที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งถึงสองเดือนซ้อนในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศเปิดจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อ ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้ก่อนใคร ผ่านแคมเปญสุดพิเศษ ORA Good Cat ULTRA DEAL ที่มาพร้อมข้อเสนอและเอกสิทธิ์ที่เหนือกว่า เพื่อสร้างความมั่นใจในการเป็นเจ้าของรถ พร้อมพบกับประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ และบริการเหนือระดับในระยะยาว อาทิ 1.ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน มูลค่าสูงสุด 83,000 บาท 2.ฟรี ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท 3.ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมการติดตั้งฟรี (ในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 20 เมตร) มูลค่า 60,000 บาท (ไม่รวมแท่นชาร์จ) 4.ฟรี สิทธิ์การส่งมอบรถยนต์ทั่วไประเทศ สำหรับ 1,000 ท่านแรกที่ทำการจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อในช่วงระยะเวลาของแคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL มูลค่า 8,500 บาท 5.ฟรี บริการรับและส่งมอบรถยนต์สำหรับเข้ารับบริการบำรุงรักษาตามระยะทาง จำนวน 2 เที่ยว (ไป-กลับ) รวม 4 ครั้ง มูลค่า 3,000 บาท 6.ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM Ultra Service Inclusive : GUSI) จำนวน 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร (เมื่อถึงอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน) พร้อมอะไหล่สิ้นเปลือง ได้แก่ ใบยางปัดน้ำฝน 5 ชุดแบตเตอรี่ (12 โวลต์) 2 ลูก ผ้าเบรก 1 ชุด รวมมูลค่า 33,712 บาท 7.ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Roadside Assistance) เป็นเวลา 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท 8.ฟรี กรอบป้ายทะเบียนรถยนต์และพรมปูพื้น GWM รวมมูลค่า 1,640 บาท 9.ฟรี คะแนน GWM Point เพื่อใช้แลกสินค้าและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ใน GWM Application จำนวน 30,000 คะแนน รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ ORA Good Cat ULTRA DEAL กว่า 220,000 บาท นอกจากนี้ ORA Good Cat ยังมาพร้อม การรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside…
GWM Partner Meeting 2021
เกรท วอลล์ มอเตอร์ จัดงาน GWM Partner Meeting 2021 เชิญพันธมิตรทางธุรกิจหรือพาร์ทเนอร์ ร่วมอัปเดตแผนการดำเนินธุรกิจ ณ โรงแรม Millennium Hilton กรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจจาก Partner Store กว่า 32 แห่ง ทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่เพิ่มอีก 13 ราย พร้อมเตรียมจัดงาน GWM Partner Forum ครั้งที่ 3 ณ GWM Experience Center ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเชิญชวนนักลงทุนและนักธุรกิจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อร่วมผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ยุคแห่งอนาคต พร้อมส่งมอบประสบการณ์ O2O รูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ พันธมิตรทางธุรกิจหรือพาร์ทเนอร์ ถือได้ว่ามีส่วนสำคัญและเป็นหนึ่งในการร่วมสร้างความสำเร็จไปกับ เกรท วอลล์มอเตอร์ ประเทศไทย ในการส่งมอบประสบการณ์ด้านการขายและการบริการหลังการขายแบบ Online-to-Offline (O2O) รูปแบบใหม่ให้กับผู้บริโภคและลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการจัดงาน GWM Partner Forum ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้มีพันธมิตรทางธุรกิจหรือพาร์ทเนอร์คุณภาพจำนวนมากเข้ามาร่วมงานกับ เกรท วอลล์มอเตอร์ ในปัจจุบัน งาน GWM Partner Meeting จึงจัดขึ้นเพื่อขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจ รวมไปถึง อัปเดตผลการดำเนินงานและแผนการดำเนินธุรกิจ โดยมีทีมผู้บริหารระดับสูง นำโดย มร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) มร. ไมเคิล ฉงผู้ช่วยประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย นางสาวปิยะนุช จตุรภัทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย นายจิรศักดิ์ ชื่นอารมย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย และนางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการ ฝ่ายสื่อสารองค์กร พร้อมด้วยทีมผู้บริหารจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์(ประเทศไทย) ให้การต้อนรับและให้ข้อมูล พร้อมพูดคุย แลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ซึ่งกันและกัน เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงแผนการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มร.สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวเปิดงานพร้อมแสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทในด้านการเดินหน้าขยายธุรกิจว่า “New User Experience ถือเป็นหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อที่จะส่งมอบประสบการณ์ยานยนต์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงให้ความสำคัญในการเฟ้นหาและคัดสรรพันธมิตรทางธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ ความเชื่อมั่น และศักยภาพเช่นเดียวกับเรา และเราขอขอบคุณพันธมิตรของเราทุกๆ ท่าน ที่ให้ความมั่นใจและเชื่อมั่นในการแนวทางการดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์มอเตอร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พาร์ทเนอร์มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่ช่วยให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จในประเทศไทย และเราขอให้ความมั่นใจกับพาร์ทเนอร์ของเราทั้งในวันนี้และในอนาคตว่า เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างแผนการดำเนินธุรกิจที่จะทำให้ทั้งเรา พาร์ทเนอร์ และผู้บริโภคของเราได้รับความสุข ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และพร้อมเติบโตเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคงไปด้วยกันกับเราต่อไปอย่างแน่นอน” ทีมผู้บริหารระดับสูงจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังได้ร่วมสรุปผลการดำเนินงานทางธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยล่าสุด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ ได้เปิด GWM Store ไปแล้วทั้งหมด 19 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น GWM Direct Store 7 แห่ง ได้แก่ GWM เซ็นทรัลบางนา GWM ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต GWM สีลมคอมเพล็กซ์ GWM ซีคอนสแควร์ GWM เซ็นทรัลปิ่นเกล้า GWM เซ็นทรัลพระราม 2 รวมไปถึง GWM Experience Center ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม และ Partner Store อีก 12 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ GWM อมรรัชดา GWM แจ้งวัฒนะ GWM ATT U PARK สุวรรณภูมิ GWM พระราม 5 GWM จรัญสนิทวงศ์ GWM ปทุมธานี GWM พระนครอุดมสุข GWM ขอนแก่นพิจิตรเพชรGWM ภูเก็ต GWM เชียงใหม่ GWM ซีเอซี ศรีราชา GWM เอกระยอง และจะเปิดเพิ่ม อีก 2 แห่ง ในเร็วๆ นี้ ได้แก่ GWM เซ็นทรัล เวสต์เกต (GWM Direct Store) และ GWM ชลบุรี บาสพาส (Partner Store) ดังนั้น จะมี GWM Store เปิดให้บริการทั้งสิ้น 21 แห่ง ภายในเดือนตุลาคมนี้ และมีแผนจะเปิดให้ได้ทั้งหมด 30 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ หรือพาร์ทเนอร์ (Partner) ใหม่อีก 13 ราย เพื่อเตรียมเปิด Partner Store ในอนาคต ซึ่งการลงนามความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่การันตีถึงความมุ่งมั่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคชาวไทย ให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ New User Experience ที่มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคได้รับบริการและความพึงพอใจสูงสุด คือ 1) Best Choice: ลูกค้าต้องเป็นผู้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง 2) Transparency: ลูกค้าต้องการการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่โปร่งใส ตรงไปตรงมา และ 3) Happiness & Loyalty: ลูกค้าจะต้องมีความสุขและประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ตลอดการเป็นเจ้าของ และพร้อมที่จะส่งมอบความสุขนี้ให้กับผู้อื่นด้วยการบอกต่อ คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบคุณสำหรับความร่วมมืออันดีจากพาร์ทเนอร์ทุกท่าน ที่ร่วมกันพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปพร้อมกับเรา ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจแบบ Online-To-Offline (O2O) รูปแบบใหม่ ทำให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคชาวไทย ตั้งแต่การเลือกซื้อรถ การทดลองขับ การบริการด้านการขาย ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ซึ่งช่วยให้เราได้รับความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ รวมไปถึงเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามจากผู้บริโภคชาวไทย การันตีด้วยยอดขายและการส่งมอบรถยนต์ AII New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่เราสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดคอมแพคเอสยูวีได้ถึง 2 เดือนซ้อน ในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายนที่ผ่านมา และในอนาคตอันใกล้นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมด้วยพาร์ทเนอร์ของเราก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการอันยอดเยี่ยมในการนำ ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% จากแบรนด์ ORA ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ มาให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของกันในเร็วๆ นี้ เราเชื่อว่า ด้วยความมุ่งมั่น ประสบการณ์ และ ความเชี่ยวชาญของทั้ง เกรท วอลล์ มอเตอร์และพันธมิตรทางธุรกิจของเรา จะสามารถช่วยผลักดันและร่วมพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่นี้ให้ดียิ่งขึ้นไป พร้อมทั้งรักษามาตรฐานและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ที่น่าจับตามองให้กับตลาดรถยนต์ไทยได้อย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้เตรียมการจัดงาน GWM Partner Forum ครั้งที่ 3 เพื่อเชิญนักลงทุนและนักธุรกิจที่มีความสนใจและมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาร่วมฟังแนวคิดและแผนการดำเนินงานเพื่อตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจไปด้วยกันในการขยายการเปิด Partner Store ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรองรับและส่งมอบการบริการให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต โดยจะเริ่มกิจกรรมในวันแรก ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.00 น. และในวันที่ 21-22 และ 26-29 ตุลาคม เพิ่มเติม รวมทั้งหมด 13 รอบณ GWM Experience Center แลนด์มาร์คสำคัญและพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์แห่งใหม่สำหรับผู้บริโภคที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีนักลงทุนและนักธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมงานรวมกว่า 130 ราย
“จีพีไอ มอเตอร์สปอร์ต” จับมือ “ฮอนด้า” ระเบิดความมันส์รถยนต์ทางเรียบ
รายการ “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ” สนามแรกเริ่มแล้ว บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) จับมือ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คัมแบ็ควงการมอเตอร์สปอร์ต อย่างยิ่งใหญ่ จับมือพันธมิตรเตรียมระเบิดความมันส์รถยนต์ทางเรียบรายการ “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ 2021” (Honda City Hatchback One Make Race 2021) นักขับแถวหน้าเมืองไทยกว่า 30 คน ตบเท้าชิงความเป็นหนึ่ง ภายใต้สุดยอดโปรดักชั่นคาร์แห่งยุคอย่าง “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค อาร์เอส” (Honda City Hatchback RS) ชิงชัยทั้งสิ้น 3 สนาม เริ่มต้น 22-24 ตุลาคมนี้ ที่ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) โดยถูกบรรจุเป็นหนึ่งในโปรแกรมของรายการ พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ 2021 (PT Maxnitron Racing Series 2021) ภายใต้การดำเนินงานของ จีพีไอ มอเตอร์สปอร์ต โปรโมเตอร์ความเร็วยักษ์ใหญ่ของไทย ที่จับมือกับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยพันธมิตรหลักอย่าง บริษัท เอส.ซี.เอช. อินดัสตรี้ จํากัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลล์ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท ริชไวส์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด,บริษัท กูเทนพีทีอี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), Kuroki Racing, ATP Motorsport, ล้อ Enkei Racing, ท่อไอเสีย Fujitsubo และ HC Motorsport ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา จีพีไอ มอเตอร์สปอร์ต ฝ่ายจัดการแข่งขันได้จัดงานแถลงข่าวออนไลน์ เพื่อตอกย้ำการสร้างความฮือฮาในวงการมอเตอร์สปอร์ตครั้งนี้ โดยมีสื่อมวลชนสายกีฬาและ ยานยนต์ของไทยเข้าร่วมรับฟังข้อมูลด้วย คุณอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้อำนวยการการแข่งขันเปิดเผยว่า “การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ฮอนด้า วันเมคเรซ” ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนความเร็วในเมืองไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยในครั้งนี้ จีพีไอ มอเตอร์สปอร์ต ในฐานะ โปรโมเตอร์ได้สร้างโปรเจ็กต์ที่แฟนๆ ฮอนด้า และแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยรอคอยอย่าง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ เพื่อกลับมาสร้างความมันส์และเร้าใจให้กับทุกคนอีกครั้ง การแข่งขัน ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ 2021 เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ต้องการปลุกการแข่งขันแบบวันเมคเรซในเมืองไทย ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะภายใต้รถแข่งฮอนด้า ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีดีเอ็นเอของมอเตอร์สปอร์ตอยู่ในสายเลือด เราได้รับการสนับสนุนจาก ฮอนด้า ป้อนรถแข่งฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค อาร์เอส สำหรับผู้เข้าแข่งขันกว่า 30 คน ซึ่งตอบรับเข้ามาในฤดูกาลนี้ โดยทุกคนล้วนแต่เป็นนักขับแถวหน้าของเมืองไทย ที่จะสามารถสร้างสีสันผ่านการแข่งขันให้กับผู้ชม” ศึก ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ 2021 เลือกใช้รถยนต์โปรดักชั่นรุ่น ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค อาร์เอส (รุ่นท็อป) มาสร้างเป็นรถแข่งวันเมคเรซ ด้วยการดึงจุดเด่นจาก เกียร์ Paddle Shift ที่พวงมาลัยมาเพิ่มอรรถรสของการแข่งขันคล้ายกับรูปแบบของฟอร์มูล่าวัน โดยได้รับความร่วมมือจาก KUROKI RACING สำนักสร้างรถแข่งฮอนด้าชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น ออกแบบอุปกรณ์ความปลอดภัยอาทิ โรลเคจ และเซ็ตระบบช่วงล่างแบรนด์ Tein จาก ATP Motorsport ด้านเครื่องยนต์จะไม่สามารถตกแต่งได้เลย แต่ได้มีการปรับเซ็ตโปรแกรมของกล่องควบคุม (ECU) ใหม่ โดยPower Lab เพื่อเพิ่มความแรงให้กับรถแข่ง ซึ่งจะทำให้การแข่งขันเร้าใจมากขึ้น ส่วนระบบเบรกเป็น “เกรดเรซซิ่ง” ทั้งผ้าเบรกหน้าและจานเบรกจาก Nexzter ใช้ล้อของ Enkei Racing รุ่น RC-T5 ยาง Yokohama รุ่น Advan Fleva V701 ยางสปอร์ตในตระกูล ADVAN จีพีไอ มอเตอร์สปอร์ต ได้ส่งรถต้นแบบที่สร้างเสร็จเรียบร้อยลงทดสอบหลายครั้ง ที่ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต(พัทยา) ภายใต้การขับของนักแข่งรถยนต์มืออาชีพอย่าง ฮิเดฮารุ คุโรกิ นักขับชาวญี่ปุ่น และ กันตธีร์ กุศิริ ยอดนักขับชาวไทย เพื่อเก็บข้อมูลด้านต่างๆ ทั้งเรื่องยาง, เบรก, การเซ็ตติ้งระบบอิเล็กทรกนิกส์, ช่วงล่าง, ระบบเกียร์ และหาความลงตัวของเครื่องยนต์ โดยทำเวลาเร็วที่สุด 1 นาที 17.48 วินาที จะมีการจัดการแข่งขันกันทั้งสิ้น 3 อีเวนต์ ในสนามแข่งขันระดับตำนานของเมืองไทยอย่าง พีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต (พัทยา) ซึ่งเป็นสนามแรก ก่อนจะไปประเดิมสตรีทเซอร์กิตแห่งใหม่ของเมืองไทยอย่าง พีทีประจวบสตรีทเซอร์กิตจ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นการสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้กับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบโดยแฟนความเร็วจะได้ดื่มด่ำกับบรรดาสุดเร้าใจในสนามแข่งริมหาดทรายขาว และท้องทะเลสีฟ้าครามในเวลาเดียวกัน ก่อนจะกลับมาปิดฉากที่ พีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) ตารางแข่งขัน ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ 2021 : เรซ 1-2 วันที่ 22-24 ตุลาคม 2021 : สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) เรซ 3-4 วันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2021 : สนาม พีทีประจวบสตรีทเซอร์กิต จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรซ 5-6 วันที่ 10-12 ธันวาคม 2021 : สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา)
ฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง
ทีมแข่งรถฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง พร้อมส่งรถแข่งใหม่ถึง 3 คัน พร้อมเผยสมาชิกใหม่ของทีมในสนามแรกรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ ปี 2021 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 29 – 31 ตุลาคม นี้ ฟอร์ด ประเทศไทย เดินหน้าสร้างความตื่นเต้นให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอีกครั้ง ด้วยการส่งทีมแข่งรถฟอร์ดไทยแลนด์ เรซซิ่ง (Ford Thailand Racing – FTR) ลงสนามการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ ปี 2021 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 29 – 31 ตุลาคม 2564 ในปีนี้ฟอร์ดได้เปิดตัวรถแข่งใหม่ของทีมถึง 3 คัน ได้แก่ รถแข่งในตระกูลฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ฟอร์ด มัสแตงTA2 เครื่องยนต์โคโยตี้ อลูมิเนเตอร์ 5.2 ลิตร สองคันแรกของโลก ในหมายเลข 64 และ 88 สำหรับลงสนามครั้งแรกในรุ่นไทยแลนด์ ซูเปอร์คาร์ จีทีเอ็ม รวมไปถึงฟอร์ด เรนเจอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค 3.2 ลิตร หมายเลข 03 ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดให้เหนือชั้นไปอีกขั้น สำหรับลงแข่งในรุ่นไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิกอัพ คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการมีส่วนร่วมในกีฬามอเตอร์สปอร์ต จะทำให้แบรนด์ฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ เป็นที่จดจำในกลุ่มลูกค้าชาวไทย เพราะมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่ลูกค้าของเราให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และฟอร์ดก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งในปีนี้ เพื่อที่เราจะได้แสดงให้ผู้ชมเห็นถึงความสามารถทางวิศวกรรมของฟอร์ดบนสนามแข่ง รวมถึงสร้างความประทับใจครั้งใหม่ให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย” มร.เคล เคิร์นส ประธานโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หัวหน้าทีม FTR และนักขับอิสระ หรือGentleman Driver ผู้คว้ารางวัลการแข่งขันในรุ่น TAV8 เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา พร้อมลงแข่งอีกครั้งในรถฟอร์ด มัสแตงหมายเลข 64 ในปีนี้ กล่าวว่า “จากที่ได้ฟังเสียงของเครื่องยนต์ครั้งแรกก็มั่นใจได้เลยว่ารถคันนี้ต้องยอดเยี่ยมมาก ผมตั้งตารอที่จะได้ขับฟอร์ด มัสแตง ในสนามแข่งครั้งนี้ เราต้องขอขอบคุณทางทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ทีมวิศวกรคอร์ลิสส์ เรซเอ็นจิเนียริง และทีมมอสเทค เรซ เอนจินส์ ที่ทำให้ฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง สามารถนำเครื่องยนต์ที่ล้ำสมัยของฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ มาประกอบกับแชสซีรถแข่งระดับโลกในรุ่นทรานส์แอม (HOWE TA2) และพัฒนาปรับแต่งให้ทำงานคู่กับระบบการเปลี่ยนเกียร์ด้วยแป้นแพดเดิลชิฟท์ แบบซีควินเชียล 6 สปีดได้ โดยนอกจากการนำทีมผู้เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกับวิศวกรฟอร์ดอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสรรค์รถแข่งให้ทีม FTR แล้ว เครกยังพร้อมลงสนามแข่งในรถฟอร์ด มัสแตง หมายเลข88 ในการแข่งขันซูเปอร์คาร์ จีทีเอ็ม อีกด้วย” ในปีนี้ ทีม FTR ยังดึงตัว แจ็ค เลมวาร์ดนักแข่งมืออาชีพสัญชาติไทย-เดนิช วัย 36 ปี ผู้กวาดรางวัลชนะเลิศมากกว่า20 ครั้งจากการแข่งขันทั่วเอเชียตลอดระยะเวลา 23 ปีในวงการ มาขับฟอร์ด มัสแตงในการลงสนามครั้งแรกนี้เช่นกันมร.แจ็ค เลมวาร์ด กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม FTR เพราะฟอร์ดมีชื่อเสียงระดับตำนานในประวัติศาสตร์ของมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะฟอร์ด มัสแตง นอกจากรถฟอร์ดจะเป็นรถในดวงใจของคนไทยมาเป็นเวลาถึง 25 ปีแล้ว ฟอร์ด มัสแตงคันนี้ยังสร้างขึ้นจากดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ โดยทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญมาก ผมจึงมั่นใจว่าเราจะทำได้ยอดเยี่ยมในการแข่งขันครั้งนี้” หลังจากได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขันในปี 2563 แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค จะพาฟอร์ด เรนเจอร์หมายเลข 03 รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ เครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 3.2 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้นลงแข่งในสนามไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิกอัพอีกครั้ง โดยรถคันนี้จะมาพร้อมระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นพิเศษ น้ำหนักตัวถังที่เบาและติดอุปกรณ์เพิ่มอากาศพลศาสตร์สำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ มร.แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค กล่าวว่า “ผมรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมแข่งกับทีมฟอร์ดอีกครั้งในปีนี้เนื่องจากผมคุ้นเคยกับการได้ขับฟอร์ด เรนเจอร์ มากขึ้นจากการแข่งปีที่แล้ว ผมรู้สึกมั่นใจและท้าทายที่จะได้สู้ศึกในปีนี้อีกครั้งเพื่อคว้าแชมป์มาให้สำเร็จ หลังจากทีมแข่งปรับรถแข่งทุกด้านจากปีที่แล้ว ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ลงสนาม รับรองว่าสนุกแน่นอน”
นิสสัน แนะวิธีดูแลภายในรถหรูให้ดูดีอยู่เสมอ
นิสสัน มีความสวยงามภายในของห้องโดยสาร ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่เสริมให้รถยนต์ของคุณดูดีมีระดับ พร้อมความสบายเมื่อนั่งโดยสารและให้ความรู้สึกเหมือนใหม่อยู่เสมอ ซึ่งนิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ มาพร้อมกับสองสีภายในสุดหรูเบจ และดำ-แดงเบอร์กันดี จึงมีลูกค้าหลายท่านอยากทราบวิธีดูแลรักษาภายในให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ วันนี้ ลูจิอาน่า พาซารูดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งภายในและเบาะนั่งของนิสสันมากว่า 7 ปี จะมาแนะเคล็ดลับการดูแลให้ฟังกัน 1.เช็ดทำความสะอาดเป็นประจำทุกสัปดาห์ “หากคุณใช้รถเป็นประจำ ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดทุกสัปดาห์ โดยใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาดๆ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์” ลูจิอาน่า อธิบาย เขาเสริมว่า การเช็ดทำความสะอาดเพียงไม่กี่นาที จะช่วยขจัดฝุ่นละออง หรือสิ่งตกค้าง และช่วยให้หนังชุ่มชื่น และดูใหม่อยู่เสมอ สำหรับการเลือกผ้าไมโครไฟเบอร์ เข้าแนะนำผ้าที่ผสมโพลีเอสเตอร์ และโพลีเอไมด์ในสัดส่วน70/30 โดยความหนานี้เหมาะสำหรับการเช็ดสี กระจก พลาสติก และหนัง นอกจากนี้ แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นบนแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางของรถ เนื่องจากมันถูกออกแบบมาไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดกลับออกมา ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวในรถของคุณ และไม่เป็นขุย 2.เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม “เพื่อให้เบาะหนังและคอนโซลของรถคุณสะอาดหมดจด ควรใช้แปรงขนนุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยทำความสะอาดหนังได้ดีและไม่ทำให้เบาะเป็นรอยหรือทำลายพื้นผิววัสดุ” ลูจิอาน่า แนะการเลือกระดับความนุ่มของแปรงคือ เมื่อลองถูกับมือของคุณดูก่อน หากรู้สึกนุ่มมือ และไม่ระคายเคือง ไม่เป็นรอยแดง เป็นอันว่าใช้ได้ เขาแนะนำแปรงที่ทำจากขนม้า เพราะขนม้าขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม ทนทาน และคุณสมบัติในการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม เขาเสริมว่าหากภายในรถยนต์ของคุณเป็น สีเบจแบบในเทอร์ร่า ใหม่ ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สีที่อ่อนกว่า เช่น ขาว หรือครีม เพื่อป้องกันไม่ให้สีตกใส่เบาะหนัง 3.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ได้มาตรฐาน เจ้าของรถสามารถนำรถยนต์เข้ารับบริการล้างอัดฉีดที่เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดภายในและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับวัสดุภายในของตัวรถ ทุก ๆ หกเดือน หรือตามอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถซื้อน้ำยาทำความสะอาดเบาะแบบพิเศษสำหรับขจัดคราบ สีที่เลอะ ที่จะช่วยรักษาเบาะนั่งให้ดูดีอยู่เสมอ แถมยังให้กลิ่นหอมสดชื่นติดรถอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกซื้อควรประกอบไปด้วยสามคุณสมบัติ ได้แก่ การป้องกันรังสียูวี เนื่องจากรังสียูวีมีส่วนทำให้เกิดการเสื่อมสภาพภายในรถ สามารถกันฝุ่น และเคลือบผิวได้โดยไม่ทิ้งคราบ “ฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์ก่อน แล้วค่อยเช็ดลงบนเบาะหนังให้ทั่วถึงและให้น้ำยาเข้าไปตามรอยตะเข็บ รวมถึงส่วนที่ต้องสัมผัสกับผิวหนังหรือเส้นผมเป็นประจำ” หากเบาะของคุณมีลวดลายแบบในเทอร์ร่าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น เขาแนะนำว่าควรเลือกแปรงขนาดเล็กเพื่อความเหมาะสม “สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างเคร่งครัด และสอบถามร้านล้างรถเสมอว่าใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหน และสุดท้าย เมื่อซื้อรถ ผู้จำหน่ายสามารถช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงวิธีการดูแลรถที่เหมาะสมให้ได้ 4.เพิ่มความเงางามให้กับรถของคุณ ผลิตภัณฑ์ปรับสภาพเบาะช่วยเพิ่มความเงางามและคงความสวยงามของเบาะรถยนต์หลังทำความสะอาด “ผมแนะนำว่าควรเทน้ำยาลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์ แทนการเทลงบนเบาะโดยตรง วิธีนี้จะช่วยให้น้ำยากระจายตัวอย่างทั่วถึง จากนั้นทิ้งไว้สักสิบนาทีให้แห้งและเซ็ตตัว” 5.ทำความสะอาดหน้าจอ สำหรับการทำความสะอาดหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้วของ เทอร์ร่า ให้ใช้ผ้าแห้งและนุ่ม หากจำเป็นต้องทำความสะอาดเพิ่มเติม ให้ใช้สารทำความสะอาดที่เป็นกลางในปริมาณเล็กน้อย เช่น สบู่อ่อนๆ กับผ้านุ่มๆ ห้ามฉีดพ่นหน้าจอด้วยน้ำหรือผงซักฟอก เทน้ำยาลงบนผ้าให้พอหมาดก่อนแล้วจึงค่อยเช็ดหน้าจอ 6.รถใหม่ๆยิ่งดี สุดท้ายนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากนิสสัน แนะนำว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มดูแลภายในรถของคุณคือ ตอนที่พึ่งได้รับรถใหม่มาเพื่อที่จะคงความใหม่ไปได้อีกหลายปี อีกทั้งการทำความสะอาดและดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง“ผมแนะนำให้พกผ้าใบหรือผ้าคลุมกันน้ำติดรถไว้เสมอ สำหรับใช้คลุมเวลาที่คุณต้องพาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ ขนอุปกรณ์กีฬาหรืออุปกรณ์แคมป์ปิ้ง ภายในรถของคุณจะไม่เลอะเทอะ การดูแลรักษาภายในที่สวยงามของรถนั้นง่ายและคุ้มค่า หากคุณปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม”
เที่ยวอุ่นใจกับ ฟอร์ด
ฟอร์ด ห่วงใย หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลายๆคนน่าจะวางแผนเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเพื่อชดเชยหลังจากไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้เพื่อเดินทางออกต่างจังหวัดในยุคโควิด เพราะมีความปลอดภัยและไม่ต้องเดินทางร่วมกันคนจำนวนมาก จึงอาจทำให้สภาพการจราจรบนท้องถนนหนาแน่น เป็นเหตุให้ผู้เดินทางต้องใช้เวลาอยู่ในรถนานจนอาจเกิดความเครียดจากหลายๆปัจจัย วันหยุดยาวนี้ ฟอร์ด จะพาเดินทางไปกับรถคู่ใจที่จะพาคุณออกไปท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานและปลอดภัยกับฟีเจอร์ของรถที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง 1.เบาะนั่งสบาย การเดินทางโดยรถยนต์แทนเครื่องบินนั้น บางครั้งทำให้ต้องขับรถนานกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย การเพ่งสมาธิบนท้องถนนและต้องนั่งอยู่บนเบาะในท่าเดิมเป็นเวลานานอาจทำให้มีอาการปวดเมื่อยได้ วิธีการผ่อนคลายง่ายๆ คือการหมั่นยืดเส้นยืดสายเวลารถติด หรือแวะพักผ่อนคลายที่จุดพักรถ ในการขับขี่ อย่าลืมปรับเบาะที่นั่งให้ตรงกับสรีระและท่าทางที่สบายที่สุด โดยเบาะที่นั่งในฟอร์ด เอเวอเรสต์ และฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นเบาะนั่งปรับไฟฟ้า สามารถปรับได้ถึง 6 ทิศทาง ทั้งความสูง ระดับการเอน หรือที่รองศีรษะ ก็สามารถปรับให้พอดีได้ 2.ดูแลความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ในการเดินทางข้ามจังหวัด เราอาจต้องพบกับสภาพการจราจรที่ติดขัด รวมถึงผู้ร่วมสัญจรบนท้องถนนที่ใช้ความเร็วสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้คนขับต้องมีสมาธิตลอดเวลา รถยนต์ฟอร์ดอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะมากมายที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าของรถ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) จะเป็นตัวช่วยในการขับขี่ทางไกลได้อย่างปลอดภัยและผ่อนคลายความเมื่อยล้าในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นเพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างที่พอเหมาะกับรถคันหน้า โดยใช้ระบบกล้องและเรดาร์เดียวกับระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking – AEB) หรือระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ที่จะช่วยส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถกำลังจะหลุดออกนอกเลนที่คุณขับอยู่ 3.ชาร์จแบตได้ทุกที่ หายห่วงได้เลย หากคุณลืมชาร์จแบตโทรศัพท์มาจากบ้าน เพราะคุณสามารถชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ในรถสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ มีช่องต่อไฟ 230 โวลต์ภายในห้องโดยสาร และช่องต่อ USB อีกหลายจุด สบายใจได้เลยว่าคุณจะไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารอย่างแน่นอน นอกจากนี้ รถยนต์ฟอร์ด ยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNCTM 3 ภาษาไทยรองรับ Apple Carplay และ Android Auto ที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณสามรถเปิดวิทยุหรือเลือกเล่นเพลงโปรดได้โดยไม่ต้องละสายตาจากการขับรถ 4.บรรทุกสัมภาระได้อย่างจุใจ สำหรับคนที่เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด และต้องขนสัมภาระเยอะมากเป็นพิเศษ รถยนต์ฟอร์ดสามารถช่วยคุณได้ ฟอร์ดเรนเจอร์ สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากถึง 1.3 ตัน สามารถบรรทุกของจำนวนมากหรือลังหลายกล่องได้สบายๆ ส่วนฟอร์ด เอเวอเรสต์ ก็พร้อมปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้เหมาะกับการขนของ ด้วยการพับเก็บเบาะที่นั่งในแถวที่ 3 ด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระให้กว้างขึ้นได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งแร็คหลังคา สำหรับจักรยาน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่สามารถบรรทุกในรถได้และมีน้ำหนักไม่เกิน 750 กิโลกรัม โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด 5.ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถมีส่วนช่วยที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางโดย สวัสดิภาพในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น หลงทาง รถติดหล่ม หรือเกิดเหตุขัดข้องใดๆระหว่างการเดินทาง ฟอร์ด คำนึงถึงความปลอดภัยและความสบายใจของผู้ใช้เป็นอันดับแรก รถฟอร์ดรุ่นเรือธงอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวล์ดแทร็ค และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส จึงมาพร้อมกับระบบแผนที่นำทาง Navigation ให้สามารถป้อนข้อมูลปลายทางได้โดยใช้สัญญาณดาวเทียมในการนำทาง โดยไม่ต้องวิตกกังวลหากเกิดเหตุให้ไปต่อไม่ได้ เพราะสามารถใช้ระบบช่วยโทรฉุกเฉินติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา
ควิกเลนส่ง ‘ควิกแมน เปลี่ยนไว’
ควิกเลน ศูนย์บริการยางและรถยนต์ประเภทเร่งด่วน เดินหน้านำเสนอบริการคุณภาพมาตรฐานระดับโลกเพื่อความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ด้วย ควิกแมน เปลี่ยนไว บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ลูกค้าถึงบ้านสำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการ และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ครั้งแรกของธุรกิจฟาสต์ฟิต บริการ ควิกแมน เปลี่ยนไว โดยควิกเลนส่งมอบบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่และถ่ายน้ำมันเครื่องเร่งด่วนนอกสถานที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่มีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ หรือต้องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเพื่อบำรุงรักษารถตามระยะ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่สะดวก วางใจได้จริง โดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน พร้อมฟรีค่าแรงและค่าบริการนอกสถานที่ ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น. – 20.00 น. ควิกเลนยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษ และสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการ ควิกแมน เปลี่ยนไว กับโปรโมชั่นแบตเตอรี่ และ น้ำมันเครื่อง สุดคุ้ม ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม ได้แก่ เปลี่ยนแบตเตอรี่ออมนิคราฟท์ แบบ Maintenance-Free ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ราคาเริ่มต้นเหลือเพียง 1,777 บาท เมื่อเทิรน์แบตเดิม พร้อมการรับประกันนาน 2ปี/40,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่องดีเซล ออมนิคราฟท์ เกรด 10,000 กม. ราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 140 บาท/ลิตร ฟรีค่าแรง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% เกรด 10,000 กิโลเมตร ปกติ 570 บาท/ลิตร เหลือเพียง 199 บาท/ ลิตร ฟรีค่าแรง ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถาม และขอรับบริการง่ายๆ ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ควิกเลน ที่หมายเลข 02-039-5798 หรือที่ www.facebook.com/QuickLaneThailand นอกจากนี้ ควิกเลนทุกสาขาพร้อมบริการบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อด้วยมาตรฐานระดับโลกที่สะดวกรวดเร็วครอบคลุมลักษณะงานมากถึง 14 ประเภท เช่น การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตรวจซ่อมระบบเบรค โช๊คอัพและระบบช่วงล่าง ไปจนถึงแบตเตอรี่รถยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมอบความไว้วางใจด้วยการบริการโดยช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญและทีมงาน คุณภาพประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและอะไหล่คุณภาพเยี่ยมมาตรฐานระดับโลกอย่างอะไหล่ออมนิคราฟท์ (Omnicraft) ที่มากับการรับประกันที่ยาวนานอีกด้วย ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการควิกเลนทั่วประเทศ ทั้ง 16 สาขา 8 สาขาในกรุงเทพและปริมณฑล และอีก 8 สาขาในต่างจังหวัด เปิดให้บริการตามปกติทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น. ค้นหาบริการที่สะดวกวางใจได้จริง ควิกเลนที่ใกล้คุณที่สุด ได้ที่ www.quicklane.com/th-th/locations
เตรียม #NextGenRanger
สำหรับ ฟอร์ด แล้วนั้น ในการทดสอบความแกร่งและความทนทานของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทีมวิศวกรผู้พัฒนารถฟอร์ดทั่วโลกไม่เคยยั้งมือกับการตั้งโจทย์สุดโหดทุกรูปแบบ เพื่อให้มั่นใจว่านี่จะเป็นรถกระบะระดับโลกที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ท้าทายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการออกแบบและพัฒนาเพื่อเป็นรถกระบะที่แกร่งที่สุด ชาญฉลาดที่สุด ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์ ทุกรุ่นที่เคยมีมา กระบะพันธุ์แกร่งคันนี้จึงต้องผ่านการทดสอบทั้งบนถนนจริงและในโปรแกรมเสมือนจริงมากกว่าทุกครั้ง มร.จอห์น วิลเลมส์ หัวหน้าวิศวกรโปรแกรม ฟอร์ด เรนเจอร์ กล่าวว่า “เพราะคำว่า ‘เกิดมาแกร่ง’ ของเราไม่ได้มากันง่ายๆ เราจึงจริงจังกับทุกขั้นตอน ทุกองค์ประกอบของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการทดสอบด้วยมาตรฐานเดียวกับที่เราใช้กับรถฟอร์ดทุกรุ่นฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงต้องเผชิญทุกสภาพแวดล้อมการขับขี่สุดทรหดที่อาจพบได้ในทุกมุมโลก นอกจากเพื่อให้มั่นใจว่ารถคันนี้พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของลูกค้าแล้ว กระบะคันนี้ยังต้องผ่านมาตรฐานระดับโลกที่เข้มข้นของฟอร์ด ทั้งในแง่คุณภาพ ความทนทาน และความไว้วางใจได้ สิ่งสำคัญคือลูกค้าของเราต้องวางใจได้ว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ จะเป็นรถคู่ใจที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือชั้นได้ตลอดการใช้งาน เราจึงต้องทดสอบรถด้วยรูปแบบสุดหฤโหดต่างๆ ที่เหนือไปกว่าการใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจว่ารถคันนี้พร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์อันท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการบุกป่า ฝ่าโคลน รับมือกับสภาพอากาศร้อนชื้น การลากจูงของหนักผ่านยอดเขาสูงหรือความทนทานต่ออุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ผ่านมาหมดแล้ว” จนถึงตอนนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้ผ่านการทดสอบขับฝ่าทะเลทรายไปแล้วกว่า 10,000 กิโลเมตร การขับแบบใช้งานในชีวิตประจำวันราว 1,250,000 กิโลเมตร และการขับขี่แบบออฟโรด พร้อมน้ำหนักในการบรรทุกสูงสุดอีก625,000 กิโลเมตร และเรายังคงทดสอบรถอยู่จนถึงตอนนี้ ภายใต้ทุกสภาพเส้นทางที่แตกต่างกันทั่วโลก และก่อนที่รถจะออกมาวิ่งทดสอบบนถนนจริง ทีมวิศวกรของฟอร์ดใช้เวลาหลายพันชั่วโมงในการทดสอบรถต้นแบบในระบบจำลองสถานการณ์เสมือนจริง รวมถึงการทดสอบรถต้นแบบคันจริงในห้องแล็บอีกหลายพันชั่วโมง เพื่อตรวจสอบทุกองค์ประกอบตั้งแต่อากาศพลศาสตร์ ไปจนถึงความทนทานของชิ้นส่วนและโครงสร้างทั้งหมด อย่างไรก็ตาม โปรแกรมจำลองสถานการณ์เสมือนจริงช่วยร่นระยะเวลาในการพัฒนารถรุ่นใหม่ ในขณะที่การทดสอบในห้องแล็บช่วยให้เราปรับแต่งและทดสอบแต่ละชิ้นส่วนได้อย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็ยังไม่มีอะไรทดแทนการทดสอบรถบนถนนจริงได้” มร. วิลเลมส์ อธิบาย ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ มีความคาดหวังว่ารถกระบะคู่ใจจะต้องพร้อมบุกตะลุยไปทุกที่ การทดสอบของเราจึงจำลองสถานการณ์ที่ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมที่ลูกค้าพบเจอได้ในการใช้งานจริงโดยการทดสอบเหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่ทำงานของฟอร์ดทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าในกว่า 180 ประเทศทั่วโลกได้อย่างเต็มที่ สำหรับการทดสอบบางอย่างที่ทรหดเกินกว่ามนุษย์จะทนได้ จึงมีการใช้โปรแกรมจำลองสถานการณ์เสมือนจริงและหุ่นยนต์เข้ามาเป็นตัวช่วย เช่น การทดสอบช่วงล่างของรถด้วยระบบสั่นสะเทือน ทำให้รถทั้งคันต้องเจอแรงกระแทกสุดทรหดต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น มร.จอห์น วิลเลมส์ หัวหน้าวิศวกรโปรแกรม ฟอร์ด เรนเจอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะวิศวกร งานแรกของเราคือการถ่ายทอดความต้องการของผู้ใช้รถให้ออกมาเป็นข้อมูลที่ชัดเจน จับต้องได้ เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานให้กับทุกคนในทีมออกแบบและพัฒนารถ เพื่อให้ทีมวิศวกรใช้อ้างอิงในทุกกระบวนการ นี่คือสิ่งที่สำคัญสูงสุดสำหรับเรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เพราะเป็นรถที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับลูกค้าทั่วโลก”
Supermodel Me Revolution
บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เรียลลิตี้ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกนำเรียลลิตี้การแข่งขันยอดนิยมอย่าง ‘Supermodel Me’ มานำเสนอสู่สายตาแฟนๆ รายการทั่วโลกอีกครั้งให้สมกับการรอคอย บอกเลยว่าครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่าด้วยความสดใหม่ของเนื้อหารายการ ที่เพิ่มความท้าทายรูปแบบใหม่ และการรวมตัวของเหล่านักแสดงชื่อดังมากความสามารถ และผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงแฟชั่นมาช่วยเพิ่มสีสันให้รายการ ด้วยกระแสนิยมที่มีเพิ่มขึ้นจาก 5 ซีซั่นแรกทำให้ SupermodelMeได้ออกอากาศใน 13 ประเทศทั่วโลกและโชว์ฟอร์มจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเวทีนานาชาติ Supermodel Me ซีซั่นล่าสุดนี้ ได้รับการสนับสนุนหลักในการถ่ายทำจาก Subaru Asia โดยมี 12 นางแบบสาวมั่นจาก 8 ประเทศทั่วเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม มาร่วมสะท้อนพลังความแกร่งของหญิงยุคใหม่ภายใต้ธีม ‘SupermodelMe Revolution’ เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สดใหม่ และน่าติดตามยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างต้นแบบของผู้หญิงเอเชียยุคใหม่ให้แก่ผู้ชมทั่วโลก ที่ผ่านมาผลงานเรียลลิตี้โชว์ของ Refinery Media ทั้ง SupermodelMe Season 1 ถึง 5 และ Asia’s Next Top Model Cycles 5 และ 6 ล้วนสร้างกระแสนิยมจนสามารถผลักดันให้เกิดซูเปอร์โมเดลหน้าใหม่ป้อนสู่วงการรวมถึงการแจ้งเกิดของinfluencer ชื่อดังบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยในซีซั่น 6 นี้ 12 นางแบบจะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน พวกเธอต้องผ่านการฝึกฝนทักษะด้านกีฬาอย่างหนัก ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแวดวงแฟชั่นอย่างเจาะลึก ขณะเดียวกันก็ต้องทดสอบสภาพความแข็งแกร่งของจิตใจและร่างกายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งแฟชั่นที่ล้ำสมัย พวกเธอต้องทำสิ่งนี้ร่วมกันในขณะที่อาศัยอยู่ร่วมกันและต้องเผชิญหน้ากันอย่างเข้มข้น ‘SupermodelMe Revolution’ สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อท้าทายขีดสุดของจิตใจ ร่างกายและจิตวิญญาณของเหล่านางแบบทั้ง 12 คนผ่านเนื้อหารายการที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อเฟ้นหาผู้เข้าแข่งขันเพียงหนึ่งเดียวที่จะคว้าชัยชนะ ในการเป็นSupermodelMe และได้รับหน้าที่ในการเป็น Subaru Ambassador ถ่ายปกนิตยสาร Harper’s Bazaar และเซ็นสัญญาเข้าสังกัดนางแบบอาชีพกับค่าย Storm Model นอกจากจะเฟ้นหานางแบบหน้าใหม่แล้ว ‘SupermodelMe Revolution’ ยังได้รวมผู้ทรงอิทธิพล ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและวงการบันเทิงในฐานะคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไว้มากมาย นำโดย ซินดี้ บิชอป นางแบบและนักแสดงมากความสามารถชาวไทย, Yu Tsai ช่างภาพชาวอเมริกัน ที่โด่งดังอย่างมากจาก America’s Next Top Model Cycle 22 และCycle 23, Hanli Hoefer พิธีกรรายการโทรทัศน์, Ase Wang นักธุรกิจ พิธีกร นักแสดง นางแบบชาวสิงคโปร์ และCatriona Grey นางงามจักรวาล 2018 นางแบบ และนักร้องชาวฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย โดยในซีซั่นนี้จะมีพิธีกรชื่อดังMonika Sta. Maria นางแบบชาวฟิลิปปินส์และรองแชมป์ Asia’s Next Top Model (รอบที่ 3) และ Dana Slosar นางแบบชาวไทยและผู้ชนะ Asia’s Next Top Model (รอบที่ 6) คอยเป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาแก่เหล่าผู้เข้าแข่งขันอย่างใกล้ชิด