นิสสัน ประเทศไทย ร่วมมือกับ บมจ.ภัทรลิสซิ่ง ร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษจากยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยได้มีการส่งมอบนิสสัน ลีฟ ล็อตแรกให้แก่ บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมนวัตกรรมรักษ์โลก ลดการปล่อยมลพิษผ่านการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้คอนเซป “พลังงานทางเลือก เพื่อโลกของเรา” ณ ศูนย์การเรียนรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้า (Nissan Electrification Experience Center) โรงงานผลิตรถยนต์นิสสัน บางนา กม.21 จังหวัดสมุทรปราการ คุณพิภพ กุนาศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทมีความยินดีเปิดประสบการณ์ใหม่ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบง่าย ๆ โดยนำรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ มาให้บริการเช่าแบบลิสซิ่ง ทั้งเช่าระยะสั้น 1 ปี และระยะยาวไม่เกิน 5 ปี หากลูกค้าสนใจเช่ารถยนต์นิสสัน ลีฟ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายการตลาด 02-290-7575 ต่อ 422,425 การร่วมมือกับนิสสันครั้งนี้ ภัทรลิสซิ่งใช้แนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเสมอมา เพื่อเป็นการส่งเสริมการลดมลพิษทางอากาศควบคู่กับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับภัทรลิสซิ่ง ในการเลือกใช้นิสสัน ลีฟ ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อวิสัยทัศน์ระยะยาว Ambition 2030 ของนิสสัน ซึ่งเป็นแผนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหัวใจหลัก เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของลูกค้าและสังคม พร้อมเปิดประสบการณ์การเดินทางแบบไร้มลพิษด้วยนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100%” นิสสัน ลีฟ ได้รับเลือกในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษสมรรถนะสูงด้วยซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก โดยจำหน่ายใน 59 ประเทศทั่วโลกและในปี 2564 มียอดขายมากกว่า 500,000 คันทั่วโลก* นิสสัน ลีฟ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) มีกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 110 กิโลวัตต์ (kW) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 7.9 วินาที เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 311 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) นอกจากนี้ ลีฟ ยังรองรับการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง DC Charging ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้า ตามสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (EV Charging Station) โดยจะจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง โดยใช้เวลาชาร์จไฟ 40 นาที (จาก 0 จนถึง 80% ของความจุ) (ขึ้นอยู่กับความจุพลังงานแบตเตอรี่ กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ความสามารถในการชาร์จแบบสองทางของลีฟที่เป็นได้มากกว่ายานพาหนะ เป็นคุณสมบัติมาตรฐานมากับตัวรถตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2010 โดยไม่เพียงแต่ลีฟจะสามารถดึงพลังงานออกมาชาร์จแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง แต่ยังสามารถป้อนพลังงานกลับไปยังระบบโครงข่าย หรือ กริด (grid) ผ่านเทคโนโลยี วี-ทู-กริด (V2G-Vehicle-to-Grid) หรือส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยตรงผ่านระบบ วี-ทู-เอเวอรี่ติง (V2X-Vehicle-to-everything) ลูกค้าที่สนใจทดลองขับรถยนต์นิสสันรุ่นต่าง ๆ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมโชว์รูมและศูนย์บริการใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center ที่ 02 401 9600 หรือเยี่ยมชม เว็บไซต์ นิสสัน ประเทศไทย
Author: GIANT Autosawasdee
ยอดขายมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า ยังเป็นอันดับหนึ่ง
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ครองยอดขายอันดับ 1 ในไทย 33 ปีซ้อน ด้วยตัวเลข 1.236 ล้านคัน คว้ายอดจำหน่ายสูงสุดทั้งรถครอบครัว-เอ.ที.-สปอร์ต คาดปี 2022 ตลาดเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าโต 5% ชูศักยภาพฐานผลิตและส่งออกรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่สำคัญของฮอนด้าสู่ตลาดโลก ไทยฮอนด้า ประกาศตัวเลขยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ประจำปี 2021ทำได้รวม 1.236 ล้านคัน คว้าแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งในไทยต่อเนื่องถึง 33 ปีซ้อน พร้อมครองตำแหน่งรุ่นรถยอดนิยมอันดับที่ 1 ทุกเซกเม้นต์ คาดตลาดรวมในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ไทยฮอนด้าพร้อมเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้วยผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าเติบโต 5% ในปี 2022 มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2021 ที่ผ่านมา มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น โดยฮอนด้าสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 33 ติดต่อกัน ด้วยยอดจดทะเบียน 1,236,476 คัน จากยอดรวมของประเทศ อยู่ที่ 1,611,078 คัน เมื่อมองตัวเลขในแต่ละเซกเม้นต์ เราพบว่ารถครอบครัวยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 52% โดยมี Honda Wave110i ครองอันดับหนึ่ง ด้วยยอดจำหน่ายสูงสุดในตลาด อยู่ที่ 530,408 คัน ในขณะที่กลุ่มรถ เอ.ที. มีการเติบโตขึ้นมาจนมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอีก 1% แตะระดับ 43% โดยมี Honda Scoopy ที่ทำยอดจำหน่ายสูงที่สุดในกลุ่มนี้ ด้วยยอดขาย 180,914 คัน ส่วนกลุ่มรถสปอร์ตมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5% โดยมี Honda CRF300L เป็นรุ่นรถสปอร์ตอันดับที่ 1 ด้วยยอดขาย 6,944 คัน ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี…
“ก้อง-สมเกียรติ” ยึดจ่าฝูงเทสต์ โมโตทู ที่สเปน
นักบิดอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยังคงยกระดับความเร็วได้ดี กดเวลาเร็วสุดในการทดสอบของศึกจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทู วันที่ 2 ที่สนามเซอร์กิโต เด เฆเรซ ประเทศสเปน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก่อนเปิดฤดูกาลในเดือนมีนาคมนี้ หลังทำเวลาเร็วที่สุดในวันแรก สมเกียรติ พร้อมด้วยทีมช่าง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้เริ่มต้นการเซ็ตติ้งรถแข่ง และปรับรูปแบบการทำงานให้ดีขึ้น ก่อนจะลงทดสอบวันที่ 2 ที่เฆเรซ เมื่อวันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีนักบิดโมโตทู และโมโตทรี กว่า 40 คน ลงสนามเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาล โดยนักบิดไทยยังคงทำงานคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะจบวันที่ 2 ด้วยการเป็นจ่าฝูงของการเทสต์ครั้งนี้ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 41.466 วินาที เฉือน ไอ โอกุระ ทีมเมทชาวญี่ปุ่น เพียง 0.035 วินาที ทั้งนี้ สมเกียรติ มีคิวเดินทางเข้าร่วมการทดสอบอย่างเป็นทางการของ…
FORTUNER COMMANDER
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงในตลาดPPV ตลอดระยะเวลา10 ปีติดต่อกัน แนะนำรถอเนกประสงค์ระดับหรูรุ่นพิเศษFORTUNER COMMANDER โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สง่างาม พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย พิเศษด้วยการปรับจูนช่วงล่างใหม่ให้ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความนุ่มนวล เกาะถนน เสริมสมรรถนะการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบ ครบครันด้วยระบบความปลอดภัย ตอบโจทย์ในทุกสภาพการใช้งาน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 1 สู่ตลาดเมืองไทย ภายใต้โครงการ “IMV : Innovative International Multi-Purpose Vehicle” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า สร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท Pick-Up Passenger Vehicle (PPV) ในประเทศไทย โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 390,000 คัน อีกทั้งยังส่งออกจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย และที่สำคัญสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม ตลอดจนอรรถประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า สร้างความภูมิใจในการเป็นเจ้าของด้วยความเหนือระดับอย่างแท้จริง จนสามารถครองใจลูกค้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ ยืนยันความสำเร็จด้วยยอดขายอันดับ 1 ในตลาด PPV 10 ปีติดต่อกัน พร้อมการันตีด้วยรางวัลด้านคุณภาพมากมาย อาทิรางวัล เจ.ดี.พาวเวอร์ เอเซีย แปซิฟิก (JD Power) รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมแห่งปี (TAQA Awards) และรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Car of the year) และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นในคุณภาพ และความไว้วางใจด้วยดีตลอดมา พร้อมกันนี้ยังเป็นการเสริมความเป็นผู้นำตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โตโยต้า ภูมิใจแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ระดับหรูFORTUNER COMMANDER ใหม่ ที่โดดเด่นด้วย ชุดตกแต่งกันชนหน้าและหลัง บันไดข้าง คิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงาพร้อมด้วยสัญลักษณ์ FORTUNER และหลังคาสีดำแบบทูโทน โดดเด่น สะกดทุกสายตา พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในใส่ใจในทุกรายละเอียดกับ เบาะหนังและวัสดุตกแต่งสีดำ สลับเดินตะเข็บด้ายสีแดง ให้ความแตกต่างที่เหนือระดับ ขับเคลื่อนเหนือระดับด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2.4 GD Super Power ที่ให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร 150 แรงม้า ตอบสนองเต็มพลังทั้งแรงม้า และแรงบิด สอดรับทุกการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะ พร้อมปรับจูนช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังใหม่ รองรับแรงสั่นสะเทือนในทุกสภาพถนน ได้เป็นอย่างดี ครนครับด้วยฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวก และเพิ่มระบบความปลอดภัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างเต็มพิกัดด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) FORTUNER COMMANDER เพิ่มความพิเศษ เหนือระดับรอบคัน ใหม่…ดีไซน์ภายนอก…สะท้อนความเป็นผู้นำของรถเอนกประสงค์ระดับหรูชุดตกแต่งกันชนหน้าและกระจังหน้าสีดำเงาบันไดข้างสีดำเงากระจกมองข้างสีดำเงาหลังคาสีดำแบบทูโทนคิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงาล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วใหม่…ดีไซน์ภายใน…ใส่ใจในทุกรายละเอียด แตกต่างอย่างเหนือระดับภายในดีไซน์สปอร์ตโทนสีดำสลับแดง ให้ความรู้สึกสปอร์ตเบาะนั่งและวัสดุเดินด้ายตกแต่งสีแดงใหม่…สมรรถนะการขับขี่…ระบบช่วงล่างสไตล์รถสปอร์ต ตอบสนองได้ดั่งใจ ช่วงล่างได้รับการปรับจูนพิเศษทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับควบคุม ตอบสนองการขับขี่ที่ได้อรรถรส สนุกสนานมากยิ่งขึ้น มั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกสภาพถนน ใหม่…ฟังก์ชันความปลอดภัย…ให้ความมั่นใจได้ทุกการเดินทาง กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) อนึ่ง เลือกเป็นเจ้าของ FORTUNER COMMANDER จำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันด้วย 2 สี Two tone จากโรงงาน Emotional Red Black Top และ White Pearl CS Black Top ราคา ใหม่ 2.4 Commander เกียร์อัตโนมัติ 1,505,000 บาท หรือเลือกเป็นเจ้าของ FORTUNER รุ่น GR Sport และ FORTUNER รุ่น Legender มีสีภายนอกให้เลือก 3 สี 1.Emotional Red Black…
New Mazda CX-30
หลังจากโหมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้านยอดขายในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์ในตระกูล CX-Series ที่เติบโตสูงถึง 21% วันนี้ถึงเวลาตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำความสำเร็จ มาสด้าเปิดตัว Mazda CX-30 ใหม่ พร้อมแนวคิด “LIFE’S ALWAYS ON” ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่พร้อมเติมเต็มความหมายให้กับทุกด้านของชีวิตอย่างมีสไตล์ มอบความคุ้มค่าและลงตัวในการใช้งานในทุกมิติ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครันยิ่งขึ้นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น พร้อมความพรีเมี่ยมที่เหนือระดับกับสีใหม่ล่าสุด บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ Platinum Quartz มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ในสไตล์ใหม่พร้อมเติมเต็มทุกประสบการณ์ในหลากหลายมิติของชีวิตคู่ได้อย่างลงตัว ด้วยทางเลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย วางราคาจำหน่ายเท่าเดิมเริ่มต้นเพียง 989,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดคุ้มรับเปิดตัว กับดอกเบี้ย 1.99%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ผู้ที่สนใจสามารถทดลองขับและจองซื้อได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมส่งมอบรถใหม่ได้ทันที คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รถครอสโอเวอร์เอสยูวี Mazda CX-30 ได้เผยโฉมสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมและสร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ ความพรีเมี่ยมสง่างามของรูปลักษณ์จากการออกแบบที่โดดเด่นตามแนวคิด Kodo: Soul of Motion ได้รับการยกระดับดีไซน์เพื่อให้เกิดความงดงามจากแสงและเงาที่ตกกระทบลงบนตัวรถในขณะขับเคลื่อนหรือแม้ขณะจอดนิ่งอยู่กับที่ พร้อมคัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพสูง จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้พบเห็นส่งผลทำให้รถรุ่นนี้สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับมาสด้าบนเวทีระดับโลก ด้วยการเป็นรถแบรนด์ญี่ปุ่นเพียงแบรนด์เดียว ที่ติด 1 ใน 3 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ปี 2563 (Top Three in the World – World Car of the Year) รวมถึงรางวัลมากมายจากเวทีการประกวดในประเทศต่างๆ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของ Mazda CX-30 ในทุกมิติ และเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าในระดับนานาชาติ สำหรับ Mazda CX-30 ในประเทศไทย ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงและได้รับความนิยมจากลูกค้าเช่นกัน ซึ่งภายหลังจากเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2563 สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 2,000 คัน ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ รวมถึงเป็นรุ่นหลักที่สร้างยอดขายให้กับรถอเนกประสงค์ในตระกูล CX-Series ของมาสด้าอย่างต่อเนื่อง และปี 2564 ที่ผ่านมา รถรุ่นนี้ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 30.9% เมื่อเทียบกับปี 2563 และมียอดจำหน่ายสะสมแล้วกว่า 14,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 22 เดือน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าความนิยมและความต้องการซื้อของลูกค้าต่อรถรุ่นนี้ยังคงมีอยู่มาก และลูกค้าก็ยังคงให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ก็ตาม สำหรับการปรับโฉม New Mazda CX-30 ครั้งนี้ มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อส่งมอบรถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่ล้ำสมัย ดีไซน์หรูหราสง่างาม อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันให้มากที่สุด โดยเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และยังถ่ายทอดภาพลักษณ์ของความพรีเมี่ยม โดดเด่น และทรงพลัง ด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่หรูหราประณีตพิถีพิถันทุกรายละเอียดด้วยวัสดุคุณภาพสูง ควบคู่กับการแนะนำสีภายนอกใหม่ล่าสุดบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ โดยเป็นสีที่บ่งบอกถึงความมีคุณภาพสูง เหนือระดับ มอบความหรูหราพรีเมี่ยมในทุกมุมมอง ด้วยคุณสมบัติใหม่เหล่านี้ มาสด้าจึงมั่นใจว่า Mazda CX-30 ใหม่ จะมาเติมเต็มความหมายและความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นเคย” ด้าน คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“การเปิดตัวแนะนำรถครอสโอเวอร์เอสยูวี Mazda CX-30 ใหม่ ในครั้งนี้ มาพร้อมกับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเพื่อให้ตัวรถมีความเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบมากที่สุดในคลาส พร้อมส่งมอบความคุ้มค่าและลงตัวในการใช้งานได้ครบทุกมิติและหลากหลายด้านมากยิ่งขึ้น โดยยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม ที่พร้อมเติมเต็มความหมายให้กับทุกด้านของชีวิตอย่างมีสไตล์ บนแกนแนวคิด “LIFE’S ALWAYS ON” เพื่อเป็นรถอเนกประสงค์ที่จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าที่กำลังมองหาครอสโอเวอร์ในกลุ่ม B-SUV เพื่อออกไปค้นหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในทุกมิติ พร้อมปรับตัวเพื่อรับทุกการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากบทบาทหนึ่งไปสู่อีกบทบาทหนึ่ง อาทิ จากคนโสดสู่การเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ต่อเนื่องไปสู่การเป็นครอบครัวขนาดเล็กที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน และการใช้เวลาร่วมกันในทุกโมเมนต์ของชีวิต ออกเดินทางร่วมกันไปค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ Mazda CX-30 ใหม่ ได้รับการออกแบบตามแนวคิดKodo: Soul of Motion ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม “Less is More” ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่โฉบเฉี่ยวและทรงพลัง ตามแบบฉบับยนตรกรรมครอสโอเวอร์เอสยูวี ภายในห้องโดยสารยังคงความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันเสมือนงานทำมือ คัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัสดุจงานศิลปะชั้นสูงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อถ่ายทอดความหรูหรามีระดับในทุกมิติ และมาพร้อมกับความพรีเมี่ยมอีกระดับกับสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่เปิดตัวเป็นรุ่นที่สามของรถมาสด้าในประเทศไทยสะท้อนความมีสไตล์และตัวตนอันมีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ แตกต่างในแบบที่เป็นตัวเองไม่ซ้ำใคร ให้ความรู้สึกหรูหรา ทรงพลัง และสง่างามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม Mazda CX-30 ใหม่ ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานความต้องการของลูกค้า ที่มีไลฟ์สไตล์และกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้นในสังคมยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์รูปแบบของการใช้งานได้อย่างแท้จริง โดยมาพร้อมทางเลือก 3 รุ่นย่อย ภายใต้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตรSKYACTIV-G ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและคล่องตัวทุกการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ด้วยความแรงสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร และรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างแม่นยำในทุกรอบความเร็วให้การขับขี่สนุกในทุกเส้นทางและทุกมิติของการใช้งาน เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่พร้อมกับบุคคลสำคัญ รถมาสด้ารุ่นนี้จึงมาพร้อมสกายแอคทีฟแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นจากการศึกษาเชิงลึกด้านสรีรศาสตร์และธรรมชาติการเดินของมนุษย์ เพื่อพัฒนารถยนต์ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้าที่ถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างและหลากหลาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ทันสมัยและครบครัน จึงได้ถูกเพิ่มเข้ามาใน Mazda CX-30 ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องมองหลัง และระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และเพิ่มความเร็วสูงสุดของระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ให้สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม. รวมถึงสามารถตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ด้วยระบบการเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ Mazda Connect ที่สามารถรองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android AutoTM* สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญๆ ได้ โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมมอบความโดดเด่นที่เหนือระดับด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ที่ช่วยสร้างความประทับใจที่เหนือระดับไปตลอดการเดินทาง” ภายในห้องโดยสารได้ถูกพัฒนาภายใต้ปรัชญา HMI (Human-Machine Interface) ที่จัดวางฟังก์ชั่นการใช้งานในตำแหน่งศูนย์กลาง พร้อมมอบประสบการณ์และความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือระดับ ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง คอนโซลกลางและที่วางแขนด้านหน้าที่กว้างสบายรองรับช่อง USB และมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ พร้อมด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้าWindshield Active Driving Display แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้ว พนักพิงเบาะหลังสามารถแยกพับ 60:40 อิสระจากกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง และใช้งานได้หลากหลายรูปแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอสโอเวอร์เอสยูวี Mazda CX-30 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น โดดเด่นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานติดตั้งมาอย่างครบครันในทุกรุ่น รุ่น 2.0…
มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น พร้อมมอบการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าโดยล่าสุดได้ร่วมมือกับ บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ภายใต้ชื่อ บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด (สาขาน้ำพอง) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการบริการให้แก่ลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในอำเภอน้ำพอง และพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดขอนแก่น พร้อมมุ่งมั่นในการส่งมอบยานยนต์คุณภาพและการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้จำหน่ายที่เติบโตเร็วที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โดยปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 9 สาขาที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้า โดยในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมีทั้งหมด 6 สาขารวมทั้งสาขาล่าสุดที่อำเภอน้ำพอง และอีกจังหวัดละ 1 สาขาในเขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดร้อยเอ็ด มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เครือข่ายผู้จำหน่ายถือเป็นหัวใจหลักที่สำคัญในการดำเนินงานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพราะเป็นสถานที่ที่ลูกค้าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งในด้านการบริการและรถยนต์คุณภาพสูงของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตั้งแต่ครั้งแรก โดยการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการฯ แห่งใหม่ที่อำเภอน้ำพองนี้ ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อให้สามารถส่งมอบยานยนต์คุณภาพและบริการที่ดีที่สุดของเราให้แก่ลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เรายังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมเพิ่มมากยิ่งขึ้น” นอกจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีมีคุณภาพแล้ว โชว์รูมและศูนย์บริการ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ ยังได้คำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ได้แก่ การตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อนเข้าศูนย์บริการ พนักงานที่ใกล้ชิดลูกค้าจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หมั่นเช็ดทำความสะอาดภายในโชว์รูมและศูนย์บริการโดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง ตลอดจนการทำความสะอาดภายในห้องโดยสารก่อนส่งมอบหลังเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าทุกท่านจะมีความปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีเมื่อมาใช้บริการที่โชว์รูมและศูนย์บริการ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด (สาขาน้ำพอง) พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่านด้วยบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ครบครันด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย โดยภายในศูนย์บริการฯ แห่งใหม่นี้ยังตกแต่งด้วยดีไซน์ใหม่ภายใต้แนวคิดกลยุทธ์แบรนด์ระดับโลก ‘Drive your Ambition’ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกของ มิตซูบิชิมอเตอร์ส มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการดูแลจากเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์สูงจำนวน 10 ท่านที่ได้ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่พร้อมส่งมอบการบริการที่ดีที่สุด รวมทั้งการให้คำแนะนำสำหรับการซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ คันใหม่ และการซ่อมบำรุงรถยนต์ มิตซูบิชิ คันปัจจุบันให้แก่ลูกค้าทุกท่าน และในปี 2564 ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สามารถคว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวทีการประกวดธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมประจำปี 2564 หรือ TAQA Awards 2021 ได้แก่ รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมด้านบริการหลังการขาย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และ รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ด้านบริการหลังการขายประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อบริการหลังการขายของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้อย่างดีเยี่ยม บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด (สาขาน้ำพอง) ตั้งอยู่ที่เลขที่ 256 หมู่ 7 ตำบลม่วงหวาน อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น 40140 โทร. 0-4300-0088
บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชียปี 2021
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้รับรางวัล “บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชียปี 2021” (Best Companies to Work For in Asia 2021) จาก HR Asia ซึ่งมอบรางวัลนี้ให้กับองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีบริษัทในประเทศไทยได้รับรางวัลนี้รวมทั้งหมด 52 แห่ง โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์เพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ในปีนี้ มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูงที่บริษัทของเราได้รับรางวัลนี้ รางวัลนี้เป็นรางวัลที่มอบให้กับพนักงานของเราทุกคนและผมอยากขอบคุณพนักงานของเราและทีมงานฝ่ายบุคคลสำหรับการอุทิศตนและความพยายามอย่างเต็มที่สำหรับการทำงานให้ออกมาดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ที่มีความท้าทาย ผมเชื่อว่าการให้ความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงอยู่เสมอสำหรับพนักงานเมอร์เซเดส-เบนซ์คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราสามารถบรรลุผลสำเร็จภายใต้วิสัยทัศน์ของเราได้ เพราะการทำงานที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยนั้น พนักงานทุกคนร่วมกันทำงานด้วยความมุ่งมั่นตรงตามสโลแกนที่ว่า “The Best or Nothing” เสมอ และเราจะยังคงมุ่งมั่นต่อการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทั้งให้แรงบันดาลใจและมีความปลอดภัย บนเส้นทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต่อไป” อนึ่ง รางวัล “บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชียปี 2021” (Best Companies to Work For in Asia 2021) จาก HR Asia เป็นรางวัลที่มอบให้กับองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย โดยพิจารณาจากการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ดี การเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วม การดูแลเอาใจใส่และสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในการทำงาน และการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม โดยในปีนี้มีองค์กรไทยที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมเพื่อพิจารณาการมอบรางวัลกว่า 269 แห่ง ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยได้รับรางวัลนี้ในปีนี้มีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่พนักงานได้รับการสนับสนุนให้สามารถบริหารสมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการให้ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น และการให้วันลาหยุดพิเศษ (sabbatical leave) และวันลาหยุดประจำปีมากถึง 22 วันต่อปี การมอบสวัสดิการที่ดีแก่พนักงานเพื่อดูและสุขภาพและความเป็นอยู่ของพนักงานให้มีความปลอดภัยและทำให้สบายใจที่จะทำงานอย่างเต็มที่ การสนับสนุนเรื่องความหลากหลาย (diversity & inclusion) และกระตุ้นให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอสินค้าและบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ตลอดจนการตอบแทนคืนสู่สังคมและชุมชน ผ่านโครงการ CSR ด้านการศึกษาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการเป็นพันธมิตรระยะยาวที่ให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเยาววิทย์ จังหวัดพังงา ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 16 ปี และการสนับสนุนการฝึกอาชีพแก่คนรุ่นใหม่ โดยให้พนักงานของบริษัทได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกโครงการ
ฮอนด้า ชวนลูกค้าเข้ารับบริการ
เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี โครงการ “ช้อปดีมีคืน 2565” ณ โชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ 229 แห่ง ตั้งแต่ 1 ม.ค.- 15 ก.พ. 2565 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ชวนลูกค้าฮอนด้าเข้ารับบริการเพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี โครงการ“ช้อปดีมีคืน 2565” ณ โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า 229 แห่งทั่วประเทศ โดยลูกค้าสามารถนำใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจากยอดค่าใช้จ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 มาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2565 ซึ่งค่าใช้จ่ายงานบริการที่เข้าร่วมเงื่อนไขในโครงการ “ช้อปดีมีคืน”* ได้แก่ งานตรวจเช็กตามระยะทาง (PM) งานซ่อมทั่วไป (GR) และงานซ่อมตัวถังและสี (BP) ประเภทลูกค้าเป็นผู้ชำระเงิน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่โชว์รูมและศูนย์บริการอีกด้วย ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมของการบริการต่าง ๆ และเลือกการบริการที่ใช่สำหรับคุณได้ที่ www.honda.co.th/service
อุตสาหกรรมญี่ปุ่น เยี่ยมโตโยต้าไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น นายโคอิจิ ฮากิอูดะ เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงาน ณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คณะผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้การต้อนรับ มร. โคอิจิ ฮากิอูดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และ มร. นาชิดะ คาสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำราชอาณาจักรไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ณ สำนักงานใหญ่โรงงานโตโยต้า สำโรง การเยี่ยมชมการดำเนินงาน ณฯ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ของ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นตลอดจนเป็นการสนับสนุนในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยมีบริษัทและหลากหลายองค์กรจากประเทศญี่ปุ่นเป็นภาคส่วนสำคัญในการพัฒนาและผลักดันภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยนอกจากกิจกรรมการเยี่ยมชมกระบวนการผลิตรถยนต์ของ บริษัท โตโยต้าฯ แล้ว คณะผู้บริหารของโตโยต้า นำโดย นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ให้ข้อมูลในด้านแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯโดยกล่าวว่า “ปี 2565 นี้ นับเป็นวาระสำคัญของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 60 ปี นอกเหนือจากการดำเนินงานในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ เรายังพัฒนาทรัพยากรบุคคลและสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน เรายินดีและพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ต่อนโยบายของภาครัฐ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรและทุกภาคส่วนที่มีแนวคิดตรงกันเพื่อร่วมกันผลักดันให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยเร็วที่สุดด้วยการแนะนำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบเข้าสู่ประเทศไทย”
“SKILL DRIVING JUNIOR”
การร่วมมือกับ “THE MALL” ของงาน “SKILL DRIVING JUNIOR” จัดการเรียนรู้ ฝึกวินัยจราจรให้เด็ก และเยาวชน โดย คุณชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล ร่วมงาน “THE MALL KIDS FUNTASIA : KIDDO HERO” โดยจัดกิจกรรม“โตไป…ขับเป็น”(SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR) อบรมวินัยจราจรแก่เด็ก และเยาวชน ขับขี่ในถนนจำลองที่ปลอดภัย ณ MCC HALL THE MALL บางกะปิ สัปดาห์ที่ผ่านมา