รถยนต์ เอ็มจี กำเนิดเกิดขึ้นในเกาะอังกฤษ กลิ่นอาย ความเป็นเมืองผู้ดียังติดตัวเอ็มจี มาจนถึงแหล่งกำหนดใหม่ที่ต่างทวีป รวมถึงการโลดแล่นอยู่ในตลาดเมืองไทย ภายใต้การดูแลของบริษัทในกลุ่มซีพี ถึงแม้จะมีหุ้นส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติก็ตาม
รถยนต์ เอ็มจี 3 เป็นรถยนต์ซับคอมแพ็คที่เปิดโอกาสให้คนไทย ได้มีอิสระอย่างเต็มที่ในการมิกซ์แอนด์แมทช์สีสันภายนอกของรถยนต์ให้ตรงกับสไตล์ที่เป็นตัวเอง ด้วยสติกเกอร์ตกแต่งหลังคาดีไซน์จากอังกฤษ 5 สไตล์ ได้แก่ Scottish Kilt, Brit Pop, MOD, Union Jack และ London รวมทั้งฝาครอบกระจกมองข้างอีก 4 สี ส่วนรุ่นครอส MG3 เพิ่มความสนุกทุกมุมมองด้วยกันชนสปอร์ตหน้า – หลัง พร้อมชุดแต่งรอบคันและ Roof Rail ให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมใช้งานที่หลากหลาย และไม่ว่าไลฟ์สไตล์จะเป็นแบบใด
ความสนุกสนานของคนเดินทาง จากการได้ทดลองขับ บอกได้ว่ามันแปลกๆ สักหน่อย สำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เสริมเข้าไป แม้รูปทรงที่เราเห็น จะเป็นรถทรงเดิมๆ ก็ตาม แต่ดูร่วมสมัยจริงๆ เพราะในรุ่นครอส เอ็มจี 3 สนุกทุกมุมมองด้วยกันชนสปอร์ตหน้า – หลัง พร้อมชุดแต่งรอบคันและ Roof Rail ให้พร้อมลุยทุกรูปแบบ และไม่ว่าไลฟ์สไตล์จะเป็นแบบใด ก็สามารถเลือกออกไปสนุกได้ในบางโอกาส หรือทุกโอกาสที่ต้องการ ชอบตรงช่วงนี้ฝนลงเม็ดบ่อย เอ็มจี3 มี ระบบปัดน้าฝนอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบความปลอดภัยมากมายเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น อย่างนี้นี่เอง ที่จะบอกว่าสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องปลอดภัยด้วย
การออกแบบภายนอก เอ็มจี 3 ได้รับการออกแบบที่ศูนย์การออกแบบรถยนต์เอ็มจี ณ เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเอ็มจี โดยภายในศูนย์แห่งนี้มีวิศวกรผู้มากด้วยประสบการณ์ทำงานอยู่มากกว่า 300 คน และมีดีไซเนอร์มากกว่า 60 คน มุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อผลิตรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย อันน่าประทับใจอย่างเอ็มจี 3 ได้ออกสู่ตลาด มาให้คนไทยได้ครอบครอง เอ็มจี เลือกหยิบเอาเอกลักษณ์ที่สืบทอดต่อมาของแบรนด์มาใช้เป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบ เอ็มจี 3 สังเกตได้ตั้งแต่กระโปรงหน้ารถที่มีรูปทรงคล้ายปีก ประดับด้วยโลโก้เอ็มจีขนาดใหญ่ ส่วนกันชนหน้าที่ดูสปอร์ตนั้นก็ได้รับการออกแบบให้สะท้อนคาแรกเตอร์ของคนรุ่นใหม่ สร้างเอกลักษณ์ด้วยไฟหน้ารถที่มีโลโก้ MG อยู่ ทำให้รถยนต์คันนี้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น
ที่สำคัญกระจกบังลมหน้าที่โค้งมนอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบจากแว่นตากันแดดสุดชิค เชื่อมต่ออย่างลงตัวกับกระจกด้านข้างของตัวรถ และช่วยทำให้ดูโดดเด่นเหนือใคร ที่สำคัญเอ็มจี 3 ยังเป็นรถยนต์ซับคอมแพ็คคันแรกที่ได้ติดตั้งซันรูฟ และฝ้าหลังคาบังแสงแดดมาพร้อมกับรถด้วยทั้งในรุ่นท็อปของแฮทช์แบ็ก (Hatchback) และรุ่นครอส (Xross) ซึ่งจะเห็นได้ว่า มันเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และความสุนทรีย์ในการนั่งอีกด้วย
การตกแต่งภายใน เอ็มจี 3 มอบความสะดวกสบายในการขับเคลื่อนสูงสุด สำหรับผู้ขับรุ่นใหม่ พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ภายในห้องโดยสารกว้างถึง 1,364 มิลลิเมตร และมีระยะความสูงจากเบาะถึงเพดานกว่า 954 มิลลิเมตร และพื้นที่ของผู้โดยสารตอนหน้ายาวถึง 1,063 มิลลิเมตรแม้คนตัวสูงก็ยังนั่งอย่างสะดวกสบายและกว้างกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน การออกแบบภายในของรถยนต์ เอ็มจี 3 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ระบบความบันเทิงภายในรถออกแบบมาให้ใช้งานง่าย จะเห็นหัวเกียร์ คอนโซลกลาง คอนโซลหน้า ล้วนล้ำสมัย เรียกว่าทำเอายอดจำหน่ายของ เอ็มจี3 แซงหน้ารุ่นพี่ๆ ไปหลายตัว เครื่องเล่นซีดีและ MP3 มาพร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ USB/AUX พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันปรับสูง – ต่า และได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย มองเห็นชัดเจน เอ็มจี เน้นทุกรายละเอียด โดยเบาะที่นั่งของ เอ็มจี 3 แฮทช์แบ็ก รุ่น X มาพร้อมกับเบาะหนังสีดำเข้ม กระชับเข้ากับสรีระคนนั่ง อีกทั้งยังตกแต่งด้วยด้ายแดงให้อารมณ์สปอร์ต ในขณะที่ MG 3 ครอส มาพร้อมกับเบาะหนังแบบทูโทน สีดำตัดสีส้ม ตกแต่งด้วยขาวและส้ม
ทั้งนี้ เอ็มจี ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายสูงสุดของผู้ใช้รถ ภายในรถยนต์ เอ็มจี 3 จึงมีช่องเก็บของจำนวนมากถึง 10 จุด ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บแว่นตากันแดดเหนือประตูด้านคนขับ ช่องวางแก้ว 2 ช่องด้านหน้า และ 1 ช่องด้านหลัง ช่องเก็บของขนาดใหญ่ตรงคอนโซลกลาง และด้านข้างประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งยังมีช่องใส่ของเล็กๆ ช่องเก็บเอกสารตรงด้านหลังเบาะ และช่องเก็บของอื่นๆ อีกหลายช่องในห้องโดยสารที่กว้างขวางของรถยนต์คันนี้ ด้วยเบาะนั่งด้านหลังปรับพนักพิงได้แบบ 60:40 จึงเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากกว่าเดิม รวมถึง ยังใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในการออกแบบห้องโดยสารให้ขจัดเสียงรบกวน ความสั่นสะเทือน และความแข็งกระด้าง (Noise, Vibration and Harshness: NVH) เพื่อเติมความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ขับ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวมีทั้งโครงสร้างรถยนต์ และพรมปูพื้นพิเศษที่ช่วยดูดซับเสียงจากด้านนอกรถยนต์ ทำให้ภายในห้องโดยสารเงียบมากยิ่งขึ้น
เปี่ยมสมรรถนะ ด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ 16 วาล์ว ประหยัดน้ามันด้วยระบบวาล์ว แปรผันคู่ ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4500 รอบต่อนาที มีระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด SeleMatic (เซเลเมติก) พร้อมระบบปรับโหมดการขับขี่ รองรับน้ามันแก๊สโซฮอล์สูงสุด E85 เอ็มจี 3 เติมเต็มความมั่นใจในการขับขี่และการควบคุมรถอย่างเต็มที่ ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญอันเป็นตำนานของ เอ็มจี ในการปรับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ เอช-ไทป์ (H-Type) ทอร์ชันบีมคานขวางแบบ U-Shape ได้อย่างเหมาะสม ระบบช่วงล่างกึ่งอิสระยังช่วยลดน้ำหนักของตัวรถโดยรวม และเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นตามสไตล์ของรถยุโรป
การควบคุมพวงมาลัยแบบพาวเวอร์ระบบไฮดรอลิก (Hydraulic Assisted Steering Wheel) ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดายโดยเฉพาะในการขับขี่ในเมือง ในขณะที่ในการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วพวงมาลัยจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ เอ็มจี 3 ให้ความใส่ใจในความปลอดภัยของลูกค้าจึงติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบความปลอดภัยมากมายเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น
ยิ่งระบบความปลอดภัยด้วยแล้ว มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC – Electronic Stability Control) ช่วยควบคุมการลื่นไถลที่เกิดจากการหมุนพวงมาลัยสุดแรง หรือการขับขี่บนพื้นถนนที่เปียกหรือลื่น ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง (CBC – Curve Brake Control) ระบบการช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS – Hill-Start Assist System) ระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD – Electronic Brake Distribution – Force Distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCS – Traction Control System) ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่าอย่างฉับพลัน (MSR – Motor Control Slide Retainer) โครงสร้างตัวถังนิรภัย (USD – Ultimate Stiffness Design) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS – Anti – Lock Braking System) ระบบเสริมแรงเบรก (BA – Brake Assist) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (AIRBAGS)ด้านความสะดวกสบาย และปลอดภัย มีไฟส่องสว่างระหว่างขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light – DRL)ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปัดน้าฝนกระจกหน้าอัตโนมัติ หลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า เครื่องเล่นซีดีและ MP3 มาพร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ช่องเชื่อมต่อUSB/AUX พร้อมพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันปรับสูง – ต่ำได้ ดีไซน์สนุกโดดเด่นไปกับทุกไลฟ์สไตล์ เพราะรถตกแต่งทั้งสีภายนอกและภายในแบบเก๋ๆ มีเอกลักษณ์
หนำซ้ำ เอ็มจี ยังมีให้เลือกถึง 6 สี โดดเด่นด้วยตัวถังสีทูโทน อาทิ ตัวถังสีเหลืองหลังคาสีดา (Tudor Yellow – Black Top) ตัวถังสีแดงหลังคาสีดำ (Ruby Red – Black Top) และตัวถังสีฟ้าหลังคาสีขาว (Thames Blue – White Top) หรือจะเลือกสีเท่ๆ อย่างสีขาว (Arctic White) สีเงิน (Platinum Silver) และสีดา (Pitch Black) ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรุ่น Hatchback (แฮทช์แบ็ก)และ Xross (ครอส)
ขอบอกไว้ตรงนี้อีกนิด เอ็มจี3 ขับมันจริงๆ แต่หากทำความเข้าใจในเทคโนโลยีของตัวมันแล้ว เหมือนพร 3 ประการ ตามชื่อ เอ็มจี3 เลยทีเดียว คือ สุข สนุก สบาย
ราคาในรุ่นแฮทช์แบ็ก (Hatchback) 5 ประตู ได้แก่ รุ่น C ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ 479,000 บาท รุ่น (กลาง) D เหมาะกับผู้มองหาความคุ้มค่าที่ 509,000 บาท รุ่น (ท็อป) X พร้อมติดตั้งหลังคาซันรูฟที่ 559,000 บาท ส่วนรุ่นครอส (Xross) ที่มาพร้อมกับหลังคาซันรูฟราคา 595,000 บาท เท่านั้นเอง