เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมมือ OR

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จับมือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มระบบโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า ระหว่าง OR และ GWM เพื่อร่วมศึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงระบบโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Roaming) ในสถานีชาร์จ EV Station PluZ พิธีลงนามดังกล่าว จัดขึ้น ณ GWM Experience Center ไอคอน สยาม โดยมี นายไมเคิล ฉง รองประธานเกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และ นายวิศน สุนทราจารย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร และความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมให้เกียรติลงนามร่วมกัน คุณไมเคิล ฉง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของเกรท วอลล์ มอเตอร์ เรายังคงยึดมั่นในกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า การรับฟังเสียงของผู้บริโภค และการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าของเรา เราจึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมโดยให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้บริโภค ทำให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเราก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญของเกรท วอลล์ มอเตอร์ คือการพัฒนาและสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงมีแผนขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ได้ 55 แห่ง ภายในปี 2022 นี้ ภายใต้ชื่อแพลตฟอร์ม G-Charge โดยจะแบ่งเป็นภายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัด 30% ซึ่งสถานีชาร์จทั้งหมดของบริษัทจะติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC Fast Charge กำลังสูง เริ่มต้นที่ 120 kW และมีรูปแบบหัวชาร์จแบบ CCS2 อีกทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรด้วย GWM Application  พร้อมฟังก์ชั่นการค้นหาสถานี นำทาง การจอง และชำระเงิน ใน App เดียว โดย G-Charge และ GWM Application จะเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจรและทันสมัยมากที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งในประเทศไทยเราได้มีการรวบรวมสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีอยู่ในประเทศมากกว่า 500 แห่ง มาอยู่ในแผนที่การชาร์จใน GWM app ครอบคลุมสถานีชาร์จสาธารณะของไทยมากกว่า 55% และตั้งเป้ารวบรวมสถานีชาร์จให้ครอบคลุม 80% ภายในปีนี้ ความร่วมมือในการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มระบบโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า  ระหว่าง GWM และ OR ในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของแผนพัฒนาเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พัฒนาแพลตฟอร์มในอีกหลายๆมิติร่วมกับ OR เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้า และที่สำคัญที่สุด เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นรูปธรรม” คุณวิศน สุนทราจารย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร และความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวว่า “จากแนวโน้มการเติบโตของรถไฟฟ้าในประเทศไทยที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง OR พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถไฟฟ้า (EV) ในทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้สอดคล้องวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่สนใจรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ความร่วมมือกับ GWM ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถไฟฟ้าของ GWM ที่เข้ามาใช้งานในสถานีชาร์จ EV Station PluZ ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชั่น EV Station PluZ ของ OR หรือ GWM Application ด้วยการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มบริหารจัดการระบบของทั้ง OR และ GWM เข้าด้วยกัน เพื่อค้นหาสถานีชาร์จ EV Station PluZ จองเข้าใช้บริการ ชำระเงินออนไลน์ และตรวจสอบประวัติการใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าของทั้ง GWM และ OR ให้ได้รับบริการที่เป็นเลิศ สำหรับการใช้งานข้ามเครือข่าย (Roaming) ที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ (Seamless) ผ่านเครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ทั้งในและนอกสถานีบริการ PTT Station ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายให้ครบ 450 แห่งภายในปี2565 และ  7,000 แห่งภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นไปตามพันธกิจของ OR ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสานเพื่อการเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อเพื่อตอบโจทย์คนเดินทางทุกรูปแบบ (Seamless Mobility) เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) อย่างครบวงจรต่อไปในอนาคต”  เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company) จะยังคงมุ่งมั่นรับฟังเสียงผู้บริโภค เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมตอบโจทย์ทุกความต้องการ และเคียงข้างเติบโตไปด้วยกันกับลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน  

 
Read More

ISUZU NLR 130

อีซูซุตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง อีซูซุ คิงออฟทรัคส์ เปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง 4 ล้อ และ6 ล้อ ตระกูลเอลฟ์รุ่นใหม่! ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ The Only One ELF” พร้อมเสริมไลน์อัพใหม่! ISUZU NLR 130 แรงม้า แบบเกียร์กึ่งอัตโนมัติ ISUZU Smoother ขับง่าย ขับสบาย ไม่ต้องเหยียบคลัตช์สยบทุกความยุ่งยากขณะขนส่งของในเมือง ราคาเริ่มต้นเพียง 1,090,000 บาท กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “จากความผันผวนของปัจจัยทางเศรษฐกิจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อีซูซุในฐานะเจ้าตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตระหนักถึงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านการขนส่งแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน ภาพลักษณ์ และความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ จึงได้เปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง รุ่นไมเนอร์เชนจ์ “ใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF)” ด้วยการปรับรูปลักษณ์ภายนอกจรดภายใน ทั้งยังเสริมอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้นตามแบบฉบับสุดยอดรถบรรทุกยุคใหม่ นอกจากนี้ อีซูซุยังได้เสริมไลน์อัพใหม่! “ISUZU NLR 130 แรงม้า เกียร์กึ่งอัตโนมัติ ISUZU Smoother”ขับง่าย ขับสบาย ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ ตอบโจทย์การใช้งานด้านขนส่งท่ามกลางสภาวะการจราจรที่ติดขัดในเมืองได้อย่างลงตัว พร้อมคุณสมบัติประหยัดน้ำมันสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลในทุกเจเนอเรชั่นตามวิถีของผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง” รถบรรทุกขนาดกลางรุ่นใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF) เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ทุกความสำเร็จของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วย ·   ใหม่! ชุดไฟหน้าและไฟตัดหมอก ISUZU LED TECH พร้อมไฟหรี่รูปตัว L เท่       สะดุดตา พร้อมเพิ่มความสว่างในทุกเส้นทาง (ยกเว้นรุ่น NLR Lite) ·      ใหม่! กระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่ เต็มพิกัด ·      ใหม่! ไฟในห้องโดยสารขนาดใหญ่แบบ LED เพิ่มความสว่าง ตอบโจทย์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ·      ใหม่! USB Charger สะดวกสบายยิ่งกว่า ·      เครื่องยนต์อีซูซุซูเปอร์คอมมอนเรล แรงบิดแบบ Flat Torque แรงเต็มสมรรถนะและประหยัดน้ำมันตอบสนองทุกการใช้งาน ได้แก่ –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4JH1E3N ขนาด 2,999 cc ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ในรุ่น NLR Lite –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4JJ1E3N ขนาด 2,999 cc ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ในรุ่น NLR130, NLR Smoother, NMR130 และ NMR MIXER –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4HK1-TCN ขนาด 5,193 cc ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 404 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,600 รอบ/นาที ในรุ่น NPR150 และ NPR Smoother  –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4HK1-TCC ขนาด 5,193 cc ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,000 รอบ/นาที ในรุ่น NQR175 ·    ระบบเกียร์พิเศษ ออกแบบให้อัตราทดเกียร์เหมาะสมกับงานบรรทุกหนัก แข็งแกร่ง ทนทาน ให้กำลังฉุดลากสูงส่งถ่ายกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เสื้อเกียร์อะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ช่วยระบายความร้อนได้ดี (รายละเอียดตามแต่ละรุ่นรถ) ·      เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยเหล็กกันโคลงหน้า (Stabilizer) พร้อมโช้คอัพกันสะบัด ลดการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย ช่วยยึดเกาะถนน ในรุ่น NLR130, NLR Smoother และ NMR MIXER ·      พร้อมความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยกระจกไฟฟ้าและเซ็นทรัลล็อก ·      ล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ขนาด 6.00J ขอบ 15  พร้อมยางเรเดียลแบบไม่มียางใน       ในรุ่น NLR Lite, NLR130, และ NLR Smoother ใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF) พร้อมจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com, Facebook…

 
Read More

ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ สนามที่ 3

“ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2022” บันไดขั้นสำคัญของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ซึ่งรวบรวมนักแข่งเยาวชนของไทยเพื่อทำการฝึกฝนและพัฒนาร่วมไปกับการแข่งขันด้วยตัวแข่งเรซแมชชีนแท้ๆ จาก HRC อย่าง Honda NSF250R รวมถึงการเสริมประสบการณ์ในการแข่งขันให้กับนักแข่งไทยด้วยการเปิดโอกาสให้นักแข่งชาติอื่นๆ ในเอเชียเข้าร่วมด้วย เดินทางมาถึงสนามที่ 3 ซึ่งมีโปรแกมแข่งอยู่ในรายการ OR BRIC SUPER BIKE 2022 สนามที่ 2 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ การแข่งขันเข้มข้นตลอดระยะทาง 15 รอบสนามและมีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำอยุู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะได้ผู้ชนะและอันดับบนโพเดียมนั้นต้องต่อสู้กันจนถึงโค้งสุดท้ายอีกครั้ง ซึ่งเรซวินเนอร์ตกเป็นของ “ข้าวกล้อง”จักรีภัทร พฤฒิสาร กับ Honda NSF250R หมายเลข 20 อันดับที่ 2 เป็นของ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมาลเลข 11 และอันดับที่ 3 เป็น “จิมมี่”บูรพา วันมูล หมายเลข 12 เรซที่ 2 แข่งขันกันต่อเนื่องในเช้าวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2565 ซึ่งตอนเช้านั้นมีสายฝนลงมาและพื้นสนามที่เปียก ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนมาใช้ยางฝนและรอบการแข่งขันปรับลงมาเหลือ 12 รอบ เมื่อสนามเริ่มแห้งขึ้นได้กลับมาสู่เซ็ตอัพของสนามแห้งและยางสลิคพร้อมกับรอบการแข่งขันที่ลดลงมาเหลือ 10 รอบเท่านั้น เริ่มต้นเกมส์ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิวกับ Honda NSF250R หมายเลข 11 ทะยอยออกมานำได้ทันที แต่เรซนี้นักแข่งไทยไม่ว่าจะเป็น ธนัช ละอองปลิว, บูรพา วันมูล, จักรีภัทร พฤฒิสาร หรือ กรดนัย เกิดแก้ว ต้องต่อสู้อย่างดุเดือดกับนักบิดญี่ปุ่นและอินโดนิเซีย ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอยู่ตลอดเวลาจนถึงการแข่งขันรอบสุดท้าย ผลการแข่งขัน“ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2022” สนามที่ 3 เรซที่ 2 ชัยชนะตกเป็นของ “มิกซ์”ธนัช ละอองปลิวกับ Honda NSF250R หมายเลข 11 อันดับที่ 2 “ข้าวกล้อง”จักรีภัทร…

 
Read More

50 ปี ซีวิค แล้วสินะ!

ฮอนด้าฉลองครบรอบ 50 ปี “ฮอนด้า ซีวิค” ไอคอนยนตรกรรมซีดานที่มาพร้อม DNA ความสปอร์ต และครองใจลูกค้าทั่วโลกอย่างยาวนาน ฮอนด้า ฉลองครบรอบ 50 ปี “ฮอนด้า ซีวิค” ยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานที่สุดของฮอนด้า ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) โดยเริ่มต้นในการสร้างให้เป็น “รถ Entry Car ระดับโลก” ด้วยความตั้งใจของทีมวิศวกรฮอนด้าให้เป็นรถที่ผู้คนต้องการอย่างแท้จริง และนับจากนั้น ฮอนด้า ซีวิคก็ได้รับการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกในทุกยุคทุกสมัยด้วยจุดเด่นในด้านต่างๆ ทั้งในด้านดีไซน์ที่โดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่นับเป็นคุณค่าหลักของซีวิคมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้สร้างมาตรฐานใหม่มาอย่างต่อเนื่องในแต่ละเจเนอเรชัน อาทิ ·    เจเนอเรชันที่ 1 นำเสนอเครื่องยนต์ CVCC (Compound Vortex Controlled Combustion) ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ผ่านมาตรฐานกฎหมายควบคุมมลพิษไอเสียที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา (Muskie Act) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันมากที่สุด ·      เจเนอเรชันที่ 3 กับ ฮอนด้า ซีวิค เอสไอ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ DOHC (Double Overhead Camshaft) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันเท่านั้น ·      เจเนอเรชันที่ 4 นำเสนอเครื่องยนต์ VTEC ระบบ Twin Cams มอบสมรรถนะการขับขี่ราบรื่นแม้ในความเร็วต่ำ ·      เจเนอเรชันที่ 10 มาพร้อมขุมพลัง VTEC TURBO ขับสนุก ทรงพลัง และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ·      เจเนอเรชันที่ 11 นำเสนอระบบฟูลไฮบริด e:HEV สมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เป็นต้น ตลอดเวลากว่า 50 ปี รวม 11 เจเนอเรชัน ที่ฮอนด้า ซีวิค ได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากลูกค้า
ทั่วโลก ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 27.6 ล้านคัน ในมากกว่า 170 ประเทศ สำหรับประเทศไทย ฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นไอคอนของรถซีดานที่เติบโตคู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 
ซึ่งตลอด 38 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมทั้งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด พิสูจน์ได้จากการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ ล่าสุด ฮอนด้า ซีวิค สามารถครองอันดับ 1 ในเซกเมนต์ถึง 6 ปีซ้อน ในปัจจุบัน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ได้เข้ามายกระดับคอมแพคท์ซีดานให้ก้าวไปอีกขั้น และตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยมีให้เลือกทั้งขุมพลัง VTEC TURBO และล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV โดดเด่นกับดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย โดยประเทศไทยถือได้ว่ามีศักยภาพ ทั้งในด้านยอดขายซีวิค และเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมียอดขายซีวิคสูงที่สุดของฮอนด้าในภูมิภาคนี้ และมีการส่งออกไปจำหน่ายยังภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกอีกด้วย ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th/civic   สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ลูกค้าสามารถทดลองขับผ่านแคมเปญ “Happy Day Happy Drive”โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 30 กันยายน 2565 พร้อมรับของสมนาคุณ “You’re e:HEV Family Bottle ขวดน้ำ LocknLock” มูลค่า 249 บาท* ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรืออ่านข้อมูลทางเว็บไซต์ www.honda.co.th/testdrive  

 
Read More

MOTOR EXPO 2022

ค่ายรถพร้อมหน้าจองพื้นที่งานใหญ่ปลายปี ซึ่ง “IMC สื่อสากล” เผยแนวคิด “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39” พร้อมเปิดจองพื้นที่งาน ค่ายรถยนต์ จักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง แห่เข้าร่วมอวดนวัตกรรมอนาคต 1-12 ธันวาคม นี้ คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” (MOTOR EXPO 2022) เปิดเผยว่า งานปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ได้เวลา…สัมผัสอนาคต – It’s TIME…Come Touch the Future” เพื่อแสดงความล้ำหน้าของยานยนต์ ทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี โดยมี บริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง จำนวนมากให้ความสนใจจองพื้นที่แสดง และคาดว่าจะเป็นงานใหญ่ปลายปีที่ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างคึกคัก เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ดีขึ้นตามลำดับภาครัฐผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้ และการผลิตภายในประเทศ จากเหตุผลดังกล่าว รวมถึงความสำเร็จของงานที่ผ่านมา ทำให้มีผู้อุปถัมภ์งานอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้น ได้แก่บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ และบริษัทน้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ร่วมกับพันธมิตรที่อยู่คู่กับงานมายาวนานทั้ง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 ติดตามข้อมูล MOTOR EXPO ได้ทาง www.motorexpo.co.th, FB : MotorExpo,  IG : Motorexpoth, Youtube : IMCOnlineTH,   Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH  

 
Read More

ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์

คุณภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คุณอังคณา จิตรสกุล กรรมการ บริษัทโตโยต้าเชียงราย จำกัด ผู้แทนชมรมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า หน่วยงานราชการในจังหวัดเชียงราย และ คุณตะวัน ตันวัชรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รตาวัน จำกัด ร่วมเปิด “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” ณ บริษัท รตาวัน จำกัดจังหวัดเชียงราย “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เป็นกิจกรรมในโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์”โตโยต้าได้นำปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ วิถีโตโยต้า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และปรัชญาลูกค้าเป็นที่หนึ่ง มาถ่ายทอดให้แก่วิสาหกิจชุมชนอันเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย ให้สามารถดำเนินธุรกิจด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับทิศทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับปรุงธุรกิจธุรกิจชุมชนต่างๆ และมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจเหล่านี้มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ เช่น ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 50% การควบคุมคุณภาพการผลิตดีขึ้นโดยเฉลี่ย 70% และต้นทุนในการควบคุมสินค้าคงคลังลดลงโดยเฉลี่ย 40% เป็นต้น บริษัท รตาวัน จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สัก จัดจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ “องค์อรเฟอร์นิเจอร์” มีโรงงานผลิตที่จังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมโครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ในปี 2560 โดย โตโยต้าร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ส่งเจ้าหน้าที่ของโตโยต้าที่มีประสบการณ์ด้านระบบการผลิตแบบโตโยต้าและหลักการไคเซ็น (การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง) เข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้ของโตโยต้าเข้าไปถ่ายทอดและปรับปรุงระบบการจัดการปัญหาของธุรกิจ โดยนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจนั้นๆ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างมืออาชีพ สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม สร้างการจ้างงานในท้องถิ่น และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยบริษัทฯ ได้ส่งมอบโครงการแก่บริษัท รตาวันฯ ภายหลังการปรับปรุงเสร็จสิ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2561 และได้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พบว่าบริษัท รตาวันฯ ยังคงรักษาประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และทำการปรับปรุงด้วยตนเองตามหลักวิถีโตโยต้าอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายผลการสร้างมาตรฐานการควบคุมงานจนสามารถลดต้นทุนและพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ครอบคลุมสินค้าทุกแบบของบริษัท รวมถึงบริหารงานได้ด้วยตนเองอย่างมืออาชีพ สามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา 100%  จากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการรักษามาตรฐานการดำเนินงานและวัฒนธรรมไคเซ็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โตโยต้าและบริษัท รตาวันฯ จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ในการปรับปรุงธุรกิจแก่วิสาหกิจชุมชนในภาคเหนือ ดังนี้ ·      การวางแผนธุรกิจตลอดทั้งกระบวนการ โดยบอร์ดแสดงการควบคุม (Visualization Board) ช่วยปรับปรุงการวางแผนธุรกิจในภาพรวม กำหนดแผนการขาย การผลิต และการส่งมอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจแก่ลูกค้า ·      การเพิ่มผลิตภาพโดยปรับปรุงกระบวนการในการผลิต (ไคเซ็น) เช่น การกำหนดมาตรฐานในการผลิตสินค้า(Standardize) ช่วยลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นและการรองาน หรือ การปรับปรุงกระบวนการงานพ่นสี ลดของเสียลดเวลาการแก้งาน ส่งผลให้ผลิตได้เร็วขึ้น ·    การบริหารสินค้าคงคลังด้วยระบบทันเวลาพอดี บริหารการกำหนดแผนการผลิต การสั่งวัตถุดิบ ตลอดจนติดตามสถานะของสินค้าคงคลังในทุกกระบวนการ ช่วยลดต้นทุนจม ส่งผลต่อการบริหารต้นทุนของธุรกิจในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ดำเนินการปรับปรุงธุรกิจชุมชนแล้วเสร็จจำนวน 23 แห่ง  และได้ยกระดับสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” จำนวน 3 แห่ง ซึ่งในปี 2565 นี้ บริษัทฯวางแผนที่จะเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯเพื่อให้ครบทั้ง 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ อีกทั้งบริษัทฯยังได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์จากการดำเนินโครงการ มาถ่ายทอดเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ภายใต้นโยบายประชารัฐ โดยความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ Thailand Smart Center หอการค้าไทย ดำเนินโครงการ Big Brother พี่ช่วยน้อง และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ในการดำเนินงานศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมในจังหวัดกรุงเทพฯนครราชสีมา ชลบุรี รวมถึงโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์(CIV: Creative Industry Village) ในจังหวัดพิษณุโลกและอุบลราชธานีอีกด้วย คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้การประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กรในโอกาสการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 60 ปี นั้น   บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนความสุขสู่ผู้คนและส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนของสังคมภายใต้ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการถ่ายทอดแนวความรู้ในการปรับปรุงธุรกิจ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้ โดยในอนาคต บริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายศูนย์การเรียนรู้ฯ ต่อเนื่องให้ครบ 12 จังหวัด ตามเขตเศรษฐกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม ตลอดจนเฟ้นหานวัตกรรมทางความคิดใหม่ ๆ อาทิ การนำระบบกลไกอัตโนมัติ (Automation) มาปรับใช้กับโครงการฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มธุรกิจชุมชน นำไปต่อยอดในการขับเคลื่อนเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป”   

 
Read More

ดูคาติ เปิดสาขาขอนแก่น

เป็นโชว์รูมแห่งที่ 7 สร้างความมั่นใจให้เหล่าไบค์เกอร์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมอัดแคมเปญต้อนรับสาขาใหม่ รถใหม่ราคาพิเศษ และส่วนลดสินค้าไลฟ์สไตล์สูงสุดถึง60% ดูคาติ ประเทศไทย ประกาศเปิดสาขาเต็มรูปแบบแห่งใหม่ในจังหวัดขอนแก่นหนึ่งในสี่เมืองใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีตลาดกลุ่มไบค์เกอร์อยู่เป็นจำนวนมาก หวังให้ ดูคาติ สาขาขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งจุด Check in สุดฮิตให้เหล่าดูคาทิสต้าได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง คุณกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดูคาติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 นั้นถือได้ว่าเป็นยอดขายที่ดีที่สุด ซึ่งรุ่นที่ ดูคาติ ประเทศไทย ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเหล่าดูคาทิสต้าคือรุ่นMonster ซึ่งเป็นรุ่นที่สมน้ำสมเนื้อทั้งในเรื่องของราคาและเทคโนโลยีการขับขี่ที่มาพร้อมกับตัวรถ และจากการฟื้นตัวของตลาดในประเทศ ทำให้เราสามารถส่งมอบรถจักรยานยนต์ไปแล้วมากกว่า 300 คัน และสามารถให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้ามากถึง 2,422 คัน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของเราที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ดูคาทิสต้าทั่วประเทศไทย สำหรับแผนการทำตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของ ดูคาติ ประเทศไทย ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเน้นการทำตลาดเชิงรุก ควบคู่ไปกับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ดูคาติรุ่นใหม่ๆ หลากหลายรุ่นเพื่อเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ของลูกค้าให้มากขึ้น และจะจัดกิจกรรมให้ลูกค้าได้สร้างประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย ในด้านการบริการทั้งเรื่องของงานขายและบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญนั้นจะมีการเร่งเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการในภูมิภาคต่างๆ ให้มากขึ้น ล่าสุดได้ฤกษ์เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น พร้อมให้บริการครบวงจรแก่ลูกค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 28พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป” สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น ตั้งอยู่เลขที่ 168/157 หมู่ที่ 4 ตำบลในเมืองอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นับเป็นอีกพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพมากที่สุดในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมีปริมาณผู้ใช้รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จำนวนมาก และยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจรวมถึงเส้นทางการท่องเที่ยวที่สำคัญและน่าสนใจ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมที่เป็น Unseen อันล้ำค่าหลายสถานที่ จึงเชื่อมั่นว่าโชว์รูม ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น ที่เปิดให้บริการซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่นนั้นจะเป็นอีกหนึ่งจุด Check in สุดฮิตให้เหล่าดูคาทิสต้าได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทาง รวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกับทางดูคาติอีกมากมาย ซึ่งเราวางแผนเอาไว้ว่าจะจัดกิจกรรม Sport Touring ให้ลูกค้าดูคาติอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแน่นอน ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ไมโครีเทล จำกัด มีคอนเซ็ปต์การตกแต่งด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ภายใต้พื้นที่โชว์รูมขนาด 400 ตารางเมตร สามารถจัดแสดงรถจักรยานยนต์ดูคาติได้ครบทุกรุ่น ในส่วนของศูนย์บริการนั้น เราได้มีการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์อันครบครัน และเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย มีทีมช่างเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญถึงสองท่าน ซึ่งได้ผ่านการอบรมมาตรฐานของดูคาติพร้อมให้คำปรึกษาและตรวจวิเคราะห์ปัญหารถได้อย่างแม่นยำด้วยโปรแกรมในการตรวจสอบ Ducati Diagnosis System 3.0 (DDS 3.0) เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานอิเล็กทรอนิกส์ของตัวรถ และอัพเกรดซอฟท์แวร์สำหรับใช้ขับขี่ในสนาม ซึ่งการซ่อมบำรุงเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์ดูคาติ โดยมีช่องซ่อมมาตรฐานสองช่องซ่อม และมีคลังอะไหล่มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเพื่อเป็นการฉลองเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น แห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย ดูคาติ ประเทศไทย ร่วมกับ ดูคาติ ประเทศไทย สาขาขอนแก่น ได้จัดให้มีแคมเปญพิเศษสุดๆในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 เพียงวันเดียวเท่านั้น! ด้วยการมอบส่วนลดมูลค่า 500 บาท สำหรับการนำรถเข้ามาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง* และมอบส่วนลดสูงสุด 60%* สำหรับ Ducati Apparel และพิเศษสุดๆ คือ ลูกค้าที่ออกรถใหม่ทุกคันยังได้รับทะเบียนเลขสวยมูลค่า 10,000 บาท* ไปด้วย นอกเหนือไปกว่านั้นรถใหม่ทุกคันยังได้รับWarranty นาน 3 ปี, Roadside Assistance นาน 3 ปี พร้อมฟรีจดทะเบียน และพรบ.  

 
Read More

โตโยต้า จับมือ ไอโออิ

โตโยต้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริการ  ด้วยประกันภัยรูปแบบคอนเน็คเต็ด “PHYD–Pay How You Drive” คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ มร.ฮิเดโอะ อิวาซาวะ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอโออิ กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวประกาศความสำเร็จ ประกันภัยรูปแบบใหม่ ภายใต้ประกันภัยชั้น 1 Toyota CARE  ขับดี ลดให้ “PHYD-Pay How You Drive”  กับจำนวนสมาชิกมากกว่า 120,000 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 24 เดือนแรกหลังจากการเปิดตัว หนึ่งในบริการหลักที่เติบโตสูงสุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้เทคโนโลยีคอนเนคเต็ด “Connected Technology”  พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริการ เพื่อมอบความพึงพอใจที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า ณ TOYOTA ALIVE บางนา กม.3 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงองค์กรจากเดิมที่เป็น  ”บริษัทผู้ผลิตรถยนต์” (Automakers) สู่การเป็น “องค์กรแห่งการขับเคลื่อน” (Mobility Company) เพื่อเดินหน้าพัฒนาการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของผู้คนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลา 60 ปี โตโยต้าดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “ลูกค้าคือหัวใจสำคัญของเรา” (Customer First) และมีความมุ่งมั่นเพื่อสร้าง “ความพึงพอใจของลูกค้า” (Customer Satisfaction) โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่าน Digital Platform ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการสร้างการบริการเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในทุกด้าน “Mobility as a Service” (MaaS) ให้กับลูกค้าผ่าน  Application T-Connect by TOYOTA เราจึงนำเทคโนโลยี Connected เข้ามาช่วยเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้า และนำเสนอเป็นบริการเพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยความปลอดภัยประหยัด และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา       ในการมอบประสบการณ์ และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ลูกค้าคือหัวใจสำคัญที่สุดของโตโยต้า เรามีความมุ่งมั่นในการที่จะนำเสนอบริการที่ดีในทุกๆด้าน จึงได้นำCustomer Centric มาปรับปรุงใช้ร่วมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราได้ใช้ Smart card เพื่อเก็บประวัติลูกค้า ในขณะที่ Online ยังไม่มี หลังจากนั้นได้พัฒนามาเป็น Toyota Smart   G-BOOK Application Telematics บน Smart phone เป็นครั้งแรกของเมืองไทย นอกจากนั้นเราทำระบบส่ง SMS ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นรายแรกๆ เพื่อติดตามบริการต่อลูกค้า และติดตั้งระบบ Telematics ในรถ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่โทรศัพท์มือถือมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561” “ปัจจุบัน เราได้ติดตั้งระบบ Telematics เพิ่มขึ้นในรถที่ผลิตออกขายกว่า 3 แสนคัน และคาดว่าจะครบ 1.6 ล้านคันภายในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งเราได้นำ Technology Telematics มาใช้ในบริการที่เรียกว่า Connected    มีทั้งหมด 8 บริการโดยแบ่งเป็น 2 ด้านหลัก คือ ประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่(New Buying Experience) และประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ (New Usage Experience) ทั้งนี้ เทคโนโลยี Connected คือการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ภายใต้แนวคิดของเราคือ การดูแลลูกค้าเฉพาะบุคคล การดูแลปัญหาของลูกค้าให้ดีขึ้น และการประสานกับพันธมิตร รวมถึงคู่ค้าให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน” ประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่ “New Buying Experience” ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ได้เปลี่ยนวิธีการซื้อรถจากรูปแบบเดิม ไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับ ลูกค้า ด้วยบริการรูปแบบใหม่ที่โตโยต้าได้คิดค้น และพัฒนาขึ้น อาทิ 1.Connected Auto Loan (CAL) การอนุมัติสินเชื่อรถยนต์รูปแบบใหม่ที่ช่วยให้อนุมัติง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น และไฟแนนซ์ (คู่ค้า) สามารถลดความเสี่ยงได้ 2.Pre-known credit มิติใหม่ในการซื้อรถ โดยลูกค้าสามารถรู้วงเงินสินเชื่อล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันสถาบันการเงินที่เข้าร่วม พร้อมรับสิทธิพิเศษด้านการเงิน อนุมัติก่อน รับรถก่อน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันใจ เอกสิทธ์พิเศษเพื่อลูกค้าโตโยต้าเท่านั้น 3.KINTO บริการออนไลน์รูปแบบใหม่สำหรับลูกค้าบุคคลทั่วไปในการเช่ารถระยะยาว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกรูปแบบใหม่ สะดวกสบายไม่ต้องใช้เงินดาวน์ ประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ “New Usage Experience” เทคโนโลยีเชื่อมต่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคต เพิ่มความอุ่นใจ และมั่นใจด้วยบริการสุด Exclusive ผ่านT-Connect Application บนมือถือที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง รองรับทุกไลฟ์สไตล์ ตอบสนองการบริการที่หลากหลาย อาทิTheftTrack บริการประสานงานติดตามรถหาย / SOS บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง / ประกันภัย PHYD : Pay…

 
Read More

NEW Nissan Almera ราคาใหม่ 1 สิงหา นี้

นิสสัน ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าทุกท่านเพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยเสมอมา สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า คือหนึ่งในรถยนต์ที่ผลิตใน นิสสัน ประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อัลเมร่าไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง 360° SAFETY SHIELD รอบคันทำให้ครองใจกลุ่มครอบครัวและคนรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ นิสสัน อัลเมร่าเป็นรถยนต์อันดับต้น ๆ ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคเมื่อเลือกซื้อรถยนต์ ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งด้านสมรรถนะและความคุ้มค่า นิสสัน ประเทศไทย รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความสนับสนุนจากลูกค้าทุกท่านที่มีให้กับนิสสัน 
อัลเมร่าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในปัจจุบัน อาทิ ภาวะเงินเฟ้อและราคาวัตถุดิบทั่วโลก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นขณะนี้ นิสสันมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคานิสสัน อัลเมร่าขึ้น ในทุกรุ่นย่อย โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 รายละเอียดการปรับเปลี่ยนราคาในแต่ละรุ่นย่อยมีดังนี้ รุ่น ราคาจำหน่ายเดิม(บาท)   ราคาจำหน่ายใหม่(บาท) Nissan Almera 1.0L Turbo E 509,000 515,000   Nissan Almera 1.0L Turbo EL 559,000 565,000   Nissan Almera 1.0L Turbo V 619,000 625,000   Nissan Almera 1.0L Turbo VL 649,000 655,000   Nissan Almera 1.0L Turbo VL SPORTECH 669,000 675,000           นิสสัน ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ นิสสัน อัลเมร่า ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว มอบความสะดวกสบายและกว้างขวางและยังสร้างความประทับใจด้วย เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ลูกค้าทุกคนสามารถภาคภูมิใจและมั่นใจได้ในทุกการขับขี่ สำหรับผู้สนใจสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมของผู้จำหน่ายนิสสัน ทั่วประเทศ หรือผ่านเว็บไซต์ นิสสันประเทศไทย https://www.nissan.co.th/  

 
Read More

การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

โตโยต้าได้มีการพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดย คุณสมคิดประดิษฐ์กำจรชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์   ประเทศไทย จำกัดพร้อมด้วย คุณสมชาย จักร์กรีนทร์ ผู้อำนวยการสถาบันไทย – เยอรมัน  (Thai-German Institute) และ ดร.อภิชาติ ทองอยู่ ประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Human Development Center) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดสถาบันไทย – เยอรมัน มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำ 10 แห่ง ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในการดำเนินโครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยี  ยานยนต์  การผลิต และการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโตโยต้า ตลอดจนร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาหลักสูตรองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นอื่นๆ แก่บุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมให้ตรงกับความต้องการของ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม อาคารพนาเวศ โรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย” เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สถาบันไทย – เยอรมัน พร้อมด้วย มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำ 10 แห่ง ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และถือเป็นการดำเนินงานภายใต้นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ ทางโตโยต้ามุ่งหวังที่จะนำเอาองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยียานยนต์ การผลิต และการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มาถ่ายทอดให้แก่บรรดา นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรต่างๆ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และเตรียมความพร้อมให้มีศักยภาพตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลและศึกษาความเป็นไปได้ในการต่อยอดพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรเพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นอื่นๆ จากประสบการณ์ตรงของบุคลากรภายในบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด ให้แก่บรรดาบุคลากรเหล่านี้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย สำหรับ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีความจำเป็นในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อให้พร้อมรองรับต่อความต้องการแรงงาน ได้แก่ 1)         อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2)         อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3)         อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4)         อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5)         อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 6)         อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม 7)         อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 8)         อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 9)         อุตสาหกรรมดิจิทัล 10)   อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 11)   อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 12)   อุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานที่ทางโตโยต้าได้จัดเตรียมไว้สำหรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บรรดาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประกอบไปด้วย 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการส่งอาจารย์เพื่อถ่ายทอดความรู้สู่สถาบันการศึกษา ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด และ สถาบันไทย-เยอรมัน ในการจัดสรรคณะผู้เชี่ยวชาญและผู้ฝึกสอน ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บรรดา นักเรียน นักศึกษา ในระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ภายใต้ 2 หัวข้อหลัก อันได้แก่ 1.1) โรงงานอัจฉริยะ หรือ “Smart Factory” เป็นการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมที่นำเอาเทคโนโลยีเครื่องจักรต่างๆปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ IoT (Internet of Things) เข้ามาบริหารจัดการภายในโรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวกสร้างการทำงานที่เป็นระบบแบบอัตโนมัติ (Automation) ยกระดับคุณภาพของชิ้นงาน แต่ใช้กำลังคนที่น้อยลง 1.2) การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หรือ “Productivity Improvement” เป็นการนำวิถี “การผลิตแบบโตโยต้า” มาใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตที่ได้รับการยอมรับและถูกนำไปประยุกต์ใช้ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการผลิตที่ครบทั้งมาตรฐาน และคุณภาพตลอดทั้งกระบวนการ ประกอบไปด้วย 6 หัวข้อหลัก ได้แก่ ความปลอดภัย, สิ่งแวดล้อม, คุณภาพ, ผลผลิต, ต้นทุน และการพัฒนาบุคลากร สถาบันการศึกษา 7 แห่ง ที่เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวกับทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แก่ 1)    มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 2)    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา 3)    มหาวิทยาลัยบูรพา 4)    มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 5)    มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี 6)    วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง 7)    วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม 2.โครงการพัฒนาผู้ประกอบการภายใต้อุตสาหกรรมยานยนต์ หลักสูตรการบำรุงรักษายานยนต์สมัยใหม่ ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สถาบันไทย-เยอรมัน  และสถาบันการศึกษา 3 แห่งในเขตพื้นที่ EEC อันได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง) วิทยาลัยเทคนิคบางแสน และ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ในการพัฒนา “หลักสูตรการบำรุงรักษายานยนต์สมัยใหม่” ให้กับผู้ประกอบการภายใต้อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่กลุ่มแรงงานช่างเทคนิคเพื่อให้มีความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เสริมสร้างความรู้และทักษะในการตรวจสอบ และการซ่อมบำรุงพื้นฐานให้กับยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานผสม (Hybrid Vehicle), ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle) และเทคโนโลยีการจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System) เป็นต้น สำหรับความร่วมมือในการดำเนินโครงการ “การพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย”  ในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายเพื่อจะช่วยพัฒนาบุคลากรด้วยหลักสูตรระยะสั้น ที่ต้องการยกระดับทักษะของบุคลากร หรือนักศึกษาที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยร่วมกันออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานของบริษัทฯด้านการมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของประเทศไทย ภายหลังจากการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทฯ ในโอกาสการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ60 ปี ที่ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนความสุขสู่ผู้คนและส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนของสังคมภายใต้“เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” และมุ่งหวังว่าการมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการในครั้งนี้ โดยมีส่วนช่วยสร้างเสริมทักษะและศักยภาพที่สำคัญที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับแผนงานและความต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันอุตสาหกรรมของประเทศไทยต่อไปในอนาคต  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed