ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่!

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำความเป็น 1 ของรถจักรยานยนต์ครอบครัวยุคใหม่ระดับพรีเมียมด้วยการส่ง “ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่” กล้าที่จะไป…กล้าที่เป็น #กล้าที่จะฟินน์…บ่งบอกความเป็นตัวตนกับยามาฮ่าฟินน์รถครอบครัวระดับพรีเมียม สีสันกราฟิกใหม่ สวยล้ำสไตล์โมเดิร์น ด้วยสีสันที่มากถึง 8 สีใหม่สุดพรีเมียมพร้อมเครื่องยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ 115 ซีซี ฟินน์จัดประหยัดจริง ประหยัดน้ำมันสูงสุด 96.16 กม./ลิตร* แรงดี ทนทานไม่จุกจิก และมีสมองกลอัจฉริยะ ECU ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันทำให้ประหยัดมากขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และครั้งแรกของโลก! รับประกันนานถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับ ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ ยังคงให้ความสะดวกสบาย ทั้งสวย ทนทาน ไม่จุกจิก และสุดประหยัดด้วยเครื่องยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ 115 ซีซี ประหยัดน้ำมันสูงสุด 96.16 กม./ลิตร* แรงดี ทนทาน พร้อมสมองกลอัจฉริยะ ECU ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันทำให้ประหยัดมากขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และคุ้มค่าด้วยระบบสตาร์ทมือทุกรุ่น! เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น *ทดสอบโดยสื่อมวลชนสายจักรยานยนต์ ขับขี่ ยามาฮ่า ฟินน์ เครื่องยนต์ 115 ซีซี วิ่งในสภาวะการจราจรปกติ ด้วยความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 60 กม./ชม. บนเส้นทางจากศูนย์การค้าเซียร์รังสิต ไปที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.อยุธยา รวมระยะทางการขับขี่58 กม. ใช้น้ำมันเพียง 599 ซีซี ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ โดดเด่นทันสมัยด้วย ไฟหน้าสุดโมเดิร์นที่มาพร้อมหลอดแบบฮาโลเจนสว่างชัด ดีไซน์โฉบเฉี่ยวกลมกลืนกับแฟริ่ง และไฟท้ายสวยหรูสะดุดตา ดีไซน์เข้ากับบอดี้ช่วงท้าย สว่างจัด ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมแผงหน้าปัดดีไซน์หรู สีสันกราฟิกทันสมัย มองเห็นชัดเจน สบายตา แสดงครบทุกฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ เพรียบพร้อมด้วยฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น ช่องใส่ของด้านหน้าอเนกประสงค์ สะดวกสบายในการใช้งาน จะใส่ขวดน้ำหรืออะไรก็สะดวกสุดๆ พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 9.7 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบได้สบายสุดๆ และกุญแจแบบ Multi-function ควบคุมการใช้งานในจุดเดียว จะล็อก สตาร์ท หรือเปิดเบาะ ก็สะดวกสบาย ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ เพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยด้วย ระบบเบรก UNIFIED BRAKE SYSTEM (UBS) เมื่อใช้งานเบรกเท้า กลไกจะกระจายแรงเบรกไปทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้การหยุดรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เฉพาะรุ่น UBS ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยกัน 4 รุ่น หลากสีสัน คือ รุ่น UBS สีเทา และ สีน้ำเงิน ราคาแนะนำที่ 47,900 บาท รุ่นล้อแม็ก / สตาร์ทมือ สีแดง, สีดำ, สีขาว ราคาแนะนำที่ 46,400 บาท รุ่นล้อซี่ลวด / สตาร์ทมือ สีแดง และ สีฟ้า ราคาแนะนำที่ 44,400 บาท และรุ่นล้อซี่ลวด / สตาร์ทมือ ดรัมเบรกสีดำ ราคาแนะนำที่ 40,700 บาท โดยสามารถสัมผัสกับ ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ ได้แล้ววันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website : www.yamaha-motor.co.th Facebook : Yamaha Society Thailand Instagram : @Yamaha Society Thailand Youtube : Yamaha Society Thailand  

 
Read More

นิสสัน ปลื้มยอดจอง นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่

นิสสัน ประเทศไทย สร้างกระแสอย่างต่อเนื่องให้กับ  นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ หลังจากเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยมียอดจองมากกว่า 1,000 คัน ภายใน 10 วันนับจากวันเปิดตัว ประกาศเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “รู้สึกปลื้มใจ ที่ลูกค้าชาวไทยให้ความสนใจ และให้ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเรา โดย นิสสัน ยังคงมุ่งมั่นกับการทำตลาดรถยนต์รุ่นต่างๆ ในประเทศไทย และจากการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในระดับโลกของนิสสัน ซึ่งเห็นได้จากกระแสตอบรับ นิสสันคิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ที่ผ่านมา ทั้งนี้นิสสันต้องขอบคุณลูกค้าทุกๆ ท่าน ในความไว้วางใจดังกล่าว” สำหรับนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ รถคอมแพคเอสยูวีรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมสมรรถนะที่มากขึ้น กับเทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น 2 พร้อมระบบอี-เพดดัล สเต็ป (e-Pedal Step) ที่ทำให้การขับขี่ง่าย และราบรื่นมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคันของ Nissan’s 360° SAFETY SHIELD แบบครบครัน พร้อมครั้งแรกในแรกในประเทศไทยของรุ่น AUTECH ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีความพิเศษ เพิ่มความสปอร์ต และพรีเมี่ยม ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทั้งภายนอก และภายใน นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รุ่นล่าสุด ผลิตจากฐานการผลิตของนิสสันในประเทศไทย และส่งออกสู่ประเทศญี่ปุ่นรวมถึงประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ นิสสันยังได้เริ่มการประกอบแบตเตอรี่กำลังสูงสำหรับเครื่องยนต์         อี-พาวเวอร์ ที่โรงงานนิสสันในจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของการผลิตและความพร้อมด้านทักษะฝีมือแรงงานในระดับโลกจากฐานการผลิตของ นิสสัน ประเทศไทย ได้เป็นอย่างดี นิสสันเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอตอร์ไฟฟ้า100% ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยราคาเริ่มต้นที่ 759,000 บาท ในรุ่นปกติ และราคาสูงสุดที่ 949,000 บาท สำหรับรุ่น AUTECH สำหรับผู้สนใจสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมของผู้จำหน่ายนิสสัน ทั่วประเทศ หรือผ่านเว็บไซต์ นิสสัน ประเทศไทย https://www.nissan.co.th/  

 
Read More

`วอลโว่ ขึ้นบัลลังก์อันดับ 3 รถหรู ในเมืองไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

-จุดเด่น ยอดขาย วอลโว่ เติบโตขึ้นถึง 94% -วอลโว่ ในปีที่ผ่านมาจำหน่ายไปร่วม 2 พันคัน มีสัดส่วนรถ EV ถึง 30% -XC40 นับเป็นรถธงรุ่นเดียวของ วอลโว่ ที่มีทั้งรุ่นไฮบริด และรุ่น EV ที่ใช้ไฟฟ้า 100% -XC40 ของ วอลโว่ เป็นรถ EV ที่ขายดีอันดับ 1 จนต้องปิดรับการจอง -C40 นับเป็นรถ EV ตัวใหม่ของ วอลโว่ ประจำปี 2565 -ขณะนี้ EV ทุกรุ่นของ วอลโว่ ต้องจองไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือได้รถอย่างต่ำต้นปีหน้า -รถไฮบริดของ วอลโว่ นำเข้าจากโรงงานในมาเลเซีย และรถ EV นำเข้าจากโรงงานในจีน แต่รถทั้งสองประเภท มียอดจองมากกว่ายอดนำเข้า -ตลาดรวมรถ EV วอลโว่ มียอดจำหน่ายเป็นอันดับ 2 ของประเทศขณะนี้ -ภายในปี 2030 หรืออีก 7 ปีครึ่ง วอลโว่ จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% เพราะแนวโน้มในปีที่ผ่านมา วอลโว่ จำหน่ายรถ EV ถึง 40% และในปี 2565 จะมียอดจำหน่าย EV ราว 45-50%  -ประเด็นน่าสนใจ เพราะ XC40 ในรุ่นไฮบริดราคาจำหน่ายประมาณ 2.3 ล้านบาท ขณะที่ XC40 แบบ EV ราคาอยู่ที่ ประมาณ 2.6 ล้านบาท ด้วยสภาวะน้ำมันแพง จึงทำให้ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถ EV มีน้ำหนักมากขึ้น -รถ EV ของ วอลโว่ ได้รับการจองทาง on line คิดเป็น 100% แต่ยังคงไปดูรถตัวจริง ทดลองขับ ที่โชว์รูมของ ดีลเลอร์ วอลโว่ -ถึงแม้จะยังไม่มี วอลโว่ ลิซซิ่ง แต่ วอลโว่ ยืนยัน การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับ กรุงศรี และธนชาติ ลูกค้ามีความแฮปปี้เป็นอย่างมาก -ปัจจุบันการจำหน่ายรถยนต์ วอลโว่…

 
Read More

ฮอนด้า ส่งต่ออนาคตที่คุณมั่นใจ

ฮอนด้าได้พัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งในด้านสมรรถนะและการประหยัดพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับเทคโนโลยีไฮบริดซึ่งนับเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในปัจจุบันและเป็นเทคโนโลยีที่จะเชื่อมต่อไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคต ซึ่งระบบขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ของฮอนด้าสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยมลพิษที่ต่ำ รวมทั้งความมั่นใจและความสะดวกสบายที่ได้รับจากการบริการหลังการขายจากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรทั้ง 228 แห่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมการบริการจากทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ฮอนด้าจึงสร้างสรรค์และภูมิใจที่จะส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ผ่านซีรีส์ภาพยนตร์โฆษณา 5 เรื่อง ภายใต้แนวคิด“ฮอนด้า…เพื่ออนาคตที่คุณมั่นใจ” ที่คนไทยทั่วประเทศทั้ง 5 ภูมิภาค มั่นใจต่อการให้บริการหลังการขายจากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจร ด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งมอบการบริการที่มีคุณภาพ และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ซึ่งลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV รุ่น ฮอนด้า ซิตี้ 
อี:เอชอีวี  ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี  ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่  ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี และล่าสุด ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะได้รับความสะดวกสบายและอุ่นใจ ทุกที่ทุกเวลา มั่นใจกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV แรงทรงพลัง และประหยัดน้ำมัน ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายปี พ.ศ. 2593 ของฮอนด้าทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งไปสู่สังคมปลอดมลพิษ โดยติดตั้ง
อยู่ในยนตรกรรมหลากหลายรุ่น อาทิ ฮอนด้า เอชอาร์–วี อี:เอชอีวี ใหม่ และฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING  ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยป้องกันและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่สะท้อนความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยเพื่อสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุ สำหรับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นการผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออน ที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัดสามารถเก็บประจุไฟและช่วยชาร์จไฟโดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มอบการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ตอบสนองทันใจ 
ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่เพื่อให้เหมาะสมที่สุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และ โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)  มั่นใจกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง นอกจากนี้ ยังมั่นใจได้ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร 
ที่สำคัญคือ มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาใกล้เคียงกับรถที่ใช้น้ำมัน มั่นใจและอุ่นใจด้วยศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญ มั่นใจมากยิ่งขึ้นเพราะสามารถเข้ารับบริการได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรทั้ง228 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ให้บริการด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV พร้อมทั้งบริการพิเศษที่มอบความสะดวกสบายและอุ่นใจ ตอบโจทย์
ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งการนัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่านทาง  “Online Service Booking”  บริการเช็กระยะแบบฝากกุญแจ “Honda Drop & Go” บริการเช็กระยะแบบเร่งด่วนตามระยะทาง “Honda Quick Service” รวมทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่24 ชั่วโมง ฯลฯ และนี่คือ “ความมั่นใจ” ที่ผู้บริโภคมีต่อ “ฮอนด้า” ซึ่งสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การดำเนินชีวิต ผ่านระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งบริการหลังการขายและเครือข่ายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมให้บริการด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ตอกย้ำความสำเร็จของฮอนด้าในฐานะผู้นำรถยนต์อันดับหนึ่งในหลายเซกเมนต์เป็นเวลายาวนาน  

 
Read More

“เบนซ์ไพรม์มัส” เดินหน้าส่งมอบ Ultra Luxury SUV

“เบนซ์ไพรม์มัส” สร้างมาตรฐานบริการใหม่ เสริมภาพลักษณ์ซับแบรนด์สุดหรู Mercedes-Maybach มุ่งขยายฐานรับลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ เดินหน้าส่งมอบ Ultra Luxury SUV คันแรกในไทย ให้แก่  “ดิว-วีรวัฒน์ วลัยเสถียร” เจ้าของธุรกิจปลาสวยงาม คุณวีรวัฒน์ วลัยเสถียร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เฉียน หวู่ จำกัด ให้เกียรติรับมอบ Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium รถยนต์ Ultra Luxury SUV สีทูโทน คันแรก ที่จำหน่ายจากโชว์รูมและศูนย์บริการ “เบนซ์ไพรม์มัส” โดยมี “ณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ” ประธาน, “จิระพล รุจิวิพัฒน์” กรรมการผู้จัดการ และ “ศราวิช ไชยมังกร” ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด ให้การต้อนรับและส่งมอบรถยนต์รุ่นดังกล่าว พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ณ โชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ Mercedes-Maybach บนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-EQ และ Mercedes-Maybach อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทแม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)” ได้มีนโยบายจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Maybach ซับแบรนด์ระดับUltra Luxury ของแบรนด์ Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยนำเข้าและเปิดตัวรถยนต์ SUV ระดับหรูขนาดใหญ่ รุ่นใหม่ล่าสุด Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium ซี่งถือเป็นรถยนต์ Flagship ในการสร้างภาพลักษณ์ที่สำคัญของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)”  นอกจากนี้ ยังเป็นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายระดับ Ultra Luxury และเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดจำหน่ายและการดำเนินธุรกิจของ “เบนซ์ไพรม์มัส” ที่ได้รับสิทธิ์เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์Mercedes-Maybach อย่างเป็นทางการในประเทศไทย   ล่าสุด “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ดำเนินการส่งมอบรถยนต์ Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium สีทูโทน คันแรก จากโชว์รูมและศูนย์บริการ Mercedes-Maybach ของเรา ให้แก่ลูกค้าคนพิเศษ “ดิว-วีรวัฒน์ วลัยเสถียร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เฉียน หวู่ จำกัด นักธุรกิจระดับชั้นแนวหน้าด้านการนำเข้าและส่งออกปลาสวยงาม ดิว-วีรวัฒน์ วลัยเสถียร กล่าวว่า ผมชื่นชอบและสนใจรถยนต์ Mercedes-Maybach มากว่า 10 ปี ด้วยความที่เป็น   แบรนด์ระดับลักชัวรี่ที่มีประวัติยาวนาน มีเทคโนโลยีทันสมัย และที่ชื่นชอบมากเป็นพิเศษ คือ เป็นงานHandmade ทั้งงานไม้และงานหนัง ให้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร เมื่อ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)” ได้นำแบรนด์ Maybach เข้ามาขายในไทย และแต่งตั้ง “เบนซ์ไพรม์มัส” เป็นดีลเลอร์ ผมจึงรู้สึกมั่นใจ เพราะ “เบนซ์ไพรม์มัส” เป็นดีลเลอร์ที่มีมาตรฐานการบริการสูง ดูแลเอาใจใส่ทุกคนเป็นคนพิเศษ มีรถให้เลือกและทดลองขับมาก ที่สำคัญ มีบริการครบวงจรและมีประสิทธิภาพ ผมจึงตัดสินใจเลือกซื้อรถรุ่นนี้กับที่นี่ ส่วน Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium คันนี้ เป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ทั้งความหรูหรา สะดวกสบาย และบ่งบอกตัวตนของผมได้อย่างชัดเจน จากสีและลายไม้ ที่ผมสามารถเลือก Mix & Match ได้ตามต้องการ ทำให้เป็นรถที่ผมชอบและถูกใจมาก” ดิว-วีรวัฒน์กล่าว คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับ Mercedes-Maybach นับเป็นอัครยานยนต์ระดับ Ultra Luxury ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีและความหรูหราที่ผสานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะที่ได้รับสิทธิ์การเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Maybach เราจึงให้ความสำคัญและยกระดับการบริการ ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างและเหนือระดับในการเลือกชมและเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Maybach อย่างแท้จริง พร้อมมอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรพิเศษ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลายรูปแบบและครบถ้วน” นอกจากนี้ เราได้คัดสรรบุคลากรด้านการขายและบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ ประสบการณ์ความชำนาญ และผ่านมาตรฐานการรับรองจาก MBTh เพื่อจัดตั้งเป็นทีมงานพิเศษ สำหรับดูแลการบริการที่ครอบคลุมทุกมิติ ให้แก่ลูกค้าคนสำคัญของ Mercedes-Maybach ทุกท่าน รถยนต์  Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium เป็นรถยนต์ SUV ระดับหรู ที่ได้รับการประกอบขึ้นอย่างประณีตภายใต้ Concept One-Man One-engine อันเป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดพละกำลัง ด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 Bi-Turbo ขนาด 3,982 ซี.ซี.พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้สามารถถ่ายทอดกำลังได้สูงถึง 557 แรงม้าและแรงบิด 730 นิวตันเมตร  พุ่งทยานด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.9 วินาที พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างครบครัน มีให้เลือกทั้งสี Single Tone หรือสี Two Tone ในราคาจำหน่าย 18,500,000 ล้านบาท ผู้สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ Mercedes-Maybach สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ “เบนซ์ไพรม์มัส” โทร.  02 095 5555, www.benzprimus.com , FB : Benz Primus และ LINE @benzprimus   

 
Read More

VOLT รถไฟฟ้าตัวใหม่จากจีนเตรียมเข้าไทย

บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถ SUV มัลติแบรนด์แห่งแรกของไทย และเป็นผู้จัดจำหน่าย  แบรนด์ DSFK หรือ DONGFENG ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน แต่ผู้เดียวในประเทศไทย ได้ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะเปิดตัวรถไฟฟ้าภายในปีนี้ ล่าสุดคณะผู้บริหารเตรียมพร้อมเปิดตัว Volt City EV โอกาสนี้ ใคร่ขอรบกวนพิจารณานำเสนอข้อมูลเผยแพร่ตามความเหมาะสม จักเป็นพระคุณยิ่ง คุณพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ อีวี ไพรมัส “ประกาศลุยเต็มสูบเมื่อต้นปี ซุ่มนำเข้ารถอีวีซิตี้คาร์ โวลต์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองมาเปิดตลาด ในราคาไม่เกิน 4 แสน โดยปล่อยรูปและสเปคคร่าวๆ ผ่านเฟซบุ้ค Volt City EV สร้างกระแสก่อนประกาศราคา สเปคแน่น ๆ พร้อมโปรโมชั่นอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้”  

 
Read More

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมมือ OR

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จับมือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มระบบโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า ระหว่าง OR และ GWM เพื่อร่วมศึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงระบบโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Roaming) ในสถานีชาร์จ EV Station PluZ พิธีลงนามดังกล่าว จัดขึ้น ณ GWM Experience Center ไอคอน สยาม โดยมี นายไมเคิล ฉง รองประธานเกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และ นายวิศน สุนทราจารย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร และความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมให้เกียรติลงนามร่วมกัน คุณไมเคิล ฉง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของเกรท วอลล์ มอเตอร์ เรายังคงยึดมั่นในกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ได้แก่ การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า การรับฟังเสียงของผู้บริโภค และการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าของเรา เราจึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมโดยให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้บริโภค ทำให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเราก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญของเกรท วอลล์ มอเตอร์ คือการพัฒนาและสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงมีแผนขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ได้ 55 แห่ง ภายในปี 2022 นี้ ภายใต้ชื่อแพลตฟอร์ม G-Charge โดยจะแบ่งเป็นภายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัด 30% ซึ่งสถานีชาร์จทั้งหมดของบริษัทจะติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC Fast Charge กำลังสูง เริ่มต้นที่ 120 kW และมีรูปแบบหัวชาร์จแบบ CCS2 อีกทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรด้วย GWM Application  พร้อมฟังก์ชั่นการค้นหาสถานี นำทาง การจอง และชำระเงิน ใน App เดียว โดย G-Charge และ GWM Application จะเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจรและทันสมัยมากที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งในประเทศไทยเราได้มีการรวบรวมสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีอยู่ในประเทศมากกว่า 500 แห่ง มาอยู่ในแผนที่การชาร์จใน GWM app ครอบคลุมสถานีชาร์จสาธารณะของไทยมากกว่า 55% และตั้งเป้ารวบรวมสถานีชาร์จให้ครอบคลุม 80% ภายในปีนี้ ความร่วมมือในการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มระบบโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า  ระหว่าง GWM และ OR ในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของแผนพัฒนาเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พัฒนาแพลตฟอร์มในอีกหลายๆมิติร่วมกับ OR เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้า และที่สำคัญที่สุด เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นรูปธรรม” คุณวิศน สุนทราจารย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร และความยั่งยืน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวว่า “จากแนวโน้มการเติบโตของรถไฟฟ้าในประเทศไทยที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง OR พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถไฟฟ้า (EV) ในทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้สอดคล้องวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่สนใจรถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ความร่วมมือกับ GWM ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถไฟฟ้าของ GWM ที่เข้ามาใช้งานในสถานีชาร์จ EV Station PluZ ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชั่น EV Station PluZ ของ OR หรือ GWM Application ด้วยการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มบริหารจัดการระบบของทั้ง OR และ GWM เข้าด้วยกัน เพื่อค้นหาสถานีชาร์จ EV Station PluZ จองเข้าใช้บริการ ชำระเงินออนไลน์ และตรวจสอบประวัติการใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าของทั้ง GWM และ OR ให้ได้รับบริการที่เป็นเลิศ สำหรับการใช้งานข้ามเครือข่าย (Roaming) ที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ (Seamless) ผ่านเครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ทั้งในและนอกสถานีบริการ PTT Station ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายให้ครบ 450 แห่งภายในปี2565 และ  7,000 แห่งภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นไปตามพันธกิจของ OR ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสานเพื่อการเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อเพื่อตอบโจทย์คนเดินทางทุกรูปแบบ (Seamless Mobility) เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) อย่างครบวงจรต่อไปในอนาคต”  เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company) จะยังคงมุ่งมั่นรับฟังเสียงผู้บริโภค เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมตอบโจทย์ทุกความต้องการ และเคียงข้างเติบโตไปด้วยกันกับลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน  

 
Read More

ISUZU NLR 130

อีซูซุตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง อีซูซุ คิงออฟทรัคส์ เปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง 4 ล้อ และ6 ล้อ ตระกูลเอลฟ์รุ่นใหม่! ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ The Only One ELF” พร้อมเสริมไลน์อัพใหม่! ISUZU NLR 130 แรงม้า แบบเกียร์กึ่งอัตโนมัติ ISUZU Smoother ขับง่าย ขับสบาย ไม่ต้องเหยียบคลัตช์สยบทุกความยุ่งยากขณะขนส่งของในเมือง ราคาเริ่มต้นเพียง 1,090,000 บาท กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “จากความผันผวนของปัจจัยทางเศรษฐกิจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อีซูซุในฐานะเจ้าตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตระหนักถึงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านการขนส่งแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน ภาพลักษณ์ และความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ จึงได้เปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง รุ่นไมเนอร์เชนจ์ “ใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF)” ด้วยการปรับรูปลักษณ์ภายนอกจรดภายใน ทั้งยังเสริมอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้นตามแบบฉบับสุดยอดรถบรรทุกยุคใหม่ นอกจากนี้ อีซูซุยังได้เสริมไลน์อัพใหม่! “ISUZU NLR 130 แรงม้า เกียร์กึ่งอัตโนมัติ ISUZU Smoother”ขับง่าย ขับสบาย ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ ตอบโจทย์การใช้งานด้านขนส่งท่ามกลางสภาวะการจราจรที่ติดขัดในเมืองได้อย่างลงตัว พร้อมคุณสมบัติประหยัดน้ำมันสูงสุดด้วยเครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลในทุกเจเนอเรชั่นตามวิถีของผู้นำตลาดรถบรรทุกตัวจริง” รถบรรทุกขนาดกลางรุ่นใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF) เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ทุกความสำเร็จของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วย ·   ใหม่! ชุดไฟหน้าและไฟตัดหมอก ISUZU LED TECH พร้อมไฟหรี่รูปตัว L เท่       สะดุดตา พร้อมเพิ่มความสว่างในทุกเส้นทาง (ยกเว้นรุ่น NLR Lite) ·      ใหม่! กระจังหน้าสีเงิน MATTE SILVER เสริมความเท่ เต็มพิกัด ·      ใหม่! ไฟในห้องโดยสารขนาดใหญ่แบบ LED เพิ่มความสว่าง ตอบโจทย์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ·      ใหม่! USB Charger สะดวกสบายยิ่งกว่า ·      เครื่องยนต์อีซูซุซูเปอร์คอมมอนเรล แรงบิดแบบ Flat Torque แรงเต็มสมรรถนะและประหยัดน้ำมันตอบสนองทุกการใช้งาน ได้แก่ –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4JH1E3N ขนาด 2,999 cc ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ในรุ่น NLR Lite –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4JJ1E3N ขนาด 2,999 cc ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ในรุ่น NLR130, NLR Smoother, NMR130 และ NMR MIXER –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4HK1-TCN ขนาด 5,193 cc ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 404 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,600 รอบ/นาที ในรุ่น NPR150 และ NPR Smoother  –              เครื่องยนต์ซูเปอร์คอมมอนเรลรุ่น 4HK1-TCC ขนาด 5,193 cc ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,000 รอบ/นาที ในรุ่น NQR175 ·    ระบบเกียร์พิเศษ ออกแบบให้อัตราทดเกียร์เหมาะสมกับงานบรรทุกหนัก แข็งแกร่ง ทนทาน ให้กำลังฉุดลากสูงส่งถ่ายกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เสื้อเกียร์อะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ช่วยระบายความร้อนได้ดี (รายละเอียดตามแต่ละรุ่นรถ) ·      เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยเหล็กกันโคลงหน้า (Stabilizer) พร้อมโช้คอัพกันสะบัด ลดการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย ช่วยยึดเกาะถนน ในรุ่น NLR130, NLR Smoother และ NMR MIXER ·      พร้อมความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยกระจกไฟฟ้าและเซ็นทรัลล็อก ·      ล้ออะลูมิเนียมอัลลอย ขนาด 6.00J ขอบ 15  พร้อมยางเรเดียลแบบไม่มียางใน       ในรุ่น NLR Lite, NLR130, และ NLR Smoother ใหม่! ISUZU ELF เป็นหนึ่งทุกความสำเร็จ (The Only One ELF) พร้อมจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com, Facebook…

 
Read More

ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ สนามที่ 3

“ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2022” บันไดขั้นสำคัญของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ซึ่งรวบรวมนักแข่งเยาวชนของไทยเพื่อทำการฝึกฝนและพัฒนาร่วมไปกับการแข่งขันด้วยตัวแข่งเรซแมชชีนแท้ๆ จาก HRC อย่าง Honda NSF250R รวมถึงการเสริมประสบการณ์ในการแข่งขันให้กับนักแข่งไทยด้วยการเปิดโอกาสให้นักแข่งชาติอื่นๆ ในเอเชียเข้าร่วมด้วย เดินทางมาถึงสนามที่ 3 ซึ่งมีโปรแกมแข่งอยู่ในรายการ OR BRIC SUPER BIKE 2022 สนามที่ 2 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ การแข่งขันเข้มข้นตลอดระยะทาง 15 รอบสนามและมีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำอยุู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะได้ผู้ชนะและอันดับบนโพเดียมนั้นต้องต่อสู้กันจนถึงโค้งสุดท้ายอีกครั้ง ซึ่งเรซวินเนอร์ตกเป็นของ “ข้าวกล้อง”จักรีภัทร พฤฒิสาร กับ Honda NSF250R หมายเลข 20 อันดับที่ 2 เป็นของ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมาลเลข 11 และอันดับที่ 3 เป็น “จิมมี่”บูรพา วันมูล หมายเลข 12 เรซที่ 2 แข่งขันกันต่อเนื่องในเช้าวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2565 ซึ่งตอนเช้านั้นมีสายฝนลงมาและพื้นสนามที่เปียก ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนมาใช้ยางฝนและรอบการแข่งขันปรับลงมาเหลือ 12 รอบ เมื่อสนามเริ่มแห้งขึ้นได้กลับมาสู่เซ็ตอัพของสนามแห้งและยางสลิคพร้อมกับรอบการแข่งขันที่ลดลงมาเหลือ 10 รอบเท่านั้น เริ่มต้นเกมส์ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิวกับ Honda NSF250R หมายเลข 11 ทะยอยออกมานำได้ทันที แต่เรซนี้นักแข่งไทยไม่ว่าจะเป็น ธนัช ละอองปลิว, บูรพา วันมูล, จักรีภัทร พฤฒิสาร หรือ กรดนัย เกิดแก้ว ต้องต่อสู้อย่างดุเดือดกับนักบิดญี่ปุ่นและอินโดนิเซีย ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอยู่ตลอดเวลาจนถึงการแข่งขันรอบสุดท้าย ผลการแข่งขัน“ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2022” สนามที่ 3 เรซที่ 2 ชัยชนะตกเป็นของ “มิกซ์”ธนัช ละอองปลิวกับ Honda NSF250R หมายเลข 11 อันดับที่ 2 “ข้าวกล้อง”จักรีภัทร…

 
Read More

50 ปี ซีวิค แล้วสินะ!

ฮอนด้าฉลองครบรอบ 50 ปี “ฮอนด้า ซีวิค” ไอคอนยนตรกรรมซีดานที่มาพร้อม DNA ความสปอร์ต และครองใจลูกค้าทั่วโลกอย่างยาวนาน ฮอนด้า ฉลองครบรอบ 50 ปี “ฮอนด้า ซีวิค” ยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานที่สุดของฮอนด้า ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) โดยเริ่มต้นในการสร้างให้เป็น “รถ Entry Car ระดับโลก” ด้วยความตั้งใจของทีมวิศวกรฮอนด้าให้เป็นรถที่ผู้คนต้องการอย่างแท้จริง และนับจากนั้น ฮอนด้า ซีวิคก็ได้รับการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกในทุกยุคทุกสมัยด้วยจุดเด่นในด้านต่างๆ ทั้งในด้านดีไซน์ที่โดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่นับเป็นคุณค่าหลักของซีวิคมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้สร้างมาตรฐานใหม่มาอย่างต่อเนื่องในแต่ละเจเนอเรชัน อาทิ ·    เจเนอเรชันที่ 1 นำเสนอเครื่องยนต์ CVCC (Compound Vortex Controlled Combustion) ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ผ่านมาตรฐานกฎหมายควบคุมมลพิษไอเสียที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา (Muskie Act) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันมากที่สุด ·      เจเนอเรชันที่ 3 กับ ฮอนด้า ซีวิค เอสไอ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ DOHC (Double Overhead Camshaft) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันเท่านั้น ·      เจเนอเรชันที่ 4 นำเสนอเครื่องยนต์ VTEC ระบบ Twin Cams มอบสมรรถนะการขับขี่ราบรื่นแม้ในความเร็วต่ำ ·      เจเนอเรชันที่ 10 มาพร้อมขุมพลัง VTEC TURBO ขับสนุก ทรงพลัง และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ·      เจเนอเรชันที่ 11 นำเสนอระบบฟูลไฮบริด e:HEV สมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม เป็นต้น ตลอดเวลากว่า 50 ปี รวม 11 เจเนอเรชัน ที่ฮอนด้า ซีวิค ได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากลูกค้า
ทั่วโลก ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 27.6 ล้านคัน ในมากกว่า 170 ประเทศ สำหรับประเทศไทย ฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นไอคอนของรถซีดานที่เติบโตคู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 
ซึ่งตลอด 38 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมทั้งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด พิสูจน์ได้จากการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ ล่าสุด ฮอนด้า ซีวิค สามารถครองอันดับ 1 ในเซกเมนต์ถึง 6 ปีซ้อน ในปัจจุบัน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ได้เข้ามายกระดับคอมแพคท์ซีดานให้ก้าวไปอีกขั้น และตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยมีให้เลือกทั้งขุมพลัง VTEC TURBO และล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV โดดเด่นกับดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย โดยประเทศไทยถือได้ว่ามีศักยภาพ ทั้งในด้านยอดขายซีวิค และเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมียอดขายซีวิคสูงที่สุดของฮอนด้าในภูมิภาคนี้ และมีการส่งออกไปจำหน่ายยังภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกอีกด้วย ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th/civic   สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ลูกค้าสามารถทดลองขับผ่านแคมเปญ “Happy Day Happy Drive”โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 30 กันยายน 2565 พร้อมรับของสมนาคุณ “You’re e:HEV Family Bottle ขวดน้ำ LocknLock” มูลค่า 249 บาท* ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรืออ่านข้อมูลทางเว็บไซต์ www.honda.co.th/testdrive  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed