‘มิชลิน’ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

มิชลิน ด้วยจุดยืนองค์กรในเรื่อง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุดและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด อันเป็นหนึ่งในแนวทางเพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ให้เป็นจริง  ล่าสุด ‘มิชลิน’ ได้จับมือเครือข่ายสังคมลดขยะ Less Plastic Thailand สนับสนุนโครงการ “แยกขวด ช่วยหมอ” รณรงค์ให้พนักงานร่วมบริจาคขวดพลาสติก PET เพื่อใช้ผลิตเป็นชุด PPE มอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่สีแดงเข้ม  ภายใต้โครงการดังกล่าวซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน มิชลินได้ร่วมสมทบทุนในการผลิตชุด PPE จากเส้นใยพลาสติกเป็นเงินกว่า 300,000 บาท และบริจาคขวดพลาสติก PPE รวม 192 กิโลกรัม ซึ่งสามารถนำไปผลิตเป็นชุด PPE ได้ทั้งสิ้น 1,300 ชุด อนึ่ง กลุ่มมิชลินชูแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” เป็นกลไกขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร โดยมุ่งทำตลาดสินค้าและบริการที่ทุกขั้นตอน…ตั้งแต่ออกแบบจนสิ้นสุดวงจรชีวิต…ช่วยลดการใช้ทรัพยากร รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยที่สุด ตามแนวทาง “4R” ซึ่งประกอบด้วย Reduce (การลด), Reuse (การใช้ซ้ำ), Recycle (การแปรรูปกลับมาใช้ใหม่) และ Renew (การใช้วัตถุดิบหมุนเวียน)  นอกจากนี้ ที่ผ่านมามิชลินในประเทศไทยยังได้สนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนริเริ่มโครงการต่าง ๆ และจัดกิจกรรมรณรงค์ในหมู่พนักงานอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” อาทิ โครงการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานมิชลิน (Solar Roof) เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า, โครงการรณรงค์ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและการใช้กระดาษในสำนักงานของมิชลิน, โครงการบริจาคกล่องกระดาษใช้แล้วเพื่อนำไปรีไซเคิลผลิตเป็นเตียงสำหรับโรงพยาบาลสนามที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 เป็นต้น  

 
Read More

เกรท วอลล์ มอเตอร์ รุกตลาดอาเซียนเต็มสูบ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดเกมรุกตลาดยานยนต์อาเซียนอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในประเทศบรูไน นับเป็นประเทศที่ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากการเริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในตลาดประเทศไทย ซึ่งในงานแถลงข่าวการเปิดตัวแบรนด์ที่ประเทศบรูไนนั้น ได้มีการประกาศนำรถยนต์ 2 รุ่นเรือธง ได้แก่ HAVAL H6 3rd Generationและ HAVAL JOLION มาเป็นทัพหน้าทำตลาด พร้อมเปิดพรีเซลรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ไปเมื่อวันที่ 6 – 7 สิงหาคม ที่ผ่านมาท่ามกลางสื่อมวลชนและพันธมิตรธุรกิจร่วมแสดงความยินดี มร.เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศบรูไนเป็นผู้ผลิตรวมถึงผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายในเกือบทุกอุตสาหกรรม บรูไนเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น ตามการระบุของสหพันธ์ยานยนต์อาเซียน (AAF) โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา (2563) มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 หลังจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและวางแผนธุรกิจและสายการผลิตในประเทศไทยอย่างชัดเจน ขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะขยายตลาดสู่
ประเทศในอาเซียน ซึ่งเรามองว่าบรูไนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้าน การเปิดตัวของ 
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในบรูไนจึงนับเป็นการเปิดประตูสู่เส้นทางใหม่ในตลาดอาเซียนหลังจากได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาและขยายฐานลูกค้าใหม่ในตลาดรถยนต์ทั่วโลกภายใต้กลยุทธ์โลกาภิวัฒน์ (Globalization) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสร้างประสบการณ์
การบริการรูปแบบใหม่ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวาในภูมิภาคอาเซียน” การเปิดตัวแบรนด์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศบรูไน พร้อมรุกตลาดด้วยการพรีเซลรถยนต์ 2 รุ่น  ได้แก่HAVAL H6 3rd Generation และ HAVAL JOLION ในคราวเดียวกันนั้น ถือเป็นกลยุทธ์การรุกตลาดอาเซียนที่น่าจับตา
เป็นอย่างยิ่ง โดย HAVAL H6 3rd Generation เป็นรถเอสยูวีผลิตภัณฑ์รุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นจาก GWM LEMON แพลตฟอร์มเทคโนโลยีแบบโมดูลอันชาญฉลาดและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ให้พละกำลังสูงสุด 155 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 325 นิวตันเมตร พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ความประหยัดและปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่จะสร้างประสบการณ์การขับขี่
อันน่าหลงใหลในทุกเส้นทาง ในขณะที่ HAVAL JOLION ถือเป็นรถยนต์ SUV ที่เปิดตัวในฐานะ “รถยนต์คันแรกของคนรุ่นใหม่” ซึ่งสื่อถึงจิตวิญญาณอันอิสระในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ด้วยความโดดเด่นของมิติตัวรถที่มีระยะฐานล้อยาวถึง 2,700 มิลลิเมตร และมีพื้นที่จัดเก็บเทียบเท่ากับรถเอสยูวีขนาดกลาง มีคุณสมบัติที่ตอบสนองการขับขี่
ในหลากหลายสภาพถนน และสามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับฟังก์ชั่น
จอดรถอัตโนมัติ 360 องศา (360° automatic parking function) ที่ช่วยเพิ่มขีดความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ “หรูหรา สะดวกสบาย และชาญฉลาด”  การเปิดตัวแบรนด์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่างเป็นทางการในประเทศบรูไน นับเป็นอีกก้าวสำคัญและเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายในการรุกตลาดอาเซียน ด้วยเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น ‘บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก’ (Global Mobility Technology Company) เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมที่จะสร้างสรรค์และนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพพร้อมการบริการที่ดีขึ้น ตลอดจนส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อันยอดเยี่ยมให้แก่ผู้บริโภคทั้งในภูมิภาคอาเซียนและผู้บริโภคทั่วโลกต่อไป  

 
Read More

ORA แล้วพบกัน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชวนคนไทยทำความรู้จัก ORA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันชาญฉลาดและล้ำสมัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปสู่โลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เตรียมประกาศความพร้อมให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด โดยสื่อมวลชนจะได้สัมผัสในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 และเผยแพร่ในวันที่ 20ตุลาคม 2564 ดังนั้น เตรียมพบกับ แบรนด์ ORA ที่ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2561 นับเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicle : BEV) แบรนด์แรกของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ ORA ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากทีมงานนักวิจัย นักพัฒนา และนักออกแบบคุณภาพและเปี่ยมไปด้วยความเชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งเยอรมนีออสเตรีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ชื่อแบรนด์ ORA (อ่าน โอร่า) มาจากการออกเสียงคล้ายเสียง Euler ซึ่งเป็นนามสกุลของ Leonhard Euler 
นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ชื่อดังของโลกที่เปี่ยมไปด้วยความอัจฉริยะและมีผลงานที่ช่วยต่อยอดสู่นวัตกรรมต่างๆ มากที่สุดคนหนึ่งในโลก สะท้อนถึงรถยนต์จากแบรนด์ ORA ที่เป็นยานยนต์พลังงานใหม่ ที่เปี่ยมไปด้วยความ
ล้ำสมัยและเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ส่วนโลโก้ของ ORA ได้ถูกออกแบบเป็นวงกลมซ้อนอยู่ในวงรี มีที่มาจากเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!)แสดงถึงความมุ่งมั่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อันน่าทึ่ง ที่พร้อมจะสร้างความแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจ ให้ทุกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต 
และพบกับความตื่นเต้นที่ไม่รู้จบไปด้วยกัน รูปลักษณ์ที่เข้าถึงง่ายผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว สร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่นกว่าที่เคย แบรนด์ ORA จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า New Category ที่สร้างความแตกต่างจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเดิมๆ 
อย่างสิ้นเชิง ด้วยรูปลักษณ์และการดีไซน์แบบไลฟ์สไตล์ทำให้เข้าถึงได้ง่าย ดึงดูดความสนใจด้วยความเป็น
แฟชั่นนิสต้า ผสานกับเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะอย่างลงตัว โดนใจผู้ขับขี่โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ พร้อมจุดยืนในการสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่สามารถส่งมอบการขับขี่ที่สนุกสนานในทุกๆ เส้นทาง ORA พลิกโฉมใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน หลังจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศเปิดตัวแบรนด์ ORA ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2561 ORA ได้รุกตลาดจีนด้วยการเปิดตัว ORA Black Cat ในปลายปีเดียวกัน ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากตลาดรถยนต์เป็นอย่างดีในด้านดีไซน์ที่ทันสมัย ควบคู่ไปกับคุณภาพของรถยนต์ที่มีความเสถียรและให้การขับขี่เป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ORA Black Cat สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างหลากหลายและสามารถวิ่งได้ถึง 405 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ ส่งผลให้ ORA Black Cat กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอีกรุ่นหนึ่ง
ในประเทศจีน และสามารถกวาดยอดขายรวมเกินกว่า 100,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ต่อมาในช่วงกลางปี พ.ศ. 2563 แบรนด์ ORA ได้เพิ่มความหลากหลายให้กับไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัว ORA White Cat รถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตู ซึ่งโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่เน้นการออกแบบให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น แข็งแกร่งด้วยโครงสร้างเหล็กแบบ High Tensile Steel และขับเคลื่อนได้มากกว่า 400 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ นั่งสบายด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่มีความปลอดภัยสูง และเป็นรถยนต์อัจฉริยะ (Smart Car) ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home ได้เป็นอย่างดี  

 
Read More

ฟอร์ด ห่วงใยลูกค้าประสบภัยน้ำท่วม

ฟอร์ด ประเทศไทย ส่งแคมเปญบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าฟอร์ดที่ประสบภัยน้ำท่วมด้วยการมอบส่วนลดอะไหล่ น้ำมันเครื่องและค่าแรง 30% พร้อมตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทั่วไปฟรี 30 รายการให้กับลูกค้าฟอร์ดที่ประสบภัยน้ำท่วมตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่ศูนย์บริการฟอร์ด ทั่วประเทศ คุณสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “การดูแลลูกค้าเป็นสิ่งที่ฟอร์ดให้ความสำคัญสูงสุดมาโดยตลอด จากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ฟอร์ดขอส่งความห่วงใยไปยังผู้ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่ ซึ่งเราหวังว่ามาตรการความช่วยเหลือจากฟอร์ดในครั้งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกค้าฟอร์ดได้อีกทางหนึ่ง”  สำหรับรถยนต์ฟอร์ดที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม สามารถเข้ารับบริการเช็คสภาพทั่วไปฟรี 30 รายการ อาทิเครื่องยนต์ เบรก ช่วงล่าง ระบบส่งกำลัง ระบบไฟฟ้าและตัวถัง พร้อมรับส่วนลดค่าอะไหล่ น้ำมันหล่อลื่น และ ส่วนลดค่าแรง30% โดยสิทธิประโยชน์นี้จะไม่ครอบคลุมรายการความเสียหายที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของบริษัทประกันภัย ส่วนลดค่าอะไหล่ ไม่ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ยาง เบรก และ แบตเตอรี่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ โดยลูกค้าสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์www.ford.co.th  

 
Read More

FORD สร้างอาชีพสู้โควิดแบบเร่งด่วน

ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (Population and Community Development Association หรือ PDA) สานต่อโครงการฝึกอบรมอาชีพสร้างอาชีพสู้โควิด-19 แบบเร่งด่วนในโครงการ ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต(Regenerating Life) เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ในอาชีพเกษตรควบคู่ไปกับการเสริมทักษะทักษาด้านดิจิทัล เพื่อนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เพื่อการขายสินค้าในโลกออนไลน์ ให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 250 ครัวเรือนใน 11 จังหวัด ทั่วประเทศ คุณกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทยและตลาดอาเซียน กล่าวว่า “ฟอร์ดตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดกับชุมชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เราจึงได้ร่วมมือกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนจัดทำโครงการ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ ขึ้นเป็นปีที่ 2 เพราะเราเล็งเห็นว่าการมอบองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาวให้แก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสูญเสียรายได้ในช่วงโควิด-19 ได้ โดยจะเน้นหลักสูตรที่เรียนรู้ง่ายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมนำความรู้ที่ได้มาสร้างโอกาสในการหารายได้ให้กับครอบครัวได้ทันที โดยมีทีมงานและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ในชุมชนมาร่วมถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริง”  ในการฝึกอบรมกลุ่มแรกที่ศูนย์มีชัย จังหวัดขอนแก่น ผู้เข้าอบรมอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะดิจิทัลผ่านการฝึกอบรมในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพื่อการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง  โดยมีวิทยากรซึ่งเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ‘บ้านสวนเบญจมงคลมินิฟาร์ม’ มาร่วมถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์จากการทำเกษตรพอเพียงและการทำธุรกิจในช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้เข้าอบรมอาชีพเกษตรยังได้รับการฝึกอบรมผ่านการปฏิบัติจริงใน 4 ฐานการเรียนรู้ ประกอบด้วย การเตรียมดินและการเพาะปลูกผักและพันธุ์กล้าไม้ การเพาะเห็ดและการดูแลรักษา การเพาะถั่วงอก รวมถึงการเพาะทานตะวันงอก เมื่อจบการฝึกอบรม ผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบอาชีพเบื้องต้น ได้แก่ ชุดเพาะเห็ดนางฟ้า ชุดเพาะถั่วงอกและชุดเพาะทานตะวันงอก กล้าพืชผักสวนครัว และชุดป้องกันโควิด-19 เพื่อนำไปใช้จุนเจือการบริโภคในครัวเรือนหรือสร้างรายได้ด้วยตัวเองได้ทันที ฟอร์ดมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วประเทศไทยในหลากหลายมิติโดยในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมในหลากหลายกิจกรรม สำหรับโครงการ ‘ฟอร์ดฟื้นฟูชีวิต’ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้สนับสนุนงบประมาณราว 930,000 บาทในการจัดอบรมเพื่อมอบองค์ความรู้ในด้านการสร้างอาชีพเกษตรแบบเร่งด่วน เพื่อช่วยให้ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีช่องทางในการหารายได้ ซึ่งมีเป้าหมายฝึกอบรมให้ชาวบ้านกว่า 250 ครอบครัว ภายในปีนี้  

 
Read More

นิสสันร่วมมือกับมหาวิทยาลัย วาเซดะ

ณ ประเทศญี่ปุ่น นิสสัน พัฒนากระบวนการรีไซเคิลสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า กระบวนการรีไซเคิลธาตุโลหะหายากจากมอเตอร์แม่เหล็กของรถยนต์ไฟฟ้านี้จะนำมาใช้ได้จริงภายในปี 2568 ร่วมก้าวสู่เป้าหมายลดคาร์บอนเป็นศูนย์ของนิสสัน นิสสัน มอเตอร์ ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนากระบวนการรีไซเคิลธาตุโลหะหายากที่มีความบริสุทธิ์สูงจากแม่เหล็กที่ใช้ในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายการนำมาใช้จริงภายในปี 2568 ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและก้าวสู่เป้าหมายสังคมที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ มอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้แม่เหล็กนีโอไดเมียม(Neodymium Magnet) ซึ่งประกอบด้วยธาตุโลหะหายาก เช่น นีโอไดเมียม (Neodymium) และดิสโพรเซียม (Dysprosium) การลดการใช้ธาตุโลหะหายากจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่เพียงเพราะผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการขุดและการกลั่น แต่ยังสร้างสมดุลทางอุปสงค์และอุปทานที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ราคาสินค้าเกิดความผันผวนกระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค เพื่อใช้ทรัพยากรอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด นิสสันได้ดำเนินการลดปริมาณการใช้ธาตุโลหะหนักหายาก (Rare-Earth Elements – REE) ในมอเตอร์แม่เหล็กตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบมาตั้งแต่ปี 2553 นอกจากนี้นิสสันยังรีไซเคิล REE ด้วยการนำแม่เหล็กออกจากมอเตอร์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานการผลิตและส่งคืนให้กับซัพพลายเออร์ ปัจจุบันกระบวนการดังกล่าวมีความซับซ้อนและหลายขั้นตอน รวมถึงการแยกส่วนและถอดคัดออก ดังนั้น การพัฒนากระบวนการที่ง่ายกว่าและประหยัดกว่าจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เกิดการรีไซเคิลเพิ่มขึ้นในอนาคต  

 
Read More

SUZUKI DEAL D DAY มาแล้ว

ซูซูกิ ปลดล็อกทุกเงื่อนไข ออกรถวันนี้ ผ่อนปีหน้า (ขับฟรี 90 วัน)  ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ1,999 บาท เลือกรับดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 72 เดือน หรือ ดาวน์ 0% ดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมบัตรเติมน้ำมันฟรี 3,000 บาท มร.มิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ไปจนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโตอย่างรุนแรง  จนนำมาถึงการปรับตัวไปสู่การดำเนินวิถีชีวิตแบบใหม่ ธุรกิจต่างๆก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับเปลี่ยนแปลงจากวิกฤติที่เกิดขึ้นในส่วนของซูซูกิก็มีการปรับแผนด้านงานขายเพื่อพัฒนาและยกระดับพนักงานให้เข้าถึงช่องทางออนไลน์ปรับพฤติกรรมการขายและการดูแลให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคให้มีความแม่นยำ และโดนใจมากยิ่งขึ้น ด้านงานบริการก็มีแนวทางการพัฒนาไปร่วมกับทางผู้จำหน่ายมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังที่จะสร้างคุณค่าให้แก่งานบริการเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ล่าสุดเตรียมที่จะขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศภายใต้แนวคิด “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” แต่อย่างไรก็ตาม จากทิศทางของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง และตัวเลขการได้รับวัคซีนของประชนมีตัวเลขที่สูงขึ้น ส่งผลให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มมีการขยับตัวกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ส่วนของตลาดรถยนต์ก็น่าจะเริ่มกลับมาแข่งขันกันอย่างร้อนแรงมากขึ้น นอกจากการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การแข่งขันในช่วงท้ายของปี ทั้งงานด้านบริการ และการแนะนำ SUZUKI SWIFT GL PLUS รุ่นตกแต่งพิเศษ มาภายใต้แนวคิด “เร้าใจเต็มสปีด สุดขีดสไตล์พลัส” มุ่งหวังที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้นแล้วนั้น ซูซูกิ เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษในไตรมาสที่ 4  SUZUKI DEAL D DAY เพื่อสร้างความสำเร็จการเข้าสู่ยอดขายจำนวน 200,000 คัน ของรถอีโคคาร์ซูซูกิทุกรุ่นในประเทศไทย นับตั้งแต่การเข้ามาดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2555 อีกด้วย คุณวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง กับการที่ลูกค้าคนไทยให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในแบรนด์ ซูซูกิ จนสามารถสร้างยอดขายรถอีโคคาร์ได้กว่า 196,266 คันในประเทศไทยตั้งแต่เริ่มการผลิตในปี 2555 เป็นต้นมา จึงจัดกิจกรรมเพื่อผลักดันยอดขายให้บรรลุ 200,000 คัน ที่จะตอบแทนและนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ทั้งด้านการบริหารงานอย่างครบวงจร เพื่อบริการลูกค้าและเจาะตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเข้าถึงมากยิ่งขึ้น สำหรับแคมเปญพิเศษ “SUZUKI DEAL D DAY ปลดล็อกทุกเงื่อนไข ออกรถวันนี้ ผ่อนปีหน้า”  จะจัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนความไว้วางใจของผู้บริโภคที่มอบให้แก่ซูซูกิ และมีความต้องการอยากเป็นเจ้าของรถยนต์สักหนึ่งคันสามารถเข้าถึงและตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วย” แคมเปญ “SUZUKI DEAL D DAY ปลดล็อกทุกเงื่อนไข ออกรถวันนี้ ผ่อนปีหน้า” จะมอบให้สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ซูซูกิทุกท่าน ●       รับเงื่อนไขพิเศษทันที ขับฟรี 90 วัน! ออกรถวันนี้ ผ่อนปีหน้า ●       พร้อมรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท เพิ่มจากส่วนลดแคมเปญพิเศษจากผู้จำหน่าย (เฉพาะรุ่นที่กำหนด) ●       ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท (เฉพาะรุ่นที่กำหนด)  ●       ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นานถึง 72 เดือน (เฉพาะรุ่นที่กำหนด)  ●       อีโคคาร์ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,999 บาท ●       ฟรี ประกันภัยชั้น 1  ซึ่งสิทธิพิเศษดังกล่าว จะมอบให้เฉพาะลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 โดยข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ ต้องเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ ช่องทางการติดต่อ www.suzuki.co.th  www.facebook.com/officialsuzukimotorthailand SUZUKI Cause We Care: 1800-600-900  

 
Read More

มิตซูบิชิ เปิดโชว์รูมแห่งใหม่

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สร้างความแข็งแกร่งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อมอบประสบการณ์และการบริการที่ดีที่สุดในระดับพรีเมียมให้แก่ลูกค้าด้วยเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ที่ย่านลาดกระบัง-กิ่งแก้ว กรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อ บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด (สาขาลาดกระบัง-กิ่งแก้ว) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการบริการให้แก่ลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในย่านลาดกระบังและกิ่งแก้ว รวมทั้งพื้นที่ในเขตใกล้เคียงพร้อมมุ่งมั่นในการส่งมอบยานยนต์คุณภาพและการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด ถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้จำหน่ายที่เติบโตเร็วที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์สประเทศไทย โดยปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 4 สาขา ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ได้แก่ สาขาปากเกร็ด สาขารัชดา สาขาปทุมธานี และล่าสุดสาขาลาดกระบัง-กิ่งแก้ว มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ที่ย่านลาดกระบัง-กิ่งแก้ว เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมให้แก่ลูกค้าตลอดระยะเวลาของการเป็นเจ้าของรถยนต์ มิตซูบิชิ ด้วยทำเลที่ตั้งที่ยอดเยี่ยมและครบครันด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย โดยโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่นี้ ยังมีบทบาทที่สำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมพร้อมสร้างความแตกต่างให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการของเราต่อไป เพื่อส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” นอกจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีมีคุณภาพแล้ว โชว์รูมและศูนย์บริการ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ ยังได้คำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ได้แก่ การตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อนเข้าศูนย์บริการ พนักงานที่ใกล้ชิดลูกค้าจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หมั่นเช็ดทำความสะอาดภายในโชว์รูมและศูนย์บริการโดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง ตลอดจนการทำความสะอาดภายในห้องโดยสารก่อนส่งมอบหลังเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าทุกท่านจะมีความปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีเมื่อมาใช้บริการที่โชว์รูมและศูนย์บริการมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด (สาขาลาดกระบัง–กิ่งแก้ว) ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 3 ไร่ โดยเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย ดำเนินงานโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและฝ่ายบริการหลังการขายที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ พร้อมมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า โดยภายในโชว์รูมแห่งใหม่นี้สามารถจัดแสดงรถยนต์ มิตซูบิชิ รุ่นต่างๆ ได้มากถึง 5 คัน มีพื้นที่สำหรับให้บริการซ่อมบำรุงพร้อมอุปกรณ์ที่ครบครันมากถึง 10 ช่องซ่อม และยังสามารถให้บริการซ่อมสีและตัวถังแก่ลูกค้าได้อีกด้วย โชว์รูมแห่งใหม่นี้ยังมีพนักงานที่พร้อมให้บริการลูกค้าในด้านต่างๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 45 ท่าน ที่ได้รับการฝึกอบรมตามมาตรฐานและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่มุ่งมั่นยกระดับการให้บริการเพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า พร้อมความสะดวกสบายในการให้บริการแบบ ‘วันสต็อปเซอร์วิส’ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทาง บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด (สาขาลาดกระบัง–กิ่งแก้ว) ยังได้ร่วมฉลองโอกาสสำคัญนี้ พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อและใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ ด้วยแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” มอบรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งหนัก 60 บาทมูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ อาทิ ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวีSAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล และ โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด (สาขาลาดกระบัง–กิ่งแก้ว) ยังเป็นหนึ่งในโชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่พร้อมจำหน่าย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องชาร์จกระแสไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ถือเป็นรถพีเอชอีวีที่ขายดีที่สุดในโลก ที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกเท่านั้น แต่ยังสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมความสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าอีกด้วยมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ตอกย้ำการเป็นผู้นำรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดอีกครั้งด้วยยอดจำหน่ายสูงที่สุดในยุโรป พร้อมยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกกว่า 290,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนสิงหาคมปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด (สาขาลาดกระบัง–กิ่งแก้ว) พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่านแล้วด้วยบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม โดยภายในโชว์รูมและศูนย์บริการยังตกแต่งด้วยดีไซน์ใหม่มาตรฐานเดียวกันทั่วโลกของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อให้สอดคล้องกับ อัตลักษณ์และกลยุทธ์แบรนด์ระดับโลก ‘Drive your Ambition’ บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด (สาขาลาดกระบัง–กิ่งแก้ว) ตั้งอยู่ที่เลขที่ 888 หมู่ 14 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ 10540 โทร. 0-2738-5448  

 
Read More

เรนาสโซ มอเตอร์ มอบอาหารกล่อง “ปันสุข ปันอิ่ม”

บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ผุดโปรเจค “ปันสุข ปันอิ่ม” เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ตลอดจนบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ติดเชื้อที่กักตัวในชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยส่งมอบอาหารกล่องที่ปรุงสดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วรวม 1,500 กล่อง ตลอดเดือนกันยายนที่ผ่านมา อาทิ ชุมชนสามัคคีร่วมใจ บางเขน, โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, ชุมชนชายคลองเสนานิคม เขตจตุจักร, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตจตุจักร คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งพลังสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ในรูปแบบต่างๆ อาทิ สนับสนุนเครื่องมือช่วยใส่ท่อหายใจชนิดวีดีทัศน์ และเครื่องควบคุมการให้สารละลายทางกระบอกฉีดยาอัตโนมัติ ให้แก่โรงพยาบาลราชวิถี รวมถึงจับมือกับลัมโบร์กินีคลับไทยแลนด์ในการมอบงบประมาณจำนวน 1,470,000 บาท พร้อมเจลเเอลกอฮอล์ และชุด PPE จำนวน 600 ชุด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของมูลนิธิและโรงพยาบาล 7 แห่งในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแบบรอบด้าน โปรเจคมอบอาหารกล่อง “ปันสุข ปันอิ่ม” ในครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นการช่วยเหลือสู่ระดับชุมชนเพื่อให้ผู้ติดเชื้อที่กักตัวเข้าถึงสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตได้อย่างสะดวก ทั้งยังช่วยสนับสนุนกิจการร้านอาหารขนาดเล็กให้ก้าวผ่านวิกฤตนี้อย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน”  

 
Read More

BMW แต่งตั้ง มร. มิคาเอล ไรเนอร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง มร. มิคาเอล ไรเนอร์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนล่าสุด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดย มร. ไรเนอร์ เข้ารับตำแหน่งต่อจาก มร. แบรน์ฮาร์ท เทอรีท ซึ่งย้ายไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศเกาหลี มร.มิคาเอล ไรเนอร์ จะย้ายมาประจำตำแหน่งกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จากตำแหน่งเดิมในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มาเลเซีย โดยได้ร่วมงานกับบีเอ็มดับเบิลยู
ครั้งแรกใน พ.ศ. 2543 จากนั้นได้ปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี เยอรมนี หรือมาเลเซีย ในปี พ.ศ. 2556 มร. ไรเนอร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและควบคุมการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู Italia SpA จากนั้นได้ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนายการฝ่ายควบคุมไอทีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป 
เป็นเวลากว่าสี่ปี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มร. มิคาเอล ไรเนอร์ จะรับผิดชอบการบริหารงานด้านการเงินในภาพรวมของทั้งสามบริษัทซึ่งรวมถึง 
บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด, บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, และบีเอ็มดับเบิลยูพาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ มร. มิคาเอล ไรเนอร์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา มร. ไรเนอร์ ได้แสดงผลงานและความเป็นผู้นำด้านการบริหารการเงินที่ยอดเยี่ยม และด้วยประสบการณ์การทำงานมากว่าหลายปีนี้ มร. ไรเนอร์ จะนำความเชี่ยวชาญมาสู่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ที่จะช่วยให้เราสามารถครองความเป็นผู้นำยานยนต์พรีเมียมของประเทศไทย พร้อมส่งเสริมบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตและพัฒนานวัตกรรมต่อไปได้พร้อม ๆ กัน ผมขอแสดงความขอบคุณต่อ มร. แบรน์ฮาร์ท เทอรีท ในความทุ่มเทต่อการบริหารงานตลอดระยะเวลาสามปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการขับเคลื่อนแนวทางการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าสูงสุดและเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนาธุรกิจ ตลอดจนความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ของการเป็นผู้นำเซกเมนต์ในปี 2564 ในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ ผมขอแสดงความยินดีกับ มร. เทอรีท ในการเข้ารับตำแหน่งกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศเกาหลี และเชื่อมั่นว่า มร. เทอรีท จะเป็นกำลังสำคัญที่นำทีมไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต”   

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed