เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมโชว์วิสัยทัศน์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ โชว์วิสัยทัศน์ระดับโลก ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ของไทย ในงานสัมมนา ZEV Thailand Policy: Road to EV ASEAN Production Hub พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นและเสนอแนะแนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับผู้นำจากอุตสาหกรรมยานยนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งงานสัมมนาในปีนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 
โดยล่าสุด นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เป็นตัวแทน
เข้าร่วมเสวนาเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และข้อเสนอแนะจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในหัวข้อ Game changing “Future Directions of Thailand’s Future Mobility” ในงานสัมมนาออนไลน์ ZEV Thailand Policy: Road to EV ASEAN Production Hub ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการสัมนาเป็นจำนวนมาก

นอกจากการตั้งฐานการผลิตเต็มรูปแบบในประเทศไทยและอีกหลายแห่งทั่วโลกแล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 10 แห่ง ใน 7 ประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์รถยนต์เทคโนโลยีพลังงานทางเลือก (New Energy Technology) ต่างๆ ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle)  ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicle) ตลอดจนยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Energy Fuel Cell Electric Vehicle) เป็นต้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลก รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้แก่ GWM Electrification Technology ที่ครอบคลุม 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ โดยการรวมโมดูลที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และมีประสิทธิภาพสูง มีการใช้พลังงานต่ำ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน จนสามารถใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า 12.5 กิโลวัตต์ ต่อระยะการขับขี่ 100 กิโลเมตรได้ ซึ่งจะทำให้รถไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อย่างแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยะระดับโลก ที่มีคุณสมบัติเด่น 5 ประการ ได้แก่ 1) น้ำหนักเบา (Lightweight) 2) ใช้พลังงานจากไฟฟ้า (Electrification) 3) สามารถใช้งานได้หลายหลายรูปแบบ (Multi-purpose) 4) มีระบบการปกป้องรอบด้าน (Omni-protection) และ 5) มีความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่าย (Network) โดยแพลตฟอร์ม GWM LEMON จะสามารถสนับสนุนระบบส่งกำลังได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal combustion engine : ICE) เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ Dual Hybrid Transmission แบบ P2 P2+ หรือP4  รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) หรือรถยนต์ประเภทเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle : FCEV)

โดยก่อนหน้านี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ประกาศยุทธศาสตร์หลัก เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ภายในปี2568 ด้วยเป้าหมายยอดขายรถยนต์ทั่วโลกมากกว่า 4 ล้านคัน โดยจะคิดเป็นสัดส่วนรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 80% เพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก และสำหรับประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะเตรียมนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยภายในปีนี้ โดยจะนำรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมจากแบรนด์ ORA อย่าง ORA Good Cat เข้ามาเป็นรุ่นแรก และในปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะเริ่มสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระยะทางวิ่งไกล (Long-range BEV) รุ่นต่างๆ  เพื่อจำหน่ายในตลาดประเทศไทยและส่งออก นอกจากนี้ บริษัทยังพร้อมนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าอื่นๆเพิ่มเติมในอนาคตให้กับทั้งผู้บริโภคชาวไทยและตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน โดยจะคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนจะขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยระยะการขับขี่ที่ไกลกว่า และรู้สึกสนุกไปกับทุกการขับขี่ในทุกๆ เส้นทาง ด้วยราคารถยนต์ที่เหมาะสมและคุ้มค่าอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Mobility Technology Company) มีความยินดีและพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐ และทุกๆ ภาคส่วนในการเป็นส่วนหนี่งของการส่งเสริม สร้างสรรค์ และยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ในระยะยาวให้กับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์และโรงงานอัจฉริยะในไทย และการนำองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการผลิตรถยนต์ใหม่ๆ รวมไปถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนนวัตกรรมอันล้ำสมัย และการเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่างๆ ตามมาตรฐานในระดับสากล เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตลาดประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน บริษัทยังพร้อมส่งเสริมสร้างทักษะ ฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และศักยภาพด้านต่างๆ ให้กับบุคลากรไทย รวมไปถึงสร้างสรรค์กระบวนการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

Related posts

Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed