มาสด้าผนึกกำลังทุบตลาดรถอเนกประสงค์

MAZDA FAMILY SUV เสริมทัพรับเปิดประเทศ กดปุ่มสตาร์ทตลาดรถยนต์ไทยผนึกกำลัง 2 รถอเนกประสงค์เอสยูวีลุยตลาดสองเดือนสุดท้าย ยกทัพ MAZDA FAMILY SUV ให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อทุกความสุขของสมาชิกในครอบครัวกับมาสด้า CX-5 พลังแห่งความสุขที่เร้าใจทุกเส้นทาง ครอสโอเวอร์ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ใส่มาจนล้นคัน เปิดราคาเริ่มต้นเพียง 1.3 ล้าน และมาสด้า CX-8 ให้ทุกช่วงเวลามีค่าไม่สิ้นสุด กับรถอเนกประสงค์แบบที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และเพิ่มรุ่น Exclusive เบนซิน 6 ที่นั่ง ครอสโอเวอร์เอสยูวีสุดหรู เทคโนโลยีจัดเต็มสุดคุ้มค่ากับราคา 1.4 ล้าน ประกาศเปิดแนวรุกธุรกิจมุ่งสู่การเติบโตเต็มรูปแบบ เตรียมส่งอีกหลายรุ่นทั้งเอสยูวีและรถยนต์นั่งลุยตลาด เสริมแกร่งทั้งด้านการขาย การบริการ และอัดโปรโมชั่นรับกำลังซื้อ คาดครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 5%

คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทยจำกัด กล่าวว่า “วันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อันเนื่องจากปัจจัยบวกหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง การประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนสู่ระบบมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ที่กำลังปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ที่สำคัญปลายปีถือเป็นช่วงไฮท์ซีซั่น ประชาชนจะออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น รวมถึงแรงหนุนจากมาตรการของภาครัฐที่เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการใช้จ่ายให้คึกคัก และส่งเสริมการท่องเที่ยว อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์อยู่ในระดับต่ำรวมถึงโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ซึ่งคาดว่าภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 720,000 – 750,000 คัน แม้ว่าจะเป็นตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี แต่เชื่อว่าตลาดรถยนต์ไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ผนวกกับบรรยากาศและกำลังซื้อของผู้บริโภคกำลังกลับมาด้วยเช่นกัน”

สำหรับมาสด้า ในช่วงที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ต้องปรับโหมดการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องของการจัดการภายในองค์กรและปรับกลยุทธ์เพื่อผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ที่ต้องอาศัยความยืดหยุ่นและการจัดการที่รวดเร็วให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกการสื่อสาร โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation ที่สำคัญคือมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในวงกว้าง ผลจากการปรับตัวอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ ส่งผลทำให้มาสด้าสามารถสร้างธุรกิจให้เดินหน้าสู่การเติบโตต่อไป และดำเนินกิจกรรมตามแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี และคาดว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากกว่า 5% หรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 38,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้

อนึ่ง ผลประกอบการของมาสด้าที่ผ่านมาระหว่างเดือนมกราคม – ตุลาคม 2564 มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น28,327 คัน ลดลงเล็กน้อยประมาณ 6% (จากปี 2563 จำนวน 29,979 คัน) แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 16,636 คัน ลดลง 11% ได้แก่ มาสด้า2 จำนวน 14,901 คัน มาสด้า3 จำนวน 1,732 คัน มาสด้า MX-5 จำนวน 3 คัน ในขณะที่ยอดขายรถอเนกประสงค์เอสยูวียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,659 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 19% แบ่งออกเป็น มาสด้า CX-30 จำนวน 5,757 คัน มาสด้า CX-3 จำนวน 3,493 คัน มาสด้า CX-8 จำนวน 717 คัน และมาสด้า CX-5 จำนวน 692 คัน ส่วนปิกอัพมาสด้า บีที-50 เริ่มกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรเริ่มเก็บเกี่ยว โดยมียอดขายรวม 1,032 คัน

 

Related posts

Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed