จากเทคโนโลยี ในอดีต ที่พัฒนายานยนต์ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ก่อนปี คศ 2000 รถยนต์ยังคงเน้นไปที่การพัฒนา แมคคานิค (Mechanical) มากกว่า อิเลคทรอนิค (Electronic) แต่พอหลังปี คศ 2000 ระบบอิเลคทรอนิค หรือระบบคอมพิวเตอร์ เข้ามาควบคุมอุตสาหกรรมยานยนต์มากยิ่งขึ้น เพื่อความสะดวกสบาย ทันสมัย และสมรรถนะที่สูงขึ้น
ไม่ใช่แค่รถยนต์ยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่แค่รถเก๋ง รถสปอร์ต รถเอสยูวี รถบรรทุก แต่กลับกลายเป็นว่าเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เข้ามาควบคุมยานยนต์ ยานพาหนะ ขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือเรือ หลังจากที่ยานพาหนะทางอากาศ ใช้มาก่อนหน้านี้นานแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี เบรก ของอากาศยาน ที่เราจะรู้จักกันในนาม เบรก ABS ก็ได้พัฒนามาใช้กับรถยนต์ เพื่อให้การเบรกของรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ ไม่เสียการทรงตัว บนทางลื่นไถล ดังนั้น จึงเห็นรถสปอร์ตเปิดประทุน ที่แต่ก่อน จะเป็นระบบ แมคคานิค เปิดประทุน กลับกลายเป็นว่ารถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนรุ่นใหม่ๆ จะเป็นระบบอิเลคทรอนิค ควบคุมการเปิดปิดหลังคา แม้แต่กำหนดความเร็วของรถ ว่าอยู่ในระดับใด ถึงปลอดภัย ขณะเปิดประทุน
เทคโนโลยี ง่ายๆ อย่างไฟเลี้ยว ที่ติดตั้งกับตัวถังรถยนต์ และเพิ่มเติมต่อมาด้วยการฝังไว้ที่กระจกมองข้าง ซึ่งในกระจกมองข้าง ใช้เทคโนโลยีเพิ่มเติม เข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเตือน จุดอับสายตา หรือ Blind Spot รวมไปถึงการไล่ฝ้ากระจกมองข้างอัตโนมัติ หรือแม้แต่การติดตั้งเซ็นเซอร์ และกล้องไว้ใต้กระจกมองข้าง เพื่อประมวลผลในการรวบรวมภาพ ประกอบเป็นภาพสมมุติขึ้น รอบตัวรถ ที่มีชื่อเรียกว่า Around View Monitor
บริเวณกันชน เมื่อก่อนรถยนต์ ใช้เหล็ก หรืออลูมิเนียม เพื่อป้องกันตัวรถยนต์ จากการชน เพื่อให้โครงสร้างหลัก หรือแชสซีส์ ไม่เสียรูปทรงเวลา เกิดอุบัติเหตุ อย่างน้อยเปลี่ยนเฉพาะกันชน ยังดีกว่าการต้องเปลี่ยนหม้อน้ำ หรือเปลี่ยนเครื่อง แต่ด้วยมาตรฐานการผลิตรถยนต์สูงขึ้น และต้องการเซฟชีวิตคนบนท้องถนนมากขึ้น การเปลี่ยนกันชนเป็นไฟเบอร์ ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้การเกิดอุบัติเหตุกับคนบนท้องถนน ในความเร็วต่ำ เกิดการสูญเสียน้อยลง และแน่นอนว่า อิเลคทรอนิค ที่เข้ามามีส่วนร่วม หนึ่งในนั้น คือ เซนเซอร์ ที่อยู่บริเวณกันชนหลัง เพื่อตรวจจับวัตถุ เวลาเดินหน้าหรือถอยหลัง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุชนกับสิ่งกีดขวาง
ภายในที่เป็น อิเลคทรอนิค เน้นไปที่ ทริปคอมพิวเตอร์ เพื่อบอกข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ทั้งคัน ว่าอยู่ในสถานะใด ควบคุมพวงมาลัย ที่เลือกได้ว่าต้องการพวงมาลัยแบบนุ่มนวล หรือแบบสปอร์ต ควบคุมเกียร์ ให้ตอบสนองได้หลายระดับ และที่แน่ๆ คือ ความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสาร ที่เมื่อก่อน ซื้อรถยนต์มา ก็ต้องเอาไปติดตั้งเครื่องเสียงภายในรถยนต์ ราคาหลักหลายแสน แต่ปัจจุบัน หน้าจอทัชสกรีน เพื่อดูหนัง ฟังเพลง เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ หรือเชื่อมต่อกับดาวเทียม เพื่อนำทางรถยนต์
ทุกวันนี้ รถยนต์ จึงเหมือนกับ คอมพิวเตอร์ เคลื่อนที่ ใช้ระบบ อิเลคทรอนิค เกือบทั้งคัน แม้แต่ระบบ แมคคานิค ก็ได้รับการควบคุมจากระบบ อิเลคทรอนิค ปัจจุบันยานยนต์พัฒนา ไปเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งกำลังเป็นก้าวใหม่แห่งอนาคต จนในที่สุดแล้ว รถยนต์ในรูปแบบเดิมๆ ก็แทบจะไม่เหลือให้เห็นกัน