ตลาดรถยนต์สิงหาคมอยู่ในช่วง Low season ยอดลดลง 38.8%

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม 2564 มีปริมาณการขาย 42,176 คัน ลดลง 38.8% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 35% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสืบเนื่องจากความวิตกกังวลต่อภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นการระบาดของสายพันธุ์ Delta ที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 (ศบค.)ขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดมากขึ้น เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และภาคธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้ผูบริโภคส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ภายในประเทศและรัดกุมเรื่องการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วง Low season ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการขายรถยนต์อีกด้วย

         ตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 รวมทั้งการออกมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ต้องชะลอ หรือเลื่อนกำหนดการออกไป รวมไปถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทำให้ประชาชนเดือดร้อนด้วยหลายเหตุปัจจัยต่างๆ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และกระทบความสามารถในการซื้อรถยนต์ของลูกค้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดียังมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้นจากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา และการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ กันยายน 2564 รวมทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นคืนกลับมาโดยเร็ว

คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2564 ชะลอตัวทุกเซ็กเมนท์ในช่วง Low Season โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 42,176 คันลดลง 38.8%ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 13,845 คัน ลดลง 35% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 28,331 คัน ลดลง 40.5% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 21,875 คัน ลดลง 40.9%

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2564

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 42,176 คัน ลดลง 38.8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า     12,364 คัน   ลดลง        42.8% ส่วนแบ่งตลาด 29.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ         11,035 คัน   ลดลง        33.4%   ส่วนแบ่งตลาด 26.2%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      5,345 คัน    ลดลง        37.9%     ส่วนแบ่งตลาด 12.7%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 13,845 คัน ลดลง 35%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า       4,906 คัน    ลดลง       30.9%        ส่วนแบ่งตลาด 35.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     3,694 คัน    ลดลง       30.0%   ส่วนแบ่งตลาด 26.7%

อันดับที่ 3 มาสด้า      1,061 คัน    ลดลง       49.6%   ส่วนแบ่งตลาด  7.7%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,331 คัน ลดลง 40.5%

อันดับที่ อีซูซุ         11,035 คัน   ลดลง       33.4%      ส่วนแบ่งตลาด 39.0%

อันดับที่ โตโยต้า     8,670 คัน    ลดลง      46.9%       ส่วนแบ่งตลาด 30.6%

อันดับที่ ฟอร์ด       2,012 คัน    ลดลง      23.3%       ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

4.ตลาดรถกระบะขนาด ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 21,875 คัน ลดลง 40.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ         9,638 คัน     ลดลง     36.9%       ส่วนแบ่งตลาด 44.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     7,754 คัน    ลดลง     42.8%       ส่วนแบ่งตลาด 35.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด       2,012 คัน    ลดลง     23.3%       ส่วนแบ่งตลาด  9.2%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด ตัน2,487 คัน

         โตโยต้า 1,114 คัน – อีซูซุ 687 คัน – มิตซูบิชิ 278 คัน – ฟอร์ด 250  คัน – นิสสัน 158 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,388 คัน ลดลง 41.7%

อันดับที่ อีซูซุ         8,951 คัน     ลดลง       39.8%      ส่วนแบ่งตลาด 46.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     6,640 คัน    ลดลง       43.8%      ส่วนแบ่งตลาด 34.2%

อันดับที่ ฟอร์ด       1,762 คัน    ลดลง      15.7%       ส่วนแบ่งตลาด  9.1%               

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2564

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 467,809 คัน เพิ่มขึ้น 2.4%                            

อันดับที่ 1 โตโยต้า     146,589 คัน เพิ่มขึ้น        9.9%     ส่วนแบ่งตลาด 31.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ         117,880 คัน เพิ่มขึ้น        9.1%  ส่วนแบ่งตลาด  25.2%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      55,018 คัน  ลดลง          1.7%     ส่วนแบ่งตลาด 11.8%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 150,885 คัน ลดลง 5.4%                                 

อันดับที่ 1 ฮอนด้า      47,557 คัน  เพิ่มขึ้น       1.5%      ส่วนแบ่งตลาด 31.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     37,864 คัน  ลดลง        5.9%       ส่วนแบ่งตลาด 25.1%

อันดับที่ 3 มาสด้า      13,235 คัน  ลดลง        9.4%       ส่วนแบ่งตลาด  8.8%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 316,924 คัน เพิ่มขึ้น 6.6%                            

อันดับที่ อีซูซุ         117,880 คัน เพิ่มขึ้น      9.1%       ส่วนแบ่งตลาด 37.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     108,725 คัน เพิ่มขึ้น     16.7%     ส่วนแบ่งตลาด 34.3%

อันดับที่ ฟอร์ด       20,429 คัน  เพิ่มขึ้น     24.1%     ส่วนแบ่งตลาด  6.4%

4.ตลาดรถกระบะขนาด ตัน  (Pure Pick up และ PPV) ปริมาณการขาย 246,625 คัน เพิ่มขึ้น4.4%                            

อันดับที่ 1 อีซูซุ         107,060 คัน เพิ่มขึ้น       6.9%      ส่วนแบ่งตลาด 43.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     92,458 คัน   เพิ่มขึ้น      15.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด       20,429 คัน   เพิ่มขึ้น      24.1% ส่วนแบ่งตลาด  8.3%

         ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด ตัน33,123 คัน

         โตโยต้า 14,525 คัน – อีซูซุ 11,022 คัน – มิตซูบิชิ 4,204 คัน – ฟอร์ด 3,015 คัน – นิสสัน 357 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 213,502 คัน เพิ่มขึ้น 0.5%

อันดับที่ อีซูซุ         96,038 คัน   ลดลง          0.3%     ส่วนแบ่งตลาด 45.0%

อันดับที่ 2 โตโยต้า     77,933 คัน   เพิ่มขึ้น        9.9%     ส่วนแบ่งตลาด 36.5%

อันดับที่ ฟอร์ด       17,414 คัน   เพิ่มขึ้น      30.0%     ส่วนแบ่งตลาด  8.2%     

 

Related posts

Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed