มาสด้า ประเทศไทย เปิดเกมส์บุกหนักตลาดครอสโอเวอร์เอสยูวี เปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-3 มาพร้อมแนวคิด “Leap Forward” ให้ชีวิตไปอีกขั้น กับเอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เชื่อมต่อคนรุ่นใหม่กับโลกยานยนต์ด้วยการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด มาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อิสระสังคมแห่งโลกยุคดิจิตอล
พบกับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 อีกระดับ ด้วยสีภายนอกเทรนด์ใหม่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ มอบความสปอร์ตพรีเมี่ยมในทุกมุมมอง สะท้อนเอกลักษณ์ความมีสไตล์ของผู้ขับขี่ที่ชัดเจน ตั้งเป้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่ม B-SUV และ B-Car Upper ที่มองหารถเอสยูวีคันแรก ที่ตอบครบทั้งไลฟ์สไตล์และภาพลักษณ์ตลอดจนฟังก์ชั่นการใช้งานบนพื้นฐานความคุ้มค่า ตั้งราคาขายเริ่มต้นเพียง 769,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวกับดอกเบี้ย 1.33% ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี
คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “MAZDA CX-3 ถือเป็นหนึ่งในรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าชาวไทย เปิดตัวแนะนำครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 สามารถสร้างยอดขายให้กับมาสด้าได้อย่างต่อเนื่องกลายเป็นโมเดลที่ทำสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และล่าสุดในปีนี้ (เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564) ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดถึง 104% ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 โดยมียอดขายสะสมสูงถึง 3,500 คัน ซึ่งการเปิดตัว NEW MAZDA CX-3 ครั้งนี้ นับเป็นการวางกลยุทธ์ใหม่ของมาสด้า ในการสร้างความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์ให้กับรถเอสยูวีในตระกูล CX-Series ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ต่อเนื่องจากที่ได้เปิดตัวแนะนำรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นพี่ NEW MAZDA CX-5 และ NEW MAZDA CX-8 พร้อมคอนเซปต์ที่เด่นชัดด้วยภาพลักษณ์ของ MAZDA FAMILY SUV ไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ เนื่องจากการวางกลยุทธ์ด้านราคา การขยายฐานลูกค้า การเติมเทคโนโลยี และเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ลูกค้าสัมผัสและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น สำหรับการเปิดตัว NEW MAZDA CX-3 ครั้งนี้ เป็นการพัฒนาปรับโฉมเป็นครั้งที่สี่ ซึ่งทำให้ CX-3 เป็นเอสยูวีที่ล้ำสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นการกลับมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ในกลุ่ม B-SUV ด้วยการเป็นรถที่ให้มากกว่าความคุ้มค่า กับราคาที่จับต้องได้และเป็นเจ้าของได้ง่าย ครบครันด้วยเทคโนโลยี ที่ตอบรับและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอลได้อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ CX-3 ยังมาพร้อมกับการเปิดตัวสีใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งดีไซน์เนอร์เจาะจงใช้เทรนด์สีใหม่แห่งอนาคต สี บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์เพื่อก้าวสู่เทรนด์แฟชั่นใหม่ก่อนใคร และเชื่อว่าสีดังกล่าวจะมาสร้างกระแสนิยมใหม่ให้กับวงการรถยนต์ เช่นเดียวกับกระแสตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี กับสีซิกเนเจอร์ของมาสด้าต่างๆ ที่ผ่านมา ทั้ง สีแดง โซล เรด คริสตัล, สีเทา แมชชีนเกรย์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ พร้อมยกระดับความพรีเมี่ยม ล้ำสมัยในทุกด้านของผลิตภัณฑ์รถครอสโอเวอร์ของมาสด้าที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และแสดงออกถึงตัวตนของลูกค้าในยุคดิจิตอลได้อย่างแท้จริง ซึ่งมาสด้ามั่นใจว่า รถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทยเช่นที่ผ่านมา”
อนึ่ง ทางด้าน คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-3 ถือเป็นการวางกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถประเภทครอสโอเวอร์เอสยูวีของประเทศไทย การปรับโฉม NEW MAZDA CX-3 ให้มีความล้ำสมัยมากขึ้นอีกขั้น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น ซึ่งการกลับมาครั้งนี้มาพร้อมแนวคิด “Leap Forward” ให้ชีวิตไปอีกขั้น กับเอสยูวีใหม่ที่คุ้มค่ากว่า โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีคาแรกเตอร์และมีสไตล์ อัพเดททุกเทรนด์ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ มองทุกจังหวะเป็นโอกาส เลือกที่จะแข่งและเอาชนะตัวเอง เพื่อให้พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้น ได้ใช้ชีวิตและเติมเต็มประสบการณ์ของตัวเองและกลุ่มเพื่อนอย่างเต็มที่และคุ้มค่า และกำลังมองหารถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกในกลุ่ม B-SUV ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยี และมาพร้อมความคุ้มค่าครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งในเชิงภาพลักษณ์ ประสบการณ์และการใช้งานอย่างครบถ้วน เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายอีกขั้นของชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง”
ดังนั้น NEW MAZDA CX-3 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการและตัวตนของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงครบครันด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในรุ่นย่อยทั้ง 3 รุ่น รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ตอบรับทุกประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตก้าวไปสู่อีกระดับ ด้วยความอเนกประสงค์ของการใช้งานที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ในทุกรุ่นย่อย ที่ให้พละกำลังแรงมากที่สุดในกลุ่มเซกเมนต์ถึง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม.* และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยความเหนือชั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคันให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสนุกคล่องตัวในการขับขี่ตามแนวคิด จินบะ อิไต(Jinba Ittai) พร้อมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control (GVC) ที่ให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกัน
พบกับอีกขั้นของสไตล์ที่พรีเมี่ยมโดดเด่นพร้อมความสง่างามเป็นครั้งแรกกับสีภายนอกใหม่ล่าสุด Platinum Quartz สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่จะมาเสริมให้มาสด้ากลายเป็นผู้นำเทรนด์ของวัยรุ่นยุคสมัยใหม่ โดยเป็นสีที่แสดงออกถึงความมีคุณภาพสูง ด้วยผลึกกึ่งโปร่งแสงจากควอตซ์ที่ขาวละเอียด นวลเนียน และมีคุณภาพ สะท้อนตัวตนอันมีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ มีความแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความรู้สึกหรูหรา ทรงพลัง และสง่างามมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Kodo design – Soul of Motion ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความโฉบเฉี่ยวที่เปรียบประดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต เพื่อสะท้อนความเรียบหรูทรงพลังในสไตล์เอสยูวี และสร้างความตราตรึงใจให้กับผู้พบเห็น สำหรับภายในห้องโดยสารก็ยังคงโดดเด่นด้วยความประณีตพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด คัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส พร้อมเพิ่มความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยคอนโซลหน้าแบบ Grand Luxe Suede® สีเทา ที่ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนังสีดำตัดด้วยด้ายสีเทา
เพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิตอล NEW MAZDA CX-3 จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้น รวมถึงช่วยให้ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสารบนโลกโซเชียล และอัพเดทเทรนด์ได้ทุกที่ทุกเวลากับเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ที่สามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ด้วยระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Wireless Apple CarPlay® และรองรับ Android AutoTM* ที่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญได้โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้วควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander มอบความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง
การพัฒนาภายใต้ปรัชญา HMI (Human-Machine Interface) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ ด้วยการจัดวางฟังก์ชั่นการใช้งานในตำแหน่งศูนย์กลาง สะดวกสบายอีกระดับด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และในทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้า แบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังเสริมความหรูหราโดดเด่นมีสไตล์ด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว มอบความอเนกประสงค์ด้วย พนักพิงหลังสามารถแยกพับ 60:40 อิสระจากกัน พร้อมพนักวางแขน และที่วางแก้วแบบมีฝาปิด ที่สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์เหนือระดับของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว
เทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำที่เพียบพร้อมใน NEW MAZDA CX-3
- ระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง (360° View Monitor)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EDB และระบบช่วยเบรก BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS ( Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย
- ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด
- เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold
ภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย
- สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
- สีขาว เซรามิก เมทัลลิค (Ceramic Metallic)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
ราคาจำหน่าย NEW MAZDA CX-3
รุ่น BASE ราคาจำหน่าย 769,000 บาท
รุ่น BASE PLUS ราคาจำหน่าย 809,000 บาท
รุ่น COMFORT ราคาจำหน่าย 879,000 บาท
ลูกค้าที่สนใจเตรียมพบกับยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด NEW MAZDA CX-3 พร้อมสัมผัสและทดลองขับได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษในช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ย 1.33% และฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พฤศจิกายน 2564 เท่านั้น