ศึกรถยนต์ทางเรียบชั้นนำของประเทศไทย รายการ Idemitsu Super Turbo Thailand 2019 สนามที่ 5 ดวลความเร็วเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม สนามที่ 6 ตัดสินกันในวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร
LADY CUP
เริ่มต้นด้วยรุ่น LADY CUP รุ่นผู้หญิงขับล้วนๆ แต่ถ้าไม่บอกนึกว่าผู้ชายขับ ทั้งการออกตัว เร่งแซง เข้าโค้ง โดยการแข่งขันในคลาส Lady Cup สนาม 5 ยังคงความเข้มข้นไว้เหมือนเดิมโดยตำแหน่งโพลโพซิชั่นในเรซนี้เป็นของนักขับสาวจอมดุอย่าง แพรวพรรณ ธรรมลาภา จาก Elf Singha Racing Team ขนาบข้างด้วย ภาวิณี โยธา จาก MORSENG RACING TEAM ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ชุติกาญจน์ มวยดี จาก RUK SERVICE TEAM
เกมในเรซนี้ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 8 รอบสนาม ด้วยความมันส์ โดยการชิงตำแหน่งหัวแถวเป็นการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นระหว่าง แพรวพรรณ เจ้าของโพล และ ชุติกาญจน์ ที่ออกตัวจากกริดที่ 3 และมีสไตล์การขับที่ดุดัน อย่างไรก็ดี แม้ แพรวพรรณ จะโดนกดดันอย่างหนัก แต่ยังอาศัยประสบการณ์ที่เหนือกว่า รักษาตำแหน่งหัวแถวไว้ได้อย่างเหนียว ควบรถแข่งเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 17 นาที 24.357 วินาที คว้าแชมป์ไปครองได้อีกสนาม เฉือนอันดับ 2 อย่าง ชุติกาญจน์ เพียง 1.13 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ในเรซนี้ตกเป็นของนักขับสาวชาวญี่ปุ่นอย่าง มิโมโตะ มิชิเอะ จาก Arto West Racing Team ที่ขยับขึ้นมาจากกริดที่ 4 และทำเวลาต่อรอบได้ดีอย่างต่อเนื่อง จบเรซในอันดับ 3 ตามหลังแชมป์ 3.001 วินาที ด้าน ภาวิณี ฟอร์มแผ่วในช่วงกลางเรซ ตกลงไปจบการแข่งขันในอันดับ 4 ตามด้วย สาวิตรี กวางแก้ว จาก IDEMITSU RACING TEAM THAILAND ในอันดับ 5
พอมาถึงวันอาทิตย์ แพรวพรรณ ธรรมลาภา ยอดนักขับสาวไทยฟอร์มดุคว้าแชมป์ 5 เรซติดต่อกัน ผงาดแชมเปี้ยนฤดูกาล 2019 ในคลาส Lady Open ของศึก Idemitsu Super Turbo Thailand ขณะ เมฆรัชคีฏาก์ กะลันตานนท์ เข้าวิน Lady A/T ส่วน รัชการณ์ วัชรเสถียร ครองแชมป์ประจำปี หลังจบสนามสุดท้ายของปีอย่างสุดติ่ง เพราะ Lady Cup สนามสุดท้ายทวีความเข้มข้นอย่างมาก เป็นการตัดสินแชมป์ประจำปี ซึ่งนักขับสาวทุกคนทุ่มสุดตัวเพื่อคะแนนสูงสุดของตัวเองบนตารางแชมเปี้ยนชิพ โดยตำแหน่งยังคงเป็นของยอดนักขับสาวจอมดุดันอย่าง แพรวพรรณ ธรรมลาภา จาก Elf Singha Racing Team ขนาบข้างด้วย ภาวิณี โยธา จาก MORSENG RACING TEAM ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ชุติกาญจน์ มวยดี จาก RUK SERVICE TEAM เกมในเรซสุดท้ายการชิงตำแหน่งหัวแถว ยังคงเป็นการขับเคี่ยวของ 2 นักขับสาวอย่าง แพรวพรรณ และ ชุติกาญจน์ ที่ขยับขึ้นมากริดที่ 3 และไล่ขึ้นมาบดในหัวแถวได้อย่างสุดมันส์ ซึ่งพอจบการแข่งขัน 8 รอบสนาม แชมป์ Lady Open ตกเป็นของ แพรวพรรณ ที่รักษาตำแหน่งหัวแถวไว้ได้อย่าเหนียวแน่น เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 16 นาที 41.842 วินาที เหมาชัยชนะ 2 เรซติดต่อกันในสุดสัปดาห์นี้ เฉือน ชิติกาญจน์ อันดับ 2 เพียง 0.864 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มิโมโตะ มิชิเอะ นักขับสาวชาวญี่ปุ่นจาก Arto West Racing Team ตามหลังแชมป์ 8.161 วินาที ขณะที่แชมป์ในคลาส Lady A/T ตกเป็นของ เมฆรัชคีฏาก์ กะลันตานนท์ จาก ADVICS AISIN RACING TEAM ด้วยเวลา 18 นาที 3.068 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง รัชการณ์ วัชรเสถียร จาก BUALOY RACING TEAM อยู่ 5.392 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ กุลนิภา อินทรศิริ จาก FAUSTINO TEAM ตามหลังแชมป์ 9.056 วินาที แต่ก่อนจะแข่งสนามสุดท้าย แชมเปี้ยนชิพในคลาส Lady Cup A/T ก็ตกเป็นของ รัชการณ์ ที่เก็บแต้มเต็มจากการคว้าคะแนนสูงสุดในคลาส 6 สนามรวด เก็บไปทั้งสิ้น 138 คะแนน ได้แชมป์ไปก่อนแข่งสนามสุดท้ายด้วยซ้ำ คว้าแชมป์ประจำปีไปครอง โดยมี กุลนิภา อินทรศิริ เป็นรองแชมป์มีทั้งสิ้น 96 คะแนน ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ธนวรรณ แจ้งกมลกุญชัย จาก ORCHIP-PTT-NEXZTER RACING TEAM มี 87 คะแนน
JAPAN 20+
ในรุ่น เจแปน ทเว่นตี้ พลัส เป็นการดวลรถญี่ปุ่น ที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป เป็นอีกคลาสที่ได้รับความสนใจจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตจำนวนมาก เพราะรถแข่งที่ใช้ถือเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่รวมมาไว้ในเรซเดียวกันถึง 23 คัน ซึ่งจะดวลกันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม โดยตำแหน่งโพลโพซิชั่นในเรซนี้เป็นของ อริยพล จิรโอฬารนนท์ จาก WAXONE RACING PROJECT ขนาบข้างด้วย จิรัฐิ เศวตศิลา จาก STAR PERFORMANCE ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของจอมเก๋าอย่าง หทัย ไชยวัณณ์ จาก SINGHA ELF น้ำตาลบุรีรัมย์
เกมในเรซนี้เข้มข้นระดับ 5 ดาว เมื่อ ณัฐพงษ์ เลิศล้ำประเสริฐกุล จาก ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง รามอินทรา เทอร์โบ ซึ่งได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 15 สวมบทบู๊ไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะไล่บี้ขึ้นมาจ่อท้ายผู้นำอย่าง อริยพล และขับเคี่ยวเพื่อชิงตำแหน่งกันอย่างสุดมันส์ ท้ายที่สุดเมื่อจบการแข่งขันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม เป็น ณัฐพงษ์ ที่ ขยับแซง อริยพล โดยรวมแล้วเขาสามารถขยับอันดับได้ถึง 14 คัน เข้าป้ายเป็นคันแรก ด้วยเวลา 19 นาที 45.251 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง อริยพล เพียง 0.629 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ หทัย เข้าป้ายด้วยเวลาตาม 19 นาที 48.721 วินาที ด้าน จิรัฐิ จบเรซในอันดับ 4 ตามด้วย อริยพล จุลวัจนะ จาก CAR-aะ-HOLIC ในอันดับ 5
แต่พอมาถึงวันอาทิตย์ สนามสุดท้าย อริยพล จิรโอฬารนนท์ จาก WAXONE RACING PROJECT คืนฟอร์มเก่งคว้าชัยชนะ Japan 20+ สนามสุดท้าย พร้อมผงาดคว้าแชมป์ประจำปีไปครองอย่างสุดมันส์ หลังจาก ณัฐพงษ์ เลิศล้ำประเสริฐกุล จาก ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง รามอินทรา เทอร์โบ ดวงแตกไม่จบเรซขณะไล่บี้กันอย่างสุดมันส์ โดยตำแหน่งโพลในสนามสุดท้ายของ Japan 20+ เป็นของ ณัฐพงษ์ เลิศล้ำประเสริฐกุล เจ้าของแชมป์สนาม 5 จาก ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง รามอินทรา เทอร์โบ ขนาบข้างด้วย อริยพล จิรโอฬารนนท์ จาก WAXONE RACING PROJECT ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ อณิวัฎ ล้อมมหาดไทย จาก IDEMITSU RACING TEAM THAILAND เกมในเรซนี้เข้มข้นสุดขีด จากการขับเคี่ยวเพื่อชิงตำแหน่งหัวแถวระหว่าง ณัฐพงษ์ เจ้าของโพลและแชมป์สนามล่าสุดในวันเสาร์ ที่ต้องดวลกับ อริยพล อย่างหนัก โดยทั้งคู่ต่างมีคะแนนสะสมลุ้นแชมป์ที่ต้องตัดสินการในสนามสุดท้าย แต่จุดเปลี่ยนของเรซเกิดขึ้นในรอบที่ 7 หลังจากที่ ณัฐพงษ์ พยายามอย่างหนักในการรักษาตำแหน่งหัวแถว แต่กลับต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย ส่งผลให้แชมป์ตกเป็นของ อริยพล ที่ควบรถแข่งเข้าป้ายเป็นคันแรกหลังจบ 10 รอบสนาม ด้วยเวลา 20 นาที 30.654 วินาที ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง จิรัฐิ เศวตศิลา จาก STAR PERFORMANCE ถึง 9.513 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ดนุวัศ วรกิติไชย จาก IDEMITSU RACING TEAM THAILAND ที่คว้าแชมป์ในคลาส Single Cam ไปครองด้วย โดยมีนักขับในคลาสเดียวกันทั้ง 2 คนตามเข้าป้ายในอันดับ 4 และ 5 ได้แก่ทีมเมทอย่าง อณิวัฏ และ คมกฤษณ์ เลิศล้ำประเสริฐกุล จาก เลิศล้ำประเสริฐกุล ตามลำดับ หลังจบการแข่งขัน 6 สนามของฤดูกาล 2019 แชมป์ประจำปีในคลาส Japan 20+ Twin Cam เป็นของ อริยะพล ที่เก็บไปทั้งสิ้น 107 คะแนน ส่วนรองแชมป์ได้แก่ จิรัฐิ มี 73 คะแนน เท่ากับอันดับ 3 อย่าง ณัฐพงษ์ ที่ไม่จบเรซสุดท้ายของปีอย่างน่าเสียดาย ด้านแชมป์ประจำปีในคลาส Japan 20+ Singla Cam ตกเป็นของ ดนุวัศ มีทั้งสิ้น 96.5 คะแนน ตามด้วย อนิวัฏ ในอันดับ 2 มี 83 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ คมกฤษณ์ มีทั้งสิ้น 70.5 คะแนน
Super Turbo D4
ในรุ่น SUPER TURBO D4 มาถึงสนาม 5 ต้องบอกว่ามีรถเข้าร่วมการแข่งขันในสนามนี้ทั้งสิ้น 15 คัน โดยในรายชื่ออีก 6 คัน ไม่สามารถนำรถเข้าร่วมดวลความเร็วนี้ได้ ซึ่งแข่งขันกันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม ตำแหน่งโพลโพซิชั่นในเรซนี้ตกเป็นของ สรรพร เชาวน์ชวานิล จาก STAR PERFORMANCE ขนาบข้างด้วย อนุสรณ์ อาศิรเลิศสิริ จาก BILLIONAIRE BOY RACING ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ RHOMMELL SINGH จาก STAR PERFORMANCE เกมในเรซนี้ไม่มีอะไรพลิกผัน เมื่อ สรรพร ออกสตาร์ทจากโพล และยังคงทำผลงานยอดเยี่ยมในการแข่งขัน ออกตัวด้วยการเป็นผู้นำ รักษาตำแหน่งหัวแถวได้ตลอด 10 รอบสนาม เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 23.239 วินาที คว้าแชมป์ไปครองแบบหายห่วง ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง อนุสรณ์ ถึง 19.619 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของนักขับสาวพรสวรรค์สูงอย่าง ณัฐนิช ลีวัฒนาวรากุล จาก RMI JUN RACING TEAM ที่แม้จะออกสตาร์ทจากกริดที่ 4 แต่จากผลงานที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้นักขับสาวรายนี้ขยับขึ้นมาคว้าอันดับ 3 ไปครองได้อย่างสุดมันส์ ด้านอันดับ 4 เป็นของ ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์ จอมเก๋าจาก TEIN TEAM THAILAND ตามด้วย อัทธนีย์ ตั้งตรงเวชกิจ จาก น้ำตาลบุรีรัมย์ ในอันดับ 5
แต่พอมาถึงสนามสุดท้ายรุ่น Super Turbo D4 มีรถเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้นแค่ 19 คัน ซึ่งจะแข่งขันกันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม และเป็นอีกหนึ่งคลาสที่ต้องมาตัดสินแชมป์ประจำปีกันในสนามสุดท้ายที่ บุรีรัมย์ นี้ โดยตำแหน่งโพลในเรซนี้เป็นของ สรรพร เชาวน์ชวานิล จาก STAR PERFORMANCE ขนาบข้างด้วย ณัฐนิช ลีวัฒนาวรากุล นักขับสาวจาก RMI JUN RACING TEAM ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ภาสกร แย้มเกตุหอม จาก BOONYA COCKPIT RACING TEAM แชมป์โอเวอร์ออลในเรซนี้เป็นของ สรรพร ที่ออกนำม้วนเดียวจบตลอดการแข่งขันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 19 นาที 32.997 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง ณัฐนิช 3.500 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ อนุสรณ์ อาศิรเลิศสิริ จาก BILLIONAIRE BOY RACING ตามหลังแชมป์ 36.494 วินาที ด้านอันดับ 4 ตกเป็นของนักขับสาวอีกรายอย่าง อัชริฌา แก้วตาสาม จาก WAXONE RACING PROJECT ตามหลังแชมป์ 51.175 วินาที ส่วนอันดับ 5 ได้แก่ ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์ จาก Tein Team Thailand ตามหลังแชมป์ 52.836 วินาที จบการแข่งขัน 6 สนามของปี 2019 แชมป์ประจำปีตกเป็นของ อนุสรณ์ มีทั้งสิ้น 107 คะแนน ส่วนรองแชมป์เป็นของ สรรพร มี 79.5 คะแนน ตามด้วย ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์ มี 72 คะแนน
Super Turbo # D2 & D3
สำหรับรุ่นนี้ เป็นหนึ่งในเรซที่มีนักขับเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุด คือเกมในรุ่น Super Turbo D2 และ Super Turbo D3 ที่ลงดวลความเร็วพร้อมกัน โดยมีรถแข่งมากถึง 32 คัน ล้นแทร็กสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เลยทีเดียว และยังตำแหน่งโพลในรุ่น Super Turbo D2 เป็นของ มาวิน บุญอิต จาก STAR PERFORMANCE ขนาบข้างด้วย มั่นคง เสถียรถิระกุล จาก สิทธิผล กรุ๊ป – KI SUGAR ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของทีมเมทชั้นครูอย่าง เอกประวัติ เพ็ชรรักษ์ ที่สตาร์ตในกริดที่ 3 โดยแชมป์ในคลาส Super Turbo D2 ตกเป็นของ มั่นคง ที่ทะยานขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ก่อนควบรถแข่งเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 21 นาที 27.493 วินาที ตามด้วย เอกประวัติ ในอันดับ 3 ด้วยเวลาตามหลังแชมป์ 14.298 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ขจรศักดิ์ ณ สงขลา จาก PTT PERFORMA – V.C.MEAT – RPM – COSMIS
หากแต่เกมในรุ่น Super Turbo D3 แชมป์ตกเป็นของ เศรษฐศิษฐ์ บุณยเกียรติ จาก VATTANA MOTORSPORT ที่เข้าป้ายด้วยเวลา 22 นาที 28.668 วินาที ตามด้วย ภิษณุ ภูษิตานนธกูร ในอันดับ 2 ตามหลังแชมป์ 6.336 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ภัทรพล กรเวช จาก WAXONE RACING PROJECT ตามหลังแชมป์ 7.161 วินาที
ตำแหน่งโพลในเรซนี้เป็นของ มาวิน บุญอิต ยอดนักขับดาวโรจน์ชาวไทยจาก STAR PERFORMANCE ขนาบข้างด้วย มั่นคง เสถียรถิระกุล จาก สิทธิผล กรุ๊ป – KI SUGAR ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ขจรศักดิ์ ณ สงขลา นักขับจอมเก๋าจาก PTT PERFORMA – V.C.MEAT – RPM – COSMIS เกมในเรซนี้ดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยนักขับในกลุ่มหัวแถวอย่าง มั่นคง ต้องออกจากการแข่งขชันไปตั้งแต่รอบที่ 5 ตามด้วย พันธุ์ทนง นิยมเหตุ จาก SINGHA ELF RACING TEAM ในรอบที่ 6 จากนั้นเป็นจอมเก๋าอย่าง เอกประวัติ เพ็ชรรักษ์ จาก สิทธิผล กรุ๊ป – KI SUGAR ที่พลาดออกจากการแข่งขันไปอีกคันในรอบที่ 8 ผลการแข่งขันเรซนี้ปรากฏว่าแชมป์ตกเป็นของ มาวิ่น ที่นำม้วนเดียวจบ 11 รอบสนาม เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 35.147 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง ขจรศักดิ์ 6.957 วินาที ส่วนอันดับ 3 ในเรซนี้เป็นของ เศรษฐศิษฐ์ บุณยเกียรติ จาก VATTANA MOTORSPORT พร้อมกับคว้าแชมป์ในคลาส D3 ไปครอง ตามด้วยนักขับ D3 อย่าง ภิษณุ ภูษิตานนธกูร และ จักรพันธ์ ตันกำเนิด จาก SINGHA TT MOTORSPORT ในอันดับ 4 และ 5 จบการแข่งขัน 6 สนามในฤดูกาล 2019 แชมป์ประจำปีในคลาส Super Turbo D3 ตกเป็นของ มาวิ่น บุญอิต มีทั้งสิ้น 98 คะแนน ส่วนรองแชมป์เป็นของ ขจรศักดิ์ ณ สงขลา มี 95.5 คะแนน ตามหลังแชมป์เพียง 2.5 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มั่นคง เสถียรถิระกุล มี 95.5 คะแนน
ด้านแชมป์ในคลาส Super Turbo D2 ตกเป็นของ ภัทรพล กรเวช จาก WAXONE RACING PROJECT เก็บไปทั้งสิ้น 82 คะแนน รองแชมป์เป็นของ ภิษณุ ภูษิตานนธกูร มี 78 คะแนน ตามหลังเพีย 4 แต้ม ส่วนอันดับ 3 เป็นของ หทัย ไชยวัณณ์ จอมเก๋าจาก SINGHA ELF น้ำตาลบุรีรัมย์ มี 64 คะแนน
Super Turbo # D1 & TH
รุ่น SUPER TURBO TH+D1 สนาม 5 คือ ไฮไลค์ที่เข้มข้นที่สุดของเรซนี้ คือ การแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของแชมเปี้ยนชิพ ในคลาส Super Turbo Th และ Super Turbo D1 ซึ่งเป็นการรวมรถแข่งระดับตำนานและ ซูเปอร์คาร์สุดหรูมาไว้ในเรซเดียวกันมากถึง 23 คัน
โดยตำแหน่งโพลในเรซนี้เป็นของ วีรกาจ ดอกจันทร์ จาก WORLD PUMPS RACING TEAM ขนาบข้างด้วย สิทธิโชค ขอนยาง จาก TT GARAGE & ผ้าใบสราวุธ มอเตอร์สปอร์ต ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ เฉิน เจี้ยน หง จาก H.DRIVE RACING TEAM เริ่มต้นเกมด้วยการออกตัวแบบโรลลิ่งสตาร์ท โดยเจ้าของโพลอย่าง วีรกาจ ออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ทว่าจุดเปลี่ยนกลับเกิดขึ้นกับรถแข่งของเขา ทำให้ในช่วงรอบที่ 7 จ่าฝูงอย่าง วีรกาจ ต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย ส่งผลให้ สิทธิโชค ขยับขึ้นเป็นผู้นำและควบรถแข่งเข้าป้ายเป็นคันแรก ด้วยเวลา 21 นาที 13.341 วินที คว้าแชมป์โอเวอร์ออล และคลาส D1 ไปครองอย่างสุดมันส์ โดยมี เฉิน เจี้ยน หง ตามเข้าป้ายในอันดับ 2 ตามหลังแชมป์ 2.826 วินาที ส่วนอันดับ 3 โอเวอร์ออลเป็นของ สุเมธ รุ่งรัตนพันธ์ จาก WAKO’S TEAM THAILAND ตามหลังแชมป์ 26.669 วินาที พร้อมกับคว้าแชมป์ในคลาส Super Turbo Th ไปครองด้วย ด้าน สมชาย วิจิตร์ จาก รถบ้านชลบุรี จบการแข่งขันในอันดับ 4 ตามด้วย ศุวิล อศิรบัณฑิต จาก ENDLESS RPM THAILAND ในอันดับ 5
วันสุดท้าย และสนามสุดท้ายของปี ไฮไลต์ที่เข้มข้นที่สุดของงานนี้ คือ การแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของแชมเปี้ยนชิพ ในคลาส Super Turbo Th และ Super Turbo D1 โดยตำแหน่งโพลในเรซนี้เป็นของ วีระกาจ ดอกจันทร์ จาก WORLD PUMPS RACING TEAM ขนาบข้างด้วย เตชิษฐ์ ธนาพรสังสุทธิ์ จาก K-SPORT K1 RACING TEAM ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ สิทธิโชค ขอนยาง จาก TT GARAGE & ผ้าใบสราวุธ มอเตอร์สปอร์ต เจ้าของแชมป์สนาม 5 ในวันเสาร์ เกมในเรซนี้ยังคงเป็นฝันร้ายของ วีรกาจ ที่ไม่จบเรซเป็นสนามที่ 2 ของปี หลังจากที่สนาม 5 ในวันเสาร์มีปัญหากับรถแข่ง ขณะที่ในวันอาทิตย์ก็ต้องออกจากการแข่งขันตั้งแต่รอบแรก จากการที่รถแข่งมีปัญหาในสนามสุดท้าย โดย สิทธิโชค เจ้าของแชมป์สนาม 5 สามารถขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ในช่วงกลางเรซ ก่อนรักษาตำแหน่งหัวแถวได้อย่างเหนียวแน่น เข้าป้ายเป็นคันแรกหลังจบ 11 รอบสนาม ด้วยเวลา 20 นาที 18.896 วินาที คว้าแชมป์ 2 สนามติดต่อกันที่ บุรีรัมย์ ส่วนอันดับ 2 ตกเป็นของ เตชิษฐ์ ตามหลังแชมป์ 5.700 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ กรรณ สุนทรศร จาก ENI OIL JK RACING & K1 RACING TEAM ตามหลังแชมป์ 10.566 วินาที ตามด้วย วงศ์วริศ ชินพรมสมบัติ จาก H.DRIVE RACING TEAM ในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 36.505 วินาที ส่วนอันดับ 5 เป็นของ สมชาย วิจิตร์ จาก รถบ้านชลบุรี ตามหลังแชมป์ 40.506 วินาที
จบการแข่งขัน 6 สนามในฤดูกาล 2019 แชมป์ประจำปีในคลาส Super Turbo Th เป็นของ วีระกาจ ที่แม้จะไม่จบการแข่งขันในสนามสุดท้าย มีทั้งสิ้น 83.5 คะแนน รองแชมป์เป็นของ สุเมธ รุ่งรัตนพันธ์ จาก WAKO’S TEAM THAILAND มี 68.5 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ วิธวินท์ สนธิรักษ์ จาก LEO FRESH MSM มีทั้งสิ้น 61 คะแนน ด้านแชมป์ประจำปีในคลาส Super Turbo D1 เป็นของ เฉิน เจี้ยน หง จาก H.DRIVE RACING TEAM มีทั้งสิ้น 111 คะแนน รองแชมป์เป็นของ สิทธิโชค ขอนยาง มี 91 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ กรรณ สุนทรศร มี 58.5 คะแนน
PICKUP TURBO
แล้วรุ่นสุดท้ายก็มาถึง “เบสเทอร์โบยำ” ธณพล ชูเจริญผล จาก KEVLAR BRAKES & เบสเทอร์โบยำ ผลงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง นำโด่งม้วนเดียวจบผงาดแชมป์ Pickup Turbo สนาม 5 เหนือจอมเก๋าอย่าง “เล้งมังกรไฟ” จรัส แจ้งกมลกุลชัย จาก YSS RACING SHOCK-PTT-LENSO ที่ตามเข้าป้ายในอันดับ 2 สำหรับสนามรองสุดท้าย
การแข่งขันในรุ่น Pickup Turbo ขวัญใจมหาชน วางให้เป็นโปรแกรมปิดท้าย มีรถแข่งเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 13 คัน และเป็นหนึ่งในเรซที่เข้มข้นที่สุดของ Idemitsu Super Turbo Thailand 2019 ก็ว่าได้ เพราะตำแหน่งโพลในสนามที่ 5 ของ Pickup Turbo เป็นของ “เบสเทอร์โบยำ” ธณพล ชูเจริญผล จาก KEVLAR BRAKES & เบสเทอร์โบยำ ขนาบข้างด้วยจอมเก๋าของวงการอย่าง “เล้งมังกรไฟ” จรัส แจ้งกมลกุลชัย จาก YSS RACING SHOCK-PTT-LENSO ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ฤาชัย เนียมพิบูลย์ จาก แสบออโต้แม็กซ์ เบิร์ดหลักห้า ผู้ใหญ่ไก่ระยอง เกมในเรซนี้ไม่มีอะไรพลิกผัน ธณพล ที่ได้ออกตัวจากโพล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งเรซ นำม้วนเดียวจบ 10 รอบสนาม เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 21 นาที 10.720 วินาที คว้าแชมป์ไปครองแบบหายห่วง ขณะที่ จรัส นักขับจอมเก๋าของวงการรถแข่งปิ๊กอัพของไทย ตามเข้าป้ายในอันดับ 3 ตามหลังแชมป์ 6.759 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ฤาชัย ที่รักษาอันดับได้อย่างเหนียวแน่น ตามหลังแชมป์ 21.178 วินาที อันดับ 4 ตกเป็นของ เพิก เลิศวังพง จาก พรรคการยางพาราไทย ตามด้วย อภิสิทธิ์ วงศ์กาวี จาก SUNLUBE THAILAND, TEI, เจโช้คอัพ, ช่างเอกระยอง ในอันดับ 5
แต่พอมาถึงสนามสุดท้าย และเป็นรายการแข่งขันรายการสุดท้าย หลายคนใจหาย เพราะจะต้องห่างหายกันไปอีกครึ่งปี กว่าจะได้กลับมาเจอกัน แต่ทาง“เบสเทอร์โบยำ” ธณพล ชูเจริญผล จาก KEVLAR BRAKES & เบสเทอร์โบยำ สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ เข้าวิน Pickup Turbo สนามสุดท้าย สร้างสถิติคว้าชัยชนะ 6 สนามติดต่อกันของปีนี้ พร้อมผงาดบัลลังก์แชมป์ประจำปีด้วยคะแนนเพอร์เฟ็ค ณ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์
ศึกรถยนต์ทางเรียบชั้นนำของประเทศไทย รายการ Idemitsu Super Turbo Thailand 2019 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วปิดท้ายด้วยรุ่น ซูเปอร์ เทอร์โบ การแข่งขันในรุ่น Pickup Turbo สนามสุดท้าย ถูกวางให้เป็นโปรแกรมปิดท้ายของสุดสัปดาห์ยังมีรถทั้งสิ้น 13 คัน เหมือนเดิม ตำแหน่งโพลในสนามสุดท้ายเป็นของ เป็นของ “เบสเทอร์โบยำ” ธณพล ชูเจริญผล จาก KEVLAR BRAKES & เบสเทอร์โบยำ ขนาบข้างด้วย ฤาชัย เนียมพิบูลย์ จาก แสบออโต้แม็กซ์ เบิร์ดหลักห้า ผู้ใหญ่ไก่ระยอง ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของจอมเก๋าของอย่าง “เล้งมังกรไฟ” จรัส แจ้งกมลกุลชัย จาก YSS RACING SHOCK-PTT-LENSO ออกสตาร์ทเรซด้วยการขยับขึ้นนำอย่างรวดเร็วของ ธณพล ที่ยังคงชิงจังหวะในการโรลลิ่งสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่จอมเก๋าอย่าง จรัส กลับต้องออกจากการแข่งขันในรอบที่ 6 อย่างน่าเสียดาย โดยแชมป์ในเรซนี้ตกเป็นของ ธณพล ที่นำม้วนเดียวจบ 10 รอบสนาม เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 32.558 วินาที ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง สัญญา พลเยี่ยม จาก เบิร์ดหลักห้า ผู้ใหญ่ไก่ บุญยางชลบุรี ถึง 16.125 วินาที ส่วน ฤาชัย จบเรซในอันดับ 3 ตามหลังแชมป์ 23.060 วินาทีขณะที่อันดับ 4 เป็นของ สมร มะปะเข จาก GT RESEDENCE ตามหลังแชมป์ 42.285 วินาที ตามด้วย อภิสิทธิ์ วงศ์กาวี จาก SUNLUBE THAILAND, TEI, เจโช้คอัพ, ช่างเอกระยอง ในอันดับ 5 ตามหลังแชมป์ 63.141 วินาที
จบการแข่งขัน 6 สนามของฤดูกาล 2019 แชมป์ประจำปีในรุ่น Pickup Turbo ตกเป็นของ ธณพล ที่สร้างผลงานระดับมาสเตอร์คว้าโพลและแชมป์ 6 สนามรวด กวาดแต้มไปทั้งสิ้น 137 คะแนน รองแชมป์เป็นของ จรัส มี 67 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ สัญญา มี 56 คะแนน นอกจากนี้ ธณพล ยังคว้าแชมป์ประจำปีในคลาส Pickup Turbo AM ไปครองด้วยแต้มสูงถึง 138 คะแนน ตามด้วย เพิก เลศวังพง จาก พรรคยางพาราไทย มี 85 คะแนน อันดับ 3 เป็นของ พิสิษฐ์ เนตรเดชาธนาสิทธิ์ จาก หมอเส็ง PPK REPSO และ HLONG TURBO TEAM เค.เค ออโต้ พาร์ท มี 72.5 คะแนน ด้านแชมป์ประจำปีในคลาส Pickup Turbo Junior เป็นของ เอกสิทธิ์ นามแสงผา จาก TUNE BY AOT มีทั้งสิ้น 83 คะแนน รองแชมป์เป็นของ สัญญา มี 78.5 คะแนน ตามด้วยอันดับ 3 อย่าง ฤาชัย มี 67 คะแนน
แต่อย่าลืม ติดตาม การแข่งขัน IDEMITSU SUPER ENDURANCE 2019 ปลายปีนี้ วันที่ 13-14 ธันวาคม 2562 แข่งขันมาราธอน ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานมันส์ที่สุดในประเทศไทยขณะนี้