รถในตระกูล CBR Series ต้องบอกว่าทุกรุ่น หลังจากการเปิด ล้วนประสบความสำเร็จทั้งสิ้น ทั้งนี้ เจ้าตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด All New CBR150R นี้ ยังได้สร้างกระแสความคึกคักให้กับตลาดรถสปอร์ตในเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะนี่คือการเติมเต็มไลน์อัพครั้งสำคัญให้กับรถสปอร์ตในตระกูล CBR Series ให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ความต้องการนักบิดครบทุกพิกัดความแรง ตั้งแต่ระดับ 150-1,000 ซีซี เรียกได้ว่าการเปิดตัว All New CBR150R เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่ใช้เป็นกุญแจเพื่อเริ่มต้นเปิดประสบการณ์การขับขี่และสัมผัสความสนุกเร้าใจของรถสปอร์ตในตระกูล CBR Series ก็ว่าได้ ด้วยเอกลักษณ์ความโดดเด่นของการถ่ายทอด DNA จากรถแข่งโมโตจีพีของฮอนด้าที่สร้างเกียรติประวัติคว้าแชมป์ในรายการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกมาแล้วอย่างมากมาย ทั้งในด้านการออกแบบและเทคโนโลยีล้ำสมัย เหนืออื่นใด ในกลุ่มรถสปอร์ตด้วยกันเองยังมีความพิเศษยิ่งขึ้น ด้วยตัวเลือกลวดลาย Tri-Color ที่คัดสรรเฉพาะโมเดลระดับแฟลกชิปของฮอนด้าเท่านั้น ปัจจุบันรถสปอร์ตของฮอนด้าที่มีสีสันในสไตล์ Tri-Color มีให้เลือกเฉพาะในรหัส RR หรือ Racing Replica จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ สปอร์ตไบค์เรือธงรุ่นใหญ่ CBR1000RR-R และซูเปอร์สปอร์ตไซส์กลาง CBR600RR ซึ่งล่าสุด ฮอนด้าได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความพิเศษให้กับสปอร์ตน้องใหม่อย่าง All New CBR150R ที่มีตัวเลือกสี Tri-Color ด้วยเช่นกัน All New CBR150R รุ่น ABS สีแดง Tri-color มาพร้อมการยกระดับเทคโนโลยีใหม่ทั้งคัน โครงสร้างตัวรถออกแบบตามหลัก Aero Dynamics ตำแหน่งท่านั่งให้สัมผัสความเป็นซูเปอร์สปอร์ตเต็มตัว ขับเคลื่อนความแรงด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 150 ซีซี DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ เกียร์ 6 สปีด มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch เทคโนโลยีจากสนามแข่ง ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยนเกียร์ โช้กหน้าแบบหัวกลับ (Upside-down Shock Absorber) จากแบรนด์ SHOWA ดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อมระบบเบรกแบบ ABS และระบบไฟฉุกเฉิน ESS แสดงสัญญาณไฟกระพริบเมื่อใช้เบรกอย่างกะทันหัน ราคาแนะนำ 99,900 บาท นอกจากนี้ All…
Category: What New
What New
CUB House เปิดตำนานความสนุก
CUB House by Honda ส่งมอบความสนุกจากของเล่นในวัยเด็ก สู่รถคันจริงให้คนไทยได้สัมผัสด้วยการเปิดตัว Monkey x Hot Wheels Limited Edition หรือ Monkey รุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกันเป็นครั้งแรกของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Monkey และ Hot Wheels เพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็ก ที่อยากลองขี่รถในฝันสักครั้งในชีวิต ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น มร.ทาคาโนริ มารุยามะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทยเปิดเผยว่า “Monkey มีจุดเริ่มต้นในปี 1961 จากความคิดสนุกๆ ของวิศวกรฮอนด้า ที่นำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกันเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กไว้ขี่ในโรงงาน แต่หลังจากนั้นความสนุกดังกล่าวก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนกลายเป็นตำนานจนถึงปัจจุบัน สำหรับในเมืองไทย เราวางคอนเซปต์ Monkey ให้เป็นรถที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ให้กับแฟนๆ ที่อยากขับขี่รถในฝันหรือที่เราเรียกว่า “Ride Your Dream Bike” ผ่านคาแรกเตอร์ที่หลากหลายในรูปแบบ Special Limited Edition เริ่มจาก Dragon Ball Limited Edition มาจนถึง Gundam Limited Edition ซึ่งเราได้พบกับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามมาโดยตลอด และครั้งนี้เราขอส่งมอบความสนุกครั้งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเป็นครั้งแรกของการ Collab ระหว่าง Monkey และ Hot Wheels ซึ่งเป็นแบรนด์ของเล่นที่เป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมทั่วโลก กลายเป็น Monkey x Hot Wheels Limited Edition การร่วมมือกันของทั้งสองแบรนด์ในครั้งนี้ เราได้ถ่ายทอด DNA ของ Monkey และ Hot Wheels เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวมากที่สุด โดยนำเอาเอกลักษณ์ของ Treasure Hunts ซึ่งเป็นรถที่หายากที่สุดของ Hot Wheels มาถ่ายทอดผ่าน Monkey x Hot Wheels Limited Edition กลายเป็นไอเทมใหม่ที่สามารถขับขี่ได้จริงอีกด้วย โดยรถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบโดยทีมดีไซเนอร์จากสำนักแต่ง H2C ของฮอนด้า ที่มีความหลงใน Monkey และมีความเข้าใจในแบรนด์ Hot…
All New YAMAHA EXCITER155
เรามาเจาะลึก 7 จุดเด่นใหม่ Design The Next Level ใน All New YAMAHA EXCITER155 กันดีกว่า ว่ามีอะไรที่โดดเด่นกันบ้าง เริ่มต้นจาก… 1.ใหม่หมดจดด้วยรูปโฉมได้รับการออกแบบและถ่ายทอด DNA จากรถสปอร์ตในตระกูล R-Series 2.ระบบไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Super Sport Full LED แยกโคมไฟสูง และไฟต่ำ พร้อม Day Time Running Light สว่างชัดเจนทุกการเคลื่อนไหว 3.โดดเด่น ทันสมัย หน้าจอเรือนไมล์ LCD ดิจิทัลเต็มระบบ แสดงครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน 4.สปอร์ต โฉบเฉี่ยวด้วยไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ถอดแบบรุ่นใหญ่ ในตระกูล R-Series สว่างชัดและปลอดภัย 5.เครื่องยนต์ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำบล็อกใหม่ แรงเร้าใจด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA เกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจกว่าเดิม 6.เฟรมดีไซน์ใหม่รูปตัว Y น้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดีขึ้นกว่าเดิม เสริมด้วยความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น 7.เพิ่มความจุของถังน้ำมัน เสริมประสิทธิภาพการใช้งาน เดินทางได้ไกลขึ้นกว่าเดิม ด้วยความจุ 5.4 ลิตร พบกับความเร้าใจครั้งใหม่ของ All New YAMAHA EXCITER 155 Design The Next Level ได้แล้ววันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ #YAMAHA #EXCITER #155
ซานี่ ไทยยนต์
การเดินหน้าสู้เคียงข้างก่อสร้างไทยโดย ซานี่ ไทยยนต์ แจกโชค 4 ชั้น มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท พร้อมกับรถขุดรุ่นยอดนิยมราคาสุดพิเศษ สถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องนานนับปี และมีการปิดแคมป์งานก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมา ทางภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เพื่อให้ธุรกิจต่างๆกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทาง บริษัท ซานี่ไทยยนต์ จำกัด ขอเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างกำลังใจให้กับผู้ดำเนินธุรกิจก่อสร้างไทย ในการต่อสู้กับโควิด จึงได้ออกแคมเปญ “มหกรรมจองรถขุด SANY EP. ซานี่ไทยยนต์ สู้เคียงข้างก่อสร้างไทย” โดยจัดโปรโมชั่นพิเศษสุด กับรถขุดรุ่นยอดนิยม SY135C และ SY200C รุ่นพิเศษ เพียงรุ่นละ 99 คัน นอกจากนี้ ทางซานี่ยังแจกโชค 4 ชั้นมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท เพียงลูกค้าที่ซื้อและรับมอบรถขุด SANY (รุ่น 13 ตันขึ้นไป) ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2564 จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัล (1 สิทธิ์ต่อการซื้อรถ 1 คัน) ลุ้นโชค โชคชั้นที่ 1 รับทันทีส่วนลดเงินดาวน์มูลค่า 100,000 บาท *เมื่อซื้อคันที่ 2* โชคชั้นที่ 2 ลุ้นรับ Gift Voucher อะไหล่ SANY มูลค่ารางวัลละ 50,000 บาท จำนวน 10 รางวัลทุกเดือน โชคชั้นที่ 3 ลุ้นรับรถกระบะ Toyota Revo มูลค่ารางวัลละ 584,000 บาท จำนวน 1 คันทุกเดือน โชคชั้นที่ 4 ลุ้นรับ Mercedes Benz E300e Avantgarde มูลค่ารางวัลละ 3,190,000 บาท จำนวน 3 รางวัล ร่วมลุ้นโชคได้ตั้งแต่วันนี้ -31 ธันวาคม 2564 การจับรางวัล จับรางวัลครั้งที่ 1 วันที่ 15 ตุลาคม 2564 live จับรางวัลผ่านเพจ SANY THAIYONT จับรางวัลครั้งที่ 2 วันที่ 15 พฤษจิกายน 2564 live จับรางวัลผ่านเพจ SANY THAIYONT จับรางวัลครั้งที่ 3 วันที่ 15 ธันวาคม 2564 live จับรางวัลผ่านเพจ SANY THAIYONT จับรางวัลครั้งที่ 4 วันที่ 14 มกราคม 2565 live จับรางวัลผ่านเพจ SANY THAIYONT นอกจากนี้ ทางซานี่ไทยยนต์ ขอเรียนเชิญลูกค้าให้เข้าร่วมกิจกรรม Facebook Live จับรางวัล ผ่านทาง Facebook SANYThaiYont ทุกเดือน เพื่อลุ้นรับของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ ที่ซานี่เตรียมมอบให้กับแฟนพันธุ์แท้รถขุดซานี่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 061-636-3588 หรือ FB Page:SANY Thaiyont หรือ LINE@: SANY Thaiyont และ Website : www.sanythaiyont.com
TOYOTA แนะนำ YARIS และ ATIV รุ่นปรับปรุงใหม่
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำอีโคคาร์ยอดนิยมรุ่นปรับปรุงใหม่ แฮทช์แบ็ค YARIS และซีดาน ATIV เติมความโฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์ใหม่ มาmujกสดหกสด พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและฟังก์ชันความปลอดภัยที่ครบครัน คุ้มค่าตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานได้อย่างลงตัว พร้อมแนะนำชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ โดดเด่น สะดุดตา บ่งบอกตัวตนความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์เฉพาะตัว YARIS อีโคคาร์แฮทช์แบ็คยอดนิยม เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ทำการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2556 เพื่อตอบสนองความต้องการรถเครื่องยนต์ขนาดเล็กในประเทศไทย และในเดือนสิงหาคมปี 2560 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของรถในเซ็กเมนท์อีโคคาร์ โตโยต้าจึงได้เปิดตัว ATIV รถอีโคคาร์ซีดาน ที่โดดเด่นด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมสมรรถนะการขับขี่คล่องตัว ให้ความรู้สึกสนุกสนานในทุกการขับขี่ “Fun-To-Drive” พร้อมฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันสูงสุด พร้อมด้วยการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากอาเซียน เอ็นแคป (ASEAN NCAP) และในเดือนสิงหาคมปี 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการปรับดีไซน์ภายนอก และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถยนต์โตโยต้า “Toyota Safety Sense” ที่เหนือกว่ารถยนต์ระดับเดียวกัน ทำให้ครองใจลูกค้าชาวไทยด้วยดีตลอดมา โดย YARIS สามารถสร้างยอดขายสูงสุดในตลาดอีโคคาร์แฮทช์แบ็ค ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า285,700 คัน และ ATIV มียอดขายสะสมในตลาดรถยนต์อีโคคาร์ซีดานของประเทศไทยมากกว่า 113,900 คัน คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีความยินดีแนะนำ YARIS และ ATIV รุ่นปรับปรุงใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาในด้านดีไซน์ให้มีความสปอร์ต พรีเมียม ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าด้านบนสีดำเงา วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอก สเกิร์ตด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์หลังตลอดจนล้ออัลลอยปัดเงาสีดำตกแต่งด้วยขอบสีเงินขนาด 15 นิ้ว และภายในได้ปรับพวงมาลัยแบบ Soft Touch หุ้มหนังชนิดนุ่มพิเศษ สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่หลากหลาย พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน “Fun-To-Drive” เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน ที่สำคัญประหยัดน้ำมันสูงสุดในราคาที่สมเหตุสมผล มีความคุ้มค่าและง่ายต่อการเป็นเจ้าของ โดย YARIS และ ATIV มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นมาตรฐานและเพิ่มรุ่นภายในตกแต่งพิเศษสีทูโทน Terra Rossa และสีดำอีก 2 รุ่น ควบคู่ไปกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ X-URBAN เพื่อให้ YARIS โดดเด่นยิ่งขึ้นไปกับสไตล์ที่แตกต่าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของตามสไตล์ที่ชื่นชอบอีกด้วย ทั้งนี้ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ X-URBAN โดยบริษัท ทีซีดี เอเชีย เซลส์ จำกัด ออกแบบภายใต้แนวคิด Modern & Cool โดดเด่นสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับเพิ่มทัศนวิสัยให้ผู้ขับขี่ ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งสไตล์สปอร์ตครอสโอเวอร์รอบคันล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมโช๊คอัพและสปริงแบบยกสูงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อเอาใจ Urbanista ที่ชอบความโดดเด่น ไม่ซ้ำใครโดยเฉพาะ ทั้งนี้ลูกค้าที่ชื่นชอบ YARIS ในชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ X-URBAN สามารถติดต่อได้ที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศนอกจากนี้ผมขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าผู้ชื่นชอบดีไซน์สปอร์ตด้วยชุดตกแต่งพิเศษ FLASH II PACKAGE ที่เสริมความโฉบเฉี่ยวและดูโดดเด่นสะดุดตาให้กับ YARIS และ ATIV มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังมีกล่องควบคุมคันเร่งไฟฟ้า ACTIVE SPEED เติมความสปอร์ต ตอบสนองรวดเร็วในขณะออกตัว เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ โดยลูกค้าจ่ายเพิ่มเพียงเดือนละ 228 บาทต่อเดือนในยอดการผ่อนชำระรายเดือนเท่านั้น (คำนวณจากโปรแกรมเช่าซื้อปกติ ATIV รุ่น ENTRY ดาวน์ 25% ระยะเวลา 84 เดือน ผ่านบริษัท โตโยต้า ลีซซิ่ง“ ที่สำคัญเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ YARIS และ ATIV ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทางโตโยต้าขอนำเสนอ ประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้า ได้แก่ โปรแกรม Easy To Buy กับข้อเสนอ 0% เงินดาวน์ หรือ รับฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care มูลค่า 25,000 บาทพร้อมโปรแกรมช่วยผ่อนเดือนละ 2,000 บาท นาน 12 เดือน โปรแกรม CAL (Connected Auto Loan) เพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ของลูกค้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น และยังสามารถเลือกใช้โปรแกรมประกันภัย PAYD (Pay As You Drive) ที่ช่วยลดภาระค่าเบี้ยประกันให้กับลูกค้า (ขึ้นอยู่กับระยะทางการขับขี่) โปรแกรม KINTO อิสรภาพใหม่ของการใช้รถจากโตโยต้า กับข้อเสนอใหม่ที่ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้นเมื่อครบสัญญา เลือกผ่อนต่อเป็นเจ้าของ หรือ เลือกรถคันใหม่* (*เมื่อครบสัญญา ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ โดยมีค่าผ่อนชำระใกล้เคียงเดิม) ไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่ต้องดาวน์” YARIS และ ATIV รุ่นปรับปรุงใหม่…ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ฟังก์ชันครบครัน คุ้มค่าทุกการใช้งาน ดีไซน์ภายนอก…ใหม่ กระจังหน้าด้านบนสีดำเงา…สไตล์โดดเด่นแบบมีเอกลักษณ์ วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอก…เท่ห์ทันสมัย สเกิร์ตด้านข้างซ้าย–ขวา (เฉพาะ ATIV รุ่น Sport Premium / Sport) สเกิร์ตด้านหลัง (เฉพาะ YARIS และ ATIV รุ่น Sport Premium / Sport) สปอยเลอร์หลัง (เฉพาะ ATIV รุ่น Sport Premium / Sport) ล้ออัลลอยปัดเงาสีดำตกแต่งด้วยขอบสีเงิน ขนาด 15 นิ้ว (เฉพาะ YARIS และ ATIV รุ่น Sport Premium) ดีไซน์ภายใน…ใหม่ พวงมาลัยหุ้มหนังนุ่มพิเศษตกแต่งด้วยด้ายสีเทา (เฉพาะ ATIV รุ่น Sport Premium / Sport) พวงมาลัยหุ้มหนังนุ่มพิเศษตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า (เฉพาะ YARIS รุ่น Sport Premium / Sport) YARIS รุ่นพิเศษ Sport Premium X และ Sport X ที่เหมาะกับการติดตั้งชุดตกแต่งพิเศษ X-URBAN โดดเด่น สไตล์ครอสโอเวอร์…
HONDA เปิดตัว All New CBR150R
ความเป็นซูเปอร์สปอร์ตขั้นสุดจากสนามแข่ง รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด “All New CBR150R” จากตระกูล CBR Series ดีไซน์ล้ำสมัยให้ความเป็นซูเปอร์สปอร์ตในทุกมิติ ติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการขับขี่ด้วย Assist Slipper Clutch และโช้กหัวกลับ และเบรก ABS วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มร.ทาคาโนริ มารุยามะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “รถสปอร์ตฮอนด้าในตระกูล CBR Series ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดซูเปอร์ไบค์ในดวงใจของนักบิดสายพันธุ์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน ด้วยเอกลักษณ์ความโดดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์ และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ได้รับการถ่ายทอดจากรถแข่งโมโตจีพีของฮอนด้าที่สร้างเกียรติประวัติคว้าแชมป์ในรายการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกมาแล้วมากมาย ในครั้งนี้ All New CBR150R มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ถือว่าเหนือชั้นที่สุดในคลาสรถสปอร์ต 150 ซีซี ทั้งการออกแบบตัวรถและอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถซูเปอร์สปอร์ตระดับท็อป เรามั่นใจว่า All New CBR150R จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปิดประสบการณ์การขับขี่และสัมผัสความแรงสไตล์เรซซิ่งสปอร์ต ก่อนต่อยอดสู่สปอร์ตไบค์ในตระกูล CBR Series ในพิกัดที่สูงขึ้นต่อไป” All New CBR150R ได้รับการพัฒนาภายใต้คอนเซปต์ “For The Real Racing Heart แรงเท่าที่ใจอยากแรง” ออกแบบใหม่ทั้งคันในแบบ Sport Aggressive Design ที่ให้ความโฉบเฉี่ยวและดุดัน ไฟหน้า LED 2 ชั้น แบบ Double-Layered ทั้งหน้าและหลัง มาพร้อมกับ Position Light คู่บน และไฟเลี้ยว LED เฉียบคมด้วยเส้นสายบนตัวรถที่บ่งบอกความเป็นสปอร์ตขั้นสุด ออกแบบตามหลัก Aero Dynamics ให้มีแรงเสียดทานต่ำที่สุด ขับขี่สนุกด้วยการวางตำแหน่งท่านั่งในแบบ “Super Sport Riding Position” ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์ของความเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตตัวจริง All New CBR150R มาพร้อมการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ด้วยเครื่องยนต์…
BMW 320Li Luxury
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เสริมทัพรถยนต์สปอร์ตซีดานตระกูล ซีรีส์ 3 เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ รุ่นฐานล้อยาวเป็นอีกหนึ่งทางเลือก มอบประสบการณ์ที่เหนือระดับอย่างรอบด้าน พร้อมต้อนรับลูกค้ากลับสู่โชว์รูมของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้ายิ่งขึ้นด้วยมาตรการความปลอดภัยและปกป้องสุขภาพขั้นสูงสุด มร.กัลดริค ดอนเนอซาน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ยังคงรักษาไว้ทั้งสมรรถนะอันทรงพลัง และสไตล์การออกแบบที่โดดเด่นในแบบของซีรีส์ 3 อย่างเต็มเปี่ยม แต่ยังแตกต่างด้วยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าบนทุกเส้นทางแม้จะยังคงปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวไม่แพ้ซีรีส์ 3 รุ่นอื่น ๆ พร้อมด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และที่สุดแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ พร้อมให้สัมผัสแล้วที่โชว์รูมของผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าอุ่นใจได้ว่าจะได้รับบริการระดับพรีเมียมควบคู่ไปกับมาตรการความปลอดภัยและปกป้องสุขภาพที่เข้มงวด นอกจากนี้ พนักงานของเราที่ปฏิบัติงานในโชว์รูมต่างก็ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วทุกคน” บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,469,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ยังคงลุคสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เฉียบคมไว้เช่นเคย แต่เสริมความโอ่อ่าสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยมิติรถที่กว้างขวางเช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ด้วยมิติความยาวรวม 4,819 มิลลิเมตร ความกว้างที่ 1,827 มิลลิเมตร และความสูงที่ 1,441 มิลลิเมตร ประตูหลังที่กว้างขึ้นกว่าบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 รุ่นเดิม 110 มิลลิเมตร ช่วยให้ผู้โดยสารเบาะหลังเข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังสบายกว่าในขณะเดินทางด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังที่ยาวขึ้นอีก 43 มิลลิเมตร ดีไซน์ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ยังคงสื่อถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม หรือ “Ultimate Driving Machine” ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะปราดเปรียว ประสิทธิภาพการขับขี่เหนือระดับ รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ล้ำยุค ซึ่งรวมเป็นเอกลักษณ์แก่นแท้ของบีเอ็มดับเบิลยู และยังมาพร้อมองค์ประกอบเฉพาะตัวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่มาพร้อมกับแผ่นบานเกล็ดแนวตั้งวัสดุโครเมี่ยม และแกนทแยงสีดำเงาที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ รับกับไฟหน้า LED ทรงเรียวยาวด้านข้างของตัวรถ ส่วนกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ก็ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางกว่าเดิม กับไฟ LED ทรงตัว L และท่อไอเสียแบบคู่ ล้วนเสริมให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ต บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 8.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ และรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้้ว ลาย Multi-spoke แบบสลับสี และยางรันแฟลต การตกแต่งภายนอกแบบ Luxury Line โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกันชนหน้า กระจกข้าง ขอบหน้าต่างและกันชนท้ายในสีโครเมี่ยมเงา หลังคากระจกแบบ Panorama มอบวิวท้องฟ้าเด่นชัดให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ส่วนระบบเครื่องเสียง HiFi ยังให้เสียงใสในทุกรายละเอียด เติมเต็มประสบการณ์การเดินทางในรถยนต์ซีดานหรูนี้ได้อย่างดีเยี่ยม การตกแต่งภายในสะท้อนความประณีตด้วยคอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec ผิวไม้ลาย Oak Grain Open-Pored ตัดกับโครเมี่ยมมุกอย่างลงตัว เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบผ่านระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7.0 ซึ่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และ Live Cockpit Professional รถยนต์รุ่นฐานล้อยาวนี้ยังมอบทางเลือกมากมายในการเชื่อมต่อและควบคุมระบบในตัวรถ รวมถึงการใช้ BMW Gesture Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่ม iDrive และจอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว อีกด้วย ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 320Li Luxury ใหม่ สามารถยกระดับแพ็คเกจ BMW Service Inclusive เสริมจาก BSI Standard เพื่อสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดดังนี้ แพ็คเกจ ราคา (บาท) การบริการบำรุงรักษา การรับประกัน BSI Plus 35,000 5 ปี หรือ 100,000 กม. 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง Warranty Plus…
โตโยต้า ฉลองความสำเร็จ โคโรลล่า ครอส
รถ SUV ยอดขายอันดับหนึ่ง ยืนหนึ่งตลาดรถ Hybrid SUV พร้อมแนะนำรุ่นพิเศษ! โคโรลล่าครอส Modellista บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ฉลองความสำเร็จรถอเนกประสงค์ SUV “โคโรลล่า ครอส” ครองยอดขายอันดับหนึ่งในตลาด SUV และยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดสูงสุดในตลาดรถ Hybrid SUV นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปีที่ผ่านมา พร้อมแนะนำรุ่นพิเศษ โคโรลล่า ครอส Modellista เสริมความสปอร์ต สะท้อนความเป็นตัวตน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถอเนกประสงค์ SUV “โคโรลล่า ครอส” ด้วยสโลแกน “A New Journey… ให้ชีวิตเดินทาง” เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฏาคม 2563 โดยมุ่งเน้นพัฒนาให้เป็นรถที่มีความคุ้มค่าเหนือราคา ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ล้ำสมัยทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง สะดวกสบาย ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated กล้องมองภาพรอบทิศทาง เชื่อมต่อเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่น Apple Car Play และ T-Connect by Toyota โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่เหนือกว่าด้วย สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ทั้งมอบความมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ทั้งแบบเบนซิน และไฮบริดเจเนเรชันที่ 4 มอบอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน และทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “โตโยต้า ได้แนะนำ โคโรลล่า ครอส ซึ่งเป็นรถเอนกประสงค์ SUV เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ในวันนี้เรามีความภูมิใจที่จะกล่าวถึงความสำเร็จของ โคโรลล่า ครอส ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า พิสูจน์ได้จากยอดจอง 4,182 คัน ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่เปิดตัว (ข้อมูลวันที่ 9 – 31 กรกฎาคม 2563) พร้อมยอดขายสะสมตลอด 1 ปีที่ผ่านมามากกว่า 22,500 คัน ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ C-SUV (ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2563 – มิถุนายน 2564) และที่สำคัญ ยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ยังคิดเป็นสัดส่วนถึง 85 % ของยอดจำหน่ายรวม และเป็นยอดขายสูงสุด ในตลาดรถ Hybrid SUV ตอกย้ำความเชื่อมั่นในเครื่องยนต์ไฮบริดของโตโยต้าที่ประหยัดน้ำมัน เงียบ แรง และมลพิษต่ำ” “ยิ่งไปกว่านั้น โคโรลล่า ครอส ยังเป็นรถที่โดดเด่นยิ่งกว่าด้วยเอกลักษณ์ของโตโยต้า นั่นคือ ความคุ้มค่า น่าเชื่อถือ โดยเป็นรถที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย และส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก อีกทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ยังมีแพ็คเกจการรับประกันรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ที่ครอบคลุมทั้งแบตเตอรี่ และระบบไฮบริด กับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี พร้อมข้อเสนอพิเศษ กับแพคเกจขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่จาก 3 ปีเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงในการเช็คระยะ 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาท” และเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เรามีความยินดีที่จะแนะนำ โคโรลล่า ครอสModellista ตอบโจทย์ความต้องการให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบในความสปอร์ต ด้วยดีไซน์โดดเด่นลงตัว โคโรลล่า ครอส Modellista ในรุ่น Hybrid Premium Safety และ Hybrid Premium สี Celestite Gray Metallic, Platinum White Pearl*, Metal Stream Metallic สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษสไตล์สปอร์ต ประกอบด้วยสเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง ล้ออัลลอย 18” พร้อมฝาครอบ พิเศษ! จำนวนจำกัด เลือกเป็นเจ้าของ โคโรลล่า ครอส Modellista ได้ 2 รุ่น 3 สี*** –Hybrid Premium Safety ราคา1,240,500 บาท –Hybrid Premiumราคา1,130,500 บาท ติดตามข่าวสาร ข้อมูลเพิ่มเติมได้จากช่องทางประชาสัมพันธ์ของโตโยต้า สัมผัส Corolla Cross และ Corolla Cross Modellista ได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.toyota.co.th/ Facebook: Toyota Motor Thailand. LINE ID: @ToyotaThailand
BMW C 400 GT สกู๊ตเตอร์สายทัวริ่ง
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุด C 400 GT สกู๊ตเตอร์ขนาดกลางที่มาสานต่อความสำเร็จของรุ่นก่อนหน้าที่เป็นสองล้อคู่ใจของไบค์เกอร์ในทุกโอกาส ด้วย สมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นครบครัน ยกจิตวิญญาณของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งมาจุดประกายให้นักบิดไทยได้ตื่นเต้นและเพลิดเพลินไปกับการโลดแล่นบนท้องถนนแบบครบเครื่องทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และสไตล์เฉพาะตัว โดยบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน นับตั้งแต่เครื่องยนต์ที่มาพร้อมระบบ E-gas ไปจนถึงสีใหม่ที่เติมความโฉบเฉี่ยวให้สะดุดตายิ่งกว่า มร.มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มอบความตื่นตาตื่นใจให้แก่ลูกค้า ด้วยมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์หลากหลายรุ่นที่เปี่ยมทั้งสมรรถนะ และสไตล์ในการขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากของเรา ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสานความสนุกของการเดินทางระยะไกลบนท้องถนน เข้ากับความเป็นสกู๊ตเตอร์สำหรับชีวิตคนเมืองแบบเต็มตัว และใน C 400 GT รุ่นใหม่นี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มความปราดเปรียว เสริมเสน่ห์ของการขับขี่ เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถยกระดับความประทับใจของลูกค้าขึ้นไปอีก ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง” บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ยังคงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1 สูบตัวเดิม พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำส่งพละกำลังสูงสุดที่ 25 กิโลวัตต์ (34 แรงม้า) ที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตันเมตรที่ 5,570 รอบต่อนาทีเครื่องยนต์นี้ทำงานประสานกับระบบเกียร์ CVT และระบบกันสะเทือนล้อหลังที่ผสานนวัตกรรมใหม่เพื่อลดการสั่นสะเทือนและเสริมความสบายระหว่างการขับขี่ และด้วยการรับรองมาตรฐานมลภาวะระดับ EU 5 บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ จึงเป็นสกู๊ตเตอร์คู่ใจที่พร้อมสนุกไปด้วยกันในทุกจังหวะการขับขี่ เพื่อยกระดับความคล่องแคล่วของ บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ เครื่องยนต์ชุดนี้จึงทำงานควบคู่กับระบบ E-gas หรือคันเร่งระบบไฟฟ้า พร้อมวาล์วระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายองค์ประกอบ นับตั้งแต่ระบบไอเสียที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ไปจนถึงการปรับแต่งระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ในเกียร์ว่าง ยังช่วยให้สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่นี้ตอบสนองฉับไวในทุกจังหวะ และการเดินเครื่องที่ราบรื่น นุ่มนวลยิ่งขึ้นขณะใช้เกียร์ว่าง ขณะที่ชุดสปริงใหม่ในระบบคลัทช์แบบแรงเหวี่ยงก็ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานได้นิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน Automatic Stability Control (ASC) พร้อมระบบตั้งค่าอัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคที่โดดเด่นใน บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ คือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ Automatic Stability Control (ASC) ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าตัวเองได้แบบอัตโนมัติเมื่อจำเป็น เช่นในกรณีที่เปลี่ยนยาง นอกจากนี้ ระบบ ASC ใหม่นี้ยังออกแบบมาให้ทำงานด้วยระดับแรงเสียดทานที่ต่ำกว่าในรุ่นเดิม จึงทำให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการตอบสนองที่ฉับไวขึ้นและการขับขี่ที่สบายขึ้น โดยเฉพาะบนพื้นถนนที่เปียกและลื่น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องปิดการใช้งาน ASC อีกต่อไป และสามารถเร่งตัวรถไปสู่ความเร็วสูงสุดที่ 139 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างมั่นใจ ระบบเบรกล้อหน้าใหม่ พร้อมปรับความไวของคันเบรกหน้าและหลัง เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นระบบเบรกของบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ มาพร้อมกับคาลิเปอร์ใหม่ที่ช่วยให้ระบบดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้าทำงานได้แม่นยำมากขึ้น สัมผัสได้ถึงจังหวะออกแรงเบรกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับการเคลื่อนตัวของลูกสูบดิสก์เบรกให้ดียิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการตั้งค่าคันเบรกล้อหลังที่มือซ้ายและคันเบรกล้อหน้าที่มือขวาให้ทำงานด้วยแรงกดสมดุลกันอย่างลงตัว ช่องเก็บสัมภาระที่มาพร้อมกับระบบไฟและช่องเสียบสายชาร์จ USB ช่วยในการมองเห็น ระบบไฟส่องสว่างในช่องเก็บสัมภาระได้ถูกเปลี่ยนตำแหน่งให้ส่องแสงลงมาจากด้านบนแทนที่จะเป็นด้านข้าง ส่วนช่องเก็บสัมภาระนี้อยู่ในบริเวณใต้เบาะนั่งซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้ นั่งสบายกว่าที่เคย โดยนอกจากช่องต่อไฟแบบ 12 โวลต์แล้ว ช่องเก็บของด้านหน้ายังมาพร้อมกับช่องเสียบสายชาร์จ USB อีกด้วย (ช่องเก็บสัมภาระขนาด 31 ลิตร ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 45 ลิตรหากติดตั้ง Flexcase) บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ยังคงรักษารูปลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไว้เช่นเคยแต่เสริมความโฉบเฉี่ยวสะดุดตาด้วยรุ่น “Triple Black” ที่มาในสีดำ Blackstorm metallic พร้อมลายคาดสีด้าน ในราคา429,000 บาท ขณะที่รุ่นมาตรฐานในสีขาว Alpine White ก็ยังเป็นทางเลือกให้จับจองเป็นเจ้าของที่ราคา 419,000 บาท
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่นพิเศษ แพชชั่น เรด เอดิชั่น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ เพื่อร่วมฉลองการครบรอบ60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลและตอบแทนสังคมไทย โดย มิตซูบิชิเอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ รุ่นพิเศษดังกล่าวนี้มีจำนวนการผลิตที่จำกัด มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมและก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2561 โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ทุกรุ่นมียอดจำหน่ายสะสมรวมกันแล้วมากกว่า38,000 คัน ถือเป็นรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านการออกแบบและความทันสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความอเนกประสงค์ ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ความรู้สึกมั่นคงและความปลอดภัย รวมถึงความสะดวกสบาย และสมรรถนะการใช้งานในแบบรถเอสยูวี” ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ยังการันตีความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมายจากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ รางวัลรถอเนกประสงค์มินิเอ็มพีวีขายดียอดเยี่ยม 3 ปีซ้อนจากงานรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศไทย รวมถึงรางวัลรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีขนาดเล็กยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับความโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้นด้วยการแนะนำสีแดงใหม่ ‘Spirit Red’ ที่สะท้อนถึงความน่าตื่นเต้นในทุกการเดินทาง เพื่อร่วมฉลองการครบรอบ 60 ปี โดยสีแดงเป็นสีประจำบริษัทฯ ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จและยังปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ ทรีไดมอนส์ สะท้อนถึงคุณภาพ ความตื่นเต้นเร้าใจ และความมุ่งมั่น มิตซูบิชิเอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ สร้างขึ้นเพื่อปลุกแรงบันดาลใจให้แก่ทุกไลฟ์สไตล์ให้สามารถเป็นไปได้ พร้อมขับผ่านทุกอุปสรรค อนึ่ง ลูกค้า สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของเราในแบบที่ยั่งยืนได้ ด้วยการซื้อ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ รุ่นดังกล่าว โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะบริจาคเงินจำนวน 2,000 บาทต่อคัน และมอบให้แก่องค์กรการกุศล 3 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ, มูลนิธิรามาธิบดีฯ และมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน และเพื่อร่วมฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อและใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ ด้วยแคมเปญ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน’ มอบรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งหนัก 60 บาท มูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ อาทิ ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวี SAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล และ โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่น จีที ที่ได้รับการยกระดับด้านดีไซน์ พร้อมด้วยเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างจากรุ่นปกติทั่วไป โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่ด้านข้างและที่ล้ออัลลอย ภายในเพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกได้แก่ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือแบบไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ตลอดจนซองใส่กุญแจอัจฉริยะพร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่แสดงถึงความพิเศษของรถยนต์รุ่นดังกล่าว นอกเหนือจากอุปกรณ์พิเศษที่มอบให้แล้ว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ยังคงครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดในเซกเม้นท์ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยระยะความสูงจากพื้นถึง 205 มม. มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย มีเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนที่ต่ำ(NVH) ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพตามปรัชญาแบบ ‘โอโมเตะนาชิ’ ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มุ่งเน้นความประณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มคุณภาพเยี่ยม ช่วยสร้างผิวสัมผัสที่นุ่มนวล และยังทำให้ห้องโดยสารมีความเงียบเพิ่มมากขึ้น มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ครบครันด้วยความอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง ติดตั้งเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นด้วยกุญแจอัจฉริยะแบบ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 3 ตำแหน่ง และระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลังหรูหราด้วยหัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มหนังที่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ และปรับเข้า-ออกได้ มาพร้อมกับสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง มีปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย และระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ สะดวกสบายด้วยจอภาพระบบสัมผัสพร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ครบครันด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก(ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ มอบความมั่นใจในด้านบริการหลังการขายภายใต้สโลแกน ‘เราดูแล คุณแค่ขับ’ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าด้วยผู้จำหน่ายทั่วประเทศกว่า 240 แห่ง ด้วยการให้บริการที่ได้มาตรฐานคุณภาพอะไหล่แท้ ให้บริการด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและผ่านการฝึกอบรม ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกคันจะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ด้วยค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง พบกับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ได้ที่โชว์รูม มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและขอทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ที่เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง