บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาพร้อมเปิดจำหน่าย ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวีใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยรุ่น e:HEV RS ราคา 1,259,000 บาท และรุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาทตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอนที่ตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และขับเคลื่อนตลาดรถยนต์คอมแพคท์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และหรูหรามากยิ่งขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สะดวกสบายเหนือกว่ากับระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย พร้อมตั้งเป้าจำหน่ายมากกว่า 8,000 คัน ภายในหนึ่งปีนับจากการเปิดตัว มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “หลังจากที่ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์ 2022 ที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมด้วยยอดจองสิทธิ์จากลูกค้าทั่วประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อแบรนด์และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้า ซึ่งเป็นยนตรกรรมไฮบริดพลังงานทางเลือกที่ลงตัวกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน เพราะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมที่จะเชื่อมไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคต ตามเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2593 ของฮอนด้า ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ สร้างสังคมปลอดมลพิษให้เกิดขึ้นจริง และด้านความปลอดภัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เพื่อมุ่งไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ ทั้งนี้การเปิดตัวฮอนด้าซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะเสริมความแข็งแกร่งให้ไลน์อัป ฮอนด้า ซีวิค และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคท์ได้อย่างต่อเนื่อง” ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย โดยมีราคาจำหน่าย ดังนี้ · รุ่น e:HEV RS ราคา 1,259,000 บาท · รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาท และมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 31 กรกฎาคม2565 รับดอกเบี้ย 2.59%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี เสื้อแจ็กเกต e:HEV มูลค่า 500 บาท** นอกจากนี้ ยังมอบแคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่ ได้แก่ · รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** · ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) มูลค่า 7,158.50 บาท ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีใหม่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัย ที่จะเชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่หลากหลาย* อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและAndroid Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเป็นต้น ทั้งนี้ ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อาทิ ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรูพกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย(Wireless Charger) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตรและมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยมาพร้อมกับสวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)…
Category: What New
What New
มินิ เปิดตัว 2 รุ่นใหม่
รถยนต์ มินิ ผสานรูปลักษณ์สุดสปอร์ตกับความคลาสสิคสไตล์มินิ พร้อมแจ้งปรับราคาสำหรับรถยนต์บางรุ่นตั้งแต่มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เดินหน้ารุกตลาดเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพ็ค เปิดตัวมินิ 2 รุ่นล่าสุด มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition และ มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิลResolute Edition ด้วย 2 รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสารที่สวยงาม รูปลักษณ์ภายนอกสุดหรูที่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิค และเครื่องยนต์ทรงพลัง ทั้ง 2 รุ่นยังพร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ที่จะยกระดับการขับขี่สนุกสไตล์มินิ รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้ตามสไตล์เฉพาะตัวของผู้ขับขี่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ ณ ผู้จำหน่ายมินิอย่างเป็นทางการ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition ราคาจำหน่าย : 3,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard) มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition เป็นรถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยแนวหลังคาที่ทอดยาวสะท้อนถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ภายนอกโดดเด่นและสะกดทุกสายตาบนท้องถนนกับชุดแต่งแอโรไดนามิกส์ในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ สะท้อนภาพลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบพละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ใน 7.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 228 กม./ชม. ภายนอกมาในสีเขียว Sage Green metallic พร้อมดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตกแต่งด้วยลวดลาย Untold Edition ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้ารถจรดหลังคา ซุ้มล้อและสเกิร์ตด้านล่างรอบคันมาในสีเขียวเข้มเสริมความโดดเด่นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลาย Untold Spoke ในสีดำ Jet Black ตัดกับสี Refined Brass โดยสี Refined Brass นี้ยังเสริมเอกลักษณ์โดดเด่นรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกระจังหน้าและตัวอักษร “Clubman” ที่ประตูท้าย ซึ่งการออกแบบรูปลักษณ์ของรถรุ่นนี้นั้นนอกจากจะสะท้อนถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสารแล้ว ยังมาพร้อมกับประตูด้านท้ายรถที่สามารถเปิดปิดแยกซ้าย-ขวาได้ อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารยังได้รับการตกแต่งพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย Untold Edition ที่บริเวณด้านล่างของก้านพวงมาลัยและพรมปูพื้นรถ ในขณะที่แถบไฟบริเวณแผงประตูและเบาะนั่งทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge ก็มาในสี Sage Green สุดเอ็กซ์คลูซีฟตัดกับเส้นด้ายสีฟ้าอ่อน และเพิ่มความสง่างามด้วยกรอบช่องแอร์สี Refined Brass ทำให้มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition โดดเด่นไม่เหมือนใคร นอกเหนือจากการออกแบบสุดพิเศษแล้ว มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า Adaptive LED ระบบปรับโหมดการขับขี่ ระบบเครื่องเสียง Harman Kardon, MINI Head-Up-Display, ระบบ Wireless charging พร้อมกับแพ็คเกจ Connected Navigation Plus แสดงผลผ่านจอคอนโซลกลาง ระบบสัมผัสแบบดิจิทัล 8.8 นิ้ว มีฟังก์ชั่นบริการ MINI Connected บริการ Remote Services สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ Apple CarPlay ระบบนำทางและแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition ราคาจำหน่าย : 3,090,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard) รถยนต์เปิดประทุน 4 ที่นั่ง จากมินิถือเป็นรถเปิดประทุนระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในเซกเมนต์รถยนต์ขนาดเล็ก โดยมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดดเด่นเหนือใครทั้งตัวถังภายนอก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา การออกแบบภายในและชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ความเป็นมินิแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมให้อารมณ์ขับสนุกในสไตล์เปิดประทุนที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของมินิ สมรรถนะทรงพลังที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทางท่ามกลางสายลมและแสงแดด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า เสริมด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.1 วินาที ให้อารมณ์ขับสนุกเหมือนโลดแล่นอยู่ในสนามแข่ง ภายนอกของมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition ตกแต่งด้วยลวดลายบนฝากระโปรงหน้าและที่กาบบันได ซึ่งมาในเส้นสายที่มีการไล่เฉดสีทองอ่อนไปจนถึงทองเข้มได้อย่างสวยงาม พร้อมสลักชื่อรุ่น“RESOLUTE” ไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้ากันได้ดีกับตัวถังภายนอกสีเขียว Rebel Green ที่ตัดกันกับสีดำและสีทอง ส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรอบไฟหน้า กระจังหน้า ช่องดักอากาศ กรอบไฟเลี้ยว มือจับประตู ฝาถังน้ำมัน มาในสี Resolute Bronze ที่ตัดกับฝาครอบกระจกมองข้างและหลังคาผ้าสีดำได้เป็นอย่างดี โดยในรุ่นResolute Edition ได้เสริมความสปอร์ตดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Pulse Spoke สีดำ การออกแบบด้วยลายเส้นสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่น Resolute Edition นี้ ยังถ่ายทอดมาสู่ภายในห้องโดยสาร รับกับเบาะนั่งโดยสารทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge ในสีดำ Carbon Black ผสมผสานกับไฟ Ambient…
New Wave110i จาก ฮอนด้า
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว New Wave110i รุ่นใหม่ล่าสุด ตอบสนองการใช้งานของคนไทย ด้วยประสิทธิภาพขั้นสุด และสมรรถนะจากเครื่องยนต์ Honda Smart Engine ที่ให้ทั้งความประหยัด เเรง ทน ตามแบบฉบับของเวฟไม่เปลี่ยนเเปลง มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวที่ได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมี Honda Wave110i เป็นผู้นำของตลาดในกลุ่มนี้ด้วยยอดจำหน่ายสูงสุด 13 ปีติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่คนไทยมีต่อรถรุ่นนี้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้เราพัฒนา Honda Wave อย่างไม่ลดละตลอดหลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้เราพร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัว New Wave110i ไทป์ใหม่ที่มาพร้อม ENRICH METER รวมถึงเทคโนโลยีอันทันสมัย ใช้งานสะดวกสบาย พัฒนาเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สมกับเป็นรถจักรยานยนต์อันดับ 1 ของคนไทย” New Wave110i ใหม่ มาพร้อมคอนเซปต์ถึงไหนถึงกันกับคนไทย ด้วย ENRICH METER หน้าปัดเรือนไมล์ ANALOG ออกแบบแยกสัดส่วนอย่างลงตัว แสดงผลชัดเจนทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชันสำหรับการใช้งานที่ทันสมัย และเต็มสมรรถนะการขับขี่จากเครื่องยนต์ Honda Smart Engine เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของรถครอบครัว ให้ทั้งความประหยัด ความแรง และความทนทาน สำหรับการใช้งานของคนไทยยุคใหม่ นอกจากสมรรถนะที่เหนือระดับแล้ว New Wave110i ยังมาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า LED Headlight ส่องสว่างคมชัดทุกเส้นทาง ไฟท้าย Tail light โฉบเฉี่ยว เห็นชัดแม้ระยะไกล ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ จุมากถึง 5 ลิตร ใส่ของได้เยอะด้วย U-Box ขนาดใหญ่พร้อม โช้กหน้า-หลังซับแรงกระแทกได้ดี แม้บรรทุกของมาก…
All New LEAD125
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัวรถ All New LEAD125 รถเอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด สร้างเทรนด์ใหม่สำหรับการใช้ชีวิตของคนเมืองที่เน้นความเรียบหรู ในสไตล์มินิมอล แต่เปี่ยมไปด้วยความล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ อย่างลงตัว มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “LEAD125 คือโมเดลที่สร้างเทรนด์ใหม่ให้กับวงการรถเอ.ที. มาตั้งแต่การวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2021 ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูพร้อมด้วยฟังก์ชันที่ทันสมัยจนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ในปีนี้ เราได้ยกระดับมาตรฐานของรถรุ่นนี้ขึ้นไปอีกระดับด้วยการเปิดตัว All New LEAD125 ที่หรูหราทันสมัยยิ่งกว่าเดิม มาพร้อมเทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานของคนรุ่นใหม่อย่างครบครัน และติดตั้งเครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 125 ซีซี 4 วาล์ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถคลาสนี้ ทั้งยังใช้งานสะดวกด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะที่สตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมดึง นนท์ ธนนท์ นักร้องดังขวัญใจวัยรุ่นมาเป็นพรีเซนเตอร์ผู้ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของความทันสมัย ตอกย้ำความลงตัวของ All New LEAD125 และไลฟ์สไตล์คนเมือง” All New LEAD125 มาพร้อมคอนเซปต์ “LIVE A MINIMAL LIFE มินิมอลในแบบที่เป็นคุณ” ตัวรถได้รับการออกแบบให้มีความเรียบหรู ด้านหน้าดีไซน์ใหม่ โดดเด่นด้วยเส้นสายโครเมียม หน้าปัดเรือนไมล์รูปทรงตัว V แสดงผลครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน All New LEAD125 ตอบโจทย์ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ให้ความสะดวกสบายรอบคัน นำโดยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda SMART Key สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมช่วยระบุตำแหน่งตัวรถและป้องกันการโจรกรรม ช่องเก็บของด้านหน้าทรงสูง 12 ซม. มาพร้อมช่องชาร์จไฟสำรองแบบ USB Type A รองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ถังน้ำมันด้านหน้าขนาดใหญ่ 6 ลิตร เติมน้ำมันง่ายโดยไม่ต้องเปิดเบาะและไม่ต้องลงจากรถ…
C-HR HEV GR Sport
โตโยต้า แนะนำ Sub-Compact SUV ใหม่ล่าสุด เสริมทัพ GR Series กับ “C-HR HEV GR Sport ใหม่” รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร ปรับปรุงการออกแบบทั้งภายนอก และภายในภายใต้แนวคิด GR Sport เติมเต็มความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่ (Fun-to-drive) พร้อมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกและเร้าใจยิ่งกว่า ด้วยช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ตที่ผสานกับประสิทธิภาพช่วงล่างหลังอิสระแบบปีกนกคู่ ให้สมรรถนะในการขับขี่ดีเยี่ยม และขับสนุกได้มากยิ่งขึ้น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำน้องใหม่ล่าสุดใน GR Series หลังจากแนะนำรถในซีรีย์นี้ซึ่งผลิตในประเทศไทย จำนวน 4 รุ่น ล้วนแต่ประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต ด้วยยอดจองรวมทุกรุ่นกว่า 9,000 คัน (ข้อมูลถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565) ในวันนี้ โตโยต้ามีความยินดี แนะนำ “C-HR HEV GR Sport ใหม่” เสริมทัพรถยนต์นั่งสายพันธุ์ Racing สะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ภายนอก และภายในแบบสปอร์ต สวยเกินต้าน พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกและเร้าใจยิ่งกว่าพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีสปอร์ตจากสนามแข่งที่ให้อารมณ์ในการขับที่แตกต่าง สัมผัสสมรรถนะในการขับขี่ที่เร้าใจกว่าที่เคยด้วยช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต Upgrade คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ เพื่อสมรรถนะในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ให้การควบคุมคล่องแคล่วยิ่งกว่า ทรงตัวดีขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและขับสนุกได้มากยิ่งขึ้น เพิ่มอรรถรสในการขับแบบสปอร์ตผสานความสนุกสนานในการขับขี่ จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA ที่แข็งแกร่งจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และช่วงล่างด้านหลัง Double Wishbone โดย “C-HR HEV GR Sport ใหม่” จะมอบประสบการณ์Fun-to-drive อีกแบบ ที่เร้าใจยากเกินต้านทาน ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับแพ็กเกจชุด GR Sport ประกอบด้วย สเกิร์ตรอบคัน, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้า และ GR Sport บริเวณท้ายรถ ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Total Look และสี Gun Metallic สปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ GR เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR , พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรูพร้อมสัญลักษณ์ GR, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR มอบความมั่นใจกับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุม และปรับลดระดับความเร็วได้ถึง 0 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อมระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (All-speed Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist), ระบบช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-collision system) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) พร้อมสีภายนอกภายใต้แนวคิด GR Sport 3 สี ได้แก่ สีดำ Attitude Black Mica / Silver roof (หลังคาสีเงิน), สีขาวมุก Platinum White Pearl / Black roof (หลังคาสีดำ) และสีแดง Premium Red / Black roof …
TOYOTA SIENTA “Chic Clicks”
โตโยต้า แนะนำ SIENTA รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รุ่นปรับปรุงใหม่ “Chic Clicks” สะดวกสบายยิ่งกว่าด้วยประตูข้างสไลด์อัตโนมัติ ระยะจากพื้นรถถึงพื้นถนนต่ำ ทำให้ก้าวขึ้น-ลงสะดวก ปลอดภัย ควบคุมง่ายเพียงคลิกเดียว ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เหนือใคร พร้อมความบันเทิงเต็มอรรถรส ด้วยจอ LED ขนาด 8 นิ้ว บริเวณที่นั่งแถวที่ 2-3 มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน และฟังก์ชันล้ำสมัยใหม่ล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ทำการเปิดตัวยนตรกรรมอเนกประสงค์สไตล์ Premium Crossover “ALL NEW TOYOTA VELOZ” สู่ตลาดประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และโตโยต้าขอขอบคุณลูกค้าที่ได้ให้การต้อนรับ“ALL NEW TOYOTA VELOZ” เป็นอย่างดี ครั้งนี้ โตโยต้า ยังคงกระตุ้นตลาดรถยนต์อย่างต่อเนื่อง เสริมทัพตลาดรถ MPV ในไตรมาสแรกของปี ด้วยการแนะนำรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง ประเภท Compact Multi-Purpose Vehicle สำหรับครอบครัวอีกหนึ่งรุ่น นั่นคือ “SIENTA รุ่นปรับปรุงใหม่” ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน โตโยต้า “SIENTA รุ่นปรับปรุงใหม่” มอบสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว ตอบโจทย์ความต้องการสเปกที่มีความเฉพาะตัว สะดวกสบายกว่าใครด้วย ประตูข้างสไลด์อัตโนมัติ เหมาะกับการใช้งานในเมือง ขึ้น – ลงสะดวกด้วยความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 170 มิลลิเมตร และ มอบความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง ด้วยจอ LED ขนาด8 นิ้ว บริเวณที่นั่งแถวที่ 2-3 ตกแต่งภายในห้องโดยสารใหม่ ด้วยเบาะหนังและวัสดุกึ่งสังเคราะห์ (สีดำ–เทา)* ดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย กว้างขวางตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งด้านหลังได้หลายรูปแบบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและฟังก์ชันความปลอดภัยขั้นสูงสุด เช่น เครื่องเล่นวิทยุหน้าจอสัมผัส ที่สามารถรองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา แบบ HD ให้ภาพคมชัด มอบทัศนวิสัย และความมั่นใจดีเยี่ยม, กล้องบันทึกภาพหน้าและหลังรถ สามารถเข้าใช้งานผ่าน Mobile Application Toyota DVR สะดวกยิ่งกว่า ขับสนุก ประหยัดน้ำมัน และมีระบบมาตรฐานความปลอดภัยครบครัน SIENTA รุ่นปรับปรุงใหม่ “Chic Clicks”ปรับปรุงใหม่ภายใต้แนวคิด “คลิก ให้ชีวิตสุดชิค” ให้มีความทันสมัย (Chic) และง่ายต่อการใช้งาน แค่เพียงสัมผัส (Click) ดีไซน์ภายนอกมีเอกลักษณ์ โดดเด่นสะดุดตา ใหม่ การตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยเบาะหนังและวัสดุกึ่งสังเคราะห์ (สีดำ–เทา) ดีไซน์สปอร์ต ทั้งตอบรับไลฟ์สไตล์ได้ดีกว่าเคยด้วยการปรับปรุงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น เครื่องเล่นวิทยุหน้าจอสัมผัส ที่สามารถรองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto มอบความมั่นใจยิ่งกว่า ด้วย กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาแบบ HD ให้ภาพคมชัด มอบทัศนวิสัย และความมั่นใจดีเยี่ยม, และกล้องบันทึกภาพหน้าและหลังรถ สามารถเข้าใช้งานผ่าน Mobile Application Toyota DVR ใหม่ CLICK IDENTITY…คลิกดีไซน์สุดชิค คลิกทุกไลฟ์สไตล์ – ภายนอก…คลิกกับดีไซน์แตกต่าง ตอบทุกความต้องการ ลงตัวทุกความโดดเด่น กับดีไซน์ภายนอกสุดโดนใจ และกระจังหน้าโครเมียม พร้อมล้ออัลลอย 16 นิ้ว ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED และไฟหรี่ LED จัดเต็มไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างได้ทุกเส้นทาง คลิกกับทุกความเป็นคุณ – ภายใน…คลิกกับฟังก์ชันโดนใจ – ใหม่ กล้องบันทึกภาพหน้า – หลังรถ (Digital Video Recorder)… เพิ่มความสะดวกสบายด้วยการเข้าถึงภาพและวีดีโอได้แบบเรียลไทม์ผ่านทาง Mobile Application Toyota DVR – ใหม่ เครื่องเล่นวิทยุหน้าจอสัมผัส… รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, ช่องต่อ USB – ใหม่ เบาะหนังและวัสดุกึ่งสังเคราะห์ (สีดำ–เทา)… ดีไซน์ใหม่ สปอร์ต ทันสมัย กว้างขวางตอบโจทย์ทุกการใช้งาน – พวงมาลัยไฟฟ้าพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและ MID CLICK ALL STYLE…คลิกกับการเติมเต็มอิสระ SEAT ARRANGEMENT – FRIEND SPACE ห้องโดยสาร 3 แถว 7 ที่นั่ง… มีพื้นที่กว้าง ให้เพื่อนได้เสมอ – FLEXIBLE LIFE พับที่นั่งแถว 3 แบนราบ… ลงตัวทั้งโดยสารและขนของ – FULL FUN พับที่นั่งแถว 2 และแถว 3 แบนราบ… จะเล่นของใหญ่ หรือใส่ของเยอะ ก็เอาอยู่ – FREEFORM ที่นั่งแถว 2 และแถว 3 พับอิสระซ้าย–ขวา… พับแยกอิสระ ปรับได้ทุกรูปแบบ CLICK INNOVATION – กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (PVM – PANORAMIC VIEW MONITOR)… แบบ HD เทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นมุมมองรอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุด รอบคัน จับภาพแบบเรียลไทม์ ประมวลผลเป็นภาพมุมสูงผ่านหน้าจอ และยังสามารถตรวจจับบุคคลหรือวัตถุใกล้ตัวรถได้ อีกขั้นของเทคโนโลยีที่เพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกเส้นทางได้อย่างลงตัว…
All New YAMAHA R15
กับคำว่า Born to Be One1…เร็วดั่งใจ พุ่งไปกับความเป็นหนึ่ง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สร้างปรากฎการณ์ความเร้าใจให้กับตลาดรถจักรยานยนต์สปอร์ตเมืองไทยครั้งใหญ่! ที่มาพร้อมกับแนวคิด…เมื่อคนกับรถมอเตอร์ไซค์หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ให้ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ เร่งไปให้ถึงขีดสุด…ด้วยการเปิดตัว “All New R15 Connected” และ “All New R15M Connected-ABS” มาพร้อมดีไซน์ใหม่ แบบAerodynamic Design อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากตระกูล R-Series DNA ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 155 ซีซี VVA และล้ำหน้าอีกขั้นด้วยแอปพลิเคชั่นการเชื่อมต่อข้อมูลรถด้วยเทคโนโลยีใหม่ Y-Connect ที่จะทำให้ผู้ขับขี่และรถเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว สำหรับ “All New R15 Connected” และ “All New R15M Connected-ABS” มาพร้อมกับขุมกำลัง 155 cc ที่พร้อมตอบสนองทุกการบิดคันเร่งด้วยเครื่องยนต์ 155 ซีซี สูบเดี่ยว 4 วาล์ว พร้อมระบบ VVA วาล์วแปรผันอัจฉริยะ เกียร์สปอร์ต 6 สปีด พร้อมระบบ ASSIST & SLIPPER CLUTCH ช่วยลดแรงกระชากล้อหลังขณะลดเกียร์ ให้อารมณ์การขับขี่เร้าใจแบบเดียวกับซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหญ่ รวมถึง TELESCOPIC UPSIDE DOWNระบบกันสะเทือนหน้าด้วยโช้คหัวกลับ ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งอย่างมั่นใจ นอกจากนี้ “All New R15 Connected” และ “All New R15M Connected-ABS” ยังมาพร้อมกับโฉมใหม่ด้วย NEW GEN FULL LED HEADLIGHT ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ Twin-Eyes พร้อมไฟ Mono Focus LED สปอร์ตดุดัน สว่างชัดทุกการขับขี่ อีกทั้งยังล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วย YAMAHA Y-Connect Application เชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ รับรู้ข้อมูลรถ และการขับขี่ของคุณได้บนมือถืออย่างง่ายดาย พิเศษเหนือชั้นอีกระดับ! เพิ่มความเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ที่มีเฉพาะรุ่น All New R15M Connected-ABS เท่านั้น! ซึ่งมาพร้อมกับระบบ Quick shifter ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์, ระบบTraction control ป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง ช่วยให้ทุกจังหวะการเปิดคันเร่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ และระบบเบรก ABS ที่สามารถหยุดความแรงได้อย่างปลอดภัยยิ่ง พร้อมให้คุณพุ่งทะยานไปสู่ความเป็นหนึ่งในทุกเส้นทาง โดย “All New R15 Connected” มาพร้อมกับสีสันสุดเร้าใจที่มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ สีน้ำเงิน Icon Blueสีน้ำเงิน เร้าใจสไตล์ยามาฮ่าเรซซิ่ง และ สีดำ Tech Black สุขุม ดุดัน ทุกมุมมอง ส่วนรุ่น All New R15M Connected-ABS มาพร้อมกับ 2 สีสันที่ให้อารมณ์ซูเปอร์สปอร์แบบเต็มพิกัด คือ สีเทา-ดำ Icon Performance ที่ถ่ายทอด DNA มาจากซูเปอร์สปอร์ตรุ่นพี่อย่าง R1M และ สีขาว-แดง WGP 60th Anniversary สีสันและลวดลายแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ของการเข้าร่วม World Grand Prix นอกจากนี้ยามาฮ่ายังได้เตรียม ACCESSORIES อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มความโดดเด่นเฉพาะตัวยิ่งขึ้นอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น ชุดกันล้ม, แผ่นเรซิ่นกันฝาถังน้ำมัน, สติ๊กเกอร์กันรอยถังน้ำมันลายคาร์บอน, ชุดมือเบรก-มือคลัตช์สีดำ/ทองสำหรับรุ่น ABS, ชุดจุกปิดปลายแฮนด์สีทอง, ฝาปิดแม่ปั๊มดิสก์เบรกหน้าสีทอง, ฝาปิดแม่ปั๊มดิสก์เบรกหลังสีทอง และแผงบังโซ่สีทอง/ดำ สามารถร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับ “All New R15 Connected” และ “All New…
ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่!
ด้วยนิยาม MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์ กับเจ้า ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! เลยทำให้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกของเมืองไทย พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์“EXPERIENCE THE UNDISCOVERED” ค้นหาประสบการณ์เร้าใจไปกับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ รถออโตเมติก 300 ซีซี ยอดนิยมที่ครองใจคนทั่วโลกตามเอกลักษณ์แห่งตระกูล MAX Series สุดยอดดีไซน์ผสานสุดยอดสมรรถนะการขับขี่ ตอบสนองจิตวิญญาณแห่งความเป็น MAX สีสันใหม่ เท่ สปอร์ตเร้าใจ และคุ้มค่ากว่าด้วยการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สำหรับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ที่มาพร้อมกับสโลแกน “MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์” ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเต็ม MAX ด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE ในพิกัด300 ซีซี ผสมผสานเทคโนโลยีแห่งความแรงและความประหยัดได้อย่างลงตัว สั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล ที่ให้ประสิทธิภาพในการขับขี่สนุกเร้าใจในทุกระดับความเร็ว ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ยังเสริมสมรรถนะการขับขี่ให้เต็ม MAX ด้วย โช้คหน้าขนาด 33 มม. ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ให้ความมั่นใจในทุกสภาพถนน อีกทั้งยังให้ความมั่นใจในการหยุดรถด้วยระบบเบรก ABS ที่ช่วยควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ป้องกันล้อล็อกทั้ง 2 ล้อ พร้อมระบบ Traction Control System (TCS) ระบบปรับสมดุลความเร็วล้อหน้า-หลัง ให้สัมพันธ์กัน ให้ความปลอดภัยในทุกสถานการณ์การขับขี่ และตอบโจทย์การเดินทางไกลด้วย ถังน้ำมันขนาด 13 ลิตร จุน้ำมันได้มากหมดกังวลทุกการเดินทางไกล พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บหมวกกันน็อกเต็มใบได้ถึง 2 ใบ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! นอกจากมีสมรรถนะการขับขี่สุด MAX แล้ว ยังเพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หรูหราสุดพรีเมี่ยมตลอดทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า-ไฟท้าย แบบ FULL LED ดีไซน์สปอร์ตดุดัน ต้นฉบับความเท่ของตระกูล MAX สว่างขึ้นชัดเจนกว่าเดิม เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่, เรือนไมล์แบบ Multi-function Digital Meter จอ LCD สไตล์สปอร์ต ครบทุกฟังก์ชัน พร้อมสวิตช์เปลี่ยนโหมดที่แฮนด์, ช่องชาร์จแบตมือถือหรืออุปกรณ์นำทางขนาด 12V พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า รวมทั้งกุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY SYSTEM ที่สามารถใช้งานทั้งสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์, ปลดล็อกแฮนด์รถ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาปิดถังน้ำมัน และส่งสัญญาณตอบรับANSWER BACK ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! มาพร้อมกับสีสันใหม่ เท่ สปอร์ตเร้าใจ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 4 สี คือ สีเขียว Dark Petrol, สีแดง Redline, สีน้ำเงิน Icon Blue และสีขาว Milky White ด้วยราคาแนะนำที่ 179,000 บาทโดยสามารถสัมผัสกับ MAXPERIENCE ประสบการณ์แห่งความเร้าใจ…สุดแม็กซ์ ไปกับ ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 ใหม่! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website : www.yamaha-motor.co.th Facebook : Yamaha Society Thailand Instagram : @Yamaha Society Thailand Youtube : Yamaha Society Thailand
NEW MG ZS EV
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เดินหน้าแผนงานผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เทียบชั้นอุตสาหกรรมยานยนต์โลกตามแนวทาง New Era New Growth for MG and Thailand Automotive Industry อย่างเป็นรูปธรรม ประเดิมเปิดตัว NEW MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โฉมใหม่ ที่มาของ คอนเซ็ปต์ “Truly Easy” พร้อมด้วย MG EV Ecosystem หรือระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งของเอ็มจี โดยมีเครือข่าย MG Super Charge ที่ครอบคลุมและรองรับการเดินทางได้ทั่วประเทศ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ เงินจองจำนวน 10,000 บาท จะมีมูลค่าเป็น 20,000 บาท เพื่อใช้หักจากราคาจำหน่ายเมื่อมีการส่งมอบรถอย่างเป็นทางการและอุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท เฉพาะผู้ที่จองผ่านwww.mgcars.com ในระหว่างวันที่ 11-21 มีนาคม และรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เท่านั้น โดยจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ 2022 สำหรับ NEW MG ZS EV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D และรุ่น X โดยจะเปิดตัวสู่สาธารณชน พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ในวันที่22 มีนาคมนี้ และจะจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน58 โชว์รูม ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อโชว์รูมได้ที่ www.mgcars.com ผู้จอง NEW MG ZS EV ในช่องทางออนไลน์ผ่าน www.mgcars.com ระหว่างวันที่ 11-21 มีนาคมนี้ และรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565 จะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษจากทางเอ็มจี ประกอบด้วย -เงินจอง 10,000 บาท จะมีมูลค่าเป็น 20,000 บาท เพื่อใช้หักออกจากราคาจำหน่าย NEW MG ZS EV เมื่อมีการส่งมอบรถอย่างเป็นทางการ -รับประกับแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร -รับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร -ฟรี! MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง -ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี -ฟรี! อุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท NEW MG ZS EV รถพลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบ SUV ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์“TRULY EASY” ยนตรกรรมที่จะทำให้ชีวิตของคุณ “ง่าย” ขึ้นอย่างแท้จริง ด้วยดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ภายนอกเรียบหรู ล้ำสมัยภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ลงตัวสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDING) การออกแบบ(DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทันสมัย ขับขี่ง่าย มั่นใจในทุกเส้นทาง EASY & STYLISH – EXTERIOR DESIGN: ดีไซน์ภายนอกล้ำสมัย NEW MG ZS EV มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นตามแบบฉบับรถ SUV ของ MG เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความสปอร์ต ผสานเข้ากับเส้นสายที่ทันสมัย ลงตัวในทุกรายละเอียด พร้อมกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สะท้อนภาพลักษณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มากยิ่งขึ้น -มิติตัวถัง 4,323 x 1,809 x…
NEW MAZDA MX-5
ครั้งแรกกับระบบ KPC ใน NEW MAZDA MX-5 ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้ง ขับสนุก เร้าใจกว่าเดิม มาสด้าเปิดตัว New Mazda MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด เจ้าตำนานแห่งความสนุกในการขับขี่ หลังคาเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า ครั้งแรกของการมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะใน New Mazda MX-5 กับระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinemetic Posture Control)ช่วยให้รถยึดเกาะถนนดีเยี่ยม เปลี่ยนให้ทุกเส้นทางเต็มไปด้วยความสนุก และมอบความมั่นใจให้ผู้ขับได้มากยิ่งขึ้นมาพร้อมอีกระดับของความสปอร์ตกับสีใหม่ล่าสุด บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ สีเอกลักษณ์ของมาสด้า สะท้อนภาพลักษณ์ความหรูหราพรีเมี่ยม มอบข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวกับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี1 และขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและทดลองขับได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มาสด้าเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากจิตวิญญาณความเป็นสปอร์ต ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดจิตวิญญาณนี้ไปสู่การพัฒนารถยนต์ทุกรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง New Mazda MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนหลังคาไฟฟ้า น้ำหนักเบา ซึ่งถือเป็นแบรนด์ไอโคนิค เจ้าตำนานแห่งความสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในจากลูกค้าทั่วโลกจนได้รับการบันทึกใน Guinness World Records ว่าเป็นรถสปอร์ตที่ขายดีที่สุดในโลกกว่า 1,100,000 คัน รวมถึงรางวัลด้านความสมบูรณ์แบบและความสง่างาม ที่สามารถพิชิตรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก และรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก ประจำปี 2016 หรือ World Car of the Year และ World Car Design of the Year 2016 มาครอง มาสด้ามุ่งหวังที่จะพัฒนารถยนต์ เพื่อนำเสนอคุณค่าที่เกินความคาดหมายให้กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถ New Mazda MX-5 ซึ่งเป็นรถสปอร์ตแบรนด์ไอคอนของมาสด้า ที่มีกลุ่มแฟนพันธุ์แท้อยู่ทุกมุมโลก เราหวังว่ารถรุ่นนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่รักในการขับขี่ที่สนุกสนานเช่นเคย” สำหรับครั้งนี้ New Mazda MX-5 ได้ถูกพัฒนาเสริมจุดเด่นความเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ของมาสด้าที่ขับสนุก เร้าใจ มากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรถรุ่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมอบความสบายให้กับผู้ขับขี่ ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญา จินบะ อิไต (Jinba-Ittai) ที่ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ โดยยึดหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง ด้วยการนำเอาท่วงท่าการเดินที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์มาเป็นต้นแบบในการพัฒนา และยังคงโดดเด่นหรูหราด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ทั้งสง่างาม และให้สมรรถนะทรงพลังอันมีเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้า คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า “มาสด้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำNew Mazda MX-5 รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาให้ขับสนุกและเข้าโค้งได้เฉียบคมยิ่งขึ้น ด้วยการมาครั้งแรกของระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinemetic Posture Control) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ New Mazda MX-5 ที่ช่วยให้รถทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ ช่วงล่างด้านหลังของรถรุ่นนี้ได้ถูกออกแบบเพื่อช่วยป้องกันการยกของตัวรถ (Anti-Lift) โดยระบบจะทำการควบคุมแรงเบรกที่ล้อหลังฝั่งด้านในโค้ง ในขณะที่รถเข้าโค้ง เพื่อลดอาการโคลงของตัวรถ จึงทำให้รถมีเสถียรภาพและเข้าโค้งได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการทำงานของระบบ KPC จะเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อขับเข้าโค้งที่แคบ บนถนนขรุขระ หรือขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้เกิดเสถียรภาพในการทรงตัวและยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ขับสนุกและมั่นใจขึ้นเท่านั้น แต่ยังลดการโคลงตัวและมอบสมรรถนะในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น” นอกจากนี้ อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญในการพัฒนา New Mazda MX-5 คือเพื่อให้มีเอกลักษณ์และโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยสีภายนอกใหม่ล่าสุด สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นสีที่แสดงออกถึงความมีคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกหรูหรา ทรงพลัง และสง่างาม ด้วยผลึกกึ่งโปร่งแสงจากควอตซ์ที่ขาวละเอียด นวลเนียน และสะท้อนตัวตนอันมีเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่ที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร ที่ผสานอย่างลงตัวกับการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ หรือการเคลื่อนไหวอันสง่างามของการออกแบบภายนอกตัวรถ ที่ต้องตาต้องใจผู้พบเห็นจนยากจะละสายตา การออกแบบภายนอกของ New Mazda MX-5 ยังคงมีความสปอร์ต ทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ LED Projector และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp ตกแต่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำเมทัลลิค พร้อมคิ้วบันไดกันรอยสเตนเลส ในขณะที่ภายในห้องโดยสารยังคงคัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง และประณีตทุกจุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น เบาะหนัง Perforated และเดินตะเข็บด้วยด้ายเย็บสีเทาที่บ่งบอกถึงความพรีเมี่ยม พร้อมยังรองรับการใช้งาน Apple CarPlay พร้อม Mazda Connect โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display ขนาด 7 นิ้ว ช่วยอำนวยความสะดวกในทุกการติดต่อ เพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 9 ตำแหน่ง New Mazda MX-5 ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะความแรง ควบคุ่ไปกับประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด นอกจากนี้ ยังมาพร้อมถุงลมนิรภัยด้านข้างและด้านหน้า 2 คู่ ระบบสัญญานเตือนกันขโมย และระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด เพื่อมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ไปตลอดเส้นทาง รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงเมื่อเผชิญเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนน อาทิ ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane…