ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155

All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 Ride The Next Level ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาส 3 แบบเต็มพิกัด ด้วยการเปิดตัว “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจไปอีกขั้น ตั้งแต่หัวจดท้าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ R-Series DNA สัมผัสแห่งความแรง พร้อมรูปทรงแอโรไดนามิกเจนใหม่ของ Sport Moped ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Sport Moped ในเมืองไทยอย่างแท้จริง!!! พร้อมทั้งการันตีคุณภาพสินค้ากล้ารับประกันทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่กล้ารับประกัน สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ยังคงให้ความสนุกเร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ แรงเต็มขั้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และระบบ Assist & Slipper คลัตช์ เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจในการขับขี่ทุกโค้ง ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกับรถสปอร์ต อย่างเต็มพิกัด  All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 ยังเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบดีไซน์ เฟรมใหม่ เป็นรูปตัว Y ที่มีน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวดีขึ้น และแข็งแรงขึ้น โดยทำงานสัมพันธ์กับ โช้คหน้า เทเลสโคปิค ปรับระยะยุบใหม่ โดยทำการเพิ่มระยะยุบของโช้คหน้าให้สามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น มีความนุ่มนวลและเกาะถนนมากขึ้น ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน พร้อมโช้คอัพหลังแบบ MONO SHOCK โฉบเฉี่ยวมั่นใจ ที่ได้รับการออกแบบตามหลัก “คันโนะเฮียวกะ”* พร้อมส่วนป้องกันโช้คอัพที่แผงกันล้อหลัง ผสานการทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ช่วยลดแรงกระแทก ขับขี่นุ่ม นั่งสบาย ทรงตัวดี ส่งผลให้ทุกจังหวะการขับขี่เต็มไปด้วยความเร้าใจและความมั่นใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ All…

 
Read More

TOYOTA แนะนำ C-HR รุ่นใหม่

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ Sub-Compact SUV C-HR รุ่นปรับปรุงใหม่ เพิ่มทางเลือกใหม่ให้หลากหลาย ด้วยสีภายนอกใหม่ โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกับ 2 ทางเลือกสีหลังคาใหม่ Black roof หรือ Silver roof เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกของโตโยต้า (Toyota Safety Sense) ด้วยระบบ All-speed Dynamic Radar Cruise Control พร้อมระบบ Lane Tracing Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน รองรับเทคโนโลยีสุดล้ำ Apple  Play และ T-Connect by TOYOTA  Toyota C-HR (Coupe High Rider) เป็นรถ Sub-Compact SUV ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มียอดขายสะสมมากกว่า 31,680 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2561 ถึงเดือนพฤษภาคม 2564สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของรถรุ่นนี้ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สำคัญ ยังผสมผสานความอเนกประสงค์ของตัวรถอย่างลงตัว และสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่สนุกสนานและประทับใจ   C-HR “Born unique” C-HR รุ่นปรับปรุงใหม่ เป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งกว่าเคย ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีของโตโยต้า เริ่มจาก สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ (Toyota New Global Architecture) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เข้าโค้งได้อย่างสนุกสนาน โครงสร้างเหล็กที่แข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว และช่วงล่างอิสระปีกนกคู่ Double Wishbone Suspension ให้ความนุ่มนวล เกาะถนน รวมทั้งการออกแบบให้มีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลกของโตโยต้า ได้แก่ ระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 ขับสนุก ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูง เพิ่มความมั่นใจทุกการเดินทาง ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากการทดสอบการชน ASEAN NCAP ระดับ 5 ดาว Unique Design…ดีไซน์ภายนอกจัดจ้านเกินใคร สะท้อนสไตล์คุณ โดดเด่นด้วยหลังคาสีใหม่ ไม่เหมือนใคร กับทางเลือกสีหลังคา Silver roof และล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว เท่กว่าด้วยดีไซน์ไฟจัดเต็ม ทั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์Full LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟเลี้ยวแบบ Sequential และไฟส่องสว่างที่กระจกมองข้างแบบ LED (Welcome lamp) ทั้งยังเหนือกว่าด้วยระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบFollow-Me-Home Unique Style…สไตล์ภายในไม่เคยประนีประนอม มีแต่คำว่าสวยและลงตัวที่สุด ห้องโดยสารดีไซน์พรีเมียมสบายในทุกมิติ ด้วยเบาะคู่หน้าทรงสปอร์ตโอบรับกับสรีระ มาพร้อมปุ่มปรับดันหลังด้านคนขับ (Lumbar Support) ระบบแยกปรับอากาศ Dual Zone ปรับอุณหภูมิบริเวณที่นั่งผู้โดยสารด้านซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ และพวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงผล –หน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB / Bluetooth –ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)  –ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) –โหมดการขับขี่ 3 แบบ EV Mode ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในความเร็วต่ำ / Sport Mode เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ / Eco Modeปรับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ –ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe ช่วยขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค Unique Performance…สมรรถนะทรงพลัง ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนเข็มไมล์ แต่คืออัตราเร่งของหัวใจเมื่อได้พุ่งทะยาน –ระบบไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ 4th Generation…

 
Read More

Lexus NX

ตลอดระยะเวลาหลายปี ที่รถยนต์ในเครือของ โตโยต้า อย่าง เลคซัส เข้ามามีชื่อเสียง ในฐานะรถหรูในประเทศไทย หลายคนยังคงคิดว่า เบนซ์ คือ รถหรูที่ตนเองต้องการมากที่สุด รองลงไป จะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู อาวดี้ วอลโว่ แต่อย่างไรก็ตาม เลคซัส กลายเป็นแบรนด์รถหรู ทางเลือก ที่เหล่าบรรดา ผู้มีตังส์ทั้งหลาย ไม่ต้องการซ้ำใคร จึงเลือกยี่ห้อ ที่มีสัญลักษณ์ รูปตัว แอลเอียง             เลคซัส มีรถยนต์หลากหลายรุ่น แต่ละรุ่น ล้วนเป็นรถยนต์ที่เน้นเรื่องความสวยงาม ภายในหรูหรา อำนวยอรรถประโยชน์ ชนิดว่าไม่ต้องเรียกหาที่ไหนอีก และสุดท้าย กับเทคโนโลยี อัจฉริยะ ทั้งด้านเครื่องยนต์ทรงพลัง และช่วงล่างที่นั่งก็สบาย ขับก็สนุก ล่าสุด Lexus NX ใหม่ยังเป็นสัญญาณของอุปกรณ์ไฮเทคและความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในแบรนด์หัวลูกศร ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นระบุว่า NX จะเป็นผลิตภัณฑ์ยานยนต์ครอสโอเวอร์ที่ถูกพัฒนาให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการออกแบบสไตล์ภายนอกที่เหนียวแน่นของ Lexus ยังมีการปรับปรุงทุกจุดอย่างละเอียด การควบคุมการขับขี่ระบบอากาศพลศาสตร์พวกแอร์โรไดนามิก ในขณะเดียวกันก็ยังลดน้ำหนักโดยรวมของรถลงอีกด้วย มิติตัวถังของ Lexus NX มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,660 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 20 มิลลิเมตรกว้าง 1,865 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 20 มิลลิเมตร สัดส่วนความสูงอยู่ที่ 1,640 มิลลิเมตร สูงขึ้น 5 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ2,690 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 30 มิลลิเมตร โครงสร้างและแชสซีพัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์ม GA-K ระบบรองรับ ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังแบบดัชเบิลวิชโบนปีกนกคู่ ขณะที่รุ่น F Sport ใช้โช้คอัพไฟฟ้าปรับการทำงานได้แบบอัตโนมัติ AVS Adaptive Variable Suspension เครื่องยนต์รุ่นใหม่ใน Lexus NX เริ่มจาก NX350 AWD เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบขนาด 2.4 ลิตร กำลัง 275 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรแบบไม่มีระบบอัดอากาศ (คล้ายเครื่อง 2.5 ลิตร ไฮบริดของ Camry) และรุ่นไฮบริดปกติ (ไม่มีปลั๊กอิน) รุ่นปลั๊กอินไฮบริด PHEV Lexus NX 450h+ AWD และ 2.4 turbo AWD ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ในขณะที่รุ่น 2.5 ลิตรและไฮบริดสามารถเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD หรือระบบขับเคลื่อนล้อหน้า สำหรับชุดส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-8AT  Lexus NX เปิดตัวฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึงระบบล็อกประตูแบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบแรกของโลก ซึ่งจับคู่กับ Blind Spot Monitor เพื่อป้องกันไม่ให้ประตูเปิด เช่น มีนักปั่นจักรยานเข้ามาจากด้านหลัง Lexus NX สามารถจอดด้วยระบบอัตโนมัติได้ด้วยรีโมตคอนโทรล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในได้รับการยกเครื่องใหม่หมด โดยระบบควบคุมทัชแพดแบบเดิมถูกแทนที่ด้วยฟังก์ชันหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ยักษ์ถึง 14 นิ้ว เช่นเดียวกับรถระดับพรีเมียมที่ดี Lexus…

 
Read More

BMW iX และ iX3

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในวงการยานยนต์ไทยเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX และ iX3 รถยนต์ SAV พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ก้าวสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมไฟฟ้า เปิดจองออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน เวลา 14:00 น. เป็นต้นไปทาง shop.bmw.co.th บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู iX3 รถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่จะมาสร้างนิยามใหม่ให้แก่ประสบการณ์การขับขี่ด้วยพลังงานสะอาดในประเทศไทย สำหรับการเปิดตัวครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยูiX นี้ มาในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport สร้างสุนทรียภาพการขับขี่แบบไร้มลพิษ พร้อมความคล่องตัวสไตล์สปอร์ต และดีไซน์สุดล้ำที่สื่อถึงความยั่งยืนในทุกอณู ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ล่าสุด สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 630 กิโลเมตร ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู iX3M Sport เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยความโดดเด่นจากตระกูล X3 ที่ผสานความปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวเข้ากับสมรรถนะอันทรงพลังของ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้า สำหรับลูกค้าในประเทศไทย สามารถจองบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ซึ่งมาในจำนวนจำกัดเพียง 20 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport ที่มาให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ทาง shop.bmw.co.th มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นวิสัยทัศน์ด้านยนตรกรรมไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูเป็นจริงด้วยการเปิดตัวครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยู iX โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู i เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมล้ำยุคของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู i8 และ i3 ที่เราได้เปิดตัวในประเทศไทยไปแล้วนั้น เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นก้าวสำคัญเพื่อปูทางสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม และในวันนี้ เราได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยบีเอ็มดับเบิลยู iX ยนตรกรรมที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ พร้อมเบิกทางสู่นวัตกรรมแห่งอนาคตและบริการดิจิทัลต่าง ๆ การพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู iX นั้น สอดแทรกปรัชญาด้วยความยั่งยืนของเราไว้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรชิ้นส่วนต่าง ๆ ไปจนถึงรูปลักษณ์การดีไซน์ ในขณะเดียวกัน เอกลักษณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตปราดเปรียวของบีเอ็มดับเบิลยูนั้นก็ยังคงเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของบีเอ็มดับเบิลยู iX ซึ่งเป็นยนตรกรรมที่บุกเบิกเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำยุคอีกมากมายจึงนับเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่จะได้เปิดตัวรถยนต์ระดับเรือธงเช่นนี้แก่ลูกค้าชาวไทย” “นอกจากบีเอ็มดับเบิลยู iX แล้ว วันนี้เรายังเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport เป็นครั้งแรก สมาชิกใหม่ในตระกูล X3 รุ่นนี้จะเข้ามาเติมเต็มกลยุทธ์ Power of Choice ของเราให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยนับจากนี้ไป บีเอ็มดับเบิลยู X3 จะเป็นยนตรกรรมที่พร้อมนำเสนอระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ปลั๊กอินไฮบริด และพลังงานไฟฟ้าล้วน ซึ่งแม้ว่าจะขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด แต่ยังคงเอกลักษณ์ความคล่องตัวแบบ SAV ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม เราเชื่อว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นใหม่นี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการเดินหน้าสู่อนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่การสรรสร้างวิสัยทัศน์ของเราให้เป็นจริง” บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 5,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี และแท่นชาร์จ BMW i Wallbox สำหรับ 20 คันแรกเท่านั้น) บีเอ็มดับเบิลยู iX มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าใหม่ล่าสุด พร้อมความล้ำยุคด้านเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่ออีกมากมาย เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ในระยะยาวไกลยิ่งขึ้นและอัตราเร่งที่ทรงพลัง บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 385 กิโลวัตต์/523 แรงม้าระบบ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้านี้ยังทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 630 กิโลเมตร สร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 765 นิวตันเมตร ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ(Near-actuator wheel slip limitation) ได้รับการติดตั้งควบคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อและเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ จึงโลดแล่นด้วยความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.6 วินาที แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport มีความจุพลังงานรวม 111.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง หัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 200 กิโลวัตต์ และสำหรับการชาร์จจากเครื่องชาร์จ 100 กิโลวัตต์นั้น จะใช้เวลาราว 56 นาที ในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพและระยะการขับขี่ของบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรถเข้าใกล้ทางแยก ระดับการดึงพลังงานกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังก์ชั่น Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ โดยเมื่อเลือกขับขี่ด้วยเกียร์ B ระบบ Recuperation จะทำงานที่ระดับสูงสุดโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling โครงสร้างตัวถัง ปรัชญาการดีไซน์ และการออกแบบแชสซีของบีเอ็มดับเบิลยู iX ได้รับการพัฒนาเพื่อหลอมรวมความสะดวกสบายเหนือระดับในการขับขี่และการควบคุมที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต โครงสร้างของบีเอ็มดับเบิลยู iX มาในวัสดุอลูมิเนียมแบบ spaceframe ส่วนหลังคามาในโครงสร้าง Carbon Cage ซึ่งประกอบด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณด้านข้างและด้านหลัง ผสานการใช้วัสดุสองประเภทเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่งและลดน้ำหนักให้เบาลงได้อย่างชาญฉลาด ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient) ที่ต่ำเพียง 0.25 จากองค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ต่าง ๆ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และระยะการขับขี่ด้วยเช่นกัน แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX ที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง เมื่อประสานเข้ากับการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลจึงทำให้ตอบสนองต่อการควบคุมได้ฉับไวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รูปแบบการขับขี่ที่มีความสมดุลของบีเอ็มดับเบิลยู iX ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงและความสบายขณะขับขี่ ขณะที่ยังคงความคล่องตัวไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เทคโนโลยีแชสซีที่ใช้ในการพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู iX ประกอบด้วย เพลาหน้าแบบปีกนกคู่ เพลาหลังแบบ five-link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ล้อ aerodynamic ขนาด 22 นิ้ว แบบสลับสี ขัดเงาสามมิติ เสริมด้วยยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียงได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน อีกหนึ่งเอกลักษณ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำใครของบีเอ็มดับเบิลยู iX คือดีไซน์ภายนอกที่มีเส้นสายในการออกแบบชัดเจนทรงพลัง แต่ยังมีความเรียบง่าย และคงความบึกบึนสไตล์ SAV รายละเอียดขององค์ประกอบต่าง ๆ สื่อถึงความประณีตและความหรูหราล้ำยุค โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่เกือบปิดทึบ สะท้อนถึงนวัตกรรมการผลิตที่ล้ำสมัย ส่วนกล้องและเรดาร์เซนเซอร์ฝังอยู่ภายใต้พื้นผิวของกระจังหน้า โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายที่เรียวยาวที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู มือจับประตูที่เปิดด้วยการกดปุ่ม หน้าต่างไร้ขอบ และประตูท้ายสอดประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถโดยไม่มีช่องว่าง การออกแบบภายในห้องโดยสารมุ่งนำเสนอแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางและเบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรายิ่งขึ้น มีพื้นที่วางขามากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องมีท่อส่งน้ำมันกลางตัวรถ ซึ่งยังช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ คอนโซลกลางมาในดีไซน์เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัสและระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ rocker switch เติมเต็มความทันสมัยยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยจอ BMW Curved Display พวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมและจอ Head-Up Display    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟิลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ซึ่งใช้ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งและพวงมาลัย มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System ที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะ และระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชั่นสั่นตามเสียงเบสในเบาะหน้า นอกจากระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน บีเอ็มดับเบิลยู iX ยังมาพร้อมเสียงประกอบการขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่ทุกครั้งที่เร่งความเร็ว ฟังก์ชั่นจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ยังมาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans…

 
Read More

CUB House เปิดตัว Monkey 70’s

Ride Edition ถ่ายทอดนิยามความเก๋าแห่งยุค 70’s เนื่องด้วย CUB House by Honda พาแฟนๆ ย้อนไปสัมผัสบรรยากาศความเท่แห่งยุค 70’s ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และตำนาน ด้วยการเปิดตัว Monkey 70’s Ride Edition รถ Custom รุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่ม The Monkey Custom Monkey 70’s Ride Edition ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “ย้อนวัย… ไปให้ซน” ถ่ายทอดความคลาสสิกจากรุ่นพี่ที่เป็นตำนานอย่าง Super Four ด้วยลวดลายสุดเก๋าของ Boomerang Stripe 3 สีใหม่ ดำ แดง น้ำเงิน ซึ่งเป็นดีไซน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นจากยุค 70’s Monkey 70’s Ride Edition ไม่ได้โดดเด่นแค่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่ยังขี่สนุกด้วยเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 125 ซีซี เกียร์ 5 สปีด พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำ 99,700 บาท พบกันที่โชว์รูม CUB House ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3gcbwGI #CUBHOUSE  #AllNewMonkey #That70sRide  #TheMonkeyCustom70sRide  

 
Read More

Lexus NX

ตลอดระยะเวลาหลายปี ที่รถยนต์ในเครือของ โตโยต้า อย่าง เลคซัส เข้ามามีชื่อเสียง ในฐานะรถหรูในประเทศไทย หลายคนยังคงคิดว่า เบนซ์ คือ รถหรูที่ตนเองต้องการมากที่สุด รองลงไป จะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู อาวดี้ วอลโว่ แต่อย่างไรก็ตาม เลคซัส กลายเป็นแบรนด์รถหรู ทางเลือก ที่เหล่าบรรดา ผู้มีตังส์ทั้งหลาย ไม่ต้องการซ้ำใคร จึงเลือกยี่ห้อ ที่มีสัญลักษณ์ รูปตัว แอลเอียง          เลคซัส มีรถยนต์หลากหลายรุ่น แต่ละรุ่น ล้วนเป็นรถยนต์ที่เน้นเรื่องความสวยงาม ภายในหรูหรา อำนวยอรรถประโยชน์ ชนิดว่าไม่ต้องเรียกหาที่ไหนอีก และสุดท้าย กับเทคโนโลยี อัจฉริยะ ทั้งด้านเครื่องยนต์ทรงพลัง และช่วงล่างที่นั่งก็สบาย ขับก็สนุก ล่าสุด Lexus NX ใหม่ยังเป็นสัญญาณของอุปกรณ์ไฮเทคและความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในแบรนด์หัวลูกศร ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นระบุว่า NX จะเป็นผลิตภัณฑ์ยานยนต์ครอสโอเวอร์ที่ถูกพัฒนาให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการออกแบบสไตล์ภายนอกที่เหนียวแน่นของ Lexus ยังมีการปรับปรุงทุกจุดอย่างละเอียด การควบคุมการขับขี่ระบบอากาศพลศาสตร์พวกแอร์โรไดนามิก ในขณะเดียวกันก็ยังลดน้ำหนักโดยรวมของรถลงอีกด้วย มิติตัวถังของ Lexus NX มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,660 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 20 มิลลิเมตรกว้าง 1,865 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 20 มิลลิเมตร สัดส่วนความสูงอยู่ที่ 1,640 มิลลิเมตร สูงขึ้น 5 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ2,690 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 30 มิลลิเมตร โครงสร้างและแชสซีพัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์ม GA-K ระบบรองรับ ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังแบบดัชเบิลวิชโบนปีกนกคู่ ขณะที่รุ่น F Sport ใช้โช้คอัพไฟฟ้าปรับการทำงานได้แบบอัตโนมัติ AVS Adaptive Variable Suspension เครื่องยนต์รุ่นใหม่ใน Lexus NX เริ่มจาก NX350 AWD เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบขนาด 2.4 ลิตร กำลัง 275 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรแบบไม่มีระบบอัดอากาศ (คล้ายเครื่อง 2.5 ลิตร ไฮบริดของ Camry) และรุ่นไฮบริดปกติ (ไม่มีปลั๊กอิน) รุ่นปลั๊กอินไฮบริด PHEV Lexus NX 450h+ AWD และ 2.4 turbo AWD ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ในขณะที่รุ่น 2.5 ลิตรและไฮบริดสามารถเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD หรือระบบขับเคลื่อนล้อหน้า สำหรับชุดส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-8AT  Lexus NX เปิดตัวฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึงระบบล็อกประตูแบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบแรกของโลก ซึ่งจับคู่กับ Blind Spot Monitor เพื่อป้องกันไม่ให้ประตูเปิด เช่น มีนักปั่นจักรยานเข้ามาจากด้านหลัง Lexus NX สามารถจอดด้วยระบบอัตโนมัติได้ด้วยรีโมตคอนโทรล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในได้รับการยกเครื่องใหม่หมด โดยระบบควบคุมทัชแพดแบบเดิมถูกแทนที่ด้วยฟังก์ชันหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ยักษ์ถึง 14 นิ้ว เช่นเดียวกับรถระดับพรีเมียมที่ดี Lexus…

 
Read More

BMW iX และ iX3

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในวงการยานยนต์ไทยเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX และ iX3 รถยนต์ SAV พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ก้าวสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมไฟฟ้า เปิดจองออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน เวลา 14:00 น. เป็นต้นไปทาง shop.bmw.co.th บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู iX3 รถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่จะมาสร้างนิยามใหม่ให้แก่ประสบการณ์การขับขี่ด้วยพลังงานสะอาดในประเทศไทย สำหรับการเปิดตัวครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยูiX นี้ มาในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport สร้างสุนทรียภาพการขับขี่แบบไร้มลพิษ พร้อมความคล่องตัวสไตล์สปอร์ต และดีไซน์สุดล้ำที่สื่อถึงความยั่งยืนในทุกอณู ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่รุ่นใหม่ล่าสุด สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 630 กิโลเมตร ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู iX3M Sport เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยความโดดเด่นจากตระกูล X3 ที่ผสานความปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวเข้ากับสมรรถนะอันทรงพลังของ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้า สำหรับลูกค้าในประเทศไทย สามารถจองบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ซึ่งมาในจำนวนจำกัดเพียง 20 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport ที่มาให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัด ได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 14:00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ทาง shop.bmw.co.th มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นวิสัยทัศน์ด้านยนตรกรรมไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูเป็นจริงด้วยการเปิดตัวครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยู iX โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู i เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมล้ำยุคของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู i8 และ i3 ที่เราได้เปิดตัวในประเทศไทยไปแล้วนั้น เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นก้าวสำคัญเพื่อปูทางสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม และในวันนี้ เราได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยบีเอ็มดับเบิลยู iX ยนตรกรรมที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ พร้อมเบิกทางสู่นวัตกรรมแห่งอนาคตและบริการดิจิทัลต่าง ๆ การพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู iX นั้น สอดแทรกปรัชญาด้วยความยั่งยืนของเราไว้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรชิ้นส่วนต่าง ๆ ไปจนถึงรูปลักษณ์การดีไซน์ ในขณะเดียวกัน เอกลักษณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตปราดเปรียวของบีเอ็มดับเบิลยูนั้นก็ยังคงเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของบีเอ็มดับเบิลยู iX ซึ่งเป็นยนตรกรรมที่บุกเบิกเทคโนโลยีการขับขี่ล้ำยุคอีกมากมายจึงนับเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่จะได้เปิดตัวรถยนต์ระดับเรือธงเช่นนี้แก่ลูกค้าชาวไทย” “นอกจากบีเอ็มดับเบิลยู iX แล้ว วันนี้เรายังเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport เป็นครั้งแรก สมาชิกใหม่ในตระกูล X3 รุ่นนี้จะเข้ามาเติมเต็มกลยุทธ์ Power of Choice ของเราให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยนับจากนี้ไป บีเอ็มดับเบิลยู X3 จะเป็นยนตรกรรมที่พร้อมนำเสนอระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ปลั๊กอินไฮบริด และพลังงานไฟฟ้าล้วน ซึ่งแม้ว่าจะขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด แต่ยังคงเอกลักษณ์ความคล่องตัวแบบ SAV ไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม เราเชื่อว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นใหม่นี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการเดินหน้าสู่อนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่การสรรสร้างวิสัยทัศน์ของเราให้เป็นจริง” บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ใหม่ราคาจำหน่าย: 5,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี และแท่นชาร์จ BMW i Wallbox สำหรับ 20 คันแรกเท่านั้น) บีเอ็มดับเบิลยู iX มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าใหม่ล่าสุด พร้อมความล้ำยุคด้านเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและการเชื่อมต่ออีกมากมาย เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี BMW eDrive และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ในระยะยาวไกลยิ่งขึ้นและอัตราเร่งที่ทรงพลัง บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 385 กิโลวัตต์/523 แรงม้าระบบ BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้านี้ยังทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 630 กิโลเมตร สร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 765 นิวตันเมตร ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ(Near-actuator wheel slip limitation) ได้รับการติดตั้งควบคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อและเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ จึงโลดแล่นด้วยความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.6 วินาที แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport มีความจุพลังงานรวม 111.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง หัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 200 กิโลวัตต์ และสำหรับการชาร์จจากเครื่องชาร์จ 100 กิโลวัตต์นั้น จะใช้เวลาราว 56 นาที ในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพและระยะการขับขี่ของบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรถเข้าใกล้ทางแยก ระดับการดึงพลังงานกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังก์ชั่น Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ โดยเมื่อเลือกขับขี่ด้วยเกียร์ B ระบบ Recuperation จะทำงานที่ระดับสูงสุดโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling โครงสร้างตัวถัง ปรัชญาการดีไซน์ และการออกแบบแชสซีของบีเอ็มดับเบิลยู iX ได้รับการพัฒนาเพื่อหลอมรวมความสะดวกสบายเหนือระดับในการขับขี่และการควบคุมที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต โครงสร้างของบีเอ็มดับเบิลยู iX มาในวัสดุอลูมิเนียมแบบ spaceframe ส่วนหลังคามาในโครงสร้าง Carbon Cage ซึ่งประกอบด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณด้านข้างและด้านหลัง ผสานการใช้วัสดุสองประเภทเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่งและลดน้ำหนักให้เบาลงได้อย่างชาญฉลาด ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient) ที่ต่ำเพียง 0.25 จากองค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ต่าง ๆ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และระยะการขับขี่ด้วยเช่นกัน แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX ที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง เมื่อประสานเข้ากับการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลจึงทำให้ตอบสนองต่อการควบคุมได้ฉับไวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รูปแบบการขับขี่ที่มีความสมดุลของบีเอ็มดับเบิลยู iX ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงและความสบายขณะขับขี่ ขณะที่ยังคงความคล่องตัวไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เทคโนโลยีแชสซีที่ใช้ในการพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู iX ประกอบด้วย เพลาหน้าแบบปีกนกคู่ เพลาหลังแบบ five-link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ล้อ aerodynamic ขนาด 22 นิ้ว แบบสลับสี ขัดเงาสามมิติ เสริมด้วยยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียงได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน อีกหนึ่งเอกลักษณ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำใครของบีเอ็มดับเบิลยู iX คือดีไซน์ภายนอกที่มีเส้นสายในการออกแบบชัดเจนทรงพลัง แต่ยังมีความเรียบง่าย และคงความบึกบึนสไตล์ SAV รายละเอียดขององค์ประกอบต่าง ๆ สื่อถึงความประณีตและความหรูหราล้ำยุค โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่เกือบปิดทึบ สะท้อนถึงนวัตกรรมการผลิตที่ล้ำสมัย ส่วนกล้องและเรดาร์เซนเซอร์ฝังอยู่ภายใต้พื้นผิวของกระจังหน้า โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายที่เรียวยาวที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู มือจับประตูที่เปิดด้วยการกดปุ่ม หน้าต่างไร้ขอบ และประตูท้ายสอดประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถโดยไม่มีช่องว่าง การออกแบบภายในห้องโดยสารมุ่งนำเสนอแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางและเบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรายิ่งขึ้น มีพื้นที่วางขามากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องมีท่อส่งน้ำมันกลางตัวรถ ซึ่งยังช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ คอนโซลกลางมาในดีไซน์เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัสและระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ rocker switch เติมเต็มความทันสมัยยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยจอ BMW Curved Display พวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมและจอ Head-Up Display    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟิลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ซึ่งใช้ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งและพวงมาลัย มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System ที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะ และระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชั่นสั่นตามเสียงเบสในเบาะหน้า นอกจากระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน บีเอ็มดับเบิลยู iX ยังมาพร้อมเสียงประกอบการขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่ทุกครั้งที่เร่งความเร็ว ฟังก์ชั่นจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ยังมาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans…

 
Read More

All New X-ADV750 ล็อตแรกถึงเมืองไทย

ฮอนด้าเริ่มทยอยส่งมอบทันที หลังเปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์จนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมา ล่าสุด ฮอนด้าได้ส่งมอบ All New Honda X-ADV750 ล็อตแรกให้กับลูกค้าที่จองรถเป็นกลุ่มแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเหล่าไบค์เกอร์ที่ได้รับรถต่างพร้อมใจถ่ายรูปและวีดีโอ เพื่อรีวิวผ่านช่องทางต่างๆ บนสื่อออนไลน์กันอย่างคึกคัก โดยส่วนใหญ่เน้นไปที่รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของตัวรถ ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ดุดัน ภายใต้คอนเซปต์ “Let Your Instinct Lead The Way” เท่ในทุกมิติไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนก็ตาม พร้อมกันนี้ เจ้าของ SUV Bike รุ่นใหม่ล่าสุดของโลก ยังให้ความสนใจและสนุกไปกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ให้ความอเนกประสงค์รอบคัน อาทิ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถ Honda Smartphone Voice Control System (HSVCs) หรือระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านแอปพลิเคชันของฮอนด้า, ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle by Wire) มาพร้อมการปรับตั้งค่าการขับขี่ได้ถึง 5 โหมด ได้แก่ Sport, Gravel, Standard, Rain และ User และหน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 5นิ้ว ครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน สีพื้นหลังปรับอัตโนมัติ เวลากลางวัน สีขาว และกลางคืน สีดำ สามารถเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลต่างๆ ได้ถึง 4 แบบ เป็นต้น All New Honda X-ADV750 วางจำหน่ายด้วยราคา 425,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่ …

 
Read More

The new Mercedes-Benz S-Class

The new S-Class คือที่สุดแห่งยนตรกรรมในตระกูลเอสคลาสของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ความหรูหราและความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ ทั้งในเรื่องของการมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ การปกป้องผู้โดยสารในทุกเบาะที่นั่ง ตลอดจนการมอบประสบการณ์การใช้งานแบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่ตอบทุกความต้องการของผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านระบบดิจิทัลในทุกรายละเอียด The new S-Class มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,925 ซีซี พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ 2-stage มอบพละกำลังสูงสุดถึง 286 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 600 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.4 วินาที โดยขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC เครื่องยนต์ชุดนี้นับเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การออกแบบภายนอกของ The new S-Class มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Sensual Purity ในภาษาดีไซน์ที่ได้รับการยกระดับขึ้นในทุก ๆ ส่วน ภายใต้การตีความใหม่ให้ดูโมเดิร์นยิ่งกว่าที่เคย ตั้งแต่ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ล้อแบบ AMGขนาดใหญ่สูงสุด 20 นิ้ว กับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิมมากถึง 51 มิลลิเมตร เส้นโค้งหลังคา Catwalk line ที่กดองศาของหลังคาให้ต่ำลง ทำให้รถยนต์คันนี้ดูสปอร์ตขึ้น ทว่าพื้นที่ห้องโดยสารไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ การออกแบบให้มือจับประตูเป็นแบบไร้รอยต่อยังช่วยเพิ่มความกลมกลืนของเส้นสายทางด้านข้าง และช่วยให้การล็อกและปลดล็อกประตูทำได้อย่างสะดวกสบายเพียงใช้มือสัมผัสที่มือจับประตู ดีไซน์ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นที่มอบทั้งความหรูหรา คุณภาพระดับสูง และวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีที่สุด ผ่านประสบการณ์ดิจิทัลที่ตอบรับความต้องการของผู้โดยสารในทุกที่นั่ง ตั้งแต่เบาะที่นั่งตอนหน้าเรื่อยไปจนถึงตอนหลัง เริ่มตั้งแต่การออกแบบคอนโซลหน้าด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ดูโมเดิร์นขึ้นและตอบรับกับสรีระของผู้ใช้มากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa leather และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ Digital Instrument clusters ขนาด 12.3 นิ้ว  นอกจากนี้ The new S-Class ยังนำทุกปุ่มควบคุมตรงคอนโซลส่วนกลางให้เข้ามาอยู่บนหน้าจอMBUX7 แบบทัชสกรีนขนาด 12.8 นิ้วทั้งหมด โดยใช้หน้าจอแบบ OLED ที่มอบพื้นที่การใช้งาน (active area) บนหน้าจอที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมกว่า 64% ภายใต้การออกแบบในลักษณะฟรีฟอร์มดูบางเบาทว่าตอบสนองฉับไว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทุกฟังก์ชันการทำงานของรถยนต์และฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารได้อย่างใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยผสานการทำงานร่วมกับระบบเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขับขี่แต่ละคนเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลตลอดการขับขี่ได้อย่างตรงใจ แถมเบาะที่นั่งตอนหลังยังมาพร้อม Rear Seat Comfort Package ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายในการโดยสารสูงสุด ทั้งการเป็นเบาะไฟฟ้าที่สามารถปรับตำแหน่งที่นั่งได้ และฟังก์ชันการนวดที่สามารถเลือกโปรแกรมการนวดได้สูงสุด 6 โปรแกรม ระบบมัลติมีเดีย MBUX7 (Mercedes-Benz User Experience) เจเนอเรชันใหม่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ขึ้นอีกขั้น…

 
Read More

BMW R 1250 GS Adventure Edition 40 Years

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งตำนาน GS เผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure Edition 40 Years GS มอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของจิตวิญญาณสายลุยพันธุ์แท้ เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของตระกูล GS พร้อมหลอมรวมสมรรถนะและความทรงพลังที่ล้ำสมัยของมอเตอร์ไซค์ในยุคปัจจุบันเข้าไว้ได้อย่างลงตัว BMW R 1250 GS Adventure Edition 40 Years โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มาในสีเหลืองตัดกับสีดำ พาย้อนเวลากลับสู่รุ่น R 100 GS ในตำนาน เสริมประสิทธิภาพด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สองสูบพร้อมเทคโนโลยี ShiftCam ใหม่และโหมดการขับขี่แบบ Pro เพื่อปลดล็อคความเพลิดเพลินในทุกสภาวะการขับขี่ BMW R 1250 GS Adventure Edition 40 Years GS ผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 34 คัน และพร้อมให้นักบิดไทยเตรียมผจญบนทุกเส้นทางไปพร้อมกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจคันใหม่สุดพิเศษแล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั่วประเทศ มร.มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “จิตวิญญาณแห่ง GS ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1980 กับการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ R 80 G/S ซึ่งนับเป็นรถdual-sport รุ่นบุกเบิกที่พร้อมออกผจญภัยทั้งออนโรดและออฟโรด และจวบจนวันนี้ กว่า 40 ปีให้หลัง มอเตอร์ไซค์ในตระกูล GS ได้กลายมาเป็นตำนานสำหรับแฟน ๆ ทั่วโลก และเราก็ยังคงสร้างความสำเร็จครั้งใหม่อย่างต่อเนื่องในเซกเมนต์นี้ ในวันนี้ “เราได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure Edition 40 Years GS ซึ่งมาในลุคสีเหลืองดำแบบผึ้งบัมเบิลบีอันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น R 100 GS ในตำนาน โดยเราได้เติมความล้ำสมัยทั้งในด้านพละกำลังและการควบคุมเพื่อสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ นอกจากรุ่นพิเศษใน R Series ที่เราเปิดตัวในวันนี้แล้ว เรายังมีมอเตอร์ไซค์ในตระกูล GS อีกมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักบิดชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้นอย่าง G 310 GS ตลอดไปจนถึง F Series ยอดฮิตอย่าง F 750 GS, F 850 GS และ F 850 GS Adventure รวมทั้งบีเอ็มดับเบิลยู R 1250…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed