มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ดึงพันธมิตรจากกลุ่มกรุงไทยคาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย เข้ามาร่วมธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายมาสด้าอย่างเป็นทางการ ภายใต้การบริหารงานโดย นายพิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โก ออโตโมบิล จำกัด ด้วยการทุ่มงบประมาณลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งใหม่ในย่านอ่อนนุชและลาดกระบัง ภายใต้ชื่อ “มาสด้า โก” บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับความต้องการในการเข้ารับบริการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามพันธกิจของมาสด้า คือ การมุ่งมั่นยกระดับและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดเกินความคาดหวังของลูกค้า และเพื่อขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยลูกค้ามาสด้าสามารถเข้ามาเยียมชมและสัมผัสความโอ่อ่าหรูหรา พร้อมเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นและทดลองขับ หรือนำรถมาเข้ารับบริการได้แล้วนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าในเขตนิคมอุตสาหกรรมและเป็นย่านทำเลทองที่มีศักยภาพสูง รวมถึงย่านอ่อนนุชและเขตลาดกระบัง เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น จึงเดินหน้าเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่แบบครบวงจรขึ้น โดยความร่วมมือกับ มาสด้า โก ซึ่งบริหารงานโดย คุณพิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทยมายาวนาน และเพียบพร้อมไปด้วยทีมงานขายมืออาชีพ ทีมช่างเทคนิค และทีมงานคุณภาพสูง ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่นี้จะสามารถส่งมอบการบริการที่ตอบโจทย์ และมอบประสบการณ์อันแสนวิเศษ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน ซึ่งผมขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผู้บริหารและทีมงาน มาสด้า โก ในการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ในครั้งนี้ คุณพิสิทธิ์…
Category: Social
ยามาฮ่าเปิดประสบการณ์การทดสอบขับขี่รถไฟฟ้า
คุณสุขวสา ขันธนันท์ ผู้จัดการส่วนการตลาดด้านอะไหล่ พร้อมด้วยนายวัชรพงศ์ สิบพันทา ผู้จัดการส่วนบริการและสนับสนุนด้านเทคนิค และนายอาจองค์ ปิงสุทธิวงศ์ ผู้จัดการส่วนการดำเนินการด้านอะไหล่ ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับกลุ่มยามาฮ่าคลับ และผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไป ในการเปิดประสบการณ์ทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “YAMAHA E01” Demo Day ให้กับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่าน Facebook : YAMAHA RIDERS CLUB THAILAND ได้มาสัมผัสสมรรถนะและทดลองขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า E01 โดยทาง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จะทำการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าลงทะเบียนทดสอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YAMAHA E01 อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดตามข่าวสารการเปิดทดสอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้ที่ Facebook : YAMAHA RIDERS CLUB THAILAND สำหรับกิจกรรม “YAMAHA E01” Demo Day ในครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปที่เข้าร่วมลงทะเบียนทดสอบผ่าน Facebook : YAMAHA RIDERS CLUB THAILAND มากกว่า 300 ท่าน #Yamaha #YamahaSocietyThailand #E01 #EV100% #E01DemoDay
การเปลี่ยนแปลงสู่พลังงานสีเขียวอัจฉริยะ
งานสัมมนา Delta Future Industry Summit ที่จะจัดขึ้น ณ โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท โดยงานสัมมนาประจำปีของเดลต้า จะมีผู้นำทั้งจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมไทย รวมถึงสื่อมวลชนพบปะและแลกเปลี่ยนพุดคุยความรู้แบ่งปันวิสัยทัศน์และข้อมูลเชิงลึกล่าสุดด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมแห่งอนาคต งานสัมมนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของเดลต้าในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้หัวข้อ Smart Green Energy for a Resilient and Sustainable Thailand เพื่อเป็นประโยชน์กับธุรกิจไทย ทางเดลต้าจึงจัดงานในรูปแบบ Hybrid เพื่อให้ผู้ชมทั่วไปสามารถเข้าร่วมงานสัมมนาทางออนไลน์ นอกเหนือจากแขกรับเชิญของเดลต้า โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://summit2022.deltathailand.com/th/ ในงานสัมมนา นอกเหนือจากโอกาสทางธุรกิจ ผู้เข้าร่วมจะได้ชมบูธจัดแสดงโซลูชันเทคโนโลยีจากเดลต้าและร่วมรับประทานอาหารว่างและอาหารกลางวัน เนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานอาจได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน ณ สถานที่จัดงาน หรือเข้าร่วมงานผ่านช่องทางออนไลน์ ผลิตภัณฑ์ของเดลต้าที่ได้นำมาจัดแสดงได้แก่: โครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 22kW AC MAX เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบสองทิศทาง V2X อินเวอร์เตอร์เครื่องแปลงไฟสำหรับที่อยู่อาศัย ระบบจัดการพลังงาน DeltaGrid ซอฟต์แวร์ VTScada สำหรับจัดการฟาร์มอัจฉริยะ ในงานสัมมนา กระทรวงพลังงานของประเทศไทยจะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสำคัญของพลังงาน 4.0 ต่อแผนการพัฒนาประเทศไทย 4.0 นอกจากนี้ วิทยากรท่านอื่น ๆ จะนำเสนอและพูดคุยเกี่ยวกับโซลูชันนวัตกรรมที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงแผนการเร่งเปลี่ยนสังคมไทยสู่สมาร์ทกริดและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียว โดยหัวข้ออื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ของประเทศไทยสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่และการผลิตสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยเทคโนโลยี big data, 5G และระบบอัตโนมัติ มร.แจ็คกี้…
ฮอนด้า “เปลี่ยน…ให้ปลอดภัย เพราะเราห่วงใยไม่เคยเปลี่ยน”
ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักการดำเนินธุรกิจของฮอนด้าในปีพ.ศ. 2593 เพื่อมุ่งสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์ (Zero Traffic Collision Fatalities) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยของลูกค้าด้วยความห่วงใยเสมอมา เช่นเดียวกับกรณีการเปลี่ยนชิ้นส่วนในชุดถุงลม เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ และเสริมความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน เดินหน้าแคมเปญ “เปลี่ยน…ให้ปลอดภัย เพราะเราห่วงใยไม่เคยเปลี่ยน” แจ้งลูกค้าฮอนด้าที่มีรถยนต์อยู่ในข่ายต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนในชุดถุงลมที่ยังไม่ได้เข้ารับบริการ สามารถนำรถยนต์เข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ 228 แห่ง ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ฮอนด้าได้ให้ความสำคัญในการติดตามลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในการนำรถยนต์ เข้ารับการตรวจสอบและเปลี่ยนชิ้นส่วนในชุดถุงลมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้รถยนต์รุ่นที่ เข้าข่ายได้มากที่สุด ปัจจุบัน พบว่ายังมีลูกค้าบางส่วนที่ยังไม่ได้เข้ารับการตรวจสอบ สาเหตุอาจมาจากการเปลี่ยนผู้ครอบครอง จึงทำให้ไม่สามารถติดต่อลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ซึ่งฮอนด้าได้ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งข้อมูลลูกค้าผ่านทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมแคมเปญ “เปลี่ยน… ให้ปลอดภัย เพราะเราห่วงใยไม่เคยเปลี่ยน” ในครั้งนี้ สำหรับรถยนต์รุ่นที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบและเปลี่ยนชิ้นส่วนในชุดถุงลม เฉพาะรถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายรุ่นปี ค.ศ. 1998 – 2014 (พ.ศ. 2541 – 2557) ได้แก่ · บริโอ้ รุ่นปี ค.ศ. 2012 -2014 (พ.ศ. 2555 – 2557) · บริโอ้ อเมซ รุ่นปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) · ซิตี้ รุ่นปี ค.ศ. 1998 – 1999 (พ.ศ. 2541 – 2542) รุ่นปี ค.ศ. 2003 – 2013 (พ.ศ. 2546 – 2556) · แจ๊ซ รุ่นปี ค.ศ. 2004 – 2006 (พ.ศ. 2547 – 2549) รุ่นปี ค.ศ. 2009 – 2013 (พ.ศ. 2552 – 2556) · ซีวิค รุ่นปี ค.ศ. 2001 – 2014 (พ.ศ. 2544 – 2557) · แอคคอร์ด รุ่นปี ค.ศ. 1998 – 2000 (พ.ศ. 2541 – 2543) รุ่นปี ค.ศ. 2003 – 2012 (พ.ศ. 2546 – 2555) · ซีอาร์-วี รุ่นปี ค.ศ. 1998…
รถไฟฟ้ามาล่าสุดนามว่า NETA รุ่น V ราคา 549,000 บาท อึ้งกันไปเลย
บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ NETA จากประเทศจีนสะท้อนจุดยืน “Popularizer of Smart EV: สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อทุกคน” เปิดตัวแบรนด์ NETA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตั้งบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นศูนย์กลางธุรกิจรถไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน พร้อมผนึกพันธมิตรใหญ่ ปตท. สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทย เตรียมแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดอย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ประเดิมเปิดตัว “NETA V” (เนต้า วี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แนวคิด“Touchable Smart EV” เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเพื่อคนไทยทุกคน มร.หวัง เฉิงเจี่ย (Mr. Wang ChengJie) รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายที่จะให้ผู้คนทั่วทุกมุมโลกมีโอกาสได้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงทุ่มเทให้กับ “การสร้างรถยนต์เพื่อการใช้งานสำหรับทุกคน“ ให้มี“สิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมกัน“ โดยทำหน้าที่เป็น “ผู้สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้” ทำให้ NETA เริ่มแผนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาโดยประเทศไทยคือเป้าหมายแรกภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูง ภาครัฐมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ขณะที่ผู้บริโภคก็เปิดรับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน” NETA รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในจีน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ Hozon Auto เป็นผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ NETA ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในระยะเวลาเพียง 4 ปี ของการดำเนินธุรกิจโดยสามารถเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกได้ภายในปี 2561 และจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีน ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่า 362% ในปี 2564 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารวมแล้วกว่า 170,000 คัน ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้กว่า279,000 ตัน ปัจจุบันบริษัทฯ มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาด 3 รุ่นได้แก่ NETA U รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์SUV; NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car รวมไปถึง NETA S รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์สปอร์ต NETA ทุ่มเทให้กับการสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อทุกคน ตั้งเป้าแนะนำรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการให้ทุกคนมี “สิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม” บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีอัจฉริยะในทุกมิติเพื่อพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีนวัตกรรม ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวม 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่นอกประเทศจีน ครอบคลุมทั้งในเยอรมนี อิตาลี รวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะใน Silicon Valley สหรัฐอเมริกา พร้อมโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มาตรฐานระดับโลกรวม 3 โรงงานตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี และหนานหนิงเขตกวางสี ที่มีกำลังการผลิตรวม250,000 คันต่อปี โดยโรงงานที่เมืองหนานหนิงจะเป็นโรงงานหลักสำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวาเพื่อส่งออกมายังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดที่สำคัญอยู่ที่ประเทศไทย พร้อมกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คัน ยิ่งไปกว่านั้น NETA ยังร่วมมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลกในหลายธุรกิจ อาทิ Sense Time ผู้พัฒนาอัลกอริทึมAI รายใหญ่ของโลก; Horizon Robotics ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ (AI); Huawei ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT); CATL หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงกลุ่มปตท. ในประเทศไทย NETA มีแพลตฟอร์มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ HPC และ HPA ครอบคลุมตลาดตั้งแต่กลุ่ม A00 ถึงระดับ B โดยตั้งเป้าแนะนำรถยนต์รุ่นต่างๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จับมือกลุ่มปตท. ร่วมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้แข็งแกร่ง NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น100% เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโอกาสทางธุรกิจและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว Arun Plus จะเข้ามาร่วมสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกันกับ NETA ในหลากหลายมิติ โดยบทบาทหลักคือการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ให้กับ NETA ผ่านบริษัท Horizon Plus ซึ่งจะสามารถเปิดสายพานการผลิตได้ภายในปี 2024 อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตสำหรับการส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย มร.เป่า จ้วงเฟย (Mr. Bao Zhuangfei) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า“การดำเนินงานในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งเน้นความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ เพื่อคนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NETA “Popularizer of Smart EV: สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้” · ด้านผลิตภัณฑ์ : บริษัทฯ มีแผนแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง และรถยนต์ในกลุ่ม SUV เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าคนไทย ประเดิมด้วย NETA V สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์นั่งในกลุ่ม B ที่ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ ก่อนจะเปิดตัวรถรุ่นอื่นๆ อีกอย่างต่อเนื่องทุกปี · ด้านช่องทางจำหน่าย : ปัจจุบัน NETA มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว 24 แห่ง ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าวางเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 30 แห่ง ภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ยังเปิดให้บริการ NETA SPACE (เนต้า สเปช) ภายในพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า · ด้านประสบการณ์ลูกค้า : บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย โดยมีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งการฝึกอบรมความพร้อมเจ้าหน้าที่สำหรับดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพ การจัดเตรียมอะไหล่สำรองให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที บริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉินผ่าน NETA Call Center ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง NETA V : A Touchable Smart EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทุกคนเข้าถึงได้ NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car มาพร้อมแนวคิด “Touchable Smart EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้รับการออกแบบภายนอกที่ลงตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบภายในที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอInfotainment ระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว พร้อมระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ กุญแจแบบสมาร์ทคีย์พร้อมระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ…
TTC Motor จัดงานเพื่อลูกค้า
TTC MOTOR เชิญลูกค้าชม ยนตรกรรมทรงสมรรถนะ Mercedes-AMG และร่วมกิจกรรม AMG Drip & Drive พร้อมรับแคมเปญพิเศษ Ultimate Fantastic Deal ดอกเบี้ย 0.88% ดาวน์เริ่มต้น 88,000 บาท ผ่อนเริ่มต้น 19,900 บาท MBSP 5 ปี ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 5 ปี ร่วมลุ้นรับทองคำมูลค่า 5 บาทและ 15 บาท สำหรับท่านที่สนใจ AMG GLC43 4MATIC Coupé GLB200 Progressive และ A200 AMG Dynamic ที่ โชว์รูมTTC สาขาพัฒนาการ 45 วันนี้ถึง 31 สิงหาคมนี้ คุณอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์, เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี, เมอร์เซเดส-มายบัคและเมอร์เซเดส-อีคิว อย่างเป็นทางการ เผยว่า TTC Motor ได้จัดเตรียมกิจกรรม AMG Drip & Drive คือ Coffee Makeover Class โดยบาริสต้า มาให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟและแนะนำการ Drip กาแฟ พร้อมกับการตกแต่งพวงกุญแจ Handcrafted Leather และการขับ Simulator Machine of AMG ยนตรกรรมทรงสมรรถนะ พร้อมรับแคมเปญ Ultimate Fantastic Deal กรณีจองหรือออกรถในเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมสิทธิ Voucher Rebalance :Manual Physical Therapy สำหรับรายละเอียดของแคมเปญ ประกอบด้วย · ดอกเบี้ย 0.88% · ดาวน์เริ่มต้น 88,000 บาท · ผ่อนเริ่มต้น 19,900 บาทกับโปรแกรม mySTAR* · MBSP 5 ปี (โปรแกรมบำรุงรักษาและขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ อุ่นใจไม่รู้จบให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ) · ประกันภัย 5 ปี · ผ่อนดาวน์ผ่านบัตรเครดิต 0% นาน 6 เดือน นอกจากนี้ ลูกค้าที่จองหรือออกรถ AMG GLC43 4MATIC Coupé ราคาเริ่มต้น 4,999,000 บาท รวมmySTAR 5 ปี ประกันภัย 1 ปี รับประกันตัวรถ 3 ปี แถมทองมูลค่า 15 บาท* GLB200 Progressive ราคาเริ่มต้น2,899,000 บาท รวม mySTAR 5 ปี ประกันภัย 1 ปี รับประกันตัวรถ 3 ปี แถมทองมูลค่า 5 บาท* และ A200AMG Dynamic ราคาเริ่มต้น 2,150,000 บาท รวม mySTAR 5 ปี ประกันภัย 1 ปี รับประกันตัวรถ 3 ปี แถมทองมูลค่า 5 บาท ทั้งนี้ภายในโชว์รูมยังมีการจัดตกแต่ง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า สามารถเช็คอิน อวดมุมสวยๆผ่านออนไลน์ ได้อย่างเพลิดเพลิน มาแล้วมาอีกได้ หากคุณพลาดมุมพิเศษในสไตล์ไหนไป สามารถกลับมาเช็คอินที่ทีทีซี มอเตอร์ พัฒนาการ 45 ทั้งนี้เรายังมีอาหารรสเลิศ สุดพิเศษจาก Water Library เพื่อบริการให้ลูกค้าทุกท่านอีกด้วย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พัฒนาการ 45 1274, 083-545-6456 อุบลราชธานี 045-475-222…
มิตซูบิชิ ได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้า ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับ รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ประจำปี 2564 หรือTAQA ด้านการขาย ตอกย้ำความพึงพอใจของลูกค้าในทุกมิติการให้บริการของผู้เป็นเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน ทำให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยรั้งตำแหน่งสูงสุดด้านความพึงพอใจด้านการขาย สำหรับประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน รางวัลดังกล่าวนี้ เป็นอีกรางวัลที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับเพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่เคยได้คว้า 2 รางวัล ธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมประจำปี 2564 ด้านบริการหลังการขายสำหรับรถยนต์ทั้ง 2 ประเภทมาแล้ว ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ 2 รางวัลนี้ต่อเนื่องถึง 2 ปีติดต่อกัน จากผลสำรวจของ TAQA หรือ รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับคะแนนความพึงพอใจด้านการขายสูงสุดทั้งในประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน โดยมีคะแนนรวมอยู่ที่ 954 และ 971 ตามลำดับ คะแนนของรถยนต์มิตซูบิชิทั้ง 2 ประเภทสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีคะแนนอยู่ที่ 920 คะแนน สำหรับประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และ 932 คะแนนสำหรับประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน จากทั้งหมด 1,000 คะแนน รายงานฉบับนี้ซึ่งอิงตามคำตอบจากผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม 2,185 คน ยังระบุด้วยว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความภักดีจากลูกค้า พร้อมทั้งได้รับคะแนนความภักดีต่อแบรนด์สูงสุดสำหรับรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท ผลสำรวจรางวัล TAQA สำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในทั้ง 8 มิติ ได้แก่ เว็บไซต์ของผู้ผลิตรถยนต์เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของผู้จำหน่าย การเริ่มต้นการให้บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย ที่ปรึกษาการขายของผู้จำหน่าย การเจรจาตกลงการขาย ขั้นตอนในการส่งมอบรถ ตลอดจนการติดตามหลังจากส่งมอบรถแบบสำรวจ TAQA ได้สัมภาษณ์ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิจากโชว์รูมที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และยังคงใช้รถยนต์มิตซูบิชิในชีวิตประจำวัน โดยการสัมภาษณ์ได้ดำเนินการในช่วงเดือนเมษายนถึงธันวาคม 2564 มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยจุดขายที่โดดเด่นของรถยนต์มิตซูบิชิ ที่สะท้อนดีเอ็นเอของ ‘Mitsubishi Motors-ness’ ควบคู่ไปกับค่านิยม’รวดเร็ว’ ‘ทนทาน’ และ ‘สะดวกสบาย’ อีกหนึ่งปรัชญาที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจที่เรายึดถือ ก็คือ ‘ความพึงพอใจคือผลิตภัณฑ์ของเรา’ โดยเราพร้อมมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในทุกจุดที่ลูกค้าได้รับบริการของเรานอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 230 แห่ง ครอบคลุมการให้บริการแก่ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศอย่างทั่วถึง โดยเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศของเรา ยังมีจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วประเทศ บริษัทฯ ยังมีการจัดอบรมหลักสูตรการให้บริการต่าง ๆ แก่ผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถของพนักงานผู้จำหน่ายของเรา และเรายังได้จัดฝึกอบรมมากกว่า 150 คลาส สำหรับที่ปรึกษาด้านการขายของมิตซูบิชิ ตลอดปีงบประมาณ 2564 อีกด้วย ผู้บริหารระดับสูงยังให้ความสำคัญกับปัญหาต่างๆ ที่ได้รับแจ้งผ่านทาง คอลเซ็นเตอร์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และติดตามผลเพื่อหาทางแก้ไขที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอีกด้วย ด้วยความพยายามของเราในการส่งเสริมความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า เราจึงได้รับ “รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ด้านบริการหลังการขาย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล” และ “รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ด้านบริการหลังการขาย ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน” เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน เรารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณการสนับสนุนจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างสูง และสัญญาว่าจะให้บริการอย่างดีเยี่ยมแก่ลูกค้าชาวไทยต่อไป” นอกจากนี้ รถยนต์มิตซูบิชิรุ่นอื่นๆ เช่น มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ ไทรทันดับเบิ้ล แค็บ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ ยังได้คะแนนสูงสุดในการสำรวจคุณภาพแรกใช้ Initial Quality Study (IQS) ซึ่งตรวจสอบจำนวนปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วง 90 วันแรกของการเป็นเจ้าของรถยนต์อีกด้วย คุณนพดล ทองกระสัน ผู้ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ ซึ่งเป็นรถยนต์มิตซูบิชิคันที่ 2 ของเขา เปิดเผยว่า “เขาไม่เคยคิดจะซื้อรถยนต์แบรนด์อื่นเลย เนื่องจากเขาพบว่ารถยนต์มิตซูบิชิมีปัญหาน้อยมาก มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรถยนต์มิตซูบิชิคันแรกของผมที่ซื้อในปี 2548 และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมเพิ่งเป็นเจ้าของรถกระบะมิตซูบิชิอีกคันตั้งแต่ซื้อมา ผมเปลี่ยนแค่มอเตอร์ปัดน้ำฝน 180 บาทเอง การออกแบบภายนอกของ มิตซูบิชิ ไทรทัน นั้น เยี่ยมมากขับสนุกสุด ๆ ผมติดใจกับความสามารถแบบออฟโรดของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งในพื้นที่ราบสูง หรือทุ่งที่เต็มไปด้วยดินโคลน ทำให้ผมหมดห่วงเรื่องการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ แถมยังมีวงเลี้ยวแคบเป็นเลิศ พร้อมพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ผมสามารถใส่เฟอร์นิเจอร์ เตียง และตู้ได้เต็มไปหมดในรถคันเดียว” รางวัล TAQA เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Custom Asia Co., Ltd. สถาบันยานยนต์ บริษัท สื่อสากล จำกัด และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เป็นประจำทุกปี โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่เข้าร่วมการสำรวจกับโครงการของ TAQA มาตั้งแต่ปี 2551 โดยโครงการของ TAQA นั้นได้เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 2545
Isuzu MU-X The Exclusive Seminar
เอกสิทธิ์พิเศษสำหรับลูกค้าอีซูซุมิว-เอ็กซ์ โดยอีซูซุมอบเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับเจ้าของรถอีซูซุมิว-เอ็กซ์ กับกิจกรรม “Isuzu MU-X The Exclusive Seminar : Wealthy Life with Investment & The Magic of Numbers การลงทุนและศาสตร์แห่งตัวเลข” โดยวิทยากรชื่อดัง คุณนิ้วโป้ง เจ้าของเพจ Fundamental VI และคุณแมน การิน ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งตัวเลข ให้ลูกค้าได้รับฟังและร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดเห็นพร้อมร่วมสนุกเพื่อรับภาพวอลเปเปอร์หน้าจอมือถือเสริมดวงมงคลจาก Horowall ณ โรงภาพยนตร์ Paragon Cineplex สยามพารากอน กลุ่มตรีเพชรโดย นายวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “กิจกรรมสัมมนา “Isuzu MU-X The Exclusive Seminar” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ของ Isuzu MU-X The Exclusive โปรแกรมมอบเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าอีซูซุมิว-เอ็กซ์เท่านั้น เพื่อมอบความประทับใจและสร้างความรู้สึกภูมิใจในการเป็นเจ้าของรถ โดยพัฒนารูปแบบการใช้งานใหม่ เข้าใช้งานง่ายและสะดวกกว่าเดิม เพียงเข้าผ่านเว็บแอปพลิเคชัน my-Isuzu นอกจากสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์ คลูซีฟแล้ว ลูกค้าอีซูซุมิว-เอ็กซ์ยังได้รับข้อเสนอพิเศษ โปรโมชั่นต่าง ๆ จากอีซูซุ สิทธิพิเศษจากร้านค้าและกิจกรรมเพื่อความบันเทิงดีลพิเศษจากร้านอาหาร โรงแรมชั้นนำ และไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ” ความประทับใจของลูกค้าอีซูซุมิว–เอ็กซ์ ที่มีต่อกิจกรรม “Isuzu MU-X The Exclusive Seminar” ครั้งนี้ คุณชุติพงศ์ ศรีวิรัช กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ จะเป็นงานเกี่ยวกับศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องตัวเลข ที่ไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อน เลยอยากลองเรียนรู้ดูครับ บวกกับมีคุณนิ้วโป้ง ที่มาให้ความรู้ด้านการลงทุน VI (Value Investment) อีกด้วย เลยรู้สึกคุ้มค่า มีประโยชน์ที่จะมารับฟัง ซึ่งตัวผมก็ได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านการลงทุนนำมาบริหารได้ดียิ่งขึ้น และมีส่วนที่เปิดโลกใหม่ให้กับผมมาก ๆ เลยก็คือช่วง Lucky Number ของคุณแมน ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถนำตัวเลขมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองได้อย่างมาก” คุณภักดี ซื่อตรง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ผมก็ได้เข้าร่วมหลายกิจกรรมของอีซูซุอยู่แล้วครับ พอได้ทราบว่าอีซูซุมีจัดงานนี้ ก็เลยสมัครเข้าร่วม ประทับใจในการเลือกคอนเทนต์ที่นำมาบรรยาย และการจัดสถานที่ ซึ่งส่วนตัวของผมเองก็กำลังสนใจเรื่องการลงทุนในอนาคต เพราะกำลังเริ่มสร้างครอบครัว ได้รับความรู้จากการสัมมนาครั้งนี้มากๆครับ อยากเชิญชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ใช้รถอีซูซุ ถ้ามีกิจกรรมก็อยากเชิญชวนให้มาเข้าร่วมกิจกรรมกัน เพราะว่าเราได้มาแลกเปลี่ยนข้อมูล และได้มีโอกาสเจอกับลูกค้าอีซูซุด้วยกันครับ” คุณสิริญาพร และคุณสุภาพ นิลเพ็ชร์ กล่าวว่า “ทราบข่าวว่าจะมีกิจกรรมนี้มาจากการเป็นสมาชิก Isuzu MU-X The Exclusive และก็สนใจ เลยสมัครเข้าร่วมกิจกรรมค่ะ สิ่งที่ประทับใจ สิ่งแรกเลยคือได้รับประโยชน์จากการสัมมนามาก เพราะได้รู้จักการลงทุน และการออมเงินในอนาคตว่าจะต้องทำอย่างไรให้มีเงินออมอยู่ยาวจนถึงอายุ80 ปี และอีกอย่างเรื่องคือ ศาสตร์ของตัวเลข เลขตัวไหนคือตัวเลขมงคล และควรจะนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไร เป็นลูกค้าอีซูซุมา 18 ปีแล้ว ประทับใจทั้งรถอีซูซุ คือเรื่องประหยัดน้ำมัน ทนทาน บริการหลังการขายดีเยี่ยมและยังประทับใจที่มีกิจกรรมดี ๆ ให้ร่วมสนุกตลอด…รักอีซูซุค่ะ” สามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมสำหรับลูกค้าอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ดังนี้ · Website : https://www.isuzu-tis.com/mu-x-the-exclusive/ · Facebook : All-New Isuzu MU-X · Line Official : Isuzu Thailand · Mobile Application : my-Isuzu…
GWM วางรากฐานสร้างกำลังบุคลากร
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าส่งเสริมศักยภาพและการเรียนรู้ของเยาวชนไทย ประกาศจับมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) เพื่อศึกษา ออกแบบ ตลอดจนสร้างอุปกรณ์ชุดฝึกยานยนต์สมัยใหม่จากรถยนต์จริงสำหรับใช้ในการเรียนการสอนเพื่อสร้างทักษะให้กับนักเรียน นักศึกษาระดับอาชีวศึกษา ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน พร้อมต่อยอดสู่การพัฒนาต้นแบบจักรกลการเกษตรดัดแปลงซึ่งใช้มอเตอร์และแบตเตอรี่จากยานยนต์ไฟฟ้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นในฐานะผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย (xEV Leader) ที่พร้อมพัฒนาทักษะบุคลากรคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการกำลังคนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้การสนับสนุนชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์สำหรับใช้ในโครงการฯ ตามความเหมาะสม สร้างทักษะการพัฒนาและการประยุกต์ดัดแปลงต้นกำลังจากยานยนต์ไฟฟ้าผ่านประสบการณ์จากการทดลองใช้ต้นแบบอุปกรณ์ชุดฝึก และการพัฒนาสร้างต้นแบบเครื่องจักรกลการเกษตรดัดแปลงที่ใช้ต้นกำลังจากชิ้นส่วนรถยนต์ของบริษัทฯ โดยนอกจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครแล้ว โครงการยังครอบคลุมสถานศึกษาในโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์อีก 3 แห่งภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาอีกด้วย ได้แก่ 1. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) 2. วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี (ช่าง และวิศวกร) และ 3. วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน (ชีวภาพการเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร) พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือได้รับเกียรติจาก คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี โดยมี นายไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ ผศ. ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ร่วมลงนาม ณ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ปัจจุบันภาครัฐได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านที่สู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า และกระตุ้นให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญความจำเป็น และประโยชน์จากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การพัฒนาอาชีวศึกษาในการศึกษาและพัฒนากระบวนการ คิดค้น ดัดแปลงเครื่องจักรกลการเกษตรซึ่งใช้ต้นกำลังมอเตอร์และแบตเตอรี่จากยานยนต์ไฟฟ้า มาเพื่อเป็นต้นแบบใช้การเรียนการเกษตรให้มีความทันสมัย ให้มีความก้าวไกล จะเป็นอีกคำตอบหนึ่งของการพัฒนาประเทศ เพราะกำลังคนอาชีวศึกษา ซึ่งถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญ ทั้งภาคการเกษตร และในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงในภาคธุรกิจบริการ ดังนั้น อาชีวศึกษาจึงต้องเร่งสร้างขีดความสามารถในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่จำเป็น เพื่อให้มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งในการพัฒนาผู้เรียน จึงต้องมีการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรรายวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย เพื่อนำไปพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานหรือสถานประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างคนที่มีคุณภาพ ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะนำพาให้การจัดการอาชีวศึกษาบรรลุสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ในอนาคต” มร.ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ เห็นศักยภาพในหลายๆ ด้านของประเทศไทยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือก หนึ่งในความมุ่งมั่นและความตั้งใจของเราคือการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนไทยทั้งในด้านทักษะสมัยใหม่ องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมไปถึงการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครในครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้นักเรียนและนักศึกษารวมถึงคณะครูอาจารย์ ได้เก็บเกี่ยวองค์ความรู้เชิงลึกด้านยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อใช้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และในอนาคต บุคลากรเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยเติมเต็มความพร้อมให้กับระบบนิเวศทางยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อพัฒนาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง” คุณสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า “ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ในสภาวะของพลังงานเชื้อเพลิงโดยเฉพาะน้ำมันราคาสูงขึ้น และประกอบกับรัฐบาลสนับสนุนในเรื่องของอุตสาหกรรมใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มของ S Curve New Curve ซึ่งมีกลุ่มของยานยนต์ไฟฟ้าเกี่ยวข้องกับกระบวนการในเรื่องของการพัฒนาประเทศ และนโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้นในการที่ปรับตัวเพื่อจะผลิตและพัฒนากำลังคนของอาชีวะจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีการปรับตัวเพื่อที่จะให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และภาคอุตสาหกรรมซึ่งในส่วนของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ในสังกัดอาชีวศึกษา ที่ได้รับมอบนโยบายว่าทำอย่างไรที่จะพัฒนา จะต้องใช้เทคโนโลยี เข้าไปในเรื่องของการบริหารจัดการในสถานศึกษาเกษตรกรรม ประกอบกับ สอศ. มีสถานศึกษาซึ่งเป็นวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ซึ่งเราเน้นที่ผลิตและพัฒนากำลังคนกลุ่มนี้ให้เป็นนวัตกร เพื่อเป็นผู้ผลิต คิดค้นนวัตกรรม และการดัดแปลง โดยจะเริ่มต้นกระบวนการศึกษานำร่องในวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ 1. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) 2. วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี (ช่าง และวิศวกร) และ 3. วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน(ชีวภาพการเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร) และการที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ซึ่งมีองค์ความรู้เข้ามาเติมเต็ม ในเรื่องของการพัฒนาออกแบบ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ และได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม” ผศ.ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มีความยินดีที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับกระบวนการพัฒนาความรู้และทักษะของนักศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของการยกระดับแวดวงอุดมศึกษาของไทยอย่างก้าวกระโดด โดยทางมหาวิทยาลัยฯ จะทำงานร่วมกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ สอศ. ตลอดจนสถานศึกษาในโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพให้กับกำลังคนที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ทางภาครัฐกำลังเน้นผลักดันการเติบโตให้กับประเทศไทย” ความร่วมมือทางการศึกษาในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางสังคม การพัฒนาชุมชน การสืบสานความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของเยาวชน ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company) ไม่เพียงจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย แต่ยังให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรไทย โดยผ่านทางความร่วมมือกับพันธมิตรภาคส่วนต่างๆ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ พัฒนาทักษะทางอาชีพ และเสริมสร้างประสบการณ์ทำงานในสภาพแวดล้อมจริงให้กับเยาวชนชาวไทย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านกำลังคนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ตามแนวทางการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม
มิตซูบิชิ ชวนวิ่งการกุศล
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดกิจกรรม ซึ่งร่วมสนับสนุนโดย มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์สประเทศไทย ขอเชิญชวนนักวิ่งทุกท่านร่วมวิ่งการกุศล ครั้งที่ 3 หรือ “Mitsubishi Motors Charity Run 2022” ในวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2565 บนเส้นทางอ่างเก็บน้ำบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากงานวิ่งการกุศลจะนำไปสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา รายการวิ่งการกุศลในปีนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร (ค่าสมัคร 500 บาท) และ Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร (ค่าสมัคร 600 บาท) โดยเส้นทางการวิ่งจะเริ่มจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ซึ่งเป็นจุดปล่อยตัว และวิ่งผ่านเส้นทางธรรมชาติอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดชลบุรี ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมงานวิ่งการกุศลได้ที่ https://c55events.com/mitsubishirun2022 หรือ Facebook Page: Wingnaidee โดยผู้เข้าร่วมทุกท่านจะได้รับเสื้อและหมายเลขวิ่ง สำหรับนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรก ในประเภท Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 1,500 บาท สำหรับนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในประเภท Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 4,000 บาท สำหรับผู้วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในแต่ละกลุ่มอายุของการวิ่งประเภท Mini Marathon จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 2,000 บาท สำหรับรองชนะเลิศอันดับ 1 และ รองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000 บาท และ 500 บาท ตามลำดับ