เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ประกาศแต่งตั้ง มร. มาร์ติน ชเวงค์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด คนใหม่ ต่อจากมร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ซึ่งจะไปรับตำแหน่งใหม่ที่สำนักงานใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ภายใต้การบริหารงานที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์มีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท ทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศไทย มร. โรลันด์ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายของแบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในอนาคต ทั้งการเตรียมความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตลอดจนการผลักดันให้เกิดโครงการ Charge to Change ซึ่งทั้งหมดคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จที่ก้าวนำเทรนด์ นอกจากนี้ การผลักดันนโยบายการทำงานด้านดิจิทัลยังส่งผลให้บริษัทบรรลุผลสำเร็จทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถวัดผลได้ชัดเจนทั้งในเรื่องของยอดขายและการบริการลูกค้า มร. มาร์ติน ชเวงค์ ซึ่งจะมารับตำแหน่งต่อจากมร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เริ่มต้นการทำงานกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปี 2535 เมื่อเขาเข้าร่วมทำงานใน ‘Mercedes-Benz-Nachwuchsgruppe’ ที่เมืองสตุตการ์ตในตำแหน่งวิศวกรผู้ควบคุมคุณภาพ หลังจากการทำงานในหลากหลายหน้าที่ทางด้านคุณภาพและการเงินในโรงงานผลิตหลายแห่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ใน เมืองรัสแตท ประเทศเยอรมนี มาร์ตินก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกควบคุมการวางแผนการผลิตที่ตั้งขึ้นใหม่ในซินเดลฟิงเงน จากนั้น ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2558 มาร์ตินได้เข้าไปดูแลงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินและการควบคุม ทั้งในแอฟริกาใต้ ออสเตรีย รวมถึงการทำงานในตำแหน่งประธานบริหารด้านการเงิน (CFO) ของ MBUSI ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2558 มาร์ตินย้ายไปเมืองปักกิ่ง ประเทศจีนเพื่อรับตำแหน่ง CFO ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เซลส์ในประเทศจีนมาร์ตินมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงความก้าวหน้าของโครงการสำคัญ ๆ และกระบวนการทางธุรกิจมากมายในประเทศจีน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 มาร์ตินเข้ารับตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (อินเดีย) จำกัด โดยเขามีบทบาทสำคัญในการเตรียมเมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดียเพื่อก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนและผลักดันการริเริ่มการทำงานเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและดิจิทัล เขายังมีส่วนสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การเติบโตของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์สันดาปหลักในตลาด การบุกเบิกการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีด้วยรถยนต์รุ่น EQC การยกระดับกลยุทธ์เครือข่ายการค้าปลีกด้วยรูปแบบการค้าปลีกMAR 2020 และการนำโมเดลธุรกิจ ‘การค้าปลีกแห่งอนาคต’ ไปใช้งานได้อย่างดีและประสบความสำเร็จในอินเดีย ตลอดช่วงเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่อินเดีย เมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดียประสบความสำเร็จในการบรรเทาวิกฤติโควิด-19 ทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นในฐานะองค์กรที่มีความยืดหยุ่น ภายใต้วิสัยทัศน์ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับผู้คน คู่ค้า และลูกค้าของเขา ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรที่พร้อมรับมือกับอนาคต มีความโปร่งใส และมุ่งเน้นที่ผู้คนเป็นศูนย์กลาง การได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยของมร. มาร์ติน ชเวงค์ในวันนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ทศวรรษในอุตสาหกรรมยานยนต์ในหลากหลายทวีปของเขา จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและนำพาให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ก้าวสู่ความสำเร็จใหม่ในอนาคตที่น่าตื่นเต้นของเทรนด์การขับเคลื่อนใหม่ ๆ ที่กำลังมาในโลกยานยนต์
Category: Magazine
MAGAZINE of AUTO
Mercedes-Benz S 350 d Exclusive เสริมทัพบริการระดับ 6 ดาว
Mercedes-Benz S 350 d Exclusive เป็นรถยนต์รุ่นใหม่เจเนอเรชันล่าสุดในครอบครัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสคลาส ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดภายใต้ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ กับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น การออกแบบทั้งภายในและภายนอกใหม่หมดจด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity ในภาษาดีไซน์ที่ได้รับการยกระดับขึ้นในทุก ๆ ส่วน พร้อมตอบรับความต้องการของผู้โดยสารในทุกที่นั่งด้วยประสบการณ์ดิจิทัลที่เป็นที่สุด โดยเฉพาะระบบมัลติมีเดีย MBUX7 เจเนอเรชันใหม่ และระบบความปลอดภัยสุดล้ำหน้า ที่พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ขึ้นอีกขั้นในทุกรายละเอียด งานนี้ มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งมอบรถยนต์ “Mercedes-Benz S 350 d Exclusive” จำนวน 6 คัน ให้กับ มร.เคลาส์ คริสตันเดิล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ โดยมี มร.แซม เฉีย รองผู้จัดการใหญ่ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ คุณปัญจวิไล สงค์อิ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเรียนเต็ลทรานซ์ แอนด์ คาร์ เซอร์วิซ จำกัด ผู้ให้บริการรถลิมูซีนสำหรับโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย และ คุณกรกฎ วารวิจิตร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายรถยนต์ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส คลาสรุ่นใหม่ ซึ่งโรงแรม เดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เลือกใช้เป็นรถยนต์นั่งสำหรับแขกผู้เข้าพักในโรงแรม เพื่อยกระดับการบริการที่พร้อมมอบทั้งความหรูหราและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นให้กับทุกคน
เตรียมพบกับ NEW MG4 ELECTRIC…รีวิวเต็มวันเสาร์ที่ 26 พย.นี้ทาง YOUTUBE
NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมคอมเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็น“ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุก โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ตอกย้ำการเป็นอีวี สายพันธุ์แท้ด้วยนวัตกรรม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยADVANCED SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM ให้อุ่นใจในทุกการขับขี่ ภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC เต็มประสิทธิภาพทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โครงสร้างการออกแบบ “เนบิวลา” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยนตรกรรมไฟฟ้าโดยเฉพาะ ครั้งแรกของ NEW MG4 ELECTRIC กับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ กับความสามารถในการนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะรวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากจุดเริ่มต้นในการเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกให้กับตลาดยานยนต์ EV สู่ประเทศไทยกับ MG ZS EV จนถึงปัจจุบัน ที่เราพร้อมนำเสนอ NEW MG4 ELECTRIC ที่จะเข้าเติมเต็มและพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้งกับ “The First Rear Wheel Drive EV”พร้อมกับนวัตกรรมอันล้ำสมัยที่ทางเอ็มจีได้พัฒนา ที่นอกจากจะมัดรวมความคุ้มค่าทั้งด้านดีไซน์ที่สะดุดตาและเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ให้ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสนุกและคล่องตัวยิ่งขึ้นอีกด้วย และยังให้ความมั่นใจในด้านความปลอดภัยเมื่ออยู่บนท้องถนน โดยนอกจากความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นผู้ริเริ่มของตลาดรถยนต์ EV แล้ว เอ็มจียังเล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการพัฒนาสถานีชาร์จ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากกว่า 128 แห่งทั่วประเทศ และสร้างความมั่นใจด้วยศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าจาก เอ็มจี ได้ทุกรุ่นกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์พลังงานสะอาดได้มั่นใจยิ่งขึ้น” ICONIC DESIGN โดดเด่นด้วยสไตล์การออกแบบ NEW MG4 ELECTRIC ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยวในทุกการเคลื่อนไหว · การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN · ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS …
อีซูซุ เช็กความฟิตก่อนเดินทางเที่ยวปีใหม่
ข่าวดี! ของผู้ใช้รถอีซูซุทั้งหลาย พารถเก่าเข้าศูนย์ รับโปรสุดคุ้มจากอีซูซุ งานนี้กลุ่มตรีเพชรโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เชิญชวนลูกค้าอีซูซุมาตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมก่อนออกเดินทางเที่ยวปีใหม่ โดยขอมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าผู้ใช้รถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่นที่จำหน่ายก่อนปี ค.ศ. 2011 (อีซูซุดราก้อนเพาเวอร์ อีซูซุดีแมคซ์รุ่นปี ค.ศ. 2003 – 2011 และอีซูซุมิว-เซเว่น) เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุพร้อมรับโปรโมชั่นดีๆ ดังนี้ · แพ็กเกจสุดคุ้มเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตรีเพชร ดีดีไอแมคซ์ จำนวน 7 ลิตร พร้อมไส้กรองน้ำมันเครื่องอะไหล่แท้ตรีเพชรรวมค่าแรง ฟรี! ค่าบริการตรวจเช็กสภาพรถ 30 รายการ สำหรับน้ำมันเครื่องเกรดมาตรฐาน SAE 15W-40 API CI4 ราคาเพียง 1,390 บาท และ น้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ SAE 10W-30 API CI4 ราคา 1,690 บาท · ส่วนลดอะไหล่แท้ตรีเพชร 15% สำหรับอะไหล่ช่วงล่าง เบรก คลัตช์ ซีลล้อ ลูกปืนล้อ และรับส่วนลดสุดคุ้มเพิ่มเติมในกลุ่มอะไหล่บำรุงรักษาเชิงป้องกันเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากชิ้นส่วนที่ไม่ได้อยู่ในรอบการบำรุงรักษาปกติ ได้แก่ ท่อยางน้ำมัน เกียร์อัตโนมัติ สายเกียร์อัตโนมัติ ลูกปืนล้อหน้าด้านใน/ ด้านนอก ปั๊มน้ำ ท่อยางระบบหล่อเย็น แม่ปั๊มคลัตช์บน แม่ปั๊มคลัตช์ล่าง เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้รถอีซูซุทุกท่าน ใช้รถได้อย่างปลอดภัย และสบายใจมากขึ้น · คูปองส่วนลดค่าบริการมูลค่ารวมสูงสุด 3,000 บาท เพียงนำรถอีซูซุคันเก่าของท่านเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุตามเงื่อนไข โปรโมชั่นพิเศษทั้ง 3 นี้สามารถใช้ร่วมกันได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565 สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ หรือสายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2118-0777 หรือ www.isuzu-tis.com
NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!!
ด้วยคอนเซ็พท์ RIDE THE R ANYTIME…รถสปอร์ตแท้ สายพันธุ์ R-Series ดีเอ็นเอสายพันธุ์แชมป์! จาก ยามาฮ่า ออกสีสันตัวใหม่ ให้ได้เป็นเจ้าของกัน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่ง NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่! ออกสู่ตลาดรถสปอร์ตเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำรถสปอร์ตของเมืองไทยอีกครั้ง โดยยังคงความเป็นสปอร์ตแท้สายพันธุ์R-Series ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 321 cc เต็มอารมณ์สปอร์ตอีกขั้นกับดีเอ็นเอสายพันธุ์แชมป์ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สะท้อนความเป็นซูเปอร์สปอร์ตในทุกองศา ทุกเส้นทาง ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ กับสีสันใหม่ 3 สี 3 สไตล์สุดเร้าใจ! ตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ให้การตอบสนองการขับขี่ในทุกจังหวะทุกการบิดคันเร่งสุดเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 321 ซีซี แบบ 2 สูบเรียง 8 วาล์ว ระบบหัวฉีดอัจฉริยะจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยความแม่นยำระบายความร้อนด้วยน้ำ และเต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล แข็งแกร่ง ทนทาน เอกสิทธิ์เฉพาะยามาฮ่า ลูกสูบอะลูมิเนียมแบบอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา พร้อมออกแบบให้มีระยะ Offset ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมแรงม้าให้อยู่ในกำมือ และสนุก เร้าใจ ไปในทุกเส้นทางได้อย่างเต็มสมรรถนะ นอกจากนี้ NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ยังให้ความรู้สึกเต็มอารมณ์รถสปอร์ตด้วย AIR MANAGEMENT ยกระดับด้วยการออกแบบแฟริ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดที่เพิ่มขึ้น อกีทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำตามสไตล์รถสายพันธุ์ R-Series ตั้งแต่ไฟหน้าและไฟเลี้ยว FULL LED ดีไซน์ใหม่ อารมณ์ซูเปอร์สปอร์ต R-Series สายพันธุ์เรซซิ่งสปอร์ตแท้ สว่างชัดทุกเส้นทาง, โช้คหัวกลับ TELESCOPIC UP SIDE DOWN สปอร์ตเต็มขั้น ด้วยโช้คหัวกลับที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS (ANTI-LOCK BRAKE SYSTEM) ทำให้สามารถขับขี่ได้สนุกเต็มอารมณ์สปอร์ต ช่วยหยุดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ป้องกันการลื่นไถลในสถานการณ์คับขัน NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ยังมีระบบควบคุม PROUD SUPER SPORTS LOOK ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มอารมณ์รถซูเปอร์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็น Full LCD Meter หน้าปัดแสดงข้อมูลการขับขี่ครบถ้วนและชัดเจนพร้อมไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ (Shift Light), ระบบสวิตซ์สตาร์ทเครื่องยนต์ ดีไซน์เท่ล้ำ บ่งบอกความเป็นบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง พร้อมด้วย Handle Crown ดีไซน์ลุคซูเปอร์สปอร์ตสไตล์ลิ่ง ให้ความแข็งแรง และลดน้ำหนักได้มากขึ้น สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่!!! มีให้เลือกด้วยกันถึง 2 เฉดสี คือสีน้ำเงิน Deep Purplish Blue Metallic, สีดำ Black Metallic มาพร้อมกับ Accessories อุปกรณ์ตกแต่งแท้ยามาฮ่าที่มีให้เลือกเสริมแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้ง บังลมหน้า, ฝาครอบท้ายเบาะ, ชุดเกียร์โยง, ชุดมือเบรก/มือคลัตช์, ชุดแฮนด์ Active, ชุดไฟเลี้ยว LED และ แผ่นเรซินกันฝาถังน้ำมันลายคาร์บอน NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่!!! พร้อมวางจำหน่ายในราคา 207,000 บาท…และตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th Facebook: Yamaha Society…
ALPHA VOLANTIS “INVENTING THE FUTURE”
การเปิดตัวรถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรกHORIZON 300 ดีไซน์ FuturisticPremiumเติมเต็มกลิ่นอายความคลาสสิกผสานความล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายล่าสุดของประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานต์พรีเมียมแบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “INVENTING THE FUTURE” สะท้อนความตั้งใจในการสร้างสรรค์และผลิตยนตรกรรมสองล้อดีไซน์ล้ำสมัยระดับพรีเมียมสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่แห่งอนาคตด้วยรถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นแรก HORIZON300 (ฮอไรซอน300) บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด เริ่มต้นจดทะเบียนพร้อมก่อตั้งโรงงาน เพื่อเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีกระบวนการผลิต และการจัดการระดับมาตรฐานสากล ด้วยงบประมาณลงทุน 600 ล้านบาท โดยโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ครอบคลุมพื้นที่ 200 ไร่ ด้วยความต้องการที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สองล้อให้ตอบสนองความต้องการด้านดีไซน์ที่สวยงามและตอบโจทย์การขับขี่ไปพร้อมๆกัน คุณธีระ ธีรติ ประธานบริหาร บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในนามของแครี่บอย ผู้นำอุตสาหกรรมหลังคาไฟเบอร์กลาส ชุดแต่งประดับยนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถกระบะมากว่า 40 ปี เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และการออกแบบอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เราเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ จนถึงทุกวันนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมานี้เอง ที่ทำให้เรามองเห็นโอกาสในตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพด้านการผลิต การออกแบบ และมาตรฐานคุณภาพ ทำให้เรามีความมั่นใจและมีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ภายใต้ชื่อ อัลฟ่า โวแลนทิส เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างสูงสุด ในโอกาสนี้ ผมขอแนะนำ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อัลฟ่า โวแลนทิส อย่างเป็นทางการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกท่าน” Alpha Volantis ยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียม แบรนด์ Alpha Volantis ได้รับแรงใจจากดวงดาว โดยดาวอัลฟ่าได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นดวงแรกและเป็นดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวโวแลนทิส เปรียบเสมือนรถจักรยานยนต์แบรนด์อัลฟ่า โวแลนทิส ที่ได้เริ่มต้นจุดประกายสรรค์สร้างยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียมรุ่นแรก พร้อมพุ่งทะยานด้วยความสง่างาม สะท้อนตัวตนทุกการขับขี่ โดดเด่นทุกความเป็นคุณในทุกเส้นทาง นายธีรวิทย์ ธีรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์ ALPHA VOLANTIS (อัลฟ่า โวแลนทิส) มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีดีไซน์สวยตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์และพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มากกว่าการเดินทางให้กับผู้ใช้ รวมถึงการขยายการบริการที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล เพื่อรองรับผู้ขับขี่ในอนาคต อีกทั้ง จัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกิจกรรมเพื่อผู้ใช้รถ เราเชื่อมั่นว่า รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก HORIZON 300 และHORIZON 150 จะตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่และสร้างความโดดเด่นทุกความเป็นคุณอย่างแน่นอน” HORIZON 300 รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก · HORIZON 300 เติมเต็มกลิ่นอายความคลาสสิกผสานความล้ำสมัยด้วยดีไซน์ Futuristic Premium ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมิติตัวรถขนาดคล่องตัว กับขุมพลังเครื่องยนต์ 276 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้แรงบิดสูงสุดที่ 21.8 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที มอบพละกำลังขนาด 13.6 กิโลวัตต์ ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงได้ต่อเนื่องเต็มสมรรถนะ ไร้กังวลในทุกเส้นทางขับขี่แม้ในระยะทางไกล ด้วยถังน้ำมันขนาด 9 ลิตร…
เปิดโชว์รูมใหม่ มาสด้า ย่านนวนคร
มาสด้า เน้นบริการที่เป็นเลิศแบบครบวงจร เพราะความสุขของลูกค้าเราพร้อมดูแลโดย มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เดินหน้ายกระดับประสบการณ์สร้างความสุขให้กับลูกค้าในประเทศไทย จับมือกลุ่ม อาปิโก ไฮเทค ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำเนินธุรกิจรถยนต์ และผู้คร่ำหวอดในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับชั้นนำของประเทศไทย เปิดโชว์รูมแห่งใหม่บนทำเลศักยภาพใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ปทุมธานี ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด ด้วยงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท พร้อมส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขให้กับลูกค้าด้วยการดูแลแบบครบวงจร บนแนวคิด “เพราะทุกความสุขของลูกค้า เราพร้อมดูแล” มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บรษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุดตามเจตนารมณ์ของเรานั่นคือ ALL FOR CUSTOMER เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้าของเรามีความสุข และภาคภูมิใจมากที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบริการหลังการขาย โดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มาสด้าตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา มาสด้าได้มอบโปรแกรมพิเศษ MAZDA ULTIMATE SERVICE หรือ MUS คือการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว ฟรีบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่สำคัญมาสด้ากำลังได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งในวงการและนอกวงการรถยนต์ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเพื่อเข้าร่วมดำเนินธุรกิจกับมาสด้า วันนี้มาสด้ากำลังสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่าย และเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน รวมทั้งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนและเพื่อตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ดังนั้น เพื่อสานต่อปณิธานและความมุ่งมั่นเหล่านี้ มาสด้าจึงเดินหน้าเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดโชว์รูม มาสด้า เอเบิล นวนคร โดยร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด ซึ่งบริหารงานโดย มร. เย็บ ซู ชวน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทย บนทำเลทองใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมนวนคร แหล่งเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ซึ่งมีประชากรและลูกค้ามาสด้าอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งยังเป็นเขตอุตสาหกรรมที่มีนักลงทุนทั้งต่างชาติและคนไทยเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจอย่างยิ่งว่าการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่นี้ จะมีลูกค้ามาเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง และจะสามารถส่งมอบบริการที่ประทับใจและตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี มร.เย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) และ ประธานที่ปรึกษาบริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด กล่าวว่า โชว์รูมและศูนย์บริการ มาสด้า เอเบิล นวนคร แห่งนี้ ได้รับการออกแบบให้พร้อมต่อการรองรับและการให้บริการลูกค้าในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการขาย การบริการ การสำรองอะไหล่พร้อมทั้งศูนย์ซ่อมตัวถังและสี บนพื้นที่กว่า 3.5 ไร่ มีพื้นที่โชว์รูมจัดแสดงรถที่กว้างขวาง หรูหรา พร้อมรองรับลูกค้าที่กำลังจะเข้ามาเยือน รวมถึงมีห้องรับรองลูกค้าที่ทันสมัย พร้อมรองรับลูกค้าที่จะนำรถมาเข้ารับบริการ นอกจากนี้ศูนย์บริการของมาสด้า เอเบิล นวนคร ยังเพียบพร้อมไปด้วยทีมช่างเทคนิคที่มีทักษะสูงและเป็นมืออาชีพ พร้อมให้การดูแลรถของลูกค้าด้วยความสะดวกรวดเร็ว โดยมีพื้นกว้างขวางสามารถรองรับการติดตั้งช่องซ่อมได้มากถึง17 ช่องซ่อม และมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสีที่สามารถรองรับงานซ่อมได้ถึง 10 ช่องซ่อม หรือรองรับรถยนต์ที่มาใช้บริการได้ถึง 600 คันต่อเดือน ซึ่งลูกค้าสามารถมาเข้ารับบริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ มร. เย็บ ซู ชวน ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักปรัชญาในการดูแลลูกค้าของ มาสด้า เอเบิล นวนคร ว่า“เราตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราด้วยความเป็นมิตร และแบบมืออาชีพ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง เราให้คำมั่นสัญญาว่า จะปฏิบัติต่อลูกค้าและพนักงานของเราเฉกเช่นเดียวกับคนในครอบครัวของเรา เพราะนั่นคือการเป้าหมายสูงสุดในการทำงานของเรา เราจะต้องสร้างบรรยากาศที่ดี เน้นการบริการด้วยความจริงใจ และทำให้ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจตลอดการครอบครองรถมาสด้า เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะทุกความสุขของลูกค้า เราพร้อมดูแล และนี่คือสิ่งที่มาสด้า เอเบิล ตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน” สำหรับลูกค้าที่สนใจเลือกซื้อรถยนต์มาสด้า ทดลองขับ หรือเข้ารับบริการหลังการขาย สามารถติดต่อโชว์รูมและศูนย์บริการ มาสด้า เอเบิล นวนคร ได้ที่ 14/9 ถ.พหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี12120 โทรศัพท์ 02-105-4359 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2022
“ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เดินหน้าล่าแต้มในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกรายการ “จูเนียร์จีพี” สนามสุดท้าย ด้วยการไล่บู๊สุดมันส์กับนักบิดดาวรุ่งหัวกะทิทั่วโลกคว้าอันดับ 12 มาครองได้ทั้ง 2 เรซที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน พร้อมเก็บคะแนนรั้งอันดับ 9 ของโลก หลังเจอฤดูกาลสุดเข้มข้นตลอดทั้งปี การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบดาวรุ่งชิงแชมป์โลก รายการ เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ 2 เรซสุดท้ายของปี เมื่อวันอาทิตย์ 30ตุลาคมที่ผ่านมา “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 33 จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ต้องเจองานสุดท้าทายด้วยการออกตัวจากกริดที่ 13 ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 12 มาครองด้วยเวลา 30นาที 33.919 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 18.112 วินาที ส่วนเรซที่ 2 ซึ่งแข่งขันห่างกันเพียง 3 ชั่วโมง “ก๊องส์-ธัชกร” ยังคงได้เริ่มเกมจากกริดที่ 13 เช่นเคย โดยนักบิดไทยขับเคี่ยวกับกลุ่มหน้าได้อย่างเข้มข้น ก่อนเข้าป้ายในอันดับ 12 ด้วยเวลา 23 นาที 47.114วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 12.925 วินาที หลังจบฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความพลิกผัน “ก๊องส์-ธัชกร” คว้าอันดับ 9 บนตารางคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกประจำปี 2022 เก็บไปทั้งสิ้น 85 คะแนน จากผลงานการคว้าชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่ เซอร์กิโต เดอ เอสโตริล ประเทศโปรตุเกส แฟนกีฬาสามารถติดตามข่าวสารของ นักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด …
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริมทัพรถยนต์ 2 รุ่นใหม่
การเพิ่มความแข็งแกร่งใน 2 เซกเมนต์ลักชัวรี กับการเปิดตัว C-Class ใหม่เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริด พร้อมด้วย Vito รถตู้พรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกสองเซกเมนต์ในตลาดรถยนต์ลักชัวรีพร้อมกันด้วยการเปิดตัว “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” เวอร์ชันใหม่แบบปลั๊กอินไฮบริดของ The new C-Class โฉมปัจจุบันที่ถูกใจแฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง และ “Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select” รถตู้อเนกประสงค์สำหรับผู้บริหารยังเจนที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานทั้งในวันทำงานและวันหยุด โดยทั้งสองรุ่นมีวางจำหน่ายที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้แนะนำ The new Mercedes-Benz C-Class รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกมาเป็นคันแรกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมเช่นเคย วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะนำเสนออีกหนึ่งเวอร์ชันใหม่ของรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดรุ่นหนึ่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศไทยคันนี้ กับ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic รุ่นปลั๊กอินไฮบริดใหม่ที่ผสานขุมพลังเบนซินกับพลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เจเนอเรชันที่ 4 ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจในทุกสภาพถนน ทั้งยังประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะผู้ขับขี่สามารถเลือกขับด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร เท่านั้นยังไม่พอ วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยัง ขอแนะนำMercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select ใหม่ ที่สุดแห่งความหรูหราในแบบฉบับอเนกประสงค์ของรถตู้ระดับพรีเมียมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่สามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 11 ที่นั่ง ตอบโจทย์ทั้งสำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ต้องการความกว้างขวางสะดวกสบายในวันทำงาน และการเป็นรถยนต์สำหรับการใช้งานได้อีกหลายรูปแบบในวันหยุดหรือในทุกวันที่ต้องการ การเปิดตัวรถยนต์ทั้งสองรุ่นในวันนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์มั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ารุ่นใหม่ที่สัมผัสได้ถึงจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทั้งสองเซกเมนต์ในตลาดรถยนต์ลักชัวรีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” คือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในรุ่น C-Class ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เป็น เจเนอเรชันที่ 4 ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันนี้สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าหากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วน การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ ประกอบกับการชาร์จพลังไฟฟ้าด้วยเวลาไม่นาน หากเป็นการขับขี่ภายในเมือง ผู้ใช้สามารถใช้รถยนต์คันนี้ได้อย่างสะดวกสบายด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว รถยนต์คันนี้มาพร้อมรายละเอียดของการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ใหม่ในคอนเซ็ปต์ Sensual Purity ที่ให้สัมผัสที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ จึงช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่พร้อม จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 3,350,000 บาท “Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select” ใหม่คือรถยนต์นั่งขนาด 11 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่พร้อมตอบทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของทุกคนในทุกเส้นทาง ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,950 ซีซี เจเนอเรชันล่าสุดที่ให้กำลังมากขึ้นทว่าให้อัตราสิ้นเปลืองที่ลดลง ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ9G-Tronic มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ 9.6 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 205 กิโลเมตร/ชั่วโมงMercedes-Benz Vito ใหม่นำเสนอดีไซน์ภายนอกที่มีความโดดเด่นในทุกเส้นทาง ด้วยกระจังหน้าโครเมียมกับไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light และล้ออัลลอย Multispoke ขนาด 17 นิ้ว พร้อมประตูบานเลื่อนซ้าย-ขวาที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมทคอนโทรล ดีไซน์ภายในมีเอกลักษณ์กับห้องโดยสารกว้างขวางที่พร้อมเชื่อมต่อให้ทุกการทำงานของคุณลื่นไหลไม่มีสะดุด พร้อมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติภายในห้องโดยสาร (Thermotronic) ขับเคลื่อนความสุขและความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทุกคนได้ตลอดการเดินทาง Mercedes-Benz Vito 119 CDI Tourer Select วางจำหน่ายในราคา 3,100,000 บาท
เกรท วอลล์ มอเตอร์ รุกตลาดยุโรป
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (xEV) ระดับพรีเมียมในยุโรปที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ ประจำปี 2565 (Paris Motor Show 2022) พร้อมเผยโฉมยานยนต์ล้ำสมัยสู่สายตาผู้บริโภคนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง Funky Cat, Funky Cat GT และ The Next Ora Cat จากแบรนด์ ORA และรถยนต์รุ่นปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) อย่าง Coffee 01 และ Coffee 02 จาก WEY แบรนด์พรีเมียมจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ หลังจากที่ได้เปิดตัวในยุโรปที่งานอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ (IAA Mobility) เมื่อปี 2564 ล่าสุดเกรท วอลล์มอเตอร์ ได้เตรียมการรุกตลาดยุโรปเพื่อนำร่องเปิดตัวใน 2 ประเทศแรก ได้แก่ ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยงานปารีสมอเตอร์โชว์ในปีนี้ เป็นการกลับมาจัดงานครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 23 ตุลาคม 2565 เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีสุดล้ำสมัยจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ ผ่านยนตรกรรมอัจฉริยะมากมายที่จัดแสดง ณ พาวิลเลียน 6 บูท 641 โดยผู้ที่สนใจยังสามารถทดลองขับรถได้อีกด้วย มร.เฮนรี่ เมิ่ง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยุโรป กล่าวว่า “สโลแกนของปารีส มอเตอร์โชว์ในปีนี้คือ ‘Revolution is on’ ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยึดถือ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนายนตรกรรมพรีเมียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสนำยานยนต์ไฟฟ้าของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ไปจัดแสดงในงานปารีส มอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ นอกจากนี้เราเล็งเห็นว่ายุโรปเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของเราในการทำการตลาดนอกประเทศจีน ดังนั้นการได้ร่วมปารีส มอเตอร์โชว์จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการนำเสนอแบรนด์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ รวมถึงยานยนต์อัจฉริยะในตลาดยุโรปอย่างเป็นทางการ” เดินหน้าสู่อนาคตอย่างไร้กังวลไปกับ ORA สำหรับ ORA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% น้องใหม่สุดทันสมัยของเกรท วอลล์ มอเตอร์ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง และอาศัยอยู่ในเมือง โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำไปจัดแสดงทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ · ORA Funky Cat: หลังจากที่ ORA Cat รุ่นบุกเบิกประสบความสำเร็จในการเปิดตัวที่งาน IAA Mobility ในเมืองมิวนิคเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดเกรท วอลล์ มอเตอร์ได้จัดแสดง ORA Funky Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% ดีไซน์สไตล์เรโทร แต่ยังคงความสดใสและล้ำสมัย พร้อมที่จะเผชิญทุกการผจญภัย ซึ่งมีระยะการขับขี่ไกลถึง 310 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง โดยรถยนต์รุ่นนี้จะส่งมอบล็อตแรกในประเทศเยอรมนีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ส่วนประเทศถัดไปที่มีแผนจะส่งมอบคือสหราชอาณาจักรและอิสราเอล · ORA Funky Cat GT: เป็นอีกรุ่นของ ORA Funky Cat ที่มีดีไซน์สปอร์ต ปลายด้านหน้าแหลมดูโฉบเฉี่ยว ขณะที่อินเลย์ (inlays) ในกันชนหน้าและกันชนหลังยังมีเอกลักษณ์แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน โดยผู้ขับขี่ GT ยังจะเพลิดเพลินไปกับช่องระบายอากาศแบบใหม่และพวงมาลัยดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่นนี้ · The Next Ora Cat: ยานยนต์ไฟฟ้าดีไซน์สปอร์ต ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่หรูหรา และความสบายเหนือชั้น The Next Ora Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบบคูเป้ 4 ประตู หรูหราด้วยการออกแบบที่โค้งมนและประตูไร้เฟรม มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาตรฐานและยางขนาด 19 นิ้ว ด้วยแรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตร และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.3 วินาที WEY Coffee 01 และ WEY Coffee 02 เมื่อความสะดวกสบายผสานกับเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างลงตัว นอกจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% สำหรับใช้ในเมืองแล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังจัดแสดงรถเอสยูวีระดับพรีเมียมรุ่นล่าสุดอีกด้วย ทั้ง WEY Coffee 01 และ Coffee 02 · WEY Coffee 01: รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับพรีเมียมนี้เป็นรุ่นที่ทำรายได้หลักของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และตรงตามมาตรฐานสูงสุดของยุโรป โดยแนวคิดพื้นฐานที่ทำให้ WEY เป็นผู้บุกเบิกรถยนต์อัจฉริยะรุ่นใหม่ คือ “การขับขี่เหนือระดับ” “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” และ “อุปกรณ์อัจฉริยะ” นอกจากนี้ Coffee 01 ยังสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้สูงถึง 150 กิโลเมตร พร้อมอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5 วินาที และเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง · WEY Coffee 02: รุ่นนี้จะคล้ายกับ Coffee 01 ที่มอบความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับทั้งครอบครัว โดยมีกล้องสี่ตัวสำหรับมุมมองรอบด้านแบบ 360 องศา ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 14.6 นิ้ว และสะดุดตาด้วยพื้นรถที่โปร่งใส Coffee 02 จึงโดดเด่นในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น