ETON Group (อีตั้น กรุ๊ป) ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมนำเข้า สำหรับครอบครัวและผู้บริหาร พร้อมศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจรมากกว่า 27 ปี นำโดย คุณอัจฉรีย์ ตันติยันกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า อีตั้นเสริมทัพตลาดรถยนต์นำเข้าปลายปี ด้วยรถรุ่นใหม่เอาใจสายลุย เตรียมพร้อมนำเข้ารถยนต์เอนกประสงค์ SUV ขนาดฟูลไซส์สายลุยระดับพรีเมียม LAND CRUISER PRADO 70th ANNIVERSARY เปิดรับจองแล้ววันนี้!! LAND CRUISER PRADO 70th ANNIVERSARY รถยนต์เอนกประสงค์ SUV ขนาดฟูลไซส์ สายลุยระดับพรีเมียม ตกแต่งแบบพิเศษ ฉลองครบรอบ 70 ปี ของรถยนต์ตระกูล LAND CRUISER ตัวแกร่งจากญี่ปุ่น ที่ทำตลาดมาอย่างยาวนาน มาพร้อมกับความหรูหรา โดดเด่นยิ่งขึ้น และเป็นรถที่มากับ 3 มาตรฐานหลัก QDR (Quality, Durability and Reliability) ประกอบด้วย คุณภาพ ความทนทาน และเชื่อถือได้ ในการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบทั้ง On Road และ Off Road เหมาะสําหรับคนที่ต้องการความคล่องตัว ในทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับขุมพลัง LAND CRUISER PRADO 70thANNIVERSARY จากอีตั้น กรุ๊ป มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน และ เครื่องยนต์ดีเซล รวมทั้งรูปแบบที่นั่งที่มีทั้งขนาด 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง นำเข้ามาให้คุณได้สัมผัสและเปิดประสบการณ์กันอย่างใกล้ชิด เร็วๆ นี้ที่อีตั้น กรุ๊ป สำหรับความพิเศษของรุ่นพิเศษ Land Cruiser Prado 70th Anniversary นี้ มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยวัสดุสีดำสปอร์ตกับกระจังหน้าตกแต่งลวดลาย Piano Black และ Jet Black ดุดันด้วยกรอบไฟหน้าสีดำ แบบ Piano Black ราวหลังคาสีดำสุดเท่ให้คุณเพิ่มอุปกรณ์เสริมได้อย่างลงตัว ปลอดภัยยามค่ำคืนด้วยกระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวแบบพับอัตโนมัติสีดำ คิ้วแต่งฝาท้ายสีดำ Jet Black สปอร์ตกับล้อแม็ก ขนาด 18 นิ้วสีดำ พร้อมยางขนาด 265/60R. ซึ่งมีมาให้ถึง 5 สีให้เลือกคือ สีขาว White Pearl Crystal Shine, สีดำ Attitude Black Mica, สีแดง Red Mica Metallic และสีเงินบรอนซ์Avant-garde Bronze Metallic มิติตัวรถ Land Cruiser Prado 70th Anniversary เส้นสายตัวถังยังคงเน้นความเหลี่ยม ให้ความรู้สึกบึกบึนเหมือนเดิม กระจังหน้ารูปตัว U พร้อมตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ โดยรวมถูกออกแบบให้มีความสวยงามเหมาะกับการใช้งาน เช่น ตำแหน่งไฟ และรูปทรงกันชนที่ป้องกันความเสียหายระหว่างการขับขี่ในทุกสภาพถนนและออฟโรด มีขนาด กว้าง 1,885 มม. ยาว 4,760 มม. สูง 1,835 มม. ภายในห้องโดยสาร Land Cruiser Prado รุ่น 70 ปี ตกแต่งแบบ Limited เน้นสไตล์หรูพร้อมความขรึมภายในบุหนังสีน้ำตาล ตกแต่งด้วยลายแบบ Metallic พร้อมไฟ Ambient Light หรูหรากับคอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยหนัง สีน้ำตาลเดินตะเข็บ ที่วางแขนบุหนังสีน้ำตาล ดุดันด้วยคอนโซลด้านหน้า ตกแต่งลาย Metallic พร้อมพรมรองเท้า LAND CRUISER PRADO 70th ANNIVERSARY ขุมพลังเครื่องยนต์ Land Cruiser Prado 70th Anniversary ที่มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ V6 เบนซิน และดีเซล พ่วงเทอร์โบคู่ พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Fulltime -เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร กำลัง 163 PS แรงบิด 246 นิวตันเมตร -เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.8 ลิตร กำลัง 204 PS แรงบิด 500 นิวตันเมตร LAND CRUISER PRADO 70th ANNIVERSARY EDITION รถยนต์อเนกประสงค์ SUV ขนาดฟูลไซส์ สายลุยระดับพรีเมียม ภายนอกดูดุดันมากขึ้น ภายในหรูหรามากกว่าเดิม ออฟชั่นช์จัดเต็ม พร้อมด้วยระบบความปลอดภัย Toyota Safety…
Author: GIANT Autosawasdee
ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ชวนนักขับขี่ ร่วมการผจญภัยครั้งใหม่
ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เอเชีย ขอเชิญชวนเหล่านักขับขี่จาก ประเทศฮ่องกง อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม เข้าร่วมกิจกรรม Harley-Davidson Freedom Challenge 2021 ที่จะเปิดโอกาสให้เหล่านักขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้รักความท้าทายและอิสรภาพ ในแต่ละประเทศ ร่วมกิจกรรมการแข่งขันอันน่าตื่นเต้น พร้อมรับของรางวัลตอบแทนสำหรับนักขับขี่ที่แสวงหาการผจญภัย โดยการแข่งขันในครั้งนี้ จะยังคงเน้นยอดสะสมไมล์ อีกทั้งยังมาพร้อมประเภทของการแข่งขันใหม่ๆ และของรางวัลสุดพิเศษอีกมากมาย คุณซาจีฟ รัชเกคาราน กรรมการผู้จัดการฮาร์ลีย์-เดวิดสันสำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย กล่าวว่า“กิจกรรม Freedom Challenge จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2563 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเหล่านักขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่มีความหลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์และการผจญภัย โดยเราหวังว่ากิจกรรมนี้ จะช่วยจุดประกายและเชื่อมโยงนักขับขี่ที่รักในการผจญภัยทุกคนเข้าหากัน และยิ่งไปกว่านั้น คือโอกาสในการร่วมกันสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันของทุกคน” กิจกรรมนี้ เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ นักขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ใกล้บ้านท่าน ระหว่างวันที่ 15 – 30 ตุลาคม 2564 โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกลงแข่งขันในรูปแบบเดี่ยว (1 ท่าน) แบบคู่ (2 ท่าน) หรือแบบทีม (5 ท่าน) เพียงแบบเดียว แต่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมชาเลนจ์ได้ทั้งสองประเภท ได้แก่ ประเภทสะสมไมล์ตามกำหนดได้เร็วที่สุด (Quickest to Reach) หรือ ประเภทสะสมไมล์ให้ได้มากที่สุด (Longest Mileage) ผู้ร่วมการแข่งขัน จะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย อาทิ ป้ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน สินค้าของที่ระลึก และบัตรกำนัลจากตัวแทนจำหน่ายที่จะมอบให้แก่ผู้ชนะ 1 ท่านจากแต่ละประเภท พร้อมรับใบประกาศนียบัตร ลงนามโดย นายซาจีฟรัชเกคาราน นอกจากนี้ ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านที่ร่วมทำภารกิจเสร็จสิ้น ก็จะได้รับป้าย Freedom Challenge 2.0 เป็นรางวัลที่ระลึกด้วยเช่นกัน
เชลล์เปิดตัวสถานีบริการน้ำมันต้นแบบแห่งแรกของโลก
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้ายกระดับการบริการให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย เปิดตัวสถานีบริการน้ำมันโมเดลใหม่แห่งแรกในประเทศไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ “Site of the Future” บนถนนกาญจนาภิเษก ออกแบบให้สถานีบริการน้ำมันแห่งนี้เป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันและอนาคตสถานีบริการครบวงจรแห่งนี้มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า ส่งเสริมรูปแบบการเดินทาง และลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิผ่านนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก คุณปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “กลยุทธ์ Powering Progress ของเชลล์สนับสนุนการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน มุ่งมั่นส่งมอบพลังงานที่สะอาดมากขึ้น ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านพลังงาน สนับสนุนนโยบายภาครัฐในการจัดการด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ เพื่อเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญสถานีบริการแห่งนี้เป็นโมเดลใหม่แห่งแรกของประเทศ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เชลล์ได้นำประสบการณ์ชั้นนำระดับโลกของเรามาให้ลูกค้าได้สัมผัสและใช้บริการ เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของเชลล์ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างเป็นรูปธรรมที่จะส่งมอบพลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนพลังงานที่ยั่งยืนของประเทศต่อไป” คุณเรืองศักดิ์ ศรีธนวิบุญชัย กรรมการบริหาร ธุรกิจโมบิลิตี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ผมมีความภูมิใจที่เชลล์ประเทศไทยได้รับเลือกให้เปิดตัวสถานีต้นแบบ Site of the Future เป็นประเทศแรกในกลุ่มรอยัลดัตช์เชลล์ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมรูปแบบสถานีบริการน้ำมันครั้งใหญ่ เป็นความมุ่งมั่นที่สำคัญของเชลล์ในการส่งมอบประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าผ่านสถานีบริการแห่งอนาคต ที่รวมความเป็นหนึ่งด้านนวัตกรรมพลังงานและการบริการรูปแบบต่างๆ โดยเชลล์เชื่อว่าการผสานความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ เสริมทัพด้วยบริการดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน จะเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้ครบทุกมิติของการดำเนินชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเชลล์ที่ต้องการช่วยขับเคลื่อนไทยด้วยพลังงานที่สะอาดขึ้นและนวัตกรรมเพื่อเติมสุขให้ทุกชีวิต”
MOTOR EXPO 2021 CONTENT CREATOR
ปลายปี 2564 นี้กำลังจะมีงานใหญ่เกิดขึ้น โดย “IMC สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ MOTOR EXPO ขอเชิญ CONTENT CREATOR ร่วมสร้างสรรค์ Video Clip เข้าร่วมโครงการประกวด “MOTOR EXPO CONTENT CREATOR CONTEST 2021” ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 45,000 บาท เปิดรับจำนวนจำกัด 100 ท่าน สมัครผ่าน QR Code ได้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม–15 พฤศจิกายน 2564 ติดตามรายละเอียดการประกวดได้ที่www.motorexpo.co.th/highlights/visitorspromotions/3847 “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” จัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.motorexpo.co.th
Classic 500 Tribute Black Limited Edition
รอยัล เอนฟิลด์ ผู้นำระดับโลกในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง ประกาศเปิดตัว พร้อมวางจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซีรีส์พิเศษ Classic 500 Tribute Black Limited Edition ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทุกคันคือหนึ่งในรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ UCE 500cc หนึ่งสูบแบบช่วงชักยาวรุ่นสุดท้าย ซึ่งถูกผลิตแบบตามสั่งอย่างเดียวในจำนวนจำกัด โดยมีป้ายแสดงหมายเลขซีเรียลที่บ่งบอกถึงลำดับการถูกผลิตอยู่บนตัวรถเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้ในประเทศไทยมีวางจำหน่ายทั้งหมด 30 คัน เมื่อปีค.ศ. 2008 รอยัล เอนฟิลด์เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่น Classic 500 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ UCE 500cc หนึ่งสูบอันโดดเด่นของแบรนด์ก็สะท้อนให้เห็นถึงธรรมเนียมการเลือกใช้เครื่องยนต์แบบช่วงชักยาวที่ทำให้เกิดเสียงดังก้องกังวานไปทั่วหัวใจของผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ UCE 500cc ถือเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จทั่วโลกของรอยัล เอนฟิลด์ ถึงแม้รอยัล เอนฟิลด์ประกาศยุติการขายปลีกรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ UCE 500cc รุ่นปัจจุบันในประเทศอินเดียไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2020 แต่รถจักรยานยนต์เหล่านี้ก็ยังคงมีวางจำหน่ายอยู่ที่ต่างประเทศ Classic 500 Tribute Black Limited Edition มีลายแถบบางที่โดดเด่นเหมือนกับรถจักรยานยนต์รุ่น Classic 500 ที่ออกมาจากโรงงานรอยัล เอนฟิลด์ที่เขตฐิรูโวตติยูร์ ในปีค.ศ. 2009 ครั้งนี้คือครั้งแรกที่รถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์มีสีแบบทูโทนบนถังน้ำมันที่มีบังโคลนสีดำเงาและสีดำด้าน เฉดสีดำล้วนและเฉดสีคู่อันเป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยเพิ่มสัมผัสที่ไม่เหมือนใครให้กับความสวยงามเหนือกาลเวลาของตัวรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ตรา End of Builds Special Edition ยังเสริมให้ตัวรถจักรยานยนต์ดูเหมาะสำหรับนักสะสมมากยิ่งขึ้น คุณวิมัล ซุมบ์ลี, หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก, รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “ตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 เป็นต้นมา รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ UCE 500cc ของรอยัล เอนฟิลด์ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในประเทศอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์รุ่น Classic 500 ที่ช่วยให้รอยัล เอนฟิลด์ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ ด้วยการออกแบบที่มีสไตล์ย้อนยุค และความเพลินเพลินในการขับขี่ ตั้งแต่เราเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยเมื่อปีค.ศ. 2016 เราก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกวัย ในประเทศไทยมีเจ้าของรอยัลเอนฟิลด์ Classic อยู่เกือบ 3,000 ราย และเจ้าของรอยัล เอนฟิลด์ Twins มากกว่า 10,000 ราย รวมถึงยังมีจำนวนผู้ขับขี่รอยัล เอนฟิลด์เข้าร่วมสัมผัสการขับขี่ที่แท้จริงมากขึ้นเรื่อย ๆ Classic 500 Tribute Black คือโอกาสที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่หลงใหลในรอยัล เอนฟิลด์ และประวัติศาสตร์การขับขี่รถจักรยานยนต์” รอยัล เอนฟิลด์ Classic 500 Tribute Black ซึมซับมรดกแห่งความสามารถในการปรับตัว ความน่าดึงดูด ความเหนือกาลเวลา และโครงสร้างที่โดดเด่น ทั้งหมดนี้มีอยู่ในรถจักรยานยนต์สุดคลาสสิกจำนวนไม่กี่คันสุดท้ายที่มีจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งมีวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทยทั้งหมด 30 คัน ราคาคันละ 205,000 บาท
Lexus Amazing Showcase
เลกซัส ประเทศไทย ขอเชิญทุกท่านร่วมงานมหกรรมยนตรกรรมหรูจากเลกซัส The New Lexus ES Lexus IS และLexus RX พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษในงาน “Lexus Amazing Showcase” ณแฟชั่นแกลเลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 22 – 24 ตุลาคม 2564 คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัดเปิดเผยว่า “ในฐานะตัวแทนของเลกซัสกรุ๊ป ผมขอเชิญทุกท่านที่สนใจร่วมงานมหกรรมยนตรกรรมหรูจาก เลกซัส ในงาน “Lexus Amazing Showcase” ครั้งนี้เลกซัสมาพร้อมกับยนตรกรรมหรูมาให้ทุกท่านได้เยี่ยมชมและสัมผัสถึง 3 รุ่น ได้แก่ 1.Lexus IS สุดยอดรถสปอร์ตซีดาน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส (Lexus Driving Signature) เกาะถนนดีเยี่ยมตอบสนองการควบคุมได้ดั่งใจ อัตราเร่งออกตัวที่ดี บ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ตซีดานได้เป็นอย่างดี 2.The New Lexus ES ยนตรกรรมซีดานระดับหรูสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของผู้บริหาร โดดเด่นด้วยความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสาร และเต็มเปี่ยมไปด้วยสุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus เจเนอเรชันที่ 2 ความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ 3.The Lexus RX ใหม่ ยนตรกรรมครอส โอเวอร์หรูระดับโลก โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวลงตัว พิถีพิถันในทุกการออกแบบ และความปลอดภัยเหนือระดับ ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด(Parking Support Brake : PKSB) สนุกสนานกับสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ซึ่งมาพร้อมกับสีใหม่ Sonic Chrome และSonic Iridium ตอบสนองการใช้งานในแบบ รถครอสโอเวอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ ยนตรกรรมหรูจากเลกซัส ทั้งสามรุ่น The New Lexus ES Lexus IS และ Lexus RX จัดแสดง ณ แฟชั่นแกลเลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และสำหรับผู้ที่สนใจสามารถทดลองขับThe New Lexus ES และ Lexus IS ได้ภายในงาน พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ และสิทธิประโยชน์อีกมากมาย สำหรับผู้ที่จองรถในงานทุกรุ่น* รับบัตรจอดรถ Siam Paragon 1 ปี** และ บัตร Siam gift card*** มูลค่า 10,000 บาท พร้อมรับสิทธิ์เป็น VIZ Titanium ทันที รวมมูลค่ากว่า 46,000 บาท มีจำนวนจำกัด และผู้ที่ลงทะเบียนและทดลองขับรถในงานรับ LEXUS CARE SET มูลค่า 500 บาท ฟรี!”ยกเว้น Lexus LM / บัตรจอดรถ Siam Paragon สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 / บัตร Siam gift card สามารถใช้ได้ถึงวันที่ 30 เมษายน2565 และสามารถใช้ได้ที่ Siam…
กู๊ดเยียร์เปิดตัวยางรุ่นใหม่
บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศเปิดตัวสมาชิกใหม่ตระกูลแอชชัวแรนซ์ของกู๊ดเยียร์ ด้วยยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี (Assurance MaxGuard SUV) อย่างเป็นทางการ ยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี ให้การปกป้องแบบทูอินวัน (2-in-1) ทั้งในด้านประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน การเบรก และความทนทานเหนือระดับสมกับเป็นยางคู่ใจที่แท้จริงสำหรับนักขับขี่และครอบครัวที่พร้อมออกเดินทางเพื่อเปิดประสบการณ์เดินทางของคุณ ยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยี ActiveGrip ขั้นสูงของกู๊ดเยียร์ ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม เพื่อการควบคุมรถที่เหนือกว่า ระยะเบรกที่สั้นลงบนถนนเปียก เนื่องจากการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และจำนวนร่องยาง (multi-biting edge) ที่เพิ่มขึ้นและการกระจายแรงกดบนพื้นถนนที่ดีเยี่ยม ด้วยเนื้อยางซิลิกาคอมปาวด์สูตรพิเศษ นอกจากนี้ ยังให้การปกป้องที่เป็นเลิศด้วยเทคโนโลยี DuraGuard เหนือกว่าด้วยโครงสร้างที่ทนทานต่อทุกสภาพถนน ทนทานต่อการบาดและรับแรงกระแทกได้ดี เสริมประสิทธิภาพความทนทานด้วยโครงสร้าง 2 ชั้นและชุดเข็มขัดรัดหน้ายางที่แข็งแรง เสริมโครงสร้างยางเฉพาะสำหรับการใช้งานสำหรับรถประเภทเอสยูวี(SUVs) และ PPV รวมทั้งรถกระบะยกสูง ที่เน้นการใช้งานในเมืองหรือถนนไฮเวย์เป็นหลัก ยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี ยังมอบการขับขี่ที่เงียบกว่าเดิม ด้วยลายดอกยางที่ปรับปรุงใหม่ลายดอกยางแบบละเอียด พร้อมด้วยการลดขนาดของร่องไหล่ยางในแนวยาว และไหล่ยางแบบปิด เพื่อลดเสียงที่เกิดจาการกระแทกระหว่างยางกับถนน จึงส่งผลในการช่วยลดเสียงรบกวนทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบและสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับการพัฒนาโครงหน้ายาง เพื่อให้รอยพิมพ์หน้ายางมีพื้นที่ผิวสัมผัสกับถนนที่มากยิ่งขึ้น เพื่อกระจายแรงกดบริเวณหน้ายางให้สม่ำเสมอ ลดการสึกหรอที่ผิดปกติ ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ ที่ต้องความความคุ้มค่าเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อยาง ยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวีมีขนาดขอบล้อ 15” ถึง 20” แบ่งเป็น 24 ขนาด โดยมีเป้าหมายหลักสำหรับใช้กับรถยนต์เอสยูวีขนาดกลาง เช่น ฮอนด้า ซีอาร์-วี ฮอนด้า เอชอาร์-วี โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และรถยนต์เอสยูวีขนาดกลางยอดนิยมอื่น ๆ ในตลาด และเพื่อเป็นการช่วยให้ลูกค้ากู๊ดเยียร์ตัดสินใจเปลี่ยนมาสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นใจปลอดภัยยิ่งขึ้น ต้อนรับหน้าฝนกับยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี รุ่นใหม่นี้ ทางกู๊ดเยียร์ ประเทศไทย จึงจัดโปรโมชั่นสำหรับการเปิดตัว ด้วยการมอบบัตรน้ำมันมูลค่า 500 บาทและการรับประกัน บาด บวม แตก ตำ เปลี่ยนยางฟรี 365 วันพร้อมรับสิทธิ์ประกัน Worry Free 2 ปีให้กับลูกค้าที่ซื้อยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี ครบ 4 เส้นที่ร้านกู๊ดเยียร์ ออโต้แคร์ และ 1 ปี ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าของจะหมด เข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยางแอสชัวแรนซ์ แมกซ์การ์ด เอสยูวี และรายละเอียดโปรโมชั่น ได้ที่www.goodyear.co.th
CASIO เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่
คาสิโอเผยโฉมนาฬิกา 5 รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ได้แก่ รุ่น MTG, MUDMASTER, GMW, G-STEEL และ GM (รุ่นกรอบตัวเรือนโลหะ) โดยทั้ง 5 รุ่นมีดีไซน์โดดเด่น พร้อมด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เสริมโครงสร้างกันกระแทกตามแบบฉบับของ G-SHOCK และดีไซน์ใหม่สุดล้ำ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้หลากหลายและดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวรุ่น MTG-B2000YBD และ MTG-B2000XD ที่ทุกคนรอคอย ซึ่งเป็นรุ่นใหม่จากคอลเลกชันMT-G ที่ใช้คุณสมบัติของวัสดุโลหะและเรซิน เสริมด้วยชั้นคาร์บอนหลายชั้น เพื่อให้ทนทานต่อแรงกระแทกอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกา G-SHOCK โดยรุ่น MTG-B2000YBD และ MTG-B2000XD ใหม่นี้ เป็นการต่อยอดจากรุ่น MTG-B2000 ที่มีโครงสร้างแบบกันกระแทกสองชั้นเพื่อเสริมความแข็งแรงทนทาน รวมถึงเน้นย้ำวัสดุเฉพาะของตัวเรือน โดยนาฬิการุ่นใหม่นี้ได้พัฒนากรอบตัวเรือน และส่วนด้านบนของกรอบจากวัสดุคาร์บอนเพื่อดีไซน์การออกแบบภายนอกที่สวยงามไปพร้อมกับน้ำหนักที่ลดลงให้ความรู้สึกเบาสบายขณะสวมใส่ รุ่น MTG-B2000YBD กรอบตัวเรือนทำจากวัสดุคาร์บอนและไฟเบอร์กลาสวางซ้อนไล่ระดับชั้น กรอบตัวเรือนแบบใหม่นี้มีน้ำหนักเบากว่ากรอบตัวเรือนสเตนเลสสตีลถึง 77% แผ่นคาร์บอนชั้นบนสุดแผ่คลุมมาถึงด้านข้างของกรอบตัวเรือนและมีแผ่นคาร์บอนทรงกระบอกหุ้มบริเวณส่วนเชื่อมสายนาฬิกาเพื่อเพิ่มความทนทาน เม็ดมะยมรูปทรงหลายเหลี่ยมช่วยเสริมรับกับดีไซน์ของขอบตัวเรือน นอกจากนี้ชั้นไฟเบอร์กลาสสีแดงยังช่วยเน้นย้ำสไตล์อันสวยงามของตัวเรือนผ่านทางหน้าปัดอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามกรอบด้านบนของตัวเรือนรุ่น MTG-B2000XD เผยสไตล์ที่ซับซ้อนจากดีไซน์การวางและตัดขอบผ่านวัสดุคาร์บอนหลายชั้น ด้านข้างตัวนาฬิกาเผยให้เห็นชั้นไฟเบอร์กลาสสีเขียวแบบใหม่ เพื่อให้ตัวเรือนรุ่นนี้ดูประณีตและเหมาะกับสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น ถัดมาเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของซีรีย์ MUDMASTER รุ่น GWG-2000 จาก G-SHOCK นาฬิกาที่สร้างขึ้นจากForged Carbon หรือวัสดุคาร์บอนแบบที่ใช้ในอตุสาหกรรมอากาศยานและรถแข่ง ที่มีเอกลักษณ์เรื่องน้ำหนักเบาและความทนทานเป็นเลิศ โดยรุ่น MUDMASTER นี้เหมาะสำหรับสวมใส่ในสภาวะที่ต้องการความแข็งแกร่งสูงสุด เนื่องจากตัวเรือนมีโครงสร้างป้องกันฝุ่นและโคลน พร้อมด้วยปุ่ม Mud Resist แบบปรับปรุงใหม่ เพื่อการใช้งานที่เหนือกว่าในสภาวะแวดล้อมทางบกที่มีสิ่งสกปรก ทราย โคลน ฝุ่น หรือสิ่งก่อสร้าง ได้อย่างสะดวกสบายและแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้ MUDMASTER GWG-2000 รุ่นใหม่ ยังคงเอกลักษณ์ของ G-SHOCK รุ่น MUDMASTER ที่ทนทานต่อแรงกระแทก กันโคลน กันน้ำลึก 200 เมตร อีกทั้งยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ อาทิ ระบบเข็มทิศดิจิตอล ระบบวัดแรงดันอากาศ ระยะความสูง อุณหภูมิ คลื่นวิทยุและความถี่ เวลาโลก ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ตัวจับเวลาหรือนับถอยหลังอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งออกแบบมาทั้งสิ้น 3 เฉดสี ได้แก่ สีเทา (GWG-2000-1A1) สีเขียวกากี (GWG-2000-1A3) และสีแซนด์เบจ (GWG-2000-1A5) อีกรุ่นที่น่าจับตามอง คือรุ่น GMW-B5000TVA มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้รับแรงบันดาลใจจากธีมโลกเสมือนจริง และอ้างอิงจากรุ่น GMW-B5000 ที่ทำด้วยโลหะทั้งหมด โดยดีไซน์ของรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก G-SHOCK แบบเหลี่ยมรุ่นแรก มาพร้อมชิ้นส่วนไทเทเนียมที่แข็งแกร่งทนทานแต่มีน้ำหนักเบา เคลือบด้วย DLC (diamond-like carbon) และแกะสลักลวดลายเรขาคณิตด้วยเลเซอร์บนกระจก ซึ่งธีมโลกเสมือนจริงพิเศษนี้จะเน้นถึงการออกแบบที่มีลูกเล่นไม่ซ้ำใคร ผ่านวัสดุที่ใช้ผลิต การแกะสลัก และรูปลักษณ์ที่โดดเด่นกว่ารุ่นอื่น ๆ รุ่น GST-B400CD นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดในคอลเลกชัน G-STEEL ยอดนิยม โดยรุ่น GST-B400 มาพร้อมตัวเรือนเพรียวบางคล่องตัวและกรอบตัวเรือนมีการเคลือบไอพีสีเขียว แสดงถึงลักษณะเฉพาะตัวของผู้สวมใส่ที่ละเอียดอ่อนและสุขุม โดดเด่นด้วยวัสดุโลหะและคาร์บอน มาพร้อมโครงสร้างคาร์บอนปกป้องตัวเรือน และกรอบตัวเรือนจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เสริม เรซินที่ทนทานต่อแรงกระแทก ทำให้ตัวเรือนมีน้ำหนักเบาและเพรียวบางเพียง 12.9 มม. ซึ่งสอดคล้องกับตัวปุ่มกด สแตนเลสที่มีขนาดเล็กลง เพื่อให้ง่ายต่อการสัมผัสและใช้งานจริง สุดท้ายนี้คาสิโอได้เปิดตัวนาฬิกาคู่รับเทศกาลพิเศษได้แก่ รุ่น GM-2100CH และ GM-S2100CH ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสีสันในช่วงวันหยุดฤดูหนาว ตัวเรือนโลหะเคลือบไอพีสีดำ และสีเมทัลลิกหลากสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากของตกแต่งในช่วงวันหยุด เพื่อให้เข้ากับเทศกาลและช่วงเวลาที่สุดแสนประทับใจ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิการุ่นใหม่จาก CASIO G-SHCOK สามรถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.casio-cmg.com หรือ Facebook : Casio Watches Thailand
กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน 6 จังหวัด
กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย และกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย สานต่อการมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นให้สังคมไทยยามเกิดสาธารณภัย ผสานตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใน 6 จังหวัดในพื้นที่จังหวัดลพบุรี นครสวรรค์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ และนครราชสีมา ที่ประสบอุทกภัยน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนได้รับความเสียหายในระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม 2564 ด้วยการส่งมอบถุงยังชีพจำนวนรวม1,600 ถุง และบริการเรือยางพร้อมเครื่องยนต์จำนวน 2 ลำ รวมมูลค่า 1 ล้านบาท ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและตัวแทนฯแต่ละจังหวัด เพื่อนำไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนและส่งต่อความปรารถนาดีไปยังพี่น้องผู้ประสบภัยทั้ง 6 จังหวัดต่อไป ทั้งนี้ ความช่วยเหลือของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนใน 6 จังหวัดในครั้งนี้ ประกอบด้วยจังหวัดลพบุรี มอบถุงยังชีพจำนวน 400 ถุง และบริการเรือยางพร้อมเครื่องยนต์จำนวน 2 ลำ จังหวัดชัยภูมิ มอบถุงยังชีพจำนวน 400 ถุง จังหวัดสุโขทัย มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง จังหวัดเพชรบูรณ์ มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง จังหวัดนครสวรรค์ มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง และจังหวัดนครราชสีมา มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย เกิดจากการผนึกกำลังของกลุ่มบริษัทฮอนด้า ในประเทศไทย โดยการสมทบทุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮอนด้าเข้าเป็นกองทุนฉุกเฉินเพื่อใช้ในกิจกรรมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวไทยในยามต้องเผชิญสาธารณภัย อาทิ น้ำท่วม ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง ตลอดจนการผลิตเตียงแรงดันลบ และหน้ากากแรงดันลบและบวก เพื่อส่งต่อให้โรงพยาบาลและหน่วยงานรัฐที่ต้องการใช้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสร้างประโยชน์สุขให้กับคนไทยดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในปี 2555 ถึงปัจจุบัน กองทุนฯ ได้ให้ความช่วยเหลือสังคมไทยยามเกิดสาธารณภัยมาแล้วรวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
GWM Experience Center
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิด GWM Experience Center แห่งแรกของประเทศไทย ณ ไอคอนสยาม หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยตั้งเป้าเป็นพื้นที่ที่ 4 (The 4th Space) นอกเหนือจากบ้าน ที่ทำงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพื่อเป็นพื้นที่แห่งใหม่ให้คนไทยได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และใช้ช่วงเวลาดีๆ ไปด้วยกัน ผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่หลากหลาย พร้อมพื้นที่ทำงาน พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจคาเฟ่ และสไลเดอร์ขนาดใหญ่ รวมไปถึงการจัดแสดงสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่พร้อมส่งมอบความประทับใจ ความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของไทยและผู้ที่มาเยี่ยมชมได้อย่างครบครัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centered) ด้วยการเดินหน้าสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ “New Energy” “New Intelligence” และ “New Experience” โดยหลังจากได้รับเสียงตอบรับที่ดีด้านการขายและการให้บริการหลังการขายแบบ Online-to-Offline (O2O) รูปแบบใหม่ ผ่าน GWM Store และ Partner Store ไปแล้ว ล่าสุด เกรท วอลล์มอเตอร์ ได้เปิด GWM Experience Center ขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญและเป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์แห่งใหม่สำหรับผู้บริโภค ซึ่งได้มีพิธีเปิดไปเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีทีมผู้บริหารจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ สยามพิวรรธน์ และไอคอนสยาม รวมไปถึงแฟนๆ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้เกียรติมาร่วมพิธีและทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันอย่างอบอุ่น มร.สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย เผยว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้ความสำคัญสูงสุดกับผู้บริโภคในการดำเนินธุรกิจในทุกๆ ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา การทำแผนธุรกิจ การตลาด ตลอดจนการจัดกิจกรรมต่างๆ เราจะคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคและสร้างสรรค์ผลงานให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างดีที่สุดอยู่เสมอ การเปิด GWM Experience Center ของเราที่ประเทศไทยในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจและก้าวที่สำคัญของเราที่ได้มีโอกาสส่งมอบพื้นที่แห่งใหม่ ให้ทุกคนได้มาร่วมสร้างชุมชนแห่งความคิดสร้างสรรค์และแบ่งปันประสบการณ์ แรงบันดาลใจ รวมถึงเรื่องราวดีๆ ให้แก่กัน เราอยากให้ที่นี่เป็นดั่ง The 4th Space หรือ พื้นที่ที่ 4 สำหรับทุกคน นอกเหนือจากบ้าน ที่ทำงาน และสถานที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ ทำกิจกรรมที่ชอบ มานั่งทำงานหรือพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการทำความรู้จักแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ผ่านการจัดแสดง รวมไปถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของเราในแต่ละโซน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่ จะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด พร้อมบริการและการต้อนรับอย่างอบอุ่น และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า GWM Experience Center แห่งนี้จะเป็นอีกพื้นที่ ที่เชื่อมต่อและสร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์และผู้บริโภคชาวไทยทุกคนต่อไปในอนาคต” GWM Experience Center ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 3 และ 4 ของไอคอนสยาม ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,600 ตารางเมตรออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลจากเส้นสายต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์จากโลโก้และรถยนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งเป็นเส้นสายที่โดดเด่น มีความไดนามิคและทันสมัย สะท้อนถึงสุดยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกของ เกรทวอลล์ มอเตอร์ ภายในและบริเวณโดยรอบของ GWM Experience Center ยังมีการตกแต่งด้วยต้นไม้และวัสดุจากธรรมชาติ พร้อมโทนสีที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย บ่งบอกถึงความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่มีความใส่ใจและรักษ์สิ่งแวดล้อมของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เป็นอย่างดี