เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์การเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำ ฝ่ากระแสความท้าทายยุค Disruption เข้าร่วมบรรยายใต้โครงการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการ หลักสูตร The Prospect : New World of Higher Education สำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัยสายวิชาการ (หัวหน้าภาค) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้หัวข้อ “Leadership in Disruptive Era” ซึ่งจัดขึ้นโดย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เพื่อร่วมถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อนำไปพัฒนา ต่อยอดองค์ความรู้ และส่งมอบให้กับนิสิตผู้เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ของประเทศไทย การบรรยายภายใต้หัวข้อ Leadership in Disruptive Era โดย นายณรงค์ สีตลายน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้คร่ำหวอดในวงการรถยนต์มากกว่า 25 ปี และมีประสบการณ์ทั้งด้านการขาย การตลาด บริการหลังการขาย การขยายเครือข่าย ตลอดจนการบริหารตัวแทนผู้จำหน่าย การบริหารแบรนด์ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ได้ถ่ายทอดถึงความสำเร็จในการสร้างให้เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นที่รู้จักและก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำที่เข้ามาปลุกกระแสยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังจากเปิดดำเนินการในประเทศไทยเพียง 1 ปีเท่านั้น คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากทางคณะคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณาจารย์จากหลากหลายคณะกว่า 58 ท่าน ให้มีโอกาสได้เข้ามาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานในการนำพาองค์กรฝ่ากระแสความท้าทายยุค Disruption เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก่อตั้งธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ การเข้ามาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันสังคมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยไปอีกขั้น รวมถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เน้นการขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) การรับฟังเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voice Focus) และการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ (New User Experience) เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความพร้อมและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยและแบ่งปันข้อมูลในหลากหลายมิติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทางมหาวิทยาลัยในการนำไปต่อยอดองค์ความรู้ และติดอาวุธทางความคิดให้กับนิสิตผู้ซึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างสรรค์เป็นระบบนิเวศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” สำหรับเนื้อหาของการบรรยายภายใต้หัวข้อ “Leadership in Disruptive Era” นั้น ตอกย้ำถึงความสำเร็จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทั้งในประเทศไทย และในฐานะองค์กรชั้นนำระดับโลกที่สามารถฝ่ายุค Disruption ได้อย่างสง่างามนับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจในประเทศจีนเมื่อปี 1984 โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา เกรท วอลล์มอเตอร์ ได้มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ บริการ ตลอดจนเทคโนโลยี และนวัตกรรมอันล้ำสมัยให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ด้วยจำนวนเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 10 แห่ง ใน 7 ประเทศทั่วโลก ที่มุ่งเฟ้นหาและพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ใหม่ ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการผลิตรถยนต์ให้ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ตลอดจนเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน การบรรยายยังได้เน้นย้ำถึงเทรนด์การเดินทางยุคใหม่ หรือ Smart Mobility ทั้ง 4 รูปแบบที่แบรนด์รถยนต์ต่างหันมาให้ความสำคัญอย่าง 1) ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ (Connected Product) 2) รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ(Autonomous Vehicles) 3) การแชร์การเดินทางและบริการเช่ารถรูปแบบต่างๆ (Car/Ride Sharing) และ 4) ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ (Electrification) เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการผลักดันองค์กรให้สามารถฝ่ากระแสความท้าทายในยุค Disruption ในอีกหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกภาคส่วนต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับวิถีปกติใหม่ (New Normal) และเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นด้านการเดินทาง การขนส่งการบริการด้านการเงิน การบริการด้านสารสนเทศ รวมถึงความท้าทายด้านการศึกษาที่ข้อมูลและความรู้สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต การเข้ามาดำเนินธุรกิจของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในช่วงปีที่ผ่านมาถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวในฐานะผู้นำองค์กรในยุค Disruption ความท้าทายในฐานะผู้เล่นใหม่ในตลาด และกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยใช้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการแนะนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์หลัก 4 ด้านได้แก่ 1) ด้านผลิตภัณฑ์ 2) ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย3) ด้านสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า และ 4) ด้านประสบการณ์ลูกค้า การพลิกโฉมโมเดลตัวแทนจำหน่ายจากรูปแบบเดิมๆ ให้เป็นพาร์ทเนอร์ที่เน้นการให้บริการ (Service Provider) ให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ผ่านการดำเนินงานรูปแบบ Online-to-Offline (O2O) ภายใต้นโยบายราคาเดียว (One Price Policy) รวมถึงถ่ายทอดคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่จะพาองค์กรไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนถอดบทเรียนปัจจัยสำคัญที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรได้อย่างประสบความสำเร็จ เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันเกรท วอลล์ มอเตอร์ให้สามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ โดยเพียง 1 ปีที่เข้ามาดำเนินงานในไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยอดขายรถยนต์เกือบกว่า 4,000 คัน การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายถึง 30 แห่ง การเพิ่มจำนวนผู้ดาวน์โหลดและใช้งาน GWM แอปพลิเคชันกว่า 50,000 ราย รวมถึงการเปิดโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) แห่งแรกของภูมิภาคอาเซียนในไทยที่จังหวัดระยอง นอกจากนี้ ยังได้มีการกล่าวถึงปัจจัยความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของสาธารณรัฐประชาชนจีนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากทางภาครัฐ สิทธิประโยชน์และแรงจูงใจต่าง ๆ รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้รองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายการขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับ 3 หน่วยงานการไฟฟ้าของไทยเพื่อการขยายและพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงการเดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น G-Charge Supercharging Station สถานีชาร์จที่Partner Store รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการตั้งสถานีชาร์จ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งสิ้น 55 แห่งภายในปีนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company) ไม่เพียงจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย แต่ยังให้ความสำคัญกับการถ่ายถอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ในทุกมิติ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อมอบความรู้ให้กับหลากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาระบบนิเวศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนตามแนวทางการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม
Author: GIANT Autosawasdee
ส่งมอบ “The new EQS” ให้ ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ 1 ใน 4 แห่ง มาตรฐานของ เบนซ์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ย้ำความมุ่งมั่นในการเดินหน้าทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยการส่งมอบรถยนต์รุ่น “The new EQS” จำนวน 4 คันให้กับผู้จำหน่ายรถยนต์แบรนด์ Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด และบริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ตอบรับกระแสความสนใจของผู้ใช้รถในไทยที่มีต่อยานยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีรุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมสนับสนุนการทำการตลาดของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัว The new EQS ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีลูกค้าแสดงความสนใจผ่านช่องทางดิจิทัล (digital leads) มามากกว่า 500 รายทั้งที่งานมหกรรมยานยนต์และการจัดงานเปิดตัวพิเศษที่เซ็นทรัลเวิลด์และเอ็มโพเรียมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในวันนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการทำการตลาดของผู้จำหน่าย Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ให้ความสนใจในยานยนต์ไฟฟ้าจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เราจึงประกาศส่งมอบรถยนต์รุ่น EQS จำนวน 4 คัน ซึ่งประกอบด้วย The new EQS 450+ AMG Premium และ The new EQS 450+ Edition 1 และจะมีเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งกับให้กับผู้จำหน่ายแบรนด์ Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด และบริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสตัวจริงของยนตรกรรมแห่งอนาคตคันนี้ พร้อมทั้งทำความรู้จักนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีจากแบรนด์ Mercedes-EQ อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น” ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์เตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวทั่วโลก โดยปรับกลยุทธ์จาก“รถยนต์ไฟฟ้านำ” (electric-first) เป็น“รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น” (electric-only) ภายในทศวรรษนี้ โดยสำหรับในประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ประกาศเปิดตัว “The new EQS” ยานยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายที่ผ่านมาและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าและผู้คนในอุตสาหกรรมยานยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้ประกาศความพร้อมในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ภายในประเทศไทย ทั้งหมดนี้คือการสานต่อความมุ่งมั่นระยะยาวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการขับเคลื่อนเทรนด์ e-mobility เพื่อร่วมสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ริเริ่มไว้ ทั้งการเปิดตัวโครงการ “Charge to Change” ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 พร้อมไปกับการนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่จะทยอยออกมาให้ผู้บริโภคทั้งในไทยและทั่วโลกได้เห็นนับจากนี้ ต่อยอดจากความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์PHEV ระดับลักชัวรีด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายในแต่ละเซกเมนต์สูงสุด -The new EQS 450+ AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 8,570,000 บาท และ -The new EQS 450+ Edition 1 วางจำหน่ายในราคา 8,870,000 บาท ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “The new EQS” ได้ที่โชว์รูมของผู้จำหน่าย Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการทั้ง 4 แห่ง และสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
บีเอ็มดับเบิลยู คว้า 2 รางวัลใหญ่
จากเวที “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” BMW ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย มร.เอริค รูเก้ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย รับมอบรางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Business+ และวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมี ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัล บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยอย่างต่อเนื่อง จากการคว้ารางวัลใหญ่ล่าสุดจากเวที “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” (Product Innovation Awards 2022) ประเภทผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ โดยในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คว้ารางวัลมาครองได้ทั้งหมด 2 รางวัล ด้วยบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d M Sport กับรางวัลรถยนต์อเนกประสงค์หรูหราระดับต้น และมินิ คูเปอร์เอสอี กับรางวัลรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมระดับต้น รางวัลดังกล่าวสะท้อนแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด พร้อมการส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยเพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” ยังเป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคซึ่งรวมถึงตัววัดผลด้านความพึงพอใจของลูกค้า หรือ NPS Score ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบีเอ็มดับเบิลยูยังคงยึดหลักการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมนำเสนอยนตรกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องรวมถึงการผสานนวัตกรรมทางดิจิทัลในการให้บริการ เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและหลากหลายให้แก่ลูกค้า ที่สำคัญ ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม รางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” เป็นรางวัลซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างนิตยสาร Business+ ในเครือบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อมอบรางวัลแห่งความสำเร็จให้กับแบรนด์ที่สามารถพัฒนาสินค้าหรือบริการจนเกิดเป็นนวัตกรรม สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยมีการคัดเลือกทั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิและการโหวตจากผู้บริโภครวม 28 รางวัล ใน 10 ประเภทสินค้าและบริการ โดยรางวัลที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับนั้นพิสูจน์ให้ถึงความนิยมของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ทั้งสองรุ่นเป็นอย่างดี สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d M Sport เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ SAV มาพร้อมกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับประสิทธิภาพและความอเนกประสงค์ที่ดีที่สุด โดยรถยนต์รุ่นดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าที่วัยรุ่นที่มีความทันสมัยและกระตือรือร้น เพียบพร้อมด้วยด้วยประสิทธิภาพเหนือระดับกว่ารถยนต์ทุกคันในประเภทเดียวกัน ผสานความพึงพอใจในการขับขี่จากบีเอ็มดับเบิลยูซึ่งขึ้นชื่อด้านฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่นและเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยลักษณะเฉพาะของการขับขี่ที่แตกต่าง ระบบสาระบันเทิงที่ครบครัน และการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดกับ BMW ConnectedDrive ซึ่งได้รับการอัปเดตล่าสุด จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X1sDrive20d M Sport ครองความเป็นผู้นำในตลาดมาได้อย่างต่อเนื่อง บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d M Sport ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาทีโดดเด่นด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและที่เก็บสัมภาระความจุ 505 ลิตรซึ่งสามารถขยายได้มากถึง1,550 ลิตร จอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว สามารถควบคุมผ่านปุ่ม BMW iDrive ระบบสั่งงานด้วยเสียงหรือจอระบบสัมผัส ส่วน มินิ คูเปอร์ เอสอี ได้ผสมผสานความรู้สึกโกคาร์ทในตำนานเข้ากับการออกแบบที่โดดเด่น มอบคุณภาพระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับการขับขี่แบบไร้มลพิษ จากแนวคิดผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าผู้ขับขี่รถยนต์มินิทั้งชายและหญิงส่วนใหญ่มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนใหญ่ของผู้ขับขี่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย นอกเหนือจากการขับขี่ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์แล้ว ประสบการณ์ของผู้ขับขี่ในการใช้จอแสดงผลและระบบควบคุมนวัตกรรมในรถยนต์มินิ ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่ตามแบบฉบับของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น การเชื่อมต่ออย่างราบรื่นกับสมาร์ทโฟนยังช่วยให้ลูกค้ามินิสามารถใช้ชีวิตแบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบในระหว่างการขับรถ ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้า มินิ คูเปอร์ เอสอี เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ครองแชมป์ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม PHEV และ BEV ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกว่า 32.9% ในปีที่ผ่านมา มินิ คูเปอร์ เอสอี เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จากมินิรุ่นแรก ส่งพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจึงสามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที และสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งได้ถึง100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที มินิ คูเปอร์ เอสอี ทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 203 – 234 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP)
อีซูซุรับรางวัลเกียรติยศ
รางวัล“แบรนด์น่าเชื่อถือสูงสุดแห่งปี” (Thailand’s Most Admired Brand) และรางวัลพิเศษ“Market Leader Brand Award” คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับมอบรางวัล “แบรนด์รถปิกอัพที่น่าเชื่อถือสูงสุดประจำปี 2565” (Thailand’s Most Admired Brand 2022) ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจและวิจัยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รวมถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยนิตยสาร BrandAge ซึ่ง “แบรนด์อีซูซุ” ได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือเป็นอันดับ 1 ในหมวดยานยนต์ กลุ่มประเภทรถปิกอัพ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล“Market Leader Brand Award” ซึ่งเป็นการคัดเลือกแบรนด์ที่มีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ จากการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด รวมถึงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดและเป็นผู้นำทางการตลาดอีกด้วย
เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ สนาม 3
การเก็บแต้มสำคัญของ ฮอนด้า“อิเคร์ เลกัวน่า” ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวสแปนิชจาก Team HRC สร้างผลงานยอดเยี่ยม ควบรถแข่ง Honda CBR1000RR-R คว้าอันดับ 6 ในเรซที่ 2 ของศึก “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ” สนาม 3 ที่ประเทศโปรตุเกส เก็บแต้มสำคัญให้ทีมได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การแข่งขัน “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2022” สนาม 3 ดวลความเร็วเรซที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เอสโตริล ประเทศโปรตุเกส เกมเรซนี้ดวลทั้งสิ้น 21 รอบสนาม โดย “อิเคร์ เลกัวน่า” นักบิดดาวรุ่งชาวสเปนหมายเลข 7 จาก Team HRC ได้ออกตัวจากกริดที่ 4 ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 6 ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนั 8.309 วินาที ขณะทีทีมเมทอย่าง “ซาวี วิเออเฮร์” เจ้าของหมายเลข 97 จบเรซในอันดับ 9 ตามหลังแชมป์ 18.292…
Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022
ด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ยนตกรรมที่ดียิ่งกว่า จากสนามแข่งสู่ท้องถนน ด้วยนิยาม Pushing the limit to race your ambition มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022” ณ TOYOTA ALIVE ถ.บางนา–ตราด กม. 3 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บุกเบิกวงการ Motorsport ของไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเป็นทั้งผู้จัดการแข่งขัน และให้การสนับสนุนตั้งแต่ระดับเยาวชนต่อเนื่องไปจนถึงนักแข่งในระดับอาชีพ พร้อมเปิดโอกาสให้นักแข่งไทยได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จากความทุ่มเทในการพัฒนาวงการ Motorsport ของไทย ส่งผลให้โตโยต้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำอย่างแท้จริง มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “Motorsport ถือเป็นหนึ่งใน DNA ที่สำคัญของโตโยต้า ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ “ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” โตโยต้า เริ่มต้นกิจกรรม Motorsport ในประเทศไทย เมื่อ 37 ปีที่แล้ว ภายใต้วัตถุประสงค์ในการสร้างประสบการณ์ความสนุกสนานในกีฬา Motorsport ด้วยการสนับสนุนผู้ที่รักในกีฬาประเภทนี้ รวมทั้งเป็นผู้จัดและผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขัน โดยในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เราได้พัฒนาบทบาทมาเป็นผู้สนับสนุนนักแข่งชาวไทยให้มีโอกาสได้ไปแข่งขันในระดับนานาชาติ” คุณสุรศักด์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ในวาระ 60 ปี ของโตโยต้า เรามีความยินดีที่จะจัดงาน “Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022” ให้คึกคัก และสนุกมากกว่าเดิม และเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อีกทางหนึ่ง” โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2022 Pushing the limit to race your ambition ภายใต้แนวคิดของ Brand รถแข่งระดับโลก Toyota Gazoo Racing ภายใต้ความเชื่อที่ว่าความสำเร็จจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา Motorsport สิ่งได้ที่รับจะไม่ใช่เพียงชัยชนะบน Podium เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ในการขับขี่ขั้นสูงสุด ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ได้อย่างเต็มที่รวมถึงเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับนักแข่ง และพัฒนาศักยภาพของทีมแข่ง ในรูปแบบที่ไม่สามารถทดสอบได้ในชีวิตประจำวัน ภายใต้ปรัชญา “ถนนสร้างคน และคนสร้างรถ” (Roads build people, and people build cars)ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเป้าหมายที่ท้าทายในการพัฒนา “ยนตรกรรม ที่ดียิ่งกว่า” (Ever-Better Cars) ของโตโยต้า ที่ได้รับการถ่ายทอด DNA ของกีฬา Motorsport เพื่อส่งต่อในการพัฒนารถยนต์ของโตโยต้า อาทิ รถยนต์โตโยต้าในGR Series Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Pushing the limit to race your ambition” นั่นคือ “ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ปลุกพลังนักสู้ในตัวคุณ” ไปกับการพิสูจน์ที่สุดแห่งขุมพลัง และที่สุดของสมรรถนะรถแข่งโตโยต้าอย่างใกล้ชิด กับรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ One Make Race ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ Yaris One Make Race ครั้งแรกกับ Hatchback ECO Car ยอดนิยม Toyota YARIS…
ชื่อใหม่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าในไทย
ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง ประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ไทยฮอนด้า โดย ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2564 ฮอนด้าได้มีการควบรวมกิจการส่วนงานขายและส่วนงานผลิตรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเข้ามาอยู่ด้วยกันก่อตั้งเป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง เพื่อดึงจุดแข็งของแต่ละด้านมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเราสามารถตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ส่งมอบบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีความพร้อมในการรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต ในปีนี้ เราได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เพื่อสะท้อนรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งส่วนการขายและการผลิต โดยจากนี้ไป ไทยฮอนด้า จะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย” สำหรับ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด) เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการของ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และ บริษัท เอชพีดี จำกัด เริ่มดำเนินกิจการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2564 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อในปีนี้ ผู้ที่สนใจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากช่องทางออนไลน์ดังต่อไปนี้ เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th เฟซบุ๊ก : fb.com/hondamotorcyclethailand
ตลาดรถยนต์เมษายน
ยอดขายรถยนต์ในเดือนเมษายน เติบโตรับมอเตอร์โชว์ ยอดขายรวม 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2565 มีตัวเลขการขายรวมทั้งสิ้น 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 20,492 คัน เพิ่มขึ้น 20.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 42,935 คัน เพิ่มขึ้น 4.4% และรถกระบะขนาด 1 ตันในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 33,629 คัน เพิ่มขึ้น 3.1% ประเด็นสำคัญ ตลาดรถยนต์เดือนเมษายน 2565 มีปริมาณการขาย 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20.6% ส่วนตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันที่ 4.4% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เกือบเป็นปกติ โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงเดือนนี้ได้แก่ ยอดจองรถในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ที่มากถึง 31,896 คัน ไม่นับยอดจองรถที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ที่ต่างนำเสนอแคมเปญ “ข้อเสนอเดียวกับมอเตอร์โชว์” อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกค่ายรถยนต์ต่างเร่งทำการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบรถใหม่ถึงมือลูกค้าได้ทันตามความต้องการ ตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่เป็น“Low season” แต่ยังได้รับแรงส่งจากตัวเลขการส่งมอบรถที่รับจองในช่วงมอเตอร์โชว์ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ส่วนปัจจัยบวกที่สำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ ได้แก่ การที่ผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด–19 ที่กำลังจะได้รับการประกาศให้เป็น “โรคประจำถิ่น” สังเกตุได้จากสภาพการจราจรที่กลับมาคึกคักอีกครั้งจากการผ่อนคลายมาตรการ “Work From Home” เพื่อให้พนักงานกลับเข้าทำงานตามปกติ โรงเรียนเริ่มเปิดให้นักเรียนกลับเข้าห้องเรียน รวมทั้งการออกจากบ้านมาทำงานของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ล้วนผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมให้ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลต่อความต้องการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2565 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,681 คัน เพิ่มขึ้น 13.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.2% อันดับที่ 2 อีซูซุ 16,595 คัน เพิ่มขึ้น 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 26.2% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 5,107 คัน ลดลง 5.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.1% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 20,492 คัน เพิ่มขึ้น 20.6% อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,901 คัน เพิ่มขึ้น 39.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.8% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,969 คัน ลดลง 10.5% ส่วนแบ่งตลาด 21.7% อันดับที่ 3 ซูซูกิ 2,045 คัน เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.2% 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 42,935 คัน เพิ่มขึ้น 4.4% อันดับที่ 1 อีซูซุ 16,595 คัน เพิ่มขึ้น 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.7% อันดับที่ 2 โตโยต้า 14,780 คัน เพิ่มขึ้น 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.4% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,529 คัน ลดลง 8.9% ส่วนแบ่งตลาด 5.9% 4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,629 คัน เพิ่มขึ้น3.1% อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,451 คัน เพิ่มขึ้น 13.2% ส่วนแบ่งตลาด 45.9% อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,605 คัน เพิ่มขึ้น 1.4% ส่วนแบ่งตลาด 37.5% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,529 คัน ลดลง 8.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.5% (ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน 4,559 คัน โตโยต้า 2,199 คัน – อีซูซุ 1,302 คัน – มิตซูบิชิ 641 คัน – ฟอร์ด 318 คัน – นิสสัน 99 คัน) 5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,070 คัน เพิ่มขึ้น 5.9% อันดับที่ 1 อีซูซุ 14,149 คัน เพิ่มขึ้น 20.7% ส่วนแบ่งตลาด 48.7% อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,406 คัน ลดลง 0.1% ส่วนแบ่งตลาด 35.8% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,211 คัน ลดลง 2.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.6% สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – เมษายน 2565 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 294,616 คัน เพิ่มขึ้น 16.8% อันดับที่ 1 โตโยต้า 98,825 คัน เพิ่มขึ้น 31.6% ส่วนแบ่งตลาด 33.5% อันดับที่ 2 อีซูซุ 74,015 คัน เพิ่มขึ้น 15.3% ส่วนแบ่งตลาด 25.1% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 30,731 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% ส่วนแบ่งตลาด 10.4% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 96,218 คัน เพิ่มขึ้น 17% อันดับที่ 1 โตโยต้า 27,237 คัน เพิ่มขึ้น 39.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.0% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 23,865 คัน ลดลง 7.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.4% อันดับที่ 3 มาสด้า 8,377 คัน เพิ่มขึ้น 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%…
BENZ BKK เปิดโชว์รูมครบทุกซับแบรนด์
บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ หลังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ครบทุกซับแบรนด์ Mercedes-Benz Passenger Car & Van, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach, Mercedes-EQ และ Mercedes-Benz Certified จัด Press Tour พร้อม Grand Opening เปิดโชว์รูม Mercedes-Benz Experience Center แลนด์มาร์คสุดยิ่งใหญ่ ยืนหนึ่งในไทยและเอเชีย ระดับเวิลด์ คลาสมูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 4 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงรถยนต์ได้กว่า 150 คัน ครบทุกซับแบรนด์ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดเผยใช้ Individualised Customer Experience ที่รังสรรค์ให้กับลูกค้า ตามความต้องการของแต่ละบุคคล มุ่งรักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐานหาลูกค้าใหม่ เตรียมจัดกิจกรรมพาลูกค้าเปิดประสบการณ์ด้านการขับขี่ ทดสอบสมรรถนะ พร้อมเทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัย ที่สนาม Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ คุณตวงรัตน์ ลิขิตพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจในฐานะ Mercedes-Benz Authorized Dealer ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และศูนย์บริการอย่างเป็นทางการมานานกว่า 30 ปีเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 บริษัทฯ ได้จัดงาน Press Tour พร้อมกับเปิดงาน Grand Opening โชว์รูมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระดับเวิลด์ คลาส ที่ใหญ่สุดในเอเชีย ซึ่งตั้งอยู่บน ถนน บางนา-ตราด หลังจากที่บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ครบทุกซับแบรนด์ นับว่าเป็นผู้จำหน่ายรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย ทีนำรถยนต์ครบทุก ซับแบรนด์ มาจัดแสดงให้ชมอย่างครบครัน โดยซับแบรนด์ที่บริษัทได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย 1. Mercedes- Benz Passenger Car & Vans รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ นั่งส่วนบุคคล และรถตู้ 2. Mercedes-AMG รถยนต์เมอร์เซเดส แบบสปอร์ต ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ ที่มอบพละกำลังแรงม้าที่เร้าใจในชั่วพริบตา 3. Mercedes-Maybach แบรนด์ยนตรกรรมระดับอัลตราลักชัวรี่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ที่สามารถเลือกฟังก์ชั่น การออกแบบตามสไตล์ที่ตนเองชอบ 4. Mercedes- EQ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของเมอร์เซเดสเบนซ์ 5. Mercedes-Certified ศูนย์รวมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ Pre-owned ไมล์น้อย การันตีคุณภาพ มาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ผ่านการตรวจเช็คมากกว่า 200 รายการ และเป็นผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ รายเดียวที่มีรถ Certified ให้เลือกชมเยอะที่สุดกว่า 100 คัน ด้วยประสบการณ์เฉพาะทางยาวนานกว่า 30 ปี อนึ่ง วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้เพื่อต้องการเรียนเชิญสื่อมวลชน, แขกผู้มีเกียรติ และท่านลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจกับ บริษัทฯ ได้มีโอกาสร่วมเฉลิมฉลอง พร้อมกับเยี่ยมชมโชว์รูมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระดับเวิลด์คลาส ที่ใหญ่สุดในเอเชีย ด้วยงบลงทุนมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 4ไร่ ให้เป็นอาคาร 12 ชั้น พื้นที่ใช้ประมาณ 50,000 ตารางเมตร ให้เป็นแลนมาร์คใหม่บนถนนเทพรัตน์ (บางนา-ตราด กม 4.2) โดดเด่นด้วยโลโก้ดาวสามแฉกของ Mercedes-Benz ที่ตั้งตระหง่านบนยอดตึก และ Car Display Box 4 ชั้น ด้านหน้าอาคาร ที่สามารถมองเห็นรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จอดตระการตาผ่านบานกระจกใส ให้ชมตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 7 ทั้งจากบนทางยกระดับบูรพาวิถี และถนนเทพรัตน
“เบนซ์ไพรม์มัส” จับมือ “หนีกรุง”
เบนซ์ไพรม์มัส ชวนลูกค้าคนสำคัญสัมผัสสุนทรียภาพแห่งเสียงดนตรี กับศิลปินระดับตำนานโลก “Kenny G” นำ 3 รุ่นหรู รับ-ส่ง ศิลปินดัง พร้อมอวดโฉม S 350 d Exclusive ในงาน “International Jazz & Blues Festival 2022” ที่ทรู อารีน่า หัวหิน คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน และ จิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์จำกัด เชิญชวนลูกค้ารถยนต์ Mercedes-Benz ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสัมผัสสุนทรียภาพแห่งเสียงดนตรีกับศิลปินแจ๊สระดับตำนานโลก Kenny G พร้อมทัพศิลปิน Jazz – Blues ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอีกมากมายในงานเทศกาลดนตรี “International Jazz & Blues Festival 2022” จัดขึ้นโดย รัฐรงค์ ศรีเลิศ กรรมการบริหารบริษัท หนีกรุง คอนเน็ค จำกัด ณ ทรู อารีน่า หัวหิน คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ เปิดเผยว่า ทาง “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานเทศกาลดนตรี“International Jazz & Blues Festival 2022” เพื่อร่วมปลุกกระแสการท่องเที่ยวในหัวหินและเมืองไทย อันก่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจรากฐานโดยรวม ที่สำคัญ เพื่อมอบกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีพให้แก่ลูกค้า Mercedes-Benz ของเรา ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างและเหนือระดับอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ ได้เชิญลูกค้าที่ชื่นชอบเสียงเพลงและดนตรีแนวคลาสสิก ร่วมดื่มด่ำมนต์เสน่ห์ของเสียงเพลงของศิลปินระดับตำนานKenny G พร้อมชมการแสดงไฮไลน์สุดพิเศษ “Wonderful Night Kenny G” และเต็มอิ่มกับสุดยอดฝีมือทางด้านดนตรี Jazz และ Blues ของศิลปินทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะมอบความสุขและสนุกสนานให้แก่ลูกค้าคนสำคัญของเราได้อย่างเต็มที่” คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์ กล่าวว่า “เบนซ์ไพรม์มัส” มีแผนการจัดกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าของเราอยู่เสมอ ทั้งกิจกรรม Mercedes-AMG Circuit Experience, Mercedes-Benz SUV Driving Events, Primus Pro-Am Charity Golf Invitation, Mercedes-AMG Track Day และล่าสุด คือ การเชิญลูกค้าร่วมชมคอนเสิร์ตจากศิลปินระดับโลก Kenny G ซึ่งเรายังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกค้าอีกมากมาย โดยสามารถติดตามได้ตามช่องทางการสื่อทางของเรา ทั้ง Facebook, Instagram, @Line Official และสื่ออื่นๆ” ส่วนในงานเทศกาลดนตรีครั้งนี้ เราได้ร่วมสนับสนุนรถยนต์ Mercedes-Benz จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ Mercedes-Benz รุ่น S 580 e AMG Premium, V250 d Business Plus และ Sprinter สำหรับเป็นพาหนะในการเดินทางของศิลปินระดับตำนาน ได้แก่ Kenny G, ผู้บริหารและทีมงานศิลปิน Kenny G ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเมืองไทย พร้อมนำยนตรกรรมสุดหรู Mercedes-Benz ในรุ่น S 350 d Exclusive จัดแสดงให้ผู้ร่วมชมงานและผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด สำหรับในงานครั้งนี้ ลูกค้ารถยนต์ Mercedes-Benz ให้ความสนใจและเข้าร่วมกว่า 60 ท่าน โดยนัดรวมพล ในช่วงเย็น ที่บู๊ธแสดงรถยนต์ Mercedes-Benz โดยมีผู้บริหารและทีมงานของ “เบนซ์ไพรม์มัส” ให้การต้อนรับและร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่จะเข้าร่วมชมงานแสดงดนตรี ที่เริ่มเปิดการแสดงด้วยวง Mellow Motif เมล (โลว์ โมทีฟ) วงแจ๊ส/บอซซ่า ดีกรีระดับสากล ตามด้วยการแสดงของ Melodic…