ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาพร้อมเปิดจำหน่าย ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวีใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยรุ่น e:HEV RS ราคา 1,259,000 บาท และรุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาทตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอนที่ตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และขับเคลื่อนตลาดรถยนต์คอมแพคท์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และหรูหรามากยิ่งขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สะดวกสบายเหนือกว่ากับระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย พร้อมตั้งเป้าจำหน่ายมากกว่า 8,000 คัน ภายในหนึ่งปีนับจากการเปิดตัว มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “หลังจากที่ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์ 2022 ที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมด้วยยอดจองสิทธิ์จากลูกค้าทั่วประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อแบรนด์และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้า ซึ่งเป็นยนตรกรรมไฮบริดพลังงานทางเลือกที่ลงตัวกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน เพราะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม พร้อมที่จะเชื่อมไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคต ตามเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2593 ของฮอนด้า 
ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ สร้างสังคมปลอดมลพิษให้เกิดขึ้นจริง และด้านความปลอดภัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เพื่อมุ่งไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ ทั้งนี้การเปิดตัวฮอนด้าซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะเสริมความแข็งแกร่งให้ไลน์อัป ฮอนด้า ซีวิค และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคท์ได้อย่างต่อเนื่อง” ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย โดยมีราคาจำหน่าย ดังนี้ ·   รุ่น e:HEV RS            ราคา 1,259,000 บาท ·   รุ่น e:HEV EL+           ราคา 1,129,000 บาท และมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 31 กรกฎาคม2565 รับดอกเบี้ย 2.59%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี เสื้อแจ็กเกต e:HEV มูลค่า 500 บาท** นอกจากนี้ ยังมอบแคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่ ได้แก่ ·   รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี 
ไม่จำกัดระยะทาง** ·  ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 
มูลค่า 7,158.50 บาท ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีใหม่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัย ที่จะเชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่หลากหลาย* อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและAndroid Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเป็นต้น ทั้งนี้ ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน  โดดเด่นด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED  กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว  ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต  พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อาทิ ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรูพกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย(Wireless Charger) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตรและมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยมาพร้อมกับสวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)…

 
Read More

BRIDGESTONE เปลี่ยนยางขอบใหญ่ จัดให้ล้นถัง

บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดหนัก จัดเต็ม ส่งโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ “BRIDGESTONE เปลี่ยนยางขอบใหญ่ จัดให้ล้นถัง” ตอบแทนลูกค้าที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง เมื่อลูกค้าเปลี่ยนยางบริดจสโตนทุกรุ่นที่ร่วมรายการ ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ทุก 4 เส้น และลงทะเบียนรับประกันยาง จะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชค 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นรับรางวัล บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท ทุกๆ 2 เดือน รวมมูลค่า 1,050,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 
1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2565 เมื่อลูกค้าซื้อและเปลี่ยนยางพร้อมลงทะเบียนรับประกันยางผ่านช่องทาง https://bridgestoneth.com     เพื่อรับสิทธิ์ร่วมชิงโชคลุ้นรับรางวัล โดยมีกำหนดในการจับรางวัลทุกๆ 2 เดือน ทั้งหมด 3 ครั้ง สำหรับการจับรางวัลในแต่ละครั้ง ได้แก่ รางวัลที่ 1 บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่า 100,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 100,000 บาท และรางวัลที่ 2 บัตรเติมน้ำมัน ปตท มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 50 รางวัล รวมมูลค่า 250,000 บาท รวมจำนวนของรางวัลตลอดรายการ 153 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,050,000 บาท เงื่อนไขโปรโมชั่น: 1)     ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์ร่วมชิงโชคเพื่อลุ้นรับรางวัลบัตรเติมน้ำมัน ปตท รางวัลที่ 1 มูลค่า 100,000 บาท และรางวัลที่ 2 มูลค่า 5,000 บาท เมื่อซื้อและเปลี่ยนยางบริดจสโตนทุกรุ่นที่ร่วมรายการ ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ทุก 4 เส้น พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง และอัปโหลดใบเสร็จได้ถูกต้องครบถ้วน 2)     ข้อมูลบนใบเสร็จต้องครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีรายละเอียด วันที่ใบเสร็จ, ชื่อร้านค้า, ชื่อ-นามสกุลลูกค้า, เบอร์โทรศัพท์มือถือ ทะเบียนรถ, รุ่นยาง, ขนาดยาง, จำนวนยาง และราคายาง 3)     จำกัดจำนวนสิทธิ์ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จ 4)     จำกัดสิทธิ์ 153 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาโปรโมชั่น 5)     ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2565 6)     กำหนดการจับรางวัล ดังนี้ ครั้งที่ 1: จับรางวัลวันที่ 19 สิงหาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 
1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ครั้งที่ 2: จับรางวัลวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่
1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ครั้งที่ 3: จับรางวัลวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เมื่อซื้อและเปลี่ยนยาง พร้อมลงทะเบียนรับประกันยาง ระหว่างวันที่ 
1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2565 ประกาศผลผู้โชคดีภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 7)     ประกาศผลผู้โชคดีผ่านทาง FACEBOOK Fanpage: Bridgestone Thailand และทางบริษัทฯ จะแจ้งผู้โชคดีทุกท่านผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเกณฑ์การตัดสิน และเงื่อนไขต่างๆ ของโปรโมชั่น เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bridgestone.co.th หรือสอบถามได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-636-1555  

 
Read More

ยอดขาย ORA Good Cat เดือนพฤษภาคมสูงเป็นประวัติการณ์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เขย่าวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยยอดขายของยนตรกรรมอัจฉริยะทั้ง 3 รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,132 คัน นำโดยเจ้าเหมียวไฟฟ้า 100% ขวัญใจผู้บริโภค ORA Good Cat ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดขายและส่งมอบสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยถึง 508 คัน พร้อมยกกำลังความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้นกับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่ยังคงยืนหนึ่งในตลาดคอมแพคเอสยูวี 5 เดือนติดต่อกัน โดยจนถึงปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกสู่ท้องถนนประเทศไทยไปแล้วกว่า 8,277 คัน สานต่อภารกิจในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย (xEV Leader) ที่มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ซึ่งอัดแน่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมแห่งยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืนในอนาคต ในปีที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางการแข่งขันอันเข้มข้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ การันตีด้วยความโดดเด่นของ ORA Good Cat ที่ได้เข้ามาปลุกกระแสความตื่นตัวของผู้บริโภคอย่างยิ่งใหญ่จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทันทีตั้งแต่มีการส่งมอบ ซึ่งเกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถส่งมอบเจ้าเหมียวไฟฟ้าให้กับแฟนๆ ชาวไทยได้ถึง 508 คันในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคม ORA Good Cat มียอดส่งมอบไปแล้วทั้งสิ้น 1,286 คัน โดยตั้งแต่เริ่มส่งมอบจวบจนถึงปัจจุบัน มีจำนวน ORA Good Cat วิ่งอยู่บนท้องถนนประเทศไทยกว่า 1,748 คัน และยังมียอดจองที่รอส่งมอบอีกกว่า 3,000 คัน โดยบริษัทฯ จะทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่ที่ประเทศจีนและพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ เพื่อทยอยส่งมอบเจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นนี้ให้แก่ลูกค้าโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการประกาศลดภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการจาก 8 เปอร์เซ็นต์เหลือ 2 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผุ้บริโภคชาวไทยตื่นตัวและมีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น สำหรับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถยืนหยัดรั้งตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีได้อย่างเหนียวแน่นติดต่อกัน 5 เดือนซ้อนในปีนี้ ด้วยยอดขายและส่งมอบในเดือนพฤษภาคมถึง 431 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 43.8 เปอร์เซนต์จากยอดขายรวมทั้งหมดในเซ็กเมนต์ 983 คัน โดยในปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้ส่งมอบ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ให้กับลูกค้าทั่วประเทศไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,504 คัน โดย 1,863 คันเป็นยอดขายและส่งมอบภายในปีนี้ ตอกย้ำความสำเร็จและสะท้อนถึงการตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค ในส่วนของเอสยูวีระดับพรีเมียม All New HAVAL JOLION Hybrid SUV เจ้าสิงโตอารมณ์ดีที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยและสมรรถนะโดดเด่นเหนือระดับรองรับไลฟ์สไตล์การขับขี่หลากหลายรูปแบบ ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายและส่งมอบในเดือนพฤษภาคมถึง 193 คัน รวมส่งมอบไปแล้วนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,025 คัน โดยเป็นยอดขายและยอดส่งมอบภายในปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) จำนวน 1,426 คัน คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นับตั้งแต่ก้าวแรกทีได้เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในประเทศไทยจนถึงปัจจุบันนี้เกิดจากความรัก ความไว้วางใจ และการสนับสนุนของแฟนๆ ชาวไทยที่ช่วยจุดประกายความมุ่งมั่นตลอดจนหล่อเลี้ยงความตั้งใจให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพรวมถึงสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางทั้ง Online และ Offline เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทยได้อย่างแท้จริง โดยเราจะยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินงานที่มีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง(User-Centric) ด้วยการรับฟังเสียงของทุกคนอยู่เสมอเพื่อน้อมนำทุกความคิดเห็นมาต่อยอดและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดจนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้แข็งแกร่งและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสร้างสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน”  ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำภารกิจในการส่งเสริมการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าไทยอย่างเป็นรูปธรรม เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้ากลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายด้วยการขยาย GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และPartner Store อย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด พร้อมให้บริการแล้วทั้งสิ้น 46 แห่ง แบ่งออกเป็น Direct Store 9 แห่ง และ Partner Store 37 แห่ง และมี Partner Store ที่อยุ่ในระหว่างการก่อสร้างอีก 25 แห่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น ยังจะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่การเป็นสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในท้ายที่สุดอีกด้วย นอกจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงมีผลงานที่น่าประทับใจในเวทีระดับโลกเช่นเดียวกัน โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดขายรถยนต์รวมทุกรุ่น 80,062 คัน เพิ่มขึ้น48.9% จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา จำแนกรถยนต์จากแบรนด์ HAVAL จำนวน 41,748 คัน แบรนด์ ORA 10,768 คันและแบรนด์อื่นๆ รวม 27,546 คัน  

 
Read More

โอมาคาเสะ คาร์

กลุ่มตรีเพชร โดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ จากการใส่ใจในการให้บริการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน “โอมาคาเสะ คาร์”   ได้รับความ “ไว้วางใจ” สามารถสร้างผลงานโดดเด่นได้จากปีที่แล้วโดยทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 131.7% จากลูกค้าทั่วทุกภูมิภาค โดยมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 5 สาขา เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการ “โอมาคาเสะ คาร์”  เราจะยังคงยึดมั่นในการนำเสนอรถยนต์มือสองคุณภาพดีเกรดพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง มีประวัติการซ่อมบำรุงย้อนหลังที่สามารถตรวจสอบประวัติได้ รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยโดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ภาพรวมธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสองผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการของ “โอมาคาเสะ คาร์”   ในการรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งเพิ่มช่องทางและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าที่ต้องการเห็นรถจริงและทดลองขับจริงเราจึงตัดสินใจขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 สาขา ที่ อ. ปักธงชัย จ. นครราชสีมา ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสามารถรองรับการเดินทางของลูกค้าได้จากหลากหลายเส้นทาง  ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ พร้อมบริการส่งรถมือสองเกรดพรีเมี่ยมฟรีถึงหน้าบ้านทั่วภาคอีสาน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.omakasecar.com หรือ Facebook: Omakase Car Northeastern ภาคอีสาน”  

 
Read More

ฟอร์ดยกระดับบริการลูกค้า

ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวรถให้บริการเคลื่อนที่ (Mobile Service Vehicle – MSV) โฉมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้านอกสถานที่ได้หลากหลายยิ่งขึ้น เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลด้วยมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการ พร้อมเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าด้วยบริการนัดหมายออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน FordPass™ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมอบบริการแบบพร้อมเสมอ หรือ ‘Always-On’ คุณสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ดให้ความสำคัญอย่างมากกับการส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า เราจึงได้พัฒนายกระดับรถให้บริการเคลื่อนที่ให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและความหลากหลายในการให้บริการตามมาตรฐานฟอร์ด พร้อมทั้งมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการจองบริการและติดตามสถานะการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่นฟอร์ดพาสบนสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นความตั้งใจของฟอร์ดในการดูแลลูกค้าแบบ ‘พร้อมเสมอ’ เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น”  ฟอร์ดได้พัฒนารถให้บริการเคลื่อนที่โดยนำรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ มาติดตั้งตู้ที่กระบะท้ายพร้อมติดตั้งชั้นวางอะไหล่ แผงเครื่องมือและอุปกรณ์ และระบบไฮดรอลิก เพื่อให้รองรับงานบริการได้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือมาตรฐานเดียวกับที่ศูนย์บริการ ได้แก่ การเช็คระยะ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองเครื่อง การเปลี่ยนไส้กรองอากาศ สลับยางถ่วงล้อ รวมถึงงานบำรุงดูแลรักษาทั่วไป อาทิ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ การเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน การเปลี่ยนหลอดไฟ การอัพเดตซอฟต์แวร์ โดยการออกแบบได้คำนึงถึงประสิทธิภาพในกระบวนการให้บริการของช่างเทคนิค เพื่อให้ส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เร็วยิ่งขึ้น ฟอร์ดได้เริ่มให้บริการรถบริการเคลื่อนที่โฉมใหมตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยในปีนี้จะมีรถบริการเคลื่อนที่โฉมใหม่รวม 109 คัน กระจายไปยังศูนย์บริการฟอร์ดเพื่อให้บริการลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของรถฟอร์ดด้วยการนัดหมายบริการรถให้บริการเคลื่อนที่ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ฟอร์ดพาส’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะช่วยให้ลูกค้ารถฟอร์ดสามารถทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อรับบริการที่หลากหลายจากฟอร์ดผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์บริการ ซึ่งลูกค้าฟอร์ดสามารถดาวน์โหลด ‘ฟอร์ดพาส’ ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดยฟอร์ดยังมอบความอุ่นใจในการรับบริการด้วยบริการยืนยันตัวตนของช่างพร้อมตรวจสอบสถานะผ่านหน้าจอได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน  นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถติดต่อผู้จำหน่ายใกล้บ้านเพื่อนัดหมายใช้บริการรถให้บริการเคลื่อนได้ โดยนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ลูกค้าสามารถค้นหาศูนย์บริการฟอร์ดที่ต้องการได้ที่https://www.ford.co.th/locate-a-dealer/ หรือแอดไลน์ของฟอร์ด ประเทศไทยได้ที่ LINE ID: @FordThailand  

 
Read More

นิสสัน อริยะ รถยนต์ไฟฟ้า 100%

ภารกิจสำรวจเส้นทางจากขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้ครั้งแรกของโลก 7 การผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ด้วยการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมกว่า 27,000 กิโลเมตรผ่านหลายภูมิภาค นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นประกาศความร่วมมือกับ     คริส แรมซีย์ นักผจญภัยชาวอังกฤษ ในภารกิจผจญภัยขับรถยนต์ไฟฟ้า 100% จากขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้เป็นครั้งแรกของโลกการเดินทางที่กล้าหาญในครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคม 2023 แรมซีย์ และทีมจะออกเดินทางด้วย   นิสสัน อริยะ (ARIYA) e-4ORCE เป็นระยะทางกว่า 27,000 กิโลเมตรผ่านหลายภูมิภาคและทวีปต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีช่วงอุณหภูมิที่แตกต่างกันตั้งแต่-30 ถึง 30 องศาเซลเซียส แรมซีย์จะเป็นมนุษย์คนแรกที่ขับขี่รถยนต์จากขั้วโลกหนึ่งไปอีกขั้วโลกหนึ่ง เขาจะเดินทางจากอาร์กติกผ่านทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ก่อนที่จะข้ามไปยังทวีปแอนตาร์กติกา เส้นทางดังกล่าวมีความเป็นที่สุดในทุกๆด้าน ทั้งความทรหด ความรุนแรง ความยากลำบาก และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เริ่มจากภูมิประเทศที่มีน้ำแข็งปกคลุมไปจนถึงการข้ามผ่านเขาสูงชัน หรือลุยไปในเนินทรายอันกว้างใหญ่ภารกิจขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้ หรือ Pole to Pole ที่ขับเคลื่อนโดยนิสสัน อริยะจะพาแฟน ๆ เดินทางผ่านเส้นทางที่น่าทึ่งและยังไม่ได้รับการบันทึกลงในแผนที่ฉบับไหน มร.อาซาโกะ โฮชิโน่ รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายการตลาดและการขายระดับโลกของนิสสันกล่าวว่า“นิสสันภูมิใจที่ประกาศความร่วมมือกับคริส แรมซีย์ และทีมสำรวจขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้ (Pole to Pole) นิสสันอริยะ รถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้า 100% ช่วยให้คุณไปได้ไกลขึ้น ง่ายขึ้นอย่างสะดวกสบาย และด้วยเทคโนโลยีการควบคุมการขับขี่ e-4ORCE ที่เพิ่มความเสถียรและการยึดเกาะบนพื้นผิวที่หลากหลาย เรารู้ดีว่ามันจะเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับคริสและทีมของเขาในการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% อันสุดท้าทายของพวกเขา” การผจญภัยสุดท้าทายที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนนี้ช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ระยะยาว Nissan Ambition 2030 เพื่อพัฒนาศักยภาพการขับเคลื่อนด้วยการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักโดยวิสัยทัศน์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งมอบรถยนต์และเทคโนโลยีที่ยกระดับการเดินทางและชีวิตผู้คนในสังคมนิสสัน อริยะ e-4ORCE ของแรมซีย์จะถูกปรับแต่งเสริมความแข็งแกร่งบึกบึนเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บในแถบอาร์กติกและแอนตาร์กติก รวมถึงล้อ ยาง และระบบกันสะเทือนที่ได้รับการอัพเกรดให้เหมาะกับการยึดเกาะบนพื้นผิวที่หลากหลาย ในขณะเดียวกันก็จะมีนิสสัน อริยะ e-4ORCE อีกหนึ่งคันแบบไม่ปรับแต่งร่วมเดินทางไปสนับสนุนทั่วทวีปอเมริกา e-4ORCE คือเทคโนโลยีการควบคุมล้อทั้งสี่ขั้นสูงจากนิสสันที่จัดการการส่งกำลังไปที่ล้อรวมถึงให้การเบรกได้อย่างแม่นยำเพื่อการขับขี่ที่ราบรื่นและมั่นคง ระบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่โดยการช่วยให้ขับไปตามทิศทางที่ต้องการบนพื้นผิวถนนเกือบทุกรูปแบบ รวมทั้งถนนที่เปียกและเต็มไปด้วยหิมะ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการหรือรูปแบบการขับขี่  

 
Read More

มินิ เปิดตัว 2 รุ่นใหม่

รถยนต์ มินิ ผสานรูปลักษณ์สุดสปอร์ตกับความคลาสสิคสไตล์มินิ พร้อมแจ้งปรับราคาสำหรับรถยนต์บางรุ่นตั้งแต่มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป เดินหน้ารุกตลาดเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพ็ค เปิดตัวมินิ 2 รุ่นล่าสุด มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition และ มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิลResolute Edition  ด้วย 2 รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบภายในห้องโดยสารที่สวยงาม รูปลักษณ์ภายนอกสุดหรูที่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิค และเครื่องยนต์ทรงพลัง ทั้ง 2 รุ่นยังพร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ที่จะยกระดับการขับขี่สนุกสไตล์มินิ รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้ตามสไตล์เฉพาะตัวของผู้ขับขี่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ ณ ผู้จำหน่ายมินิอย่างเป็นทางการ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition ราคาจำหน่าย : 3,299,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard) มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition เป็นรถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยแนวหลังคาที่ทอดยาวสะท้อนถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ภายนอกโดดเด่นและสะกดทุกสายตาบนท้องถนนกับชุดแต่งแอโรไดนามิกส์ในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ สะท้อนภาพลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบพละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ใน 7.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 228 กม./ชม. ภายนอกมาในสีเขียว Sage Green metallic พร้อมดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตกแต่งด้วยลวดลาย Untold Edition ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้ารถจรดหลังคา ซุ้มล้อและสเกิร์ตด้านล่างรอบคันมาในสีเขียวเข้มเสริมความโดดเด่นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลาย Untold Spoke ในสีดำ Jet Black ตัดกับสี Refined Brass โดยสี Refined Brass นี้ยังเสริมเอกลักษณ์โดดเด่นรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกระจังหน้าและตัวอักษร “Clubman” ที่ประตูท้าย ซึ่งการออกแบบรูปลักษณ์ของรถรุ่นนี้นั้นนอกจากจะสะท้อนถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสารแล้ว ยังมาพร้อมกับประตูด้านท้ายรถที่สามารถเปิดปิดแยกซ้าย-ขวาได้ อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารยังได้รับการตกแต่งพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย Untold Edition ที่บริเวณด้านล่างของก้านพวงมาลัยและพรมปูพื้นรถ ในขณะที่แถบไฟบริเวณแผงประตูและเบาะนั่งทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge ก็มาในสี Sage Green สุดเอ็กซ์คลูซีฟตัดกับเส้นด้ายสีฟ้าอ่อน และเพิ่มความสง่างามด้วยกรอบช่องแอร์สี Refined Brass ทำให้มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition โดดเด่นไม่เหมือนใคร

 นอกเหนือจากการออกแบบสุดพิเศษแล้ว มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า Adaptive LED ระบบปรับโหมดการขับขี่ 
ระบบเครื่องเสียง Harman Kardon, MINI Head-Up-Display, ระบบ Wireless charging พร้อมกับแพ็คเกจ Connected Navigation Plus แสดงผลผ่านจอคอนโซลกลาง ระบบสัมผัสแบบดิจิทัล 8.8 นิ้ว มีฟังก์ชั่นบริการ MINI Connected บริการ Remote Services สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ Apple CarPlay ระบบนำทางและแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition ราคาจำหน่าย : 3,090,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard) รถยนต์เปิดประทุน 4 ที่นั่ง จากมินิถือเป็นรถเปิดประทุนระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในเซกเมนต์รถยนต์ขนาดเล็ก โดยมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดดเด่นเหนือใครทั้งตัวถังภายนอก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา การออกแบบภายในและชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ความเป็นมินิแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมให้อารมณ์ขับสนุกในสไตล์เปิดประทุนที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของมินิ สมรรถนะทรงพลังที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทางท่ามกลางสายลมและแสงแดด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า เสริมด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.1 วินาที ให้อารมณ์ขับสนุกเหมือนโลดแล่นอยู่ในสนามแข่ง ภายนอกของมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition ตกแต่งด้วยลวดลายบนฝากระโปรงหน้าและที่กาบบันได ซึ่งมาในเส้นสายที่มีการไล่เฉดสีทองอ่อนไปจนถึงทองเข้มได้อย่างสวยงาม พร้อมสลักชื่อรุ่น“RESOLUTE” ไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้ากันได้ดีกับตัวถังภายนอกสีเขียว Rebel Green ที่ตัดกันกับสีดำและสีทอง ส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรอบไฟหน้า กระจังหน้า ช่องดักอากาศ กรอบไฟเลี้ยว มือจับประตู ฝาถังน้ำมัน มาในสี Resolute Bronze ที่ตัดกับฝาครอบกระจกมองข้างและหลังคาผ้าสีดำได้เป็นอย่างดี โดยในรุ่นResolute Edition ได้เสริมความสปอร์ตดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Pulse Spoke สีดำ การออกแบบด้วยลายเส้นสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่น Resolute Edition นี้ ยังถ่ายทอดมาสู่ภายในห้องโดยสาร รับกับเบาะนั่งโดยสารทรงสปอร์ต MINI Yours Leather Lounge ในสีดำ Carbon Black ผสมผสานกับไฟ Ambient…

 
Read More

“ก้อง สตาร์ตแถว 6 ลุ้นท็อปเท็น

ในรายการ โมโตทู สนาม 11 “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” คว้ากริดสตาร์ตที่ 16 ในศึกโมโตทูชิงแชมป์โลกสนาม 11 รายการ ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ลุ้นท็อปเท็นในสุดสัปดาห์นี้ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ขณะ ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 12 ในรุ่นโมโตจีพี ก่อนลุ้นหนักวันอาทิตย์นี้ ผลควอลิฟายในรุ่น โมโตทู ปรากฏว่ายอดนักบิดไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จากสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ควบรถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 คว้ากริดสตาร์ตอันดับ 16 ไปครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 37.444 วินาที ตามหลัง เจค ดิ๊กสัน นักบิดอังกฤษเจ้าของโพลจาก อัสพาร์ ทีม เพียง 0.708วินาที โดยนับเป็นอีกหนึ่งในสนามที่นักบิดไทย ลุ้นขยับขึ้นไปติดท็อปเท็น ส่วนผลควอลิฟายในรุ่น โมโตจีพี ปรากฏว่า ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นหมายเลข 30 จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า คว้ากริดที่ 12 ไปครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 32.967 วินาที ช้ากว่าเจ้าของโพล 1.463วินาที ขณะที่ สเตฟาน แบรเดิล…

 
Read More

ลองขับ PAJERO SPORT อารมณ์ RALLIART

ด้วยความที่ มิตซูบิชิ ต้องการปลุกตำนาน จิตวิญญาณแห่งชัยชนะกลับมาอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปหลายปีเลยทีเดียว กับชุดแต่ง แรลลี่อาร์ต ที่มาควบคู่กับรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นต่างๆ หากแต่จะให้สมกับตำนาน แรลลี่อาร์ต ชุดแต่งนี้คงต้องควบคู่กับ มิตซูบิชิ รุ่น ปาเจโร สปอร์ต                   ด้วย DNA ของเจ้า MITSUBISHI PAJERO SPORT RALLIART กับการออกแบบตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งแรลลี่ระดับโลก สมรรถนะอันทรงพลังจากเครื่องยนต์แสนอึด ดีเซลเทอร์โบ MIVEC 181 แรงม้า ผสานกับการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ตอนที่ลองขับนึกว่าขับ SUV มากกว่า PPV เสียด้วยซ้ำ ด้วยจิตวิญญาณ ที่ผสานกับสุดยอดเทคโนโลยีการขับขี่จากสนามแข่งทำให้พาทะยานออกไปในทุกๆ เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกตัว  และความเร็วปลายของ MITSUBISHI PAJERO SPORT RALLIART ไม่มีสะดุด นุ่มนวล และเร้าใจ แถมเกียร์ยังมีให้เลือกที่คันเกียร์แบบเกียร์อัตโนมัติและกึ่งแมนวล หากจะเลือกใช้ PADDLE SHIFT ที่พวงมาลัยเพื่อปรับเปลี่ยนเกียร์ก็ได้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องการยึดเกาะถนน ต้องบอกว่ายอดเยี่ยม แถมช่วงล่างไม่นิ่มเกินไปและแข็งจนกระด้าง การกระจายแรงบิดอย่างเหมาะสมทำให้ขับง่าย ผ่อนคลายเวลาเดินทางไกล ด้านชุดแต่ง แรลลี่อาร์ต มีทั้ง FRONT & REAR UNDER GARNISH RALLIART ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า และหลัง RALLIART  รวมไปถึง BI-LED PROJECTOR HEADLAMPS WITH BLACK EXTENSION AND AUTO LEVELING SYSTEM ไฟหน้าโปรเจคเตอร์รมดำแบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับลําแสงไฟอัตโนมัติ  กับ BLACK TAILGATE…

 
Read More

New Wave110i จาก ฮอนด้า

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว New Wave110i รุ่นใหม่ล่าสุด ตอบสนองการใช้งานของคนไทย ด้วยประสิทธิภาพขั้นสุด และสมรรถนะจากเครื่องยนต์ Honda Smart Engine ที่ให้ทั้งความประหยัด เเรง ทน ตามแบบฉบับของเวฟไม่เปลี่ยนเเปลง มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวที่ได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมี Honda Wave110i เป็นผู้นำของตลาดในกลุ่มนี้ด้วยยอดจำหน่ายสูงสุด 13 ปีติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจที่คนไทยมีต่อรถรุ่นนี้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ทำให้เราพัฒนา Honda Wave อย่างไม่ลดละตลอดหลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้เราพร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัว New Wave110i ไทป์ใหม่ที่มาพร้อม ENRICH METER รวมถึงเทคโนโลยีอันทันสมัย ใช้งานสะดวกสบาย พัฒนาเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สมกับเป็นรถจักรยานยนต์อันดับ 1 ของคนไทย” New Wave110i ใหม่ มาพร้อมคอนเซปต์ถึงไหนถึงกันกับคนไทย ด้วย ENRICH METER หน้าปัดเรือนไมล์ ANALOG ออกแบบแยกสัดส่วนอย่างลงตัว แสดงผลชัดเจนทุกรายละเอียด พร้อมฟังก์ชันสำหรับการใช้งานที่ทันสมัย และเต็มสมรรถนะการขับขี่จากเครื่องยนต์ Honda Smart Engine เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของรถครอบครัว ให้ทั้งความประหยัด ความแรง และความทนทาน สำหรับการใช้งานของคนไทยยุคใหม่ นอกจากสมรรถนะที่เหนือระดับแล้ว New Wave110i ยังมาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า LED Headlight ส่องสว่างคมชัดทุกเส้นทาง ไฟท้าย Tail light โฉบเฉี่ยว เห็นชัดแม้ระยะไกล ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ จุมากถึง 5 ลิตร ใส่ของได้เยอะด้วย U-Box ขนาดใหญ่พร้อม โช้กหน้า-หลังซับแรงกระแทกได้ดี แม้บรรทุกของมาก…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed