Mercedes-Maybach ในประเทศไทย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้าทำตลาดรถยนต์ Mercedes-Maybach ในประเทศไทย หลังได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่สะท้อนให้เห็นทิศทางการเติบโตของยานยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีในประเทศไทย พร้อมประกาศเปิดไลน์การประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลกร่วมกับประเทศจีนที่ได้เริ่มทำตลาดยานยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีรุ่นนี้ ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์วางแผนส่งมอบให้กับลูกค้าภายในไตรมาสแรกของปี 2566  นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเผยแนวทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับงานจัดแสดงรถยนต์และงานมหกรรมยานยนต์ที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปี ทั้งการเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” ผู้ให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ที่รู้จริงแบบไม่จำกัดเพศ การสร้างสรรค์บูธแบบอินเทอร์แอคทีฟภายใต้คอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” นำเสนอประสบการณ์ยานยนต์แบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่โดดเด่นเหนือระดับ และไฮไลต์ของรถยนต์หลากหลายรุ่น อาทิEQS 500 4MATIC AMG Premium ยานยนต์พลังไฟฟ้า 100% รุ่นประกอบในประเทศคันแรกที่ผสานทั้งเทคโนโลยีดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน Mercedes-AMG SL 43 รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความยินดีที่จะประกาศการเดินหน้าการทำตลาดโดยมีแผนการประกอบรถยนต์Mercedes-Maybach ในประเทศ เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยได้สัมผัสกับที่สุดของความเป็นยนตรกรรมระดับอัลตร้าลักชัวรีที่มอบความหรูหราจากเมอร์เซเดส-มายบัคได้อย่างเต็มที่ ซึ่งความพิเศษก็คือ ไทยจะเป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลก ร่วมกับประเทศจีน ที่จะเริ่มทำตลาดรถยนต์ Mercedes-Maybach รุ่นปลั๊กอินไฮบริดภายในประเทศ ก่อนหน้านี้เมอร์เซเดส-มายบัคได้เปิดตัวเอสยูวีระดับอัลตร้าลักชัวรีรุ่น “Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium” ที่ถือเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการแนะนำ “Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium” รุ่นประกอบนอก โดยที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม วันนี้ เรายังจะเพิ่มMercedes-Maybach S 680 4MATIC Premium เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ของยนตรกรรมสุดหรูหราในตระกูลนี้ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสและความสะดวกสบายเหนือระดับให้กับลูกค้าอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดและจับจองได้ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแบบเอ็กซ์คลูซีฟทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป, ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์, สตาร์แฟลก และทีทีซี มอเตอร์ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า นอกจาก Mercedes-Maybach จะเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมที่ทั้งหรูหรา สะดวกสบาย และพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีในประเทศไทยนั้นเติบโตไปในทิศทางที่ดี และด้วยความพรั่งพร้อมในทุก ๆ ส่วน ทั้งในด้านการผลิต การจัดเตรียมอะไหล่ ตลอดจนการบริการหลังการขายจากทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้นภายใต้มาตรฐานระดับสากล นี่จึงเป็นที่มาให้เรามีแผนในการประกอบรถยนต์ Mercedes-Maybach ในประเทศไทย” มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำหนดเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นที่มาของการริเริ่มทำสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของเราภายในการจัดงานแสดงรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอข้อมูลรถยนต์ด้วยความเชี่ยวชาญในรูปแบบดิจิทัล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศใด การนำเสนอบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์“Vision of the Beyond ” ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถเข้ามาโต้ตอบกับ AI Artist โดยจะแสดงข้อความต้อนรับเข้าสู่บูธแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ใหม่ของการเลือกชมรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างสอดคล้องกับตัวตน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์ม Midjourney นอกจากนี้เรายังมีไฮไลต์ของรถยนต์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมายมาให้ลูกค้าได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ประกอบในประเทศอย่าง “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รวมถึง “Mercedes-AMG SL 43” ยานยนต์สปอร์ตพลังแรงตามแบบฉบับรถยนต์เอเอ็มจีที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม”  สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์รุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ลูกค้าจะได้พบภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ได้แก่“EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมเปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง  EQS 500 4MATIC AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 7,900,000 บาท “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย กับความเป็นที่สุดในทุกด้าน ทั้งความสะดวกสบายในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ตถึงขีดสุดจากภายนอกถึงภายใน และขุมพลังความแรงที่ไม่อาจต้านทานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์เอเอ็มจีด้วยกำลังสูงสุด  381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด  480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกคือการบรรจบกันระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายในให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตูพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่ในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการมาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่นSL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร Mercedes-AMG…

 
Read More

เมอร์เซเดส เผย “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รุ่นประกอบในประเทศ และ “Mercedes-AMG SL 43”

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเผยแนวทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับงานจัดแสดงรถยนต์ ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ทั้งการเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” ผู้ให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ที่รู้จริงแบบไม่จำกัดเพศ การสร้างสรรค์บูธแบบอินเทอร์แอคทีฟภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Vision of the Beyond” นำเสนอประสบการณ์ยานยนต์แบบฉบับเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่โดดเด่นเหนือระดับ และ  ไฮไลต์ของรถยนต์หลากหลายรุ่น อาทิ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์พลังไฟฟ้า 100% รุ่นประกอบในประเทศคันแรกที่ผสานทั้งเทคโนโลยี ดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งานและการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม รวมถึงอีกหลายรุ่นที่พร้อมให้แฟน ๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ตื่นเต้นตลอดงานมหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคมนี้ มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“เมอร์เซเดส-เบนซ์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำหนดเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นที่มาของการริเริ่มทำสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของเราภายในการจัดงานแสดงรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่39 ครั้งนี้ด้วย เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอข้อมูลรถยนต์ด้วยความเชี่ยวชาญในรูปแบบดิจิทัล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศใด การนำเสนอบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond ” ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถเข้ามาโต้ตอบกับ AI Artist โดยจะแสดงข้อความต้อนรับเข้าสู่บูธแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ใหม่ของการเลือกชมรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างสอดคล้องกับตัวตน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์ม Midjourney นอกจากนี้ เรายังมีไฮไลต์ของรถยนต์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมายมาให้ลูกค้าได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ประกอบในประเทศอย่าง  “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รวมถึง “Mercedes-AMG SL 43” ยานยนต์สปอร์ตพลังแรงตามแบบฉบับรถยนต์เอเอ็มจีที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม”  ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าและผู้มาเยี่ยมชมงานด้วยคอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำจากยนตรกรรมแห่งโลกอนาคต ผ่านรถยนต์ไฮไลต์โมเดลใหม่ 3 รุ่น ที่เสมือนเป็นตัวแทนของ Vision ในอนาคตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่ว่าจะเป็น Vision of Innovation กับการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการบุกเบิกและคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งโลกอนาคต Vision of Performance กับยานยนต์ที่ยกระดับสมรรถนะความแรงไปอีกขึ้นกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการสร้างสรรค์ออกมาราวกับงานฝีมือสุดประณีต และ Vision of Sustainability ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการพัฒนาระบบปลั๊กอินไฮบริดให้มีประสิทธิภาพลดการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง เป็นมิตรต่อโลกมากยิ่งขึ้น ส่วนประสบการณ์ของการได้เข้ามาสัมผัสบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่งานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ก็พิเศษไม่แพ้รถยนต์ไฮไลต์ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเทคโนโลยี AI มาสร้างสรรค์ภาพโลกอนาคตจาก Vision ผู้เข้าร่วมงาน เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าตอบคำถามสั้น ๆ ว่า “ภาพโลกอนาคตของคุณเป็นอย่างไร?” ระบบ AI จะนำคำตอบไปสร้างเป็นภาพโลกอนาคตในแบบคุณ พร้อมโชว์ผ่านจอขนาดยักษ์ในงาน ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟได้แบบเต็ม ๆ สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์รุ่นใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ลูกค้าจะได้พบภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ได้แก่ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมเปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 702 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง EQS 500 4MATIC AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 7,900,000 บาท “Mercedes-AMG SL 43” รถยนต์สปอร์ตขุมพลังแรงเวอร์ชันใหม่ของรุ่นที่เป็นตำนานจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ตัวจริงรอคอย กับความเป็นที่สุดในทุกด้าน ทั้งความสะดวกสบายในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ตถึงขีดสุดจากภายนอกถึงภายใน และขุมพลังความแรงที่ไม่อาจต้านทานของเครื่องยนต์จาก AMG แบบ One Man, One Engine ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบพละกำลังในการขับขี่ตามแบบฉบับของรถยนต์เอเอ็มจี ด้วยกำลังสูงสุด  381 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด480 นิวตันเมตร ดีไซน์ภายนอกคือการบรรจบกันระหว่างเอกลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตพลังแรงและความเป็นรถยนต์ซีดานที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา ส่วนห้องโดยสารภายในให้รายละเอียดที่โดดเด่นตามแบบฉบับของรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต 2 ประตูพร้อมเบาะที่นั่งแบบ 2+2 ที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการขับขี่ในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะการมาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาสให้แฟนรถยนต์รุ่น SL ตัวจริงในทุกวินาทีที่อยู่ในห้องโดยสาร Mercedes-AMG SL 43 วางจำหน่ายเริ่มต้นในราคา 11,700,000 บาท “Mercedes-Benz…

 
Read More

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบประกาศนียบัตร

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรโครงการนักเรียนช่างฝึกหัดที่ผ่านการรับรองคุณภาพเมอร์เซเดส-เบนซ์ตามมาตรฐานการศึกษาทวิภาคีเยอรมัน ในสาขาวิชาเมคคาทรอนิคส์ยานยนต์เพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคีและเพื่อพัฒนาศักยภาพ ของนักเรียนอาชีวะสู่การเป็นช่างเทคนิคมืออาชีพที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานเดียวกับประเทศเยอรมนี โดยมีประธานในพิธีคือ มร. โรลันด์  โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยมร. ฮันส์ อูลริช ซึดเบคอัครราชทูตและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัคราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย  และ ดร. โรลันด์ ไวน์ ผู้อำนวยการบริหาร หอการค้าเยอรมัน-ไทย ร่วมกับตัวแทนสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการกับบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้ผ่านการทดสอบจากสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเยอรมนี หรือAssociation of German Chambers of Commerce and Industry (DIHK) และเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองในด้านการฝึกอาชีพ ในระดับอาชีวศึกษาและฝึกอบรมทวิภาคีในประเทศไทยตามหลักสูตรเยอรมันหรือ Certificate ระดับ บี (Level B) ในปีพ.ศ. 2561 และเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองถึงระดับอาชีวศึกษาและฝึกอบรมทวิภาคีหลักสูตรเยอรมันในต่างประเทศ หรือ Certificate ระดับ เอ (Level A) ในปีพ.ศ. 2562 ซึ่งทั้งสองระดับเป็นหลักสูตร 2 ปีของการเรียนการสอนในภาคปฏิบัติที่ควบคุมโดยผู้ฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการฝึกอบรมจากบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกับรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรม “Mercedes-Benz Training Center” ถนนบางนา-ตราด กม. 19 และศูนย์บริการของผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้มีนักเรียนช่างฝึกหัดเมอร์เซเดส-เบนซ์สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 31 จำนวน 75 คนและ รุ่นที่ 32 จำนวน 44 คน จากผู้จำหน่าย 21 แห่ง  ได้รับประกาศนียบัตร Certificate Level A มีจำนวนทั้งสิ้น 20 คน และประกาศนียบัตร Certificate Level B มีจำนวนทั้งสิ้น 99 คน โดยทั้งนักเรียนช่างฝึกหัดและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปรับใช้เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าที่ดีที่สุด และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าทุกท่านที่เข้ารับบริการกับผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส -เบนซ์อย่างเป็นทางการทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาทุกคนจะได้รับการบรรจุเข้าทำงานในบริษัทของผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ รวมทั้งสิ้น 21 แห่ง คือ บริษัท เค้งหงษ์ทอง จำกัด,  บริษัท เบนซ์ ตลิ่งชัน จำกัด, บริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด,  บริษัท เภตรา อยุธยา จำกัด, บริษัท เมโทร ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท เอ็มบี สุขุมวิท จำกัด,  บริษัท แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด, บริษัท จันทบุรี เจพี มอเตอร์ จำกัด, บริษัทจิตต์ชัยชลบุรี จำกัด, บริษัท ทองหล่อ-รามอินทรา จำกัด, บริษัท ที เอส ที หัวหิน จำกัด,  บริษัท ทีเอสที เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำกัด, บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด, บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขาลุมพินี), บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขา งามวงศ์วาน), บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขา ราชดำเนิน), บริษัท บีเคเค ออโตเฮาส์ กาญจนาภิเษก จำกัด, บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด และ บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด ภายในงาน ทางบริษัทฯ ยังได้มอบประกาศนียบัตรแก่เจ้าหน้าที่ของทางผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ อันได้แก่ประกาศนียบัตรในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการขายที่ผ่านการรับรอง (Certified Salespeople) จำนวน 52 คนเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการบริการที่ผ่านการรับรอง (Certified Service Advisor) จำนวน 17 คน และเจ้าหน้าที่ช่างวิเคราะห์ที่ผ่านการรับรอง (Certified Diagnosis Technician) จำนวน 4 คน จากผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ 18 แห่งดังต่อไปนี้ – บริษัท เบนซ์ เภตรา จำกัด, บริษัท เบนซ์ ตลิ่งชัน จำกัด, บริษัท เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ บีเคเค วิภาวดี จำกัด,  บริษัท เบนซ์ พระราม 3 จำกัด, บริษัท เบนซ์ ราชครู จำกัด, บริษัท เบนซ์ อุดรธานี จำกัด,  บริษัท เมโทร ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด, บริษัททองหล่อ-รามอินทรา จำกัด, บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด, บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด  (สาขาลุมพินี), บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขา งามวงศ์วาน), บริษัท บีเคเค ออโตเฮาส์ กาญจนาภิเษก จำกัด,  บริษัท พรีเมจ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด และ บริษัท สวนหลวง ออโต้เฮ้าส์ จำกัด พร้อมกันนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้มอบประกาศนียบัตรแก่ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองระหว่างปี 2564- 2565 (Certified Body & Paint Service Center)  จำนวน 8 แห่ง ได้แก่ บริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เบนซ์ ภูเก็ต จำกัด, บริษัท เอ็มบี สุขุมวิท จำกัด, บริษัท แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด, บริษัท ทีเอสที เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำกัด, บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด และบริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด (สาขาลุมพินี)  

 
Read More

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ มร.มาร์ติน ชเวงค์ เป็น CEO คนใหม่

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ประกาศแต่งตั้ง มร. มาร์ติน ชเวงค์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด คนใหม่ ต่อจากมร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ซึ่งจะไปรับตำแหน่งใหม่ที่สำนักงานใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ภายใต้การบริหารงานที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์มีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท ทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศไทย มร. โรลันด์ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายของแบรนด์   เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในอนาคต ทั้งการเตรียมความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตลอดจนการผลักดันให้เกิดโครงการ Charge to Change ซึ่งทั้งหมดคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จที่ก้าวนำเทรนด์ นอกจากนี้ การผลักดันนโยบายการทำงานด้านดิจิทัลยังส่งผลให้บริษัทบรรลุผลสำเร็จทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถวัดผลได้ชัดเจนทั้งในเรื่องของยอดขายและการบริการลูกค้า มร. มาร์ติน ชเวงค์ ซึ่งจะมารับตำแหน่งต่อจากมร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เริ่มต้นการทำงานกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปี 2535 เมื่อเขาเข้าร่วมทำงานใน ‘Mercedes-Benz-Nachwuchsgruppe’ ที่เมืองสตุตการ์ตในตำแหน่งวิศวกรผู้ควบคุมคุณภาพ หลังจากการทำงานในหลากหลายหน้าที่ทางด้านคุณภาพและการเงินในโรงงานผลิตหลายแห่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ใน    เมืองรัสแตท ประเทศเยอรมนี มาร์ตินก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกควบคุมการวางแผนการผลิตที่ตั้งขึ้นใหม่ในซินเดลฟิงเงน จากนั้น ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2558 มาร์ตินได้เข้าไปดูแลงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินและการควบคุม ทั้งในแอฟริกาใต้ ออสเตรีย รวมถึงการทำงานในตำแหน่งประธานบริหารด้านการเงิน (CFO) ของ MBUSI ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2558 มาร์ตินย้ายไปเมืองปักกิ่ง ประเทศจีนเพื่อรับตำแหน่ง CFO ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เซลส์ในประเทศจีนมาร์ตินมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงความก้าวหน้าของโครงการสำคัญ ๆ และกระบวนการทางธุรกิจมากมายในประเทศจีน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 มาร์ตินเข้ารับตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (อินเดีย) จำกัด โดยเขามีบทบาทสำคัญในการเตรียมเมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดียเพื่อก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนและผลักดันการริเริ่มการทำงานเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและดิจิทัล เขายังมีส่วนสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การเติบโตของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์สันดาปหลักในตลาด การบุกเบิกการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าระดับลักชัวรีด้วยรถยนต์รุ่น EQC การยกระดับกลยุทธ์เครือข่ายการค้าปลีกด้วยรูปแบบการค้าปลีกMAR 2020 และการนำโมเดลธุรกิจ ‘การค้าปลีกแห่งอนาคต’ ไปใช้งานได้อย่างดีและประสบความสำเร็จในอินเดีย ตลอดช่วงเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่อินเดีย เมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดียประสบความสำเร็จในการบรรเทาวิกฤติโควิด-19 ทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นในฐานะองค์กรที่มีความยืดหยุ่น ภายใต้วิสัยทัศน์ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับผู้คน คู่ค้า และลูกค้าของเขา ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรที่พร้อมรับมือกับอนาคต มีความโปร่งใส และมุ่งเน้นที่ผู้คนเป็นศูนย์กลาง การได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยของมร. มาร์ติน ชเวงค์ในวันนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ทศวรรษในอุตสาหกรรมยานยนต์ในหลากหลายทวีปของเขา จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและนำพาให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ก้าวสู่ความสำเร็จใหม่ในอนาคตที่น่าตื่นเต้นของเทรนด์การขับเคลื่อนใหม่ ๆ ที่กำลังมาในโลกยานยนต์  

 
Read More

Mercedes-Benz S 350 d Exclusive เสริมทัพบริการระดับ 6 ดาว

Mercedes-Benz S 350 d Exclusive เป็นรถยนต์รุ่นใหม่เจเนอเรชันล่าสุดในครอบครัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสคลาส ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดภายใต้ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูงสุด ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ กับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น การออกแบบทั้งภายในและภายนอกใหม่หมดจด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity ในภาษาดีไซน์ที่ได้รับการยกระดับขึ้นในทุก ๆ ส่วน พร้อมตอบรับความต้องการของผู้โดยสารในทุกที่นั่งด้วยประสบการณ์ดิจิทัลที่เป็นที่สุด โดยเฉพาะระบบมัลติมีเดีย MBUX7 เจเนอเรชันใหม่ และระบบความปลอดภัยสุดล้ำหน้า ที่พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ขึ้นอีกขั้นในทุกรายละเอียด งานนี้ มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งมอบรถยนต์ “Mercedes-Benz S 350 d Exclusive” จำนวน 6 คัน ให้กับ มร.เคลาส์ คริสตันเดิล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ โดยมี มร.แซม เฉีย รองผู้จัดการใหญ่ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ คุณปัญจวิไล สงค์อิ่ม  กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเรียนเต็ลทรานซ์ แอนด์ คาร์ เซอร์วิซ จำกัด ผู้ให้บริการรถลิมูซีนสำหรับโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย และ คุณกรกฎ  วารวิจิตร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายรถยนต์  บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส คลาสรุ่นใหม่ ซึ่งโรงแรม เดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เลือกใช้เป็นรถยนต์นั่งสำหรับแขกผู้เข้าพักในโรงแรม เพื่อยกระดับการบริการที่พร้อมมอบทั้งความหรูหราและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นให้กับทุกคน  

 
Read More

เตรียมพบกับ NEW MG4 ELECTRIC…รีวิวเต็มวันเสาร์ที่ 26 พย.นี้ทาง YOUTUBE

NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมคอมเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็น“ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุก โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ตอกย้ำการเป็นอีวี           สายพันธุ์แท้ด้วยนวัตกรรม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยADVANCED SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM ให้อุ่นใจในทุกการขับขี่ ภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC เต็มประสิทธิภาพทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING)             การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY)  NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM โครงสร้างการออกแบบ “เนบิวลา” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยนตรกรรมไฟฟ้าโดยเฉพาะ ครั้งแรกของ NEW MG4 ELECTRIC กับการพัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ กับความสามารถในการนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะรวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากจุดเริ่มต้นในการเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกให้กับตลาดยานยนต์ EV สู่ประเทศไทยกับ MG ZS EV จนถึงปัจจุบัน   ที่เราพร้อมนำเสนอ NEW MG4 ELECTRIC ที่จะเข้าเติมเต็มและพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าอีกครั้งกับ “The First Rear Wheel Drive EV”พร้อมกับนวัตกรรมอันล้ำสมัยที่ทางเอ็มจีได้พัฒนา ที่นอกจากจะมัดรวมความคุ้มค่าทั้งด้านดีไซน์ที่สะดุดตาและเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ให้ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสนุกและคล่องตัวยิ่งขึ้นอีกด้วย และยังให้ความมั่นใจในด้านความปลอดภัยเมื่ออยู่บนท้องถนน โดยนอกจากความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นผู้ริเริ่มของตลาดรถยนต์ EV แล้ว เอ็มจียังเล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการพัฒนาสถานีชาร์จ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากกว่า 128 แห่งทั่วประเทศ และสร้างความมั่นใจด้วยศูนย์บริการที่สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าจาก เอ็มจี ได้ทุกรุ่นกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์พลังงานสะอาดได้มั่นใจยิ่งขึ้น” ICONIC DESIGN โดดเด่นด้วยสไตล์การออกแบบ NEW MG4 ELECTRIC ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยวในทุกการเคลื่อนไหว ·      การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN ·      ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS …

 
Read More

อีซูซุ เช็กความฟิตก่อนเดินทางเที่ยวปีใหม่

ข่าวดี! ของผู้ใช้รถอีซูซุทั้งหลาย พารถเก่าเข้าศูนย์ รับโปรสุดคุ้มจากอีซูซุ งานนี้กลุ่มตรีเพชรโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด  เชิญชวนลูกค้าอีซูซุมาตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมก่อนออกเดินทางเที่ยวปีใหม่ โดยขอมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าผู้ใช้รถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่นที่จำหน่ายก่อนปี ค.ศ. 2011 (อีซูซุดราก้อนเพาเวอร์ อีซูซุดีแมคซ์รุ่นปี ค.ศ. 2003 – 2011 และอีซูซุมิว-เซเว่น) เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุพร้อมรับโปรโมชั่นดีๆ ดังนี้ ·        แพ็กเกจสุดคุ้มเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตรีเพชร ดีดีไอแมคซ์ จำนวน 7 ลิตร พร้อมไส้กรองน้ำมันเครื่องอะไหล่แท้ตรีเพชรรวมค่าแรง ฟรี! ค่าบริการตรวจเช็กสภาพรถ 30 รายการ สำหรับน้ำมันเครื่องเกรดมาตรฐาน SAE 15W-40 API CI4 ราคาเพียง 1,390 บาท และ น้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ SAE 10W-30 API CI4 ราคา 1,690 บาท ·        ส่วนลดอะไหล่แท้ตรีเพชร 15% สำหรับอะไหล่ช่วงล่าง เบรก คลัตช์ ซีลล้อ ลูกปืนล้อ และรับส่วนลดสุดคุ้มเพิ่มเติมในกลุ่มอะไหล่บำรุงรักษาเชิงป้องกันเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากชิ้นส่วนที่ไม่ได้อยู่ในรอบการบำรุงรักษาปกติ ได้แก่ ท่อยางน้ำมัน เกียร์อัตโนมัติ สายเกียร์อัตโนมัติ ลูกปืนล้อหน้าด้านใน/ ด้านนอก ปั๊มน้ำ ท่อยางระบบหล่อเย็น แม่ปั๊มคลัตช์บน แม่ปั๊มคลัตช์ล่าง เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้รถอีซูซุทุกท่าน ใช้รถได้อย่างปลอดภัย และสบายใจมากขึ้น ·        คูปองส่วนลดค่าบริการมูลค่ารวมสูงสุด 3,000 บาท เพียงนำรถอีซูซุคันเก่าของท่านเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุตามเงื่อนไข โปรโมชั่นพิเศษทั้ง 3 นี้สามารถใช้ร่วมกันได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565 สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ หรือสายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร.        0-2118-0777 หรือ www.isuzu-tis.com  

 
Read More

NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!!

ด้วยคอนเซ็พท์ RIDE THE R ANYTIME…รถสปอร์ตแท้ สายพันธุ์ R-Series ดีเอ็นเอสายพันธุ์แชมป์! จาก ยามาฮ่า ออกสีสันตัวใหม่ ให้ได้เป็นเจ้าของกัน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่ง NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่! ออกสู่ตลาดรถสปอร์ตเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำรถสปอร์ตของเมืองไทยอีกครั้ง โดยยังคงความเป็นสปอร์ตแท้สายพันธุ์R-Series ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 321 cc เต็มอารมณ์สปอร์ตอีกขั้นกับดีเอ็นเอสายพันธุ์แชมป์ ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สะท้อนความเป็นซูเปอร์สปอร์ตในทุกองศา ทุกเส้นทาง ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ กับสีสันใหม่ 3 สี 3 สไตล์สุดเร้าใจ! ตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ให้การตอบสนองการขับขี่ในทุกจังหวะทุกการบิดคันเร่งสุดเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 321 ซีซี แบบ 2 สูบเรียง 8 วาล์ว ระบบหัวฉีดอัจฉริยะจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยความแม่นยำระบายความร้อนด้วยน้ำ  และเต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล แข็งแกร่ง ทนทาน เอกสิทธิ์เฉพาะยามาฮ่า ลูกสูบอะลูมิเนียมแบบอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา พร้อมออกแบบให้มีระยะ Offset ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมแรงม้าให้อยู่ในกำมือ และสนุก เร้าใจ ไปในทุกเส้นทางได้อย่างเต็มสมรรถนะ นอกจากนี้ NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ยังให้ความรู้สึกเต็มอารมณ์รถสปอร์ตด้วย AIR MANAGEMENT ยกระดับด้วยการออกแบบแฟริ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดที่เพิ่มขึ้น อกีทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำตามสไตล์รถสายพันธุ์ R-Series ตั้งแต่ไฟหน้าและไฟเลี้ยว FULL LED ดีไซน์ใหม่ อารมณ์ซูเปอร์สปอร์ต R-Series สายพันธุ์เรซซิ่งสปอร์ตแท้ สว่างชัดทุกเส้นทาง, โช้คหัวกลับ TELESCOPIC UP SIDE DOWN สปอร์ตเต็มขั้น ด้วยโช้คหัวกลับที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS (ANTI-LOCK BRAKE SYSTEM) ทำให้สามารถขับขี่ได้สนุกเต็มอารมณ์สปอร์ต ช่วยหยุดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ป้องกันการลื่นไถลในสถานการณ์คับขัน NEW YAMAHA YZF-R3 สีใหม่!!! ยังมีระบบควบคุม PROUD SUPER SPORTS LOOK ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มอารมณ์รถซูเปอร์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็น Full LCD Meter หน้าปัดแสดงข้อมูลการขับขี่ครบถ้วนและชัดเจนพร้อมไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ (Shift Light), ระบบสวิตซ์สตาร์ทเครื่องยนต์ ดีไซน์เท่ล้ำ บ่งบอกความเป็นบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง พร้อมด้วย Handle Crown ดีไซน์ลุคซูเปอร์สปอร์ตสไตล์ลิ่ง ให้ความแข็งแรง และลดน้ำหนักได้มากขึ้น สำหรับ NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่!!! มีให้เลือกด้วยกันถึง 2 เฉดสี คือสีน้ำเงิน Deep Purplish Blue Metallic, สีดำ Black Metallic มาพร้อมกับ Accessories อุปกรณ์ตกแต่งแท้ยามาฮ่าที่มีให้เลือกเสริมแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้ง บังลมหน้า, ฝาครอบท้ายเบาะ, ชุดเกียร์โยง, ชุดมือเบรก/มือคลัตช์, ชุดแฮนด์ Active, ชุดไฟเลี้ยว LED และ แผ่นเรซินกันฝาถังน้ำมันลายคาร์บอน NEW YAMAHA YZF-R3…RIDE THE R ANYTIME สีใหม่!!! พร้อมวางจำหน่ายในราคา 207,000 บาท…และตอกย้ำคุณภาพด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ Website: www.yamaha-motor.co.th Facebook: Yamaha Society…

 
Read More

ALPHA VOLANTIS “INVENTING THE FUTURE”

การเปิดตัวรถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรกHORIZON 300 ดีไซน์ FuturisticPremiumเติมเต็มกลิ่นอายความคลาสสิกผสานความล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายล่าสุดของประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานต์พรีเมียมแบรนด์  ALPHA VOLANTIS  (อัลฟ่า โวแลนทิส) อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “INVENTING THE FUTURE”  สะท้อนความตั้งใจในการสร้างสรรค์และผลิตยนตรกรรมสองล้อดีไซน์ล้ำสมัยระดับพรีเมียมสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่แห่งอนาคตด้วยรถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นแรก  HORIZON300 (ฮอไรซอน300) บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด  เริ่มต้นจดทะเบียนพร้อมก่อตั้งโรงงาน เพื่อเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีกระบวนการผลิต และการจัดการระดับมาตรฐานสากล ด้วยงบประมาณลงทุน 600 ล้านบาท  โดยโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ครอบคลุมพื้นที่ 200 ไร่  ด้วยความต้องการที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สองล้อให้ตอบสนองความต้องการด้านดีไซน์ที่สวยงามและตอบโจทย์การขับขี่ไปพร้อมๆกัน คุณธีระ ธีรติ  ประธานบริหาร บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด   กล่าวว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในนามของแครี่บอย ผู้นำอุตสาหกรรมหลังคาไฟเบอร์กลาส ชุดแต่งประดับยนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถกระบะมากว่า 40 ปี เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และการออกแบบอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เราเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ จนถึงทุกวันนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมานี้เอง ที่ทำให้เรามองเห็นโอกาสในตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยและต่างประเทศ  ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ด้วยศักยภาพด้านการผลิต  การออกแบบ และมาตรฐานคุณภาพ  ทำให้เรามีความมั่นใจและมีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์  ภายใต้ชื่อ อัลฟ่า โวแลนทิส เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างสูงสุด ในโอกาสนี้ ผมขอแนะนำ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อัลฟ่า โวแลนทิส อย่างเป็นทางการ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกท่าน” Alpha Volantis ยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียม แบรนด์ Alpha Volantis ได้รับแรงใจจากดวงดาว โดยดาวอัลฟ่าได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นดวงแรกและเป็นดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวโวแลนทิส เปรียบเสมือนรถจักรยานยนต์แบรนด์อัลฟ่า โวแลนทิส ที่ได้เริ่มต้นจุดประกายสรรค์สร้างยนตรกรรมสองล้อระดับพรีเมียมรุ่นแรก พร้อมพุ่งทะยานด้วยความสง่างาม สะท้อนตัวตนทุกการขับขี่ โดดเด่นทุกความเป็นคุณในทุกเส้นทาง นายธีรวิทย์ ธีรติ   กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริลเลี่ยน มอเตอร์ จำกัด   กล่าวว่า “แบรนด์ ALPHA VOLANTIS  (อัลฟ่า โวแลนทิส) มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีดีไซน์สวยตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์และพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มากกว่าการเดินทางให้กับผู้ใช้ รวมถึงการขยายการบริการที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล เพื่อรองรับผู้ขับขี่ในอนาคต อีกทั้ง จัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกิจกรรมเพื่อผู้ใช้รถ เราเชื่อมั่นว่า รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก HORIZON 300 และHORIZON 150 จะตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่และสร้างความโดดเด่นทุกความเป็นคุณอย่างแน่นอน” HORIZON 300 รถจักรยานยนต์พรีเมียมออโตเมติกรุ่นแรก ·      HORIZON 300 เติมเต็มกลิ่นอายความคลาสสิกผสานความล้ำสมัยด้วยดีไซน์ Futuristic Premium ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมิติตัวรถขนาดคล่องตัว กับขุมพลังเครื่องยนต์ 276 ซีซี  ระบายความร้อนด้วยน้ำ  ให้แรงบิดสูงสุดที่ 21.8 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที     มอบพละกำลังขนาด 13.6 กิโลวัตต์  ที่ 6,500 รอบ/นาที  แรงได้ต่อเนื่องเต็มสมรรถนะ ไร้กังวลในทุกเส้นทางขับขี่แม้ในระยะทางไกล ด้วยถังน้ำมันขนาด 9 ลิตร…

 
Read More

เปิดโชว์รูมใหม่ มาสด้า ย่านนวนคร

มาสด้า เน้นบริการที่เป็นเลิศแบบครบวงจร เพราะความสุขของลูกค้าเราพร้อมดูแลโดย มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เดินหน้ายกระดับประสบการณ์สร้างความสุขให้กับลูกค้าในประเทศไทย จับมือกลุ่ม อาปิโก ไฮเทค ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำเนินธุรกิจรถยนต์ และผู้คร่ำหวอดในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับชั้นนำของประเทศไทย เปิดโชว์รูมแห่งใหม่บนทำเลศักยภาพใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ปทุมธานี ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด ด้วยงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท พร้อมส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขให้กับลูกค้าด้วยการดูแลแบบครบวงจร บนแนวคิด “เพราะทุกความสุขของลูกค้า เราพร้อมดูแล” มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บรษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ายังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุดตามเจตนารมณ์ของเรานั่นคือ ALL FOR CUSTOMER เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้าของเรามีความสุข และภาคภูมิใจมากที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบริการหลังการขาย โดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มาสด้าตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา มาสด้าได้มอบโปรแกรมพิเศษ MAZDA ULTIMATE SERVICE หรือ MUS คือการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลว ฟรีบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่สำคัญมาสด้ากำลังได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งในวงการและนอกวงการรถยนต์ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเพื่อเข้าร่วมดำเนินธุรกิจกับมาสด้า วันนี้มาสด้ากำลังสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่าย และเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน รวมทั้งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนและเพื่อตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ดังนั้น เพื่อสานต่อปณิธานและความมุ่งมั่นเหล่านี้ มาสด้าจึงเดินหน้าเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดโชว์รูม มาสด้า เอเบิล นวนคร โดยร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด ซึ่งบริหารงานโดย มร. เย็บ ซู ชวน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทย บนทำเลทองใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมนวนคร แหล่งเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ซึ่งมีประชากรและลูกค้ามาสด้าอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งยังเป็นเขตอุตสาหกรรมที่มีนักลงทุนทั้งต่างชาติและคนไทยเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจอย่างยิ่งว่าการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่นี้ จะมีลูกค้ามาเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง และจะสามารถส่งมอบบริการที่ประทับใจและตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี มร.เย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) และ ประธานที่ปรึกษาบริษัท เอเบิล มอเตอร์ส จำกัด กล่าวว่า โชว์รูมและศูนย์บริการ มาสด้า เอเบิล นวนคร แห่งนี้ ได้รับการออกแบบให้พร้อมต่อการรองรับและการให้บริการลูกค้าในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการขาย การบริการ การสำรองอะไหล่พร้อมทั้งศูนย์ซ่อมตัวถังและสี บนพื้นที่กว่า 3.5 ไร่ มีพื้นที่โชว์รูมจัดแสดงรถที่กว้างขวาง หรูหรา พร้อมรองรับลูกค้าที่กำลังจะเข้ามาเยือน รวมถึงมีห้องรับรองลูกค้าที่ทันสมัย พร้อมรองรับลูกค้าที่จะนำรถมาเข้ารับบริการ นอกจากนี้ศูนย์บริการของมาสด้า เอเบิล นวนคร ยังเพียบพร้อมไปด้วยทีมช่างเทคนิคที่มีทักษะสูงและเป็นมืออาชีพ พร้อมให้การดูแลรถของลูกค้าด้วยความสะดวกรวดเร็ว โดยมีพื้นกว้างขวางสามารถรองรับการติดตั้งช่องซ่อมได้มากถึง17 ช่องซ่อม และมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสีที่สามารถรองรับงานซ่อมได้ถึง 10 ช่องซ่อม หรือรองรับรถยนต์ที่มาใช้บริการได้ถึง 600 คันต่อเดือน ซึ่งลูกค้าสามารถมาเข้ารับบริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ มร. เย็บ ซู ชวน ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักปรัชญาในการดูแลลูกค้าของ มาสด้า เอเบิล นวนคร ว่า“เราตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราด้วยความเป็นมิตร และแบบมืออาชีพ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง เราให้คำมั่นสัญญาว่า จะปฏิบัติต่อลูกค้าและพนักงานของเราเฉกเช่นเดียวกับคนในครอบครัวของเรา เพราะนั่นคือการเป้าหมายสูงสุดในการทำงานของเรา เราจะต้องสร้างบรรยากาศที่ดี เน้นการบริการด้วยความจริงใจ และทำให้ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจตลอดการครอบครองรถมาสด้า เพื่อให้ลูกค้ามีความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะทุกความสุขของลูกค้า เราพร้อมดูแล และนี่คือสิ่งที่มาสด้า เอเบิล ตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน” สำหรับลูกค้าที่สนใจเลือกซื้อรถยนต์มาสด้า ทดลองขับ หรือเข้ารับบริการหลังการขาย สามารถติดต่อโชว์รูมและศูนย์บริการ มาสด้า เอเบิล นวนคร ได้ที่ 14/9 ถ.พหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี12120 โทรศัพท์ 02-105-4359 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed