ฉายาของนักบิดนามว่า อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ใช้เลขประจำรถหมายเลข 9 จึงใช้ฉายาว่า Nine Stamp ซึ่งนักบิดหนุ่มรายนี้ พัฒนาแบบก้าวกระโดดในช่วงของการซ้อมวันแรก ทำเวลาดีสุดตามหัวแถวเพียง 0.5 วินาที ในการลงชิงชัย Moto3 ครั้งแรกในสนามโฮมเรซ
“Nine Stamp” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 นักบิดดาวรุ่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ซึ่งได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดลงทำการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกรุ่น Moto3 ในนามสังกัด VR46 MASTER CAMP ทีมของ “เดอะ ด๊อกเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี่ ในรายการ PTT Thailand Grand Prix 2018 สามารถปรับตัว และมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดในการขับขี่รถแข่ง Moto3 อย่างเป็นทางการครั้งแรกในสนามโฮมเรซในช่วงของการซ้อมวันแรกตามโปรแกรมการแข่งขัน โดยในช่วงเช้าซึ่งเป็นการซ้อม FP1 ทำเวลาต่อรอบดีที่สุดอยู่ที่ 1’45.120 นาที จากการลงขับขี่ทั้งหมด 13 รอบสนาม ตามหลังผู้นำเวลาอยู่ 1.7 วินาทีจากนั้นช่วงบ่ายที่เป็นช่วง FP2 “Nine Stamp” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 ได้ลงทำการซ้อมครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้สามารถกดเวลาดีที่สุดลงจากเดิม 1.06 วินาที ด้วยเวลาต่อรอบดีที่สุดอยู่ที่ 1’44.054 นาที ขยับตำแหน่งขึ้นมาอยู่กลางตารางเวลาตามหลังผู้นำอยู่เพียง 0.586 วินาทีเท่านั้น โดยในช่วงซ้อม FP2 นี้ นักบิดไทยยามาฮ่าลงทำการขับขี่ด้วยกันทั้งหมด 12 รอบสนามด้วยกัน
โดย อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 กล่าวหลังจบการซ้อมในวันแรกนี้ว่า “ก่อนอื่นต้องบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการลงแข่งในระดับเวิลด์กรังซ์ปรีซ์ครั้งแรก และเป็นการแข่งในสนามโฮมเรซด้วย แต่ก็พยายามตั้งสติ และทำใจเย็นๆ ให้สงบลง พยายามทำทุกอย่างให้เป็นไปตามสเต็ป โดย FP1 เราก็พยายามหาข้อมูลกันอย่างเต็มที่ให้ได้มากที่สุด เวลาอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ เรียกว่ายอมเสียช่วงซ้อมนี้ไปเลย ก่อนที่จะเอาข้อมูลมาปรับใช้ในช่วงของ FP2 ซึ่งทิศทางก็ไปในทางที่ดีขึ้นมากๆ ทำให้ผมเองก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีบางจุดที่เราต้องคุยกับทีมงานเพื่อแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น โดยรถแข่งในช่วง FP1 กับ FP2 นั้นมีการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เหมือนกับรถคนละคันเลยทีเดียว เพราะ FP1 เป็นเซ็ทอัพรถเดิมจากสนามเจเรส ส่วนในช่วง FP2 เราก็เอาข้อมูลที่ได้จากการเซ็ทครั้งที่ 1 มาปรับเซ็ทใหม่ ซึ่งก็ทำให้เวลาดีขึ้นกว่าเดิม โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกพอใจกับผลงานในวันแรกนี้มาก และก็พยายามผลักดันตัวเองให้ไปกับกลุ่มหน้า มีโอกาสได้ไล่ไปกับกลุ่มที่เร็ว ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับนึง แต่ก็ต้องทำงานกันต่ออีกอย่างหนักเพื่อทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น เพราะนักแข่งในระดับเวิลด์นี้เร็วทุกคนเก่งทุกคันครับ”
ส่วน คุณธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บอสใหญ่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กล่าวหลังจบการซ้อมวันแรกว่า “วันนี้ในช่วงของการซ้อมครั้งแรก เราใช้เซ็ทอัพรถจากการแข่งขันสนามที่ผ่านมา เพื่อให้ แสตมป์ รู้สึกต่อเนื่อง และคุ้นเคยกับรถแข่ง แต่มันไม่เหมาะกับสนามนี้ ก็ได้มีการปรับเซ็ทติ้งใหม่โดยใช้ข้อมูลจากเซ็ทติ้งที่เคยทำความเร็วที่ดีที่สุดมาใช้ ซึ่งก็ส่งผลให้ทำเวลาได้ดีขึ้นเป็นอย่างมากจนมีช่วงนึงขยับขึ้นมาถึงอันดับ 8 ก่อนที่จะไปติดรถช้าด้านหน้า เมื่อดูเวลาเทียบการซ้อมทั้ง 2 ครั้งจะเห็นว่า ครั้งแรกเราห่างจากหัวแถว 1.7 วินาที แต่ครั้งที่ 2 เราขยับเข้ามาจนเวลาห่างเพียงแค่ 0.586 วินาที ซึ่งทีมงานก็รู้สึกแฮปปี้มาก และถือว่าทำงานมาถูกทาง ตัวนักแข่งเองก็มั่นใจ โดยคืนนี้ทีมงานจะทำงานอย่างหนักเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด และก็จะคุยกับ แสตมป์ ในรายละเอียดเพิ่มเติม พรุ่งนี้ก็ยังมีการซ้อมอีก 1 ครั้ง ซึ่งเรายังมีเวลาในการเข้ามาเซ็ทติ้งได้อีกถึง 2 ครั้ง ผมมั่นใจว่าทีมงานจะสามารถเซ็ทอัพรถแข่งได้ดียิ่งขึ้นและนักแข่งเองจะสามารถทำเวลาได้ดีกว่าวันนี้อย่างแน่นอน”