คุณสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ มีความประสงค์จะให้หน่วยงานราชการพิจารณาเรื่องอัตราการจัดเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าของผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ กับผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ ให้มีอัตราใกล้เคียงกัน เพื่อให้การแข่งขันทางธุรกิจเป็นไปอย่างเสรี และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่างในราคาใกล้เคียงกัน
หากปัจจุบันราคาของผู้จัดจำหน่ายต่ำกว่าผู้นำเข้ารถยนต์อิสระค่อนข้างมาก ทำให้เกิดการผูกขาดและการแข่งขันทางธุรกิจค่อนข้างลำบาก ล่าสุด ทางสมาคมฯ ได้มีการปรึกษาหารือกับทางกระทรวงการคลัง ในเรื่องการลดภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยทางสมาคมฯ ได้ขอให้มีการพิจารณาปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ (CBU) ทุกยี่ห้อ จากเดิมจัดเก็บในอัตรา 80% โดยขอปรับลดเหลือประมาณ 40% ซึ่งได้รับการตอบรับจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นอย่างดี แต่อัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จะปรับลดตามที่เสนอหรือไม่ คงต้องรอมติ ครม.ที่จะนำเสนอและประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มากขึ้น เนื่องจากรถยนต์ที่ผู้นำเข้าอิสระนำเข้าส่วนใหญ่บริษัทแม่ได้นำเข้ามาจำหน่าย จึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภค และเมื่อมีการแข่งขันมากขึ้น อัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์ก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน และจ้างงาน ขณะที่ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษี และนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วย
อนึ่ง ทางสมาคมฯ อยากวิงวอน ให้ทางกรมศุลกากรช่วยผ่อนปรนสำหรับรถยนต์ที่ค้างในด่านกรมศุลกากรก่อน โดยการนำมาตรการ 317 มาใช้กับรถยนต์นำเข้าทุกยี่ห้อ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วงเป็นการชั่วคราว เพราะปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ และผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์แต่ไม่ได้รับรถยนต์มาเป็นเวลานานหลายเดือน และในอนาคตหากมีการกำหนดนโยบายและประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ทางสมาชิกสมาคมฯ ก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด ตามที่อธิบดีกรมศุลกากร ได้ประกาศให้มีการนำนโยบายมาตรการ 317 เรื่องการคำนวณอัตราภาษีรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ กลับมาใช้เป็นการชั่วคราวนั้น เพื่อแก้ปัญหารถยนต์นำเข้าที่ค้างอยู่ที่ด่านกรมศุลกากรมากกว่า 6 เดือน แต่ยังไม่ครอบคลุมรถยนต์ 4 ยี่ห้อ ได้แก่ เฟอร์รารี่, ลัมโบกินี, มาเซราติ และปอร์เช่ รวมกว่า 1,000 คัน เนื่องจากกรมศุลกากรให้สำแดงราคาจำหน่ายสูงกว่าราคาจำหน่ายในอังกฤษ ปี 2556 โดยพิจารณาว่า ราคารถยนต์จะต้องปรับตัวสูงขึ้นตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นในแต่ละปี