บีเอ็มดับเบิลยู คว้า 2 รางวัลใหญ่

จากเวที “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” BMW ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย  มร.เอริค รูเก้ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย รับมอบรางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Business+ และวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมี ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัล   บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยอย่างต่อเนื่อง 
จากการคว้ารางวัลใหญ่ล่าสุดจากเวที “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” (Product Innovation Awards 2022) ประเภทผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ โดยในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คว้ารางวัลมาครองได้ทั้งหมด 2 รางวัล ด้วยบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d M Sport กับรางวัลรถยนต์อเนกประสงค์หรูหราระดับต้น และมินิ คูเปอร์เอสอี กับรางวัลรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมระดับต้น รางวัลดังกล่าวสะท้อนแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด พร้อมการส่งมอบนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยเพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” ยังเป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคซึ่งรวมถึงตัววัดผลด้านความพึงพอใจของลูกค้า หรือ NPS Score ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบีเอ็มดับเบิลยูยังคงยึดหลักการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมนำเสนอยนตรกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องรวมถึงการผสานนวัตกรรมทางดิจิทัลในการให้บริการ เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและหลากหลายให้แก่ลูกค้า ที่สำคัญ ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม รางวัล “สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2565” เป็นรางวัลซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างนิตยสาร Business+ ในเครือบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อมอบรางวัลแห่งความสำเร็จให้กับแบรนด์ที่สามารถพัฒนาสินค้าหรือบริการจนเกิดเป็นนวัตกรรม สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยมีการคัดเลือกทั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิและการโหวตจากผู้บริโภครวม 28 รางวัล ใน 10 ประเภทสินค้าและบริการ โดยรางวัลที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับนั้นพิสูจน์ให้ถึงความนิยมของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ทั้งสองรุ่นเป็นอย่างดี สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d M Sport เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ SAV มาพร้อมกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสานกับประสิทธิภาพและความอเนกประสงค์ที่ดีที่สุด โดยรถยนต์รุ่นดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าที่วัยรุ่นที่มีความทันสมัยและกระตือรือร้น เพียบพร้อมด้วยด้วยประสิทธิภาพเหนือระดับกว่ารถยนต์ทุกคันในประเภทเดียวกัน ผสานความพึงพอใจในการขับขี่จากบีเอ็มดับเบิลยูซึ่งขึ้นชื่อด้านฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่นและเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยลักษณะเฉพาะของการขับขี่ที่แตกต่าง ระบบสาระบันเทิงที่ครบครัน และการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดกับ BMW ConnectedDrive ซึ่งได้รับการอัปเดตล่าสุด จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X1sDrive20d M Sport ครองความเป็นผู้นำในตลาดมาได้อย่างต่อเนื่อง บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d M Sport ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาทีโดดเด่นด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและที่เก็บสัมภาระความจุ 505 ลิตรซึ่งสามารถขยายได้มากถึง1,550 ลิตร จอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว สามารถควบคุมผ่านปุ่ม BMW iDrive ระบบสั่งงานด้วยเสียงหรือจอระบบสัมผัส ส่วน มินิ คูเปอร์ เอสอี ได้ผสมผสานความรู้สึกโกคาร์ทในตำนานเข้ากับการออกแบบที่โดดเด่น มอบคุณภาพระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับการขับขี่แบบไร้มลพิษ จากแนวคิดผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าผู้ขับขี่รถยนต์มินิทั้งชายและหญิงส่วนใหญ่มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนใหญ่ของผู้ขับขี่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย นอกเหนือจากการขับขี่ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์แล้ว ประสบการณ์ของผู้ขับขี่ในการใช้จอแสดงผลและระบบควบคุมนวัตกรรมในรถยนต์มินิ ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่ตามแบบฉบับของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น การเชื่อมต่ออย่างราบรื่นกับสมาร์ทโฟนยังช่วยให้ลูกค้ามินิสามารถใช้ชีวิตแบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบในระหว่างการขับรถ ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้า มินิ 
คูเปอร์ เอสอี เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ครองแชมป์ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม PHEV และ BEV ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกว่า 32.9% ในปีที่ผ่านมา มินิ คูเปอร์ เอสอี เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จากมินิรุ่นแรก ส่งพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจึงสามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที  และสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งได้ถึง100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที มินิ คูเปอร์ เอสอี ทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 203 – 234 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP)   

 
Read More

อีซูซุรับรางวัลเกียรติยศ

รางวัล“แบรนด์น่าเชื่อถือสูงสุดแห่งปี” (Thailand’s Most Admired Brand) และรางวัลพิเศษ“Market Leader Brand Award”         คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับมอบรางวัล “แบรนด์รถปิกอัพที่น่าเชื่อถือสูงสุดประจำปี 2565” (Thailand’s Most Admired Brand 2022) ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจและวิจัยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รวมถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยนิตยสาร BrandAge ซึ่ง “แบรนด์อีซูซุ” ได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือเป็นอันดับ 1 ในหมวดยานยนต์ กลุ่มประเภทรถปิกอัพ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล“Market Leader Brand Award” ซึ่งเป็นการคัดเลือกแบรนด์ที่มีความโดดเด่นมากเป็นพิเศษ จากการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด รวมถึงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดและเป็นผู้นำทางการตลาดอีกด้วย  

 
Read More

เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ สนาม 3

การเก็บแต้มสำคัญของ ฮอนด้า“อิเคร์ เลกัวน่า” ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวสแปนิชจาก Team HRC  สร้างผลงานยอดเยี่ยม ควบรถแข่ง Honda CBR1000RR-R คว้าอันดับ 6 ในเรซที่ 2 ของศึก “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ” สนาม 3 ที่ประเทศโปรตุเกส เก็บแต้มสำคัญให้ทีมได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา การแข่งขัน “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2022” สนาม 3 ดวลความเร็วเรซที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เอสโตริล ประเทศโปรตุเกส เกมเรซนี้ดวลทั้งสิ้น 21 รอบสนาม โดย “อิเคร์ เลกัวน่า” นักบิดดาวรุ่งชาวสเปนหมายเลข 7 จาก Team HRC ได้ออกตัวจากกริดที่ 4 ก่อนบิดเข้าป้ายในอันดับ 6 ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนั 8.309 วินาที ขณะทีทีมเมทอย่าง “ซาวี วิเออเฮร์” เจ้าของหมายเลข 97 จบเรซในอันดับ 9 ตามหลังแชมป์ 18.292…

 
Read More

Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022

ด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ยนตกรรมที่ดียิ่งกว่า จากสนามแข่งสู่ท้องถนน ด้วยนิยาม Pushing the limit to race your ambition มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  และนายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022” ณ TOYOTA ALIVE ถ.บางนา–ตราด กม. 3  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บุกเบิกวงการ Motorsport ของไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเป็นทั้งผู้จัดการแข่งขัน และให้การสนับสนุนตั้งแต่ระดับเยาวชนต่อเนื่องไปจนถึงนักแข่งในระดับอาชีพ พร้อมเปิดโอกาสให้นักแข่งไทยได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จากความทุ่มเทในการพัฒนาวงการ Motorsport ของไทย ส่งผลให้โตโยต้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำอย่างแท้จริง มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “Motorsport ถือเป็นหนึ่งใน DNA ที่สำคัญของโตโยต้า ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ “ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” โตโยต้า เริ่มต้นกิจกรรม Motorsport ในประเทศไทย เมื่อ 37 ปีที่แล้ว ภายใต้วัตถุประสงค์ในการสร้างประสบการณ์ความสนุกสนานในกีฬา Motorsport ด้วยการสนับสนุนผู้ที่รักในกีฬาประเภทนี้ รวมทั้งเป็นผู้จัดและผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขัน โดยในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เราได้พัฒนาบทบาทมาเป็นผู้สนับสนุนนักแข่งชาวไทยให้มีโอกาสได้ไปแข่งขันในระดับนานาชาติ” คุณสุรศักด์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ในวาระ 60 ปี ของโตโยต้า เรามีความยินดีที่จะจัดงาน “Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022” ให้คึกคัก และสนุกมากกว่าเดิม และเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อีกทางหนึ่ง”  โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2022 Pushing the limit to race your ambition ภายใต้แนวคิดของ Brand รถแข่งระดับโลก Toyota Gazoo Racing ภายใต้ความเชื่อที่ว่าความสำเร็จจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา Motorsport สิ่งได้ที่รับจะไม่ใช่เพียงชัยชนะบน Podium เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ในการขับขี่ขั้นสูงสุด ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ได้อย่างเต็มที่รวมถึงเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับนักแข่ง และพัฒนาศักยภาพของทีมแข่ง ในรูปแบบที่ไม่สามารถทดสอบได้ในชีวิตประจำวัน ภายใต้ปรัชญา “ถนนสร้างคน และคนสร้างรถ” (Roads build people, and people build cars)ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเป้าหมายที่ท้าทายในการพัฒนา “ยนตรกรรม ที่ดียิ่งกว่า” (Ever-Better Cars) ของโตโยต้า ที่ได้รับการถ่ายทอด DNA ของกีฬา Motorsport เพื่อส่งต่อในการพัฒนารถยนต์ของโตโยต้า อาทิ รถยนต์โตโยต้าในGR Series       Toyota Gazoo Racing Motorsport 2022 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Pushing the limit to race your ambition” นั่นคือ “ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ปลุกพลังนักสู้ในตัวคุณ”  ไปกับการพิสูจน์ที่สุดแห่งขุมพลัง และที่สุดของสมรรถนะรถแข่งโตโยต้าอย่างใกล้ชิด กับรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ One Make Race ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ Yaris One Make Race ครั้งแรกกับ Hatchback ECO Car  ยอดนิยม Toyota YARIS…

 
Read More

ชื่อใหม่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าในไทย

ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง ประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ไทยฮอนด้า โดย ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “เมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2564 ฮอนด้าได้มีการควบรวมกิจการส่วนงานขายและส่วนงานผลิตรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเข้ามาอยู่ด้วยกันก่อตั้งเป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง เพื่อดึงจุดแข็งของแต่ละด้านมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเราสามารถตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ส่งมอบบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีความพร้อมในการรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต ในปีนี้ เราได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เพื่อสะท้อนรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งส่วนการขายและการผลิต โดยจากนี้ไป ไทยฮอนด้า จะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย” สำหรับ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด) เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการของ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และ บริษัท เอชพีดี จำกัด เริ่มดำเนินกิจการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2564 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อในปีนี้ ผู้ที่สนใจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากช่องทางออนไลน์ดังต่อไปนี้ เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
 เฟซบุ๊ก : fb.com/hondamotorcyclethailand  

 
Read More

ตลาดรถยนต์เมษายน

ยอดขายรถยนต์ในเดือนเมษายน เติบโตรับมอเตอร์โชว์ ยอดขายรวม 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2565 มีตัวเลขการขายรวมทั้งสิ้น 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 20,492 คัน เพิ่มขึ้น 20.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 42,935 คัน เพิ่มขึ้น 4.4% และรถกระบะขนาด 1 ตันในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 33,629 คัน เพิ่มขึ้น 3.1%  ประเด็นสำคัญ ตลาดรถยนต์เดือนเมษายน 2565 มีปริมาณการขาย 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20.6% ส่วนตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันที่ 4.4% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เกือบเป็นปกติ โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงเดือนนี้ได้แก่ ยอดจองรถในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ที่มากถึง 31,896 คัน ไม่นับยอดจองรถที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ที่ต่างนำเสนอแคมเปญ “ข้อเสนอเดียวกับมอเตอร์โชว์” อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกค่ายรถยนต์ต่างเร่งทำการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบรถใหม่ถึงมือลูกค้าได้ทันตามความต้องการ ตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่เป็น“Low season” แต่ยังได้รับแรงส่งจากตัวเลขการส่งมอบรถที่รับจองในช่วงมอเตอร์โชว์ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ส่วนปัจจัยบวกที่สำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ ได้แก่ การที่ผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด–19 ที่กำลังจะได้รับการประกาศให้เป็น “โรคประจำถิ่น” สังเกตุได้จากสภาพการจราจรที่กลับมาคึกคักอีกครั้งจากการผ่อนคลายมาตรการ “Work From Home” เพื่อให้พนักงานกลับเข้าทำงานตามปกติ โรงเรียนเริ่มเปิดให้นักเรียนกลับเข้าห้องเรียน รวมทั้งการออกจากบ้านมาทำงานของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ล้วนผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมให้ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลต่อความต้องการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคให้เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2565 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 63,427 คัน เพิ่มขึ้น 9.1%                            อันดับที่ 1 โตโยต้า      21,681 คัน      เพิ่มขึ้น       13.2%       ส่วนแบ่งตลาด 34.2% อันดับที่ 2 อีซูซุ         16,595 คัน      เพิ่มขึ้น       11.0%        ส่วนแบ่งตลาด 26.2% อันดับที่ 3 ฮอนด้า      5,107 คัน      ลดลง          5.8%      ส่วนแบ่งตลาด   8.1% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 20,492 คัน เพิ่มขึ้น 20.6%                              อันดับที่ 1 โตโยต้า      6,901 คัน      เพิ่มขึ้น      39.2%       ส่วนแบ่งตลาด 37.8% อันดับที่ 2 ฮอนด้า         3,969 คัน      ลดลง  10.5%  ส่วนแบ่งตลาด 21.7% อันดับที่ 3 ซูซูกิ          2,045 คัน      เพิ่มขึ้น     18.0%        ส่วนแบ่งตลาด 11.2% 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 42,935 คัน เพิ่มขึ้น 4.4%                                 อันดับที่ 1 อีซูซุ  16,595 คัน      เพิ่มขึ้น      11.0%       ส่วนแบ่งตลาด 38.7% อันดับที่ 2 โตโยต้า      14,780 คัน      เพิ่มขึ้น    4.1%       ส่วนแบ่งตลาด 34.4% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       2,529 คัน      ลดลง         8.9%       ส่วนแบ่งตลาด  5.9% 4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,629 คัน เพิ่มขึ้น3.1%                                 อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,451 คัน      เพิ่มขึ้น      13.2%       ส่วนแบ่งตลาด 45.9% อันดับที่ 2 โตโยต้า      12,605 คัน      เพิ่มขึ้น       1.4%       ส่วนแบ่งตลาด 37.5% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,529 คัน      ลดลง       8.9%       ส่วนแบ่งตลาด  7.5% (ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน 4,559 คัน โตโยต้า 2,199 คัน – อีซูซุ 1,302 คัน – มิตซูบิชิ 641 คัน – ฟอร์ด 318 คัน – นิสสัน 99 คัน) 5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,070 คัน เพิ่มขึ้น 5.9%                                 อันดับที่ 1 อีซูซุ 14,149 คัน      เพิ่มขึ้น    20.7%         ส่วนแบ่งตลาด 48.7% อันดับที่ 2 โตโยต้า      10,406 คัน      ลดลง      0.1%         ส่วนแบ่งตลาด 35.8% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       2,211 คัน      ลดลง       2.6%         ส่วนแบ่งตลาด  7.6% สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – เมษายน 2565 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 294,616 คัน เพิ่มขึ้น 16.8%                             อันดับที่ 1 โตโยต้า      98,825 คัน      เพิ่มขึ้น       31.6%      ส่วนแบ่งตลาด 33.5% อันดับที่ 2 อีซูซุ         74,015 คัน      เพิ่มขึ้น       15.3%      ส่วนแบ่งตลาด 25.1% อันดับที่ 3 ฮอนด้า      30,731 คัน      เพิ่มขึ้น        1.2%       ส่วนแบ่งตลาด 10.4% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 96,218 คัน เพิ่มขึ้น 17%                                 อันดับที่ 1 โตโยต้า      27,237 คัน     เพิ่มขึ้น      39.9%       ส่วนแบ่งตลาด 29.0% อันดับที่ 2 ฮอนด้า      23,865 คัน     ลดลง        7.4%        ส่วนแบ่งตลาด 25.4% อันดับที่ 3 มาสด้า        8,377 คัน      เพิ่มขึ้น     11.0%        ส่วนแบ่งตลาด  8.9%…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed