ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนไทยต้องรู้จักปรับตัวให้รวดเร็วขึ้น และต้องรู้จักป้องกันตัวเองให้ห่างไกลเชื้อไวรัส โดยปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่ทางภาครัฐได้ประกาศใช้ ซึ่งสามารถเริ่มจากตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกไปข้างนอก หมั่นล้างมือเป็นประจำหากจำเป็นต้องสัมผัสสิ่งของต่างๆ หรือแม้กระทั่งการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) แต่เราก็ไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าวิกฤตินี้จะจบลงเมื่อไหร่ สิ่งที่สำคัญ คือ การดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีสติ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมทั้งสร้างความสุขรอบตัวในทุกๆ วัน และต้องไม่ละเลยความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เอ็มจี ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่มีความห่วงใยคนไทยทุกคน ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้คนไทยยังสามารถใช้ชีวิต หรือเต็มที่กับไลฟ์สไตล์ได้อย่างมีความสุข โดยการแบ่งสัดส่วนชีวิตประจำวัน เพียงแค่ลดกิจกรรมที่เป็น Offline ปรับมุมมองในการประยุกต์กิจกรรมต่างๆ มาอยู่ในโลก Online ให้มากยิ่งขึ้น ก็สามารถที่จะสร้าง “ความสุข ความสนุก ความสะดวกสบาย” ผ่านมิติใหม่ และอาจเป็นความปกติครั้งใหม่ (Next Normal) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Year: 2021
MAZDA FAST SERVICE
มาสด้าเริ่มขยายโมเดลธุรกิจในรูปแบบใหม่ เตรียมเปิดศูนย์บริการเพื่อให้บริการเฉพาะด้านการตรวจเช็กรถตามระยะทางแบบเร่งด่วน และสามารถรอรับรถกลับได้ทันทีภายใน 30 นาที หรือ FAST SERVICE เพื่อรองรับกับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนศูนย์บริการหลักเริ่มมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการอย่างหนาแน่น จนเกิดการรอคิวเพื่อนำรถมาเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อลดความแออัดดังกล่าวและอำนวยความสะดวกแบบรวดเร็วทันใจ มาสด้าจึงได้ทำการเปิดศูนย์บริการเฉพาะการบริการแบบเร่งด่วน เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสังคมยุคปัจจุบันที่ทุกคนต่างเร่งรีบ รวมทั้งเป็นการช่วยบรรเทาและลดความแออัดของศูนย์บริการหลักได้เป็นอย่างดี คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันมาสด้ามีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศไทยทั้งหมด 140 แห่ง แม้ว่าปีนี้จะตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง แต่ทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ยังไม่เพียงพอต่อการเข้ารับบริการของลูกค้า ดังนั้นการลงทุนเพื่อเปิดเฉพาะศูนย์บริการแบบเร่งด่วนขึ้น จะช่วยแบ่งเบาภาระและลดความแออัดของศูนย์ใหญ่และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งศูนย์บริการแห่งนี้จะเป็นต้นแบบให้กับการขยายธุรกิจของดีลเลอร์ที่มีโชว์รูมหลักอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเปิดช่องซ่อมแบบเร่งด่วนเพิ่มเติม หรือ FAST TRACK ไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการเปิดเฉพาะงานซ่อมบำรุงรักษาตามระยะจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะลูกค้าที่อาศัยอยู่ในย่านชุมชนจะได้มีทางเลือกในการนำรถเข้ารับบริการที่สะดวกรวดเร็ว ลดการรอคิว และลดความแออัดของศูนย์บริการหลักที่มีลูกค้าเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก โดยสาขาแรกที่เปิดให้บริการตั้งอยู่ในซอยวัชรพล เขตบางเขนจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งบริหารงานโดย มาสด้า แอลบาทรอส ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของมาสด้าในประเทศไทยที่มีโชว์รูมหลักอยู่บนถนนรามอินทราและลำลูกกา”
กรุงไทยคาร์เร้นท์ มั่นใจไอโอทีโซลูชันติงส์ ออน เน็ต
การยกระดับบริการสู่ที่หนึ่งในไทย โดย บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด (THINGS ON NET CO., LTD.) ผู้นำด้านบริการโซลูชันไอโอทีครบวงจร ด้วยโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารระดับโลก ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ “KCAR” บริษัทผู้ให้บริการรถเช่าสัญชาติไทยแท้ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจรถเช่ามายาวนานกว่า 40 ปี ทำสัญญาสั่งซื้อและติดตั้งโครงข่ายเทคโนโลยีไอโอที แพลตฟอร์ม และเซ็นเซอร์อัจฉริยะจากติงส์ ออน เน็ต เพื่อยกระดับการบริหารจัดการสต๊อกรถภายใน และเพิ่มขีดความสามารถการเป็นผู้นำธุรกิจรถยนต์เช่าที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าองค์กรสูงสุด คุณศักดิธัช จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทให้ความสำคัญกับประสบการณ์ ความพึงพอใจและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง เราจึงมุ่งมั่นยกระดับการบริการที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกในการบริหารจัดการและการลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเบื้องต้นเราได้นำเทคโนโลยีไอโอทีมาใช้เพื่อยกระดับการบริหารจัดการรถยนต์ในสต็อกและในอนาคตมีแผนที่จะต่อยอดเพิ่มคุณค่าการให้บริการและความสะดวกสบายแก่ลูกค้าต่อไป เราจึงมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านไอโอทีโซลูชันครบวงจร มีแพลตฟอร์ม และอุปกรณ์อัจฉริยะที่รองรับการใช้งานเข้ามาช่วยในการดำเนินกิจการ ซึ่งเรามั่นใจว่า ติงส์ ออน เน็ต เป็นพันธมิตรที่มีความพร้อมและมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ กรุงไทยคาร์เร้นท์ เป็นมากกว่าผู้ให้บริการรถเช่าและก้าวทะยานสู่อันดับหนึ่งในตลาดได้อย่างแท้จริง”
“ช้อป.ใช้.ชิง ซีซั่น 2”
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญใหญ่ “ช้อป.ใช้.ชิง ซีซั่น 2” มอบทองคำทั่วไทย 5 ภาค รวม 555 รางวัล มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากแคมเปญ “ช้อป.ใช้.ชิง ซีซั่น 2 รวยเปรี้ยง ไม่เกี่ยง ซีซี.” เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าชาวไทยต่อเนื่องจากซีซั่นแรก ด้วยการแจกโชคใหญ่ มอบทองคำแท่ง มูลค่ารางวัลละ 1 ล้านบาท 5 รางวัล แจกครบทั้ง 5 ภาค ได้แก่ เหนือ, ใต้, กลาง, อีสาน, และกรุงเทพ-ปริมณฑล พร้อมรางวัลสร้อยคอทองคำอีก 550 รางวัล รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 20 ล้านบาท โดยมี คุณวรพจน์ พรประภา ประธานบริษัท และ ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เป็นตัวแทนในการจับรางวัล ณ โรงแรมทินิดี แอท บางกอก กอล์ฟ…
ฟอร์ดร่วมมือกับโพลีเน็ต
เนื่องจาก ฟอร์ด ประเทศไทย และ บริษัท โพลีเน็ต จำกัด ส่งมอบแว่นตานิรภัยทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันการติดเชื้อทางดวงตาให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเป็นครั้งที่ 2 โดยสนับสนุนเพิ่มอีกจำนวน 10,000 ชิ้น จากที่ได้สนับสนุนไปจำนวน 3,000 ชิ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการอุปกรณ์การป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับมอบจาก คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย คุณกาญจนา เหลารัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเน็ต จำกัด และคณะ ซึ่งในงานนี้ คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “อุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยปกป้องบุคลากรด่านหน้าในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที แว่นตานิรภัยคุณภาพสูงที่ฟอร์ดและโพลีเน็ต บริษัทคู่ค้าผู้ผลิตวัสดุชิ้นส่วนรถยนต์ฟอร์ด ได้พัฒนาและส่งมอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน สามารถตอบสนองการใช้งานของบุคลากรได้เป็นอย่างดี เราจึงได้ผลิตและส่งมอบแว่นตานิรภัยให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มอีก 10,000 ชิ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อให้สอดรับกับปริมาณความต้องการในช่วงการแพร่ะบาดระลอกใหม่” แว่นตานิรภัยทางการแพทย์ที่ฟอร์ดและโพลีเน็ตได้ร่วมกันออกแบบและผลิต เป็นแว่นตานวัตกรรมใหม่ที่รองรับการใช้งานจริงและมีคุณภาพสูง สามารถป้องกันดวงตาจากละอองน้ำ สารเคมี และของเหลวต่างๆ รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกเมื่อใช้เป็นเวลานาน วัสดุที่ใช้ เป็นซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ซึ่งมีความยืดหยุ่น ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง สามารถสวมใส่ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานได้โดยไม่ทําให้เกิดรอยกดทับ นอกจากนี้ กรอบแว่นซิลิโคนที่ได้รับการออกแบบมาให้แนบสนิทกับใบหน้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรค และให้ความสะดวกขณะเคลื่อนไหวในการทํางาน และยังสามารถสวมทับแว่นสายตาโดยไม่ทําประสิทธิภาพการป้องกันลดลง ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ที่นำมาใช้ยังสามารถทนต่อความร้อนสูงถึง 200 องศา ทำให้ง่ายต่อการทําความสะอาด เพื่อลดการติดเชื้อและการเกิดเชื้อราบริเวณข้อต่อที่ประกอบระหว่างกรอบซิลิโคนและกระจก นอกจากนี้กระจกแว่นยังสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ ทําให้สะดวกในการชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานโดยไม่เปลี่ยนรูปทรง และไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวสติกเกอร์ไลน์ใหม่
งานออกแบบของศิลปินดัง “Tuna Dunn” ให้กับ เมอร์เซเดส เบนซ์ สามารถดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ Mercedes-Benz TH Line Official Account เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งสติกเกอร์ไลน์ชุดพิเศษในชื่อ “Here, There and Everywhere” โดยเลือก Tuna Dunn หรือ ตุล–ตุลยา ตุลย์วัฒนจิต ศิลปินและ illustrator เจ้าของลายเส้นที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการบอกเล่าเรื่องราวที่ดูเรียบง่ายแต่โดนใจมาเป็นผู้ออกแบบ โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยพร้อมให้ทุกคนที่ ‘add friend’ กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ “Mercedes-Benz TH” แล้วลงทะเบียนกับเราผ่านทางแอพพลิเคชัน Line สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ทันที โดยสติกเกอร์ไลน์ชุดนี้ นำเสนอออกมาในคอนเซ็ปต์ของการบอกเล่าเรื่องราวผ่านความสัมพันธ์ของชายหนุ่มและหญิงสาวที่สื่อสารกันด้วยคำพูดที่ทุกคนสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ลายเส้นที่เรียบง่าย ให้ทุกคนได้สนุกกับสีสันใหม่จากเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมนำไปใช้พูดคุยกับเพื่อน ๆ และคนใกล้ชิดได้อย่างเต็มที่ อนึ่ง แฟน ๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ชุดนี้ได้โดยการเข้าไปที่แท็บ “Official Accounts” ในหน้า Home ของแอพพลิเคชัน Line จากนั้นกดค้นหา “Mercedes-Benz TH” แล้วเพิ่มเป็นเพื่อน จากนั้นลงทะเบียนกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ แล้วดาวน์โหลดสติกเกอร์ชุดนี้ได้ทันที หรือหากเป็นเพื่อนกับ “Mercedes-Benz TH” ก็สามารถลงทะเบียนและกดเข้าไปดาวน์โหลดได้เลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
บริดจสโตน สมทบทุนให้กับโรงพยาบาล
บริดจสโตน ประเทศไทย ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนการทำงานของบุคลากร และอาสาสมัครในทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ ให้แก่ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์(โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ) สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในชุมชนคลองเตย มูลนิธิดวงประทีป และสำหรับรถ SWAB Mobile Unit มูลนิธิโรงพยาบาล พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร โดยบริดจสโตนขอร่วมเดินทางเคียงข้างคนไทยอย่างปลอดภัยร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน คุณนันธกา สาตราภัย ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า“ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามในประเทศไทย ที่มีปริมาณผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ทุกภาคส่วนของประเทศโดยต้องรับมือกับภาวะวิกฤตนี้อย่างเต็มกำลัง ทั้งความต้องการจากโรงพยาบาลสนามเพื่อให้พร้อมรองรับและดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด รวมถึงความต้องการด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ โดย บริดจสโตน ประเทศไทย เราได้ดำเนินการสนับสนุนทางด้านการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้บุคลากรและอาสาสมัครทุกภาคส่วนเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังและปลอดภัย รวมทั้งขอเป็นอีกพลังใจให้คนไทยทุกคนฝ่าวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน” ทั้งนี้ บริดจสโตน ประเทศไทย พร้อมทั้งพนักงานในเครือบริดจสโตน 4 บริษัทฯ คือ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที. (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ทีบีเอสซีโลจิสติกส์ จำกัด ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 และชุด PPE สำหรับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ (โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ) จำนวน 219,750.50 บาท สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในชุมชนคลองเตย มูลนิธิดวงประทีป จำนวน 218,150.50 บาท และมอบเงินสมทบทุนสำหรับรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย SWAB Mobile Unit ให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จำนวน 115,651 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 553,552 บาท …
มิชลิน ลงนามในข้อตกลงจัดหายางล้อเครื่องบิน
สำหรับการบินทั่วไปครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับ ‘เอ็มเจ็ท’ โดยมิชลินจะเป็นผู้จัดหายางล้อเครื่องบินสำหรับการบินทั่วไปรายหลักให้กับฝูงบินของเอ็มเจ็ท และเอ็มเจ็ทจะเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของยางล้อเครื่องบินสำหรับการบินทั่วไปให้กับมิชลินในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางล้อระดับโลก และ บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด (เอ็มเจ็ท) ผู้ให้บริการเครื่องบินส่วนบุคคลชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงจัดหายางล้อเครื่องบินสำหรับการบินทั่วไป (General Aviation Tyres) ระยะเวลา 3 ปี ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว มิชลินจะเป็นผู้จัดหายางล้อเครื่องบินสำหรับการบินทั่วไปให้กับฝูงบินของเอ็มเจ็ท ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินหรูรุ่น Cessna, Gulfstream, Hawker, Dassault, Beechcraft, Hondajet และ King Air ขณะเดียวกันเอ็มเจ็ทซึ่งให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องบินเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก จะเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของยางล้อเครื่องบินสำหรับการบินทั่วไปให้กับมิชลินในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย คุณวิรัช ตันสุวรรณนนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย ธุรกิจยางเครื่องบิน ประจำมิชลินภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศจีน) เปิดเผยว่า “เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้จัดหายางล้อเครื่องบินที่มีสมรรถนะสูงสำหรับการบินทั่วไปให้กับฝูงบินที่หรูหราทันสมัยของเอ็มเจ็ท เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าและความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกัน…ภายใต้ข้อตกลงนี้…เอ็มเจ็ทซึ่งเป็นผู้ให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยานชั้นนำระดับภูมิภาค ยังจะเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของยางล้อเครื่องบินสำหรับการบินทั่วไปให้กับมิชลินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ทำให้เรามั่นใจว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในตลาดเหล่านี้จะได้รับบริการก่อนและหลังการขายที่เป็นเยี่ยม” ส่วนทางด้าน คุณชัยวัฒน์ นวราช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า “ด้วยชื่อเสียงระดับโลกที่สั่งสมมายาวนานของมิชลิน ประกอบกับผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง เราเชื่อมั่นว่าการผสานพันธมิตรภายใต้ข้อตกลงนี้จะไม่เพียงเอื้อประโยชน์ให้กับเอ็มเจ็ท แต่ยังจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราด้วย”
Audi RS 6 Avant
อาวดี้ ประเทศไทย รุกเปิดตัว Audi RS 6 Avant อาว้านท์ตัวแรง ที่สุดแห่งสมรรถนะกับพละกำลังล้ำเลิศถึง 600 แรงม้า พร้อมตั้งราคาสุดช็อก ให้ลูกค้าจับต้องได้ เพียง 9.89 ล้านบาท อาวดี้ ประเทศไทย เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุก ส่ง Avant ตัวแรง “Audi RS 6 Avant” ที่โดดเด่นด้วยพละกำลังสูงถึง 600 แรงม้า ดีไซน์เฉียบคม สปอร์ต สะกดทุกสายตา พร้อมให้หลงรักตั้งแต่แรกเห็น มาปลุกเร้าหัวใจคนชอบความเร็วแรงให้สั่นไหวขึ้นไปอีก พร้อมเปิดรับจองตั้งแต่วันนี้ ในราคาเพียง 9.89 ล้านบาท นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวว่า ตามแผนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อให้แบรนด์ Audi ขยับเข้าไปนั่งในใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว อาวดี้ไม่รีรอที่จะนำยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และการออกแบบที่ก้าวล้ำ โดนใจ สปอร์ต หรูหรา ทั้งภายในภายนอก โดยเฉพาะยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงในตระกูล RS ที่อาวดี้ได้ทยอยนำเข้ามาทำตลาดอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดอาวดี้ได้นำ Audi RS 6 Avant รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ดีไซน์เฉียบคม สมบูรณ์แบบ โดดเด่นและเหนือกว่าด้วยพลังแรงเร้าใจ พร้อมการใช้งานที่สะดวกสบายมาเปิดตัวพร้อมเปิดรับจองทันที โดยมั่นใจว่าจะสร้างอีกปรากฏการณ์ใหม่และชี้เทรนความต้องการของลูกค้ากับยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล RS ได้เป็นอย่างดี “ตระกูล RS นั้นถือว่ามาแรงและขายดีสุดๆ โดยทุกรุ่นทุกคันที่เปิดตัวมาถูกจองจนหมดสต๊อก จึงมั่นใจว่า Audi RS 6 Avant ไอคอนของอาวดี้ที่ได้รับความสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจากแฟนคลับทั่วโลก ซึ่งเป็นที่หมายมั่นของ Audi Sport GmbH ในการสร้างการเติบโตและความสำเร็จให้ Audi อย่างยั่งยืน 27 ปี แห่งตำนานสายซิ่งกับความสำเร็จของอาวดี้บนสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ตมานับครั้งไม่ถ้วนนี้ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้ตลาดพร้อมตอบโจทย์ลูกค้าที่รอคอยอีกความแรงแห่งตระกูล RS ซึ่งทางเราเชื่อว่าจะทำให้แบรนด์ Audi เป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น” เรื่องราวความสำเร็จของ Avant ตัวแรง Audi RS…
All New X-ADV750 ล็อตแรกถึงเมืองไทย
ฮอนด้าเริ่มทยอยส่งมอบทันที หลังเปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์จนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ครั้งที่ผ่านมา ล่าสุด ฮอนด้าได้ส่งมอบ All New Honda X-ADV750 ล็อตแรกให้กับลูกค้าที่จองรถเป็นกลุ่มแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเหล่าไบค์เกอร์ที่ได้รับรถต่างพร้อมใจถ่ายรูปและวีดีโอ เพื่อรีวิวผ่านช่องทางต่างๆ บนสื่อออนไลน์กันอย่างคึกคัก โดยส่วนใหญ่เน้นไปที่รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของตัวรถ ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ดุดัน ภายใต้คอนเซปต์ “Let Your Instinct Lead The Way” เท่ในทุกมิติไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนก็ตาม พร้อมกันนี้ เจ้าของ SUV Bike รุ่นใหม่ล่าสุดของโลก ยังให้ความสนใจและสนุกไปกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ให้ความอเนกประสงค์รอบคัน อาทิ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับตัวรถ Honda Smartphone Voice Control System (HSVCs) หรือระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านแอปพลิเคชันของฮอนด้า, ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle by Wire) มาพร้อมการปรับตั้งค่าการขับขี่ได้ถึง 5 โหมด ได้แก่ Sport, Gravel, Standard, Rain และ User และหน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 5นิ้ว ครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน สีพื้นหลังปรับอัตโนมัติ เวลากลางวัน สีขาว และกลางคืน สีดำ สามารถเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลต่างๆ ได้ถึง 4 แบบ เป็นต้น All New Honda X-ADV750 วางจำหน่ายด้วยราคา 425,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่ …