มิตซูบิชิ เดินหน้าโครงการนักศึกษาฝึกงาน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธานในพิธีเพื่อแสดงความยินดีและมอบรางวัลให้แก่นิสิตนักศึกษาฝึกงานที่สำเร็จหลักสูตรในโครงการนักศึกษาฝึกงานประจำปี2564 โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธีร เจียศิริพงษ์กุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย ชรินพาณิชกุล รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อิทธิเศก นิลกำแหง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศและองค์กรสัมพันธ์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.เพชร เจียรนัยศิลาวงศ์ รองคณบดีฝ่ายบริหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เปี่ยมภูมิ สฤกพฤกษ์ รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมด้วยผู้บริหารจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธี โดยโครงการนักศึกษาฝึกงานนี้ได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาระดับชั้นอุดมศึกษาจากทั่วประเทศได้เข้ามาฝึกงานร่วมกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำและส่งออกรายใหญ่ของประเทศไทย เพื่อเรียนรู้กระบวนการผลิตรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ส่งเสริมการนำความรู้จากห้องเรียนมาประยุกต์ใช้กับการลงมือปฏิบัติงานจริงโดยทำงานร่วมกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เตรียมความพร้อมสู่การทำงานในอนาคตภายหลังจบการศึกษา  

 
Read More

CUB House เปิดตำนานความสนุก

CUB House by Honda ส่งมอบความสนุกจากของเล่นในวัยเด็ก สู่รถคันจริงให้คนไทยได้สัมผัสด้วยการเปิดตัว Monkey x Hot Wheels Limited Edition หรือ Monkey รุ่นพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือกันเป็นครั้งแรกของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Monkey และ Hot Wheels เพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็ก ที่อยากลองขี่รถในฝันสักครั้งในชีวิต ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น มร.ทาคาโนริ มารุยามะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทยเปิดเผยว่า “Monkey มีจุดเริ่มต้นในปี 1961 จากความคิดสนุกๆ ของวิศวกรฮอนด้า ที่นำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกันเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กไว้ขี่ในโรงงาน แต่หลังจากนั้นความสนุกดังกล่าวก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนกลายเป็นตำนานจนถึงปัจจุบัน สำหรับในเมืองไทย เราวางคอนเซปต์ Monkey ให้เป็นรถที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ให้กับแฟนๆ ที่อยากขับขี่รถในฝันหรือที่เราเรียกว่า “Ride Your Dream Bike” ผ่านคาแรกเตอร์ที่หลากหลายในรูปแบบ Special Limited Edition เริ่มจาก Dragon Ball Limited Edition มาจนถึง Gundam Limited Edition ซึ่งเราได้พบกับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามมาโดยตลอด และครั้งนี้เราขอส่งมอบความสนุกครั้งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเป็นครั้งแรกของการ Collab ระหว่าง Monkey และ Hot Wheels ซึ่งเป็นแบรนด์ของเล่นที่เป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมทั่วโลก กลายเป็น Monkey x Hot Wheels Limited Edition การร่วมมือกันของทั้งสองแบรนด์ในครั้งนี้ เราได้ถ่ายทอด DNA ของ Monkey และ Hot Wheels เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวมากที่สุด โดยนำเอาเอกลักษณ์ของ Treasure Hunts ซึ่งเป็นรถที่หายากที่สุดของ Hot Wheels มาถ่ายทอดผ่าน Monkey x Hot Wheels Limited Edition กลายเป็นไอเทมใหม่ที่สามารถขับขี่ได้จริงอีกด้วย โดยรถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบโดยทีมดีไซเนอร์จากสำนักแต่ง H2C ของฮอนด้า ที่มีความหลงใน Monkey และมีความเข้าใจในแบรนด์ Hot…

 
Read More

ฟอร์ด มีเคล็ดลับขับขี่ปลอดภัยในเวลากลางคืน

ฟอร์ด แนะนำว่ามีหลายวิธีที่จะทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในเวลากลางคืนสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย ตั้งแต่การหลีกเลี่ยงไฟสูงจากรถคันอื่น ไปจนถึงการสอดส่องความเร็วของผู้ร่วมถนนที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ 1.เปิดไฟหน้าไว้ตลอดเวลา แม้ในยามโพล้เพล้ ผู้ขับขี่ทุกคนก็จำเป็นต้องเปิดไฟหน้ารถไว้เสมอ เพื่อให้ตาของเราสามารถปรับให้เข้ากับความมืดในเวลาพลบค่ำได้ ไฟหน้าจะช่วยป้องกันภัยอันตรายให้ทั้งคุณและผู้ใช้ถนนรายอื่นได้ แต่ข้อสำคัญคือต้องไม่ใช้ไฟสูงที่จะทำให้คนที่กำลังขับสวนมาตาพร่าจากแสงที่สว่างเกินไป ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไทเทเนียม พลัส มีระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะที่สามารถเปิดไฟสูงเมื่อทางข้างหน้ามืดสนิท และปิดไฟสูงอัตโนมัติเมื่อตรวจจับเจอแสงไฟของรถคันหน้าส่องมาเพิ่มสมาธิให้ผู้ขับขี่สามารถสังเกตเส้นทางในความมืดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการควบคุมไฟสูง ในขณะที่ไฟตัดหมอกแบบ LED ในฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวลด์แทรคก็ยังได้รับการออกแบบมาให้สีเข้มขึ้นเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์และความปลอดภัยในการขับขี่ในเวลากลางคืน 2.รักษาระยะห่าง เมื่อมีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าขณะขับขี่ยามค่ำคืน ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเพ่งสมาธิไปที่รถคันหน้าว่าจะเร่งหรือเบรกเมื่อไร และด้วยความสามารถในการกะระยะที่ลดลง อาจจะทำให้เกิดความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น เทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ช่วยเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าจึงมีความจำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้ ฟอร์ดใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ(Adaptive Cruise Control) ทำให้คุณไม่ต้องคอยเหยียบเบรคและคันเร่งบ่อยๆ เมื่อเดินทางไกล โดยระบบจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้อัตโนมัติ คุณสามารถตั้งค่าระยะห่างและความเร็วที่พอเหมาะ เมื่อรถคันหน้าชะลอลง รถฟอร์ดก็จะช่วยชะลอตามได้อัตโนมัติ และเมื่อการจราจรโล่งมากขึ้นทำให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว รถฟอร์ดก็จะกลับมาวิ่งที่ความเร็วที่ตั้งค่าไว้ อย่างไรก็ตาม ควรพึงตระหนักไว้ว่าผู้ขับขี่ควรขับในระดับความเร็วที่ปลอดภัย   3.เตือนเพื่อนร่วมทางเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง ความขัดข้องทางเทคนิคสามารถเกิดระหว่างขับขี่ยามค่ำคืนได้แม้ว่าคุณจะตรวจเช็คสภาพรถอย่างรอบคอบแล้วก็ตาม บางครั้งผู้ขับขี่อาจจะลืมเติมเชื้อเพลิง เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือมีเหตุยางรถแบนกะทันหันหลังจากวิ่งเหยียบของมีคมที่มองไม่เห็นบนท้องถนน เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอย่างระบบช่วยโทรฉุกเฉินพร้อมให้คุณอุ่นใจตลอดการเดินทาง หรือระบบตรวจลมยางที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อลมยางอ่อนจนอาจเกิดความเสี่ยง โดยแสดงผลให้เห็นบนหน้าปัดรถ หากแรงดันนั้นต่ำเกินไป ไฟแจ้งเตือนจะสว่างขึ้นให้ทราบว่าจำเป็นต้องเติมลมยางหรือเปลี่ยนยาง เมื่อมีกรณีใดๆ ที่ทำให้รถไปต่อไม่ได้ ผู้ขับขี่ควรแจ้งเตือนผู้ร่วมทางด้วยการกดสัญญาณไฟฉุกเฉินและนำรถออกห่างจากการจราจรให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และพึงตรวจเช็คทั้งลมยางและของเหลวอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องรอให้ระบบแจ้งเตือน 4.ระวังสัตว์ข้ามถนน การขับขี่ในบริเวณที่อาจมีสัตว์ข้ามถนน คุณต้องมีสมาธิมากๆ กับสภาวะแวดล้อมยามค่ำคืนที่อาจมีสุนัขหรือแมววิ่งตัดหน้ารถ ไฟหน้า LED ของรถฟอร์ดช่วยมอบทัศนวิสัยที่สว่างมากพอที่จะมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหน้าได้ และยังช่วยให้ขับรถตอนค่ำคืนด้วยความมั่นใจและควบคุมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ หากปฏิกิริยาของผู้ขับขี่ยังไม่ไวต่อสิ่งที่เห็นมากพอ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะอื่นๆ ได้ (Automatic Emergency Braking – AEB) โดยใช้การทำงานร่วมกันของกล้องและเรดาร์ในการตรวจจับและระบุความเสี่ยง ซึ่งจะส่งสัญญาณเตือนไปให้ทราบด้วยเสียงและข้อความเตือน และระบบก็จะเตรียมเบรก หรือหากผู้ขับขี่ตอบสนองช้า เทคโนโลยีการเบรกอัตโนมัติจะทำงานทันที 5.หยุดพักหากเหนื่อยล้า สิ่งที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญยิ่งกว่าผู้ร่วมถนน หรือสภาวะแวดล้อมตอนกลางคืน คือสภาพร่างกายของผู้ขับขี่เอง อาการหลับในคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยบนท้องถนน หากรู้ตัวว่าต้องขับรถในช่วงเวลาที่เป็นเวลานอน ควรมั่นใจว่าพักผ่อนมาแล้วเพียงพอ ในกรณีที่ความง่วงอาจมารบกวนคุณ ทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลนไปโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว รถฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวลด์แทรค 4×4 มีเทคโนโลยีที่จะช่วยหักพวงมาลัยเล็กน้อยและมีระบบสั่นที่พวงมาลัยเพื่อให้เตือนให้คุณควบคุมรถกลับเข้ามาในเลน หากคุณอยากทำให้ตนเองตื่นตั ตลอดเวลา สามารถเปิดวิทยุหรือระบบความบันเทิงในรถ ฟังเพลงจังหวะหนักๆ คลายความง่วงโดยใช้ระบบSYNCTM 3 ของฟอร์ดที่สามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงภาษาไทย หรือลดหน้าต่างลงเพื่อรับออกซิเจนจากภายนอก หมั่นยืดเส้นยืดสายหรือมีขนมติดรถไว้ขบเคี้ยวระหว่างทาง อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการเลี่ยงขับรถเวลากลางคืนเพียงคนเดียวให้คนที่โดยสารมาด้วยคอยเป็นเพื่อนคุย และถ้าหากง่วงเกินไป ควรหยุดพักสักงีบตามจุดพักรถหรือที่พักระหว่างทาง  

 
Read More

ฮอนด้า จุดประกายโลกความฝัน

โครงการ “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 2021 คิด(ส์) กระหึ่มโลก” เตรียมพร้อมจัดอบรมและกิจกรรมผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก แม้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจจะทำให้เด็กไทยไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้เหมือนก่อน แต่ข้อจำกัดเหล่านี้ก็ไม่สามารถปิดกั้นความฝัน จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่ภายในเด็กทุกคนได้ ซึ่งการผลักดันความฝัน และการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่ฮอนด้าพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จึงเดินหน้าสานต่อ โครงการ “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์”เป็นปีที่ 17 ผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก 
โดยเชิญชวนเด็กไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ทั่วประเทศ ที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี ส่งผลงานไอเดียสิ่งประดิษฐ์สุดสร้างสรรค์ ที่มีความแปลกใหม่และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ภายใต้แนวคิด“เปิดแคปซูลความฝัน ปลดปล่อยพลังแห่งจินตนาการ สานต่อไอเดียสุดสร้างสรรค์กับฮอนด้า” เพื่อชิงรางวัลโล่พระราชทานสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา และโอกาสเดินทางไปทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่น*  น้อง ๆ ที่สนใจสามารถส่งผลงานได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-วันที่ 15 ธันวาคม 2564 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/hondasuperidea   สำหรับโครงการ “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 2021 คิด(ส์) กระหึ่มโลก” ในครั้งนี้ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 รอบ ได้แก่  รอบที่ 1: วาดภาพผลงานสิ่งประดิษฐ์จากจินตนาการบนกระดาษจินตนาการ สามารถดาวน์โหลดกระดาษจินตนาการได้ที่ www.facebook.com/hondasuperidea หรือ Line: @superidea หมดเขต
รับผลงานวันที่ 15 ธันวาคม 2564 โดยจะคัดเลือกผลงานและประกาศ 100 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบ 2 ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 รอบที่ 2: นำเสนอผลงานจากกระดาษจินตนาการในรูปแบบคลิปวิดีโอความยาว 3-5 นาที 
ส่งผลงานภายในวันที่ 14 มกราคม 2565 โดยจะคัดเลือก 15 ผลงานผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และประกาศผลในวันที่ 26 มกราคม 2565 รอบที่ 3: กิจกรรม Super Idea Super Camp ผ่านระบบ Zoom Meeting ครั้งแรก ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 โดยเป็นห้องเรียนเสมือนจริงให้น้อง ๆ ได้พัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้หลักการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างโมเดลสำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงานทั้ง 15 ผลงาน และจะได้รับทุนตั้งต้นเพื่อสร้างสรรค์แบบจำลองผลงานต้นแบบ เพื่อประกอบการนำเสนอในรอบชิงชนะเลิศต่อไป รอบที่ 4: รอบชิงชนะเลิศโครงการ ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 2021 คิด(ส์) กระหึ่มโลก 
ครั้งแรกของการตัดสินผ่านการวิดีโอคอลในระบบ Zoom Meeting  ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 
โดยผู้เข้ารอบทั้ง 15 ผลงานต้องนำเสนอผลงานของตนเอง พร้อมแบบจำลองผลงานต้นแบบ ผ่านคลิปวิดีโอ ความยาว 3-5 นาทีต่อผลงาน พร้อมตอบข้อซักถามต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน และจะทำการตัดสินคัดเลือกให้เหลือผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ 1 รางวัล ได้รับโล่พระราชทานจากสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา 10,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ 5 รางวัล ได้รับโล่รางวัลจากโครงการฯ โดยทั้ง 6 รางวัลจะได้ไปทัศนศึกษา 
ณ ประเทศญี่ปุ่น อนึ่ง น้องๆ ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/hondasuperidea  หรือติดต่อศูนย์ประสานงาน โครงการ ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 2021 วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลาทำการ 9.00-18.00 น. หรือโทรศัพท์มือถือ 092-459-6513 หรือทาง LINE Official Account : @superidea  

 
Read More

TOYOTA แนะนำ ชุดแต่ง“Nurburgring”

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำชุดแต่ง “Nurburgring” สำหรับโคโรลล่าอัลติส ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการลงแข่งขันที่สนามแข่งนูร์เบิร์กริง สนามแข่งรถระดับโลก ในประเทศเยอรมนี มาพร้อมความโดดเด่น สะดุดตา เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตได้ดียิ่งกว่า สำหรับโคโรลล่าอัลติส รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Sport และรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดทุกรุ่น พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ รถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทย โคโรลล่า อัลติส คือหนึ่งในตำนานของรถยนต์โตโยต้าที่การันตีด้วยคุณภาพมาแล้วมากกว่า 55 ปี นับตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด และได้ฉลองความสำเร็จยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกของโคโรลล่าครบ50 ล้านคัน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น โคโรลล่า อัลติส สามารถพิชิตสนาม         นูร์เบอร์กริง (Nurburgring) ที่ได้ชื่อว่าโหดและท้าทายสนามหนึ่งของโลก คว้าอันดับหนึ่งในรายการ ADAC Total 24h-Race Nürburgring รุ่น Super Production 3 ปี 2021 เป็นปีที่สองติดต่อกัน นับเป็นการการันตีด้วยบทพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์อันทรงพลัง ผสานกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ (Toyota New Global Architecture หรือ TNGA) ที่แข็งแกร่งและทนทาน ออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ สร้างความมั่นใจในทุกรูปแบบการขับขี่ กับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยในการแข่งขัน ได้ใช้รถรถยนต์โคโรลล่า อัลติส รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นรถ Production Car สายการผลิตในประเทศไทย ปรับแต่งอุปกรณ์บางส่วนให้ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยของการแข่งขัน ที่สำคัญเป็นการแสดงให้เห็นถึงการรักษาไว้ซึ่งพื้นฐานอันสำคัญ ทางด้านคุณภาพ (Quality) ความทนทาน (Durability) และความน่าเชื่อถือ (Reliability) ในระดับโลก  ทั้งเพียบพร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense ตลอดจน มีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงดีเยี่ยมในราคาที่คุ้มค่า และเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีความยินดีแนะนำชุดแต่ง Nurburgring ที่มาจากแรงบันดาลใจ จากความสำเร็จในการเข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับโลก กับสนามแข่งที่ขึ้นชื่อว่ามีความโหดและท้าทายสนามหนึ่งของโลก และสามารถคว้าแชมป์ 2 ปีติดต่อกัน  โดยชุดแต่งNurburgring มีการดีไซน์ให้มีความสปอร์ต พรีเมียม ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งมาพร้อม โลโก้ Nurburgring 24Hr   สเกิร์ตหน้า  สเกิร์ตด้านข้าง  สเกิร์ตหลัง  สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลัง  ชุดคอยล์สปริง  และที่สำคัญ มีการติดตั้งชุดกล่องควบคุมคันเร่งไฟฟ้า ช่วยเพิ่มการตอบสนองของอัตราเร่งให้รวดเร็วยิ่งขึ้นในขณะออกตัว  เติมเต็มอารมณ์สปอร์ต และเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ สำหรับชุดแต่ง Nurburgring สามารถติดตั้งได้ทั้งใน โคโรลล่า อัลติส รุ่น 1.8 Sport ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร และ ในรุ่น Hybrid Smart, Hybrid Premium, และ Hybrid Premium Safety ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด ที่มีแพคเกจการรับประกันรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ที่ครอบคลุมทั้งแบตเตอรี่ และระบบไฮบริด กับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับทุกรุ่น กับแพคเกจขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่จาก 3 ปี เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงในการเช็คระยะ 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาททั้งนี้ ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษสไตล์สปอร์ต สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการรับประกันโดยบริษัท ทีอาร์ดี เซลส์ (ไทยแลนด์)  สูงสุดในระยะเวลา 36 เดือน หรือระยะ 100,000 กิโลเมตร1 ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่มองหารถที่มีความคุ้มค่า โตโยต้ามีความยินดีมอบข้อเสนอสุดพิเศษ กับชุดแต่งNurburgring มูลค่า 42,000 บาท ฟรี พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care มูลค่า 31,000บาท หรือลูกค้าสามารถเลือกข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 0.29% 2   หรือเลือกรับข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 0.79% พร้อมประกันภัยชั้น 1 2 โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ” พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่ซื้อรุ่น 1.8 Sport , Hybrid Smart, Hybrid Premium, และHybrid Premium Safety ตั้งแต่วันนี้! เลือกรับฟรี! ชุดแต่ง Nurburgring มูลค่า 42,000 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 Toyota Care มูลค่า 31,000 บาท หรือ สามารถเลือกรับข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 0.29%  หรือเลือกรับข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 0.79% พร้อมประกันภัยชั้น 1 พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับทุกรุ่น กับแพคเกจขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่จาก 3 ปี เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงในการเช็คระยะ 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาท เลือกเป็นเจ้าของโคโรลล่า อัลติส พร้อมชุดแต่ง Nurburgring ได้ 6 สี 4 รุ่น สีขาวมุก Platinum White Pearl * / สีเงิน Silver Metallic / สีน้ำตาล Phantom Brown / สีดำ Attitude Black Mica / สีแดง Red  Mica Metallic / สีเทาCelestite Gray รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด Hybrid Premium Safety        เกียร์อัตโนมัติ           ราคา   1,099,000 บาท Hybrid Premium          เกียร์อัตโนมัติ           ราคา   994,000 บาท Hybrid Smart                        เกียร์อัตโนมัติ           ราคา   939,000 บาท รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Sport                      เกียร์อัตโนมัติ           ราคา   964,000 บาท  

 
Read More

MAZDA เผยคุณค่า CX-8

ครอสโอเวอร์เอสยูวีพรีเมี่ยม จากมาสด้า ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของชีวิตสะท้อนรสนิยมเหนือระดับ ปัจจุบัน หลายคนอาจกำลังมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย การขึ้นลงและเข้าออกทำได้สะดวก ขับขี่คล่องตัวทั้งในเมืองและการเดินทางไกล รองรับผู้โดยสารได้มากกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป จึงเกิดเป็นรถประเภทครอสโอเวอร์เอสยูวีขึ้นมา และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เฉกเช่น “มาสด้า” ที่ได้พัฒนารถประเภทนี้ขึ้นมาหลายรุ่น ภายใต้ชื่อตระกูล CX-Series ซึ่งรวมถึงการถือกำเนิดขึ้นมาของ CX-8 ครอสโอเวอร์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม ทั้งแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น หรือกำลังมองหารถที่โดยสารได้มากกว่า 5 ที่นั่ง ห้องโดยสารเงียบสงบ ระบบช่วงล่างมีความนุ่มนวล มีระบบความปลอดภัยสูงซึ่งในประเทศไทยถือว่ามีตัวเลือกน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่ถูกดัดแปลงหรือพัฒนามาจากโครงสร้างพื้นฐานของรถกระบะ หรือ PPV ส่งผลให้ไม่คล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมือง ผนวกกับช่วงล่างสไตล์รถกระบะ และความสูงของรถที่ส่งผลต่อความสะดวกในการขึ้น-ลงของผู้สูงอายุและเด็ก ดังนั้น CX-8 จึงเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในสังคมไทยโดยเฉพาะช่วงเวลาที่สำคัญของสมาชิกทุกคนในครอบครัวเพื่อก่อให้เกิดมิตรภาพและความอบอุ่นตลอดการเดินทาง รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-8 เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี 2562 โดยเป็นรถเจเนอเรชั่นใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟอย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานของลูกค้ามากที่สุด เพราะถูกวางตำแหน่งให้เป็น “New Era of 3-Row Crossover SUV” เป็นครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยมแบบ 3 แถว ที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีค่าไม่สิ้นสุด เป็นยนตรกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขตและไม่สิ้นสุดและเข้ามาเติมเต็มความต้องการและการใช้ชีวิตของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น 1.คุณค่าด้านความสะดวกสบาย: The Finest Craftsmanship ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบดุจงานศิลปะขั้นสูงผ่านการคัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งความโดดเด่นที่สำคัญของมาสด้า CX-8 คือเรื่องความสบายของห้องโดยสาร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง ในรุ่น 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งอย่างแท้จริง เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในแง่ของพื้นที่การใช้งาน คุณภาพของห้องโดยสาร สมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่า ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่และความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างผู้ขับขี่กับรถ ตามหลัก “Human-Centric Development” ที่พัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ที่นั่งในแถวที่ 2 และ 3 ก็สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย จึงทำให้มาสด้า CX-8 ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่ต้องการความนุ่มนวลและความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ทุกการเดินทางไกลและการขับขี่ในเมืองเต็มไปด้วยความสุข นอกจากนี้ ห้องโดยสารก็ยังมีให้เลือกถึง 2 รูปแบบ ได้แก่ ห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมอบความสะดวกสบายในทุกอิริยาบถ และห้องโดยสารแบบ 6 ที่นั่ง ที่มาพร้อมที่นั่งแถวสองแบบCaptain Seat 2 ที่นั่ง แยกอิสระซ้าย-ขวา ที่ตอบโจทย์ความภูมิฐานและความพรีเมี่ยม รวมถึงมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารทุกคน 2.คุณค่าด้านการออกแบบที่งดงาม: Elegant and Comfort in Perfect Harmony ในด้านการออกแบบที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของทุกคนในครอบครัว มาสด้า CX-8 ยังคงความประณีตพิถีพิถัน ภายใต้ปรัชญา Kodo Design: Soul of Motion ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร โดยภายในเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์แห่งความภูมิฐาน สง่างามและสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นโทนสีและวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี การเลือกใช้วัสดุแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม ผสานอย่างลงตัวกับเบาะหนัง Nappa สีแดงDeep Red ที่ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่นให้กับทุกคนในครอบครัว สำหรับภายนอกก็โดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าของรถที่โดดเด่นด้วยซิกเนเจอร์วิง การตกแต่งเสาบีและเสาซีด้วยวัสดุสีดำเปียโนและโครเมี่ยมที่ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และไฟท้ายที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมมีสีภายนอกให้เลือกมากถึง 6 สี 3.คุณค่าด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์: Thrilling Performance ที่สุดของสมรรถนะความแรงที่เปี่ยมไปด้วยพลังด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ CX-8 มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟอันเลื่องชื่อของมาสด้า ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 เครื่องยนต์ได้แก่ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร ให้พละกำลังสูงถึง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำด้วยนวัตกรรมในการส่งแรงบิดที่ยอดเยี่ยม และการทำงานที่ราบรื่นจนถึงรอบเครื่องยนต์สูง ในขณะที่มีเสียงรบกวนต่ำ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร และอีกหนึ่งเครื่องยนต์กับสกายแอคทีฟเบนซิน 2.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงถึง 194 แรงม้า แรงบิด 258 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ที่ถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม แม่นยำ และทรงพลัง ให้สมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่วและประหยัดน้ำมันได้ถึง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์ทุกรูปแบบการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการขับในเมืองหรือการขับขี่ทางไกลที่ต้องใช้ความเร็วสูงก็ตาม 4.คุณค่าการควบคุมการขับขี่จากเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMIC: More Control with Less Effort เพลิดเพลินกับทุกเส้นทางและมั่นใจในทุกการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคัน ให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทั้งความแรง ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง ให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสะเทือนจากพื้นถนน และกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ยึดเกาะถนนมั่นคง ให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยำ รวมถึงระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (GVC) ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 5.คุณค่าด้านความพร้อมของเทคโนโลยีเพื่อความเพลิดเพลิน: Your World, at Your Fingertips ก้าวสู่ความเหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง มาสด้าจึงได้ติดตั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด Mazda Connect เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ทั้งด้านธุรกิจและครอบครัว ด้วยการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือรับ-ส่ง SMS จากสมาร์ทโฟน ผ่านสัญญาณบลูทูธ พร้อมรองรับระบบ Apple CarPlay และระบบ Android Auto ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และสามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญได้ โดยแสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander และสร้างสุนทรียภาพรอบทิศทางด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง 6.คุณค่าด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย: Unconditional Confidence อีกระดับของความปลอดภัยระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ถึง 10 ระบบ ที่สามารถคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic…

 
Read More

โปรเจกต์ BMW R18 Custom

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ชวน Smiths Vintage Club สำนักมอเตอร์ไซค์คัสตอมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย มาร่วมกันจุดประกายให้กับวงการนักแต่งรถสไตล์วินเทจ ด้วยการเปิดตัวโปรเจกต์สุดพิเศษ บีเอ็มดับเบิลยู R18 Custom ต่อยอดจากรถครูซเซอร์รุ่นดั้งเดิมที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในทุกอณู BMW R18 เป็นมอเตอร์ไซค์ครูซเซอร์ดีไซน์คลาสสิกที่นำเอาดีเอ็นเอจากรถต้นแบบอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู Concept R5 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากบีเอ็มดับเบิลยู R5 รุ่นเดิมจากเมื่อกว่า 80 ปีที่แล้ว กลับมาชุบชีวิตใหม่อีกครั้งด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ เจาะตลาดกลุ่มผู้ชื่นชอบรถทรงคลาสสิก สำหรับการออกแบบตัวรถ ไม่ได้มีเพียงรูปทรงที่ดูย้อนยุคเท่านั้น แต่ยังยกมาทั้งดีไซน์ของท่อไอเสีย บังโคลนแบบคลาสสิค รวมถึงระบบต่างๆ เช่นเพลาขับเคลื่อน ซึ่งย้อนกลับไปใช้องค์ประกอบและรูปแบบในแนวเดียวกันรุ่นดั้งเดิม ในลุคใหม่ที่คุมโทนสีดำ ตัดกับความเงาของโครเมี่ยมได้อย่างลงตัว ในเมื่อบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้เชื่อมั่นในพลังของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มาตั้งแต่ปี 1923 เราจึงนำเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สองสูบที่ทรงพลังที่สุดของเราด้วยขนาด 1,802 cc มาเป็นหัวใจของบีเอ็มดับเบิลยู R18 มอบพละกำลัง 91 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที ทั้งยังผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสานกับกลิ่นอายของการขับขี่มอเตอร์ไซค์แบบคลาสสิกได้อย่างลงตัว สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R18 Custom คันพิเศษนี้ จะถูกปรับแต่งโดย Smiths Vintage Club ไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับแถวหน้าที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ชื่นชอบความวินเทจและคนรักมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ด้วยตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ก่อตั้งอย่าง “สัน–สรวิสิษฎ์ บรรจงลักษมี” ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคอมมิวนิตี้ยอดฮิตสำหรับวินเทจไบค์เกอร์ในมหานครแห่งนี้  

 
Read More

นิสสัน อัลเมร่า แนะวิธีเตรียมรถ

การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง หลังจอดนานช่วงล็อกดาวน์ มีผลทำให้รถเสียหายได้ นิสสัน อัลเมร่า แนะวิธีเตรียมรถ เมื่อเริ่มคลายล็อกดาวน์ รวมถึงได้ฉีดวัคซีนกันบ้างแล้ว หลายคนเตรียมพร้อมอยากขับรถออกเดินทาง  นิสสัน อัลเมร่า จึงขอแนะนำการดูแลรถของเรา หลังจอดทิ้งไว้ที่บ้านเป็นเวลานาน เพื่อเตรียมตัว เตรียมรถให้พร้อมออกเดินทาง ปลอดภัยตลอดทริป ตรวจสอบรถสภาพรวมเบื้องต้น ก่อนที่จะนำรถออกมาใช้งาน ตรวจสอบด้วยสายตาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่ารถของคุณไม่มีรอยรั่ว ลมยาง หรือความเสียหายอื่น ๆ นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบใต้ฝากระโปรงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีน้ำมันเครื่องรั่ว รวมถึงน้ำมันเบรกและน้ำหล่อเย็นอยู่ในระดับที่เหมาะสม เช็กน้ำมันเครื่อง หากจอดรถเป็นเวลานาน ส่วนประกอบน้ำมันหล่อลื่นจะจมลงสู่ก้นถัง จึงควรดูให้แน่ใจว่าน้ำมันเครื่องมีเพียงพอก่อนที่จะออกเดินทาง และที่สำคัญควรสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อให้แน่ใจว่าการอ่านค่าต่างๆ และการทำงานยังแม่นยำก่อนที่น้ำมันจะหมุนเวียนอีกครั้ง ทำความสะอาดกระจกและที่ปัดน้ำฝน สละเวลาเล็กน้อยดูความเรียบร้อยของกระจกรอบคัน มองหารอยแยกบนใบปัดน้ำฝนด้วย ที่ปัดน้ำฝนอาจมีใบไม้หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ ตรวจสอบกระจกว่าไม่มีรอยขีดข่วนหรือแตกร้าว เพราะการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ  อาจมีเศษฝุ่นติดอยู่ที่บานกระจก และค้างอยู่ที่ปัดน้ำฝน เจ้าของรถจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมื่อใช้งานกระจกรถจะใสสะอาด เพื่อวิสัยทัศน์ที่ดีเมื่อออกเดินทาง ตรวจเช็กสภาพยางและลมยางให้พร้อม ตรวจสอบแรงดันลมยางและดูว่ายางสามารถขับได้หรือไม่ เมื่อจอดรถนานๆ ลมยางก็อาจลดลง ทำให้ยางแบน หากคิดว่าจะต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ทางที่ดีรถอาจควรเติมลมให้มากกว่าปกติ ประมาณ 5-10 PSI ก่อนนำรถไปจอดทิ้งไว้ กรณีที่ต้องจอดทิ้งไว้นานเกิน 1 เดือน ควรใช้แม่แรงยกรถให้สูงจากตัวพื้นทิ้งไว้เลย เพื่อป้องกันยางเสียรูป สัญญาณไฟ ไฟส่องสว่างของรถยนต์นั้นมีความสำคัญในการเดินทางเป็นอย่างมาก ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ของคุณให้ดียิ่งขึ้น ป้องกันอุบัติเหตุ ในบางครั้งเรายังจำเป็นต้องใช้สัญญาณไฟเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทางอีกด้วย ฉะนั้น เราจึงควรตรวจสอบหลอดไฟรอบคันว่าติดครบทุกดวง มีหลอดไฟขาดหรือไม่ ถ้าหลอดไฟขาดให้ทำการถอดเปลี่ยน ภายในรถ และแผงหน้าปัด ตรวจสอบการใช้งานกุญแจรถหรือปุ่มสตาร์ท และตรวจสอบไฟที่แผงหน้าปัด หากไฟไม่ติด แสดงว่าแบตเตอรี่หมด หรือมีขั้วต่อหลวมอยู่ใต้ฝากระโปรง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็ถึงเวลาสตาร์ทรถแล้ว สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า ถือเป็นรถซีดานอัจฉริยะให้ความคล่องตัว ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร ตอบโจทย์การขับขี่ด้านการเร่งแซงที่ตอบสนองทันใจ  รวมถึงการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ภายในกว้างขวาง นั่งสบายที่เป็นมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงครบครัน เทียบเท่ารถยนต์ในเซ็กเมนต์ระดับพรีเมียม พร้อมดูแลความปลอดภัยไปกับคุณทุกเส้นทาง โดยล่าสุดยังได้เปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ “อัลเมร่า สปอร์ตเทค” ที่เพิ่มความสปอร์ตและพรีเมียม ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งลูกค้าที่สนใจ สอบถามเพิ่มเติมที่โชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Nissan Call Center หมายเลข 02 401 9600  นอกจากการเช็กสภาพรถเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้ว อย่าลืมนำรถของคุณตรวจเช็กสภาพรถยนต์จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงหรือการบำรุงรักษาตามระยะทางเมื่อครบกำหนดเวลา  สำหรับลูกค้านิสสัน สามารถนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการนิสสัน ทั่วประเทศ ซึ่งทางนิสสันได้มีการผ่อนผันโยบายการรับประกันรถยนต์ และการบำรุงรักษาตามระยะในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องลดการเดินทางและการใช้รถยนต์อีกด้วย ดูรายละเอียดได้ที่https://bit.ly/3kJ0hIf  

 
Read More

Toyota Gazoo Racing GT Cup 2021 Thailand

ในรอบคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย Toyota Gazoo Racing GT Cup 2021 โตโยต้า ประกาศผลผู้ชนะการแข่งขัน พร้อมสนับสนุนกีฬา e-Motorsports สู่การแข่งขันระดับโลก คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬา e-Motrorsports ที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย ในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเสมือนจริง “Toyota Gazoo Racing GT Cup 2021 Thailand” เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันระดับเอเซียแปซิฟิค ณ Toyota Driving Experience Park บางนา กม.3 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีนโยบายส่งเสริม และสนับสนุนการกีฬาของประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการสนับสนุนนักกีฬา ตั้งแต่ระดับเยาวชนต่อเนื่องไปจนถึงนักกีฬาระดับอาชีพ รวมไปถึงการเป็นผู้จัดการแข่งขัน และหนึ่งในนั้นคือกีฬา Motor Sport ที่โตโยต้าเป็นผู้บุกเบิกในประเทศไทย มากว่า 35 ปี ด้วยวัตถุประสงค์ในการสร้างประสบการณ์อันสนุกสนาน ให้แก่ผู้รักกีฬา Motor Sport พร้อมความมุ่งมั่นที่จะยกระดับวงการ Motor Sport ของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย  ส่งผลให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการ Motor Sport ของไทยได้อย่างแท้จริง คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน กล่าวว่า “โตโยต้ามีความเกี่ยวข้องกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาโตโยต้าทั่วโลกในการ “พัฒนายนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” ตามแนวคิดที่ว่า “ถนนฝึกฝนคน และคนสร้างรถ” หรือ “Roads build people, and people build cars” จากแนวคิดดังกล่าวของ Toyota Gazoo Racing ได้เปิดมุมมองในการผลิตรถยนต์ให้เหนือความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งความคิดริเริ่มนี้ได้รับการถ่ายทอดมาจาก DNA ของมอเตอร์สปอร์ตเพื่อส่งต่อไปยังการพัฒนารถยนต์รุ่นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น GR Series ในวันนี้โตโยต้าได้ต่อยอดความสำเร็จสู่วงการ  e-Motorsports เพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์โลก พร้อมเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ผู้มีความชื่นชอบในกีฬาแข่งรถ ได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้น    เร้าใจ กับความท้าทายใหม่ๆ ในโลกเสมือนจริง ภายใต้กิจกรรม e-Motorsports ของ ผ่านการแข่งขัน Toyota Gazoo Racing GT Cup 2021 ในเกม Gran Turismo Sport บน Play Station 4 และ 5 ด้วยการทดสอบสมรรถนะ ความสมดุล และความคล่องตัวของรถ Toyota GR ในหลากหลายรุ่น อาทิ รถสปอร์ตในตำนาน Toyota GR Supra หรือ รถสปอร์ตสายพันธุ์แชมป์แรลลี่โลก Toyota GR Yaris จนสามารถหานักแข่งที่ทำคะแนนสะสมได้สูงสุด  3 คน เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันระดับ Asia pacific ในเดือนตุลาคม พร้อมรับเงินรางวัลพิเศษ รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60,000 บาท”  การแข่งขัน e-Motorsports ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของ Toyota Gazoo Racing ซึ่งนำความเร้าใจมาสู่ผู้ที่ชื่นชอบรถและความตื่นเต้นให้กับผู้คนที่มองหาความท้าทายใหม่ๆ ในโลกเสมือนจริง และยังเป็นการสร้างประสบการณ์ และการเรียนรู้แบบ Real time จากกิจกรรม Motor sport ของ TOYOTA GAZOO Racing ผ่านระบบออนไลน์ สำหรับการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ คือการแข่งขันในรูปแบบ One Make Race ในเกมส์ Gran Turismo Sport ของเครื่องPlayStation 4 และ 5 ซึ่งการแข่งขันชิงแชมป์ระดับประเทศนั้น จัดขึ้นใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดียมาเลเซีย รวมถึง 3 ประเทศใหม่ที่เข้าร่วมแข่งขันในปีนี้ คือ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และพม่า โดยผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือกในระดับประเทศ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันในระดับ Asia Pacific และระดับโลกในลำดับต่อไป สำหรับรายการ GR Supra GT Cup ถือเป็นรายการแข่งขันที่เฟ้นหานักแข่งรถในโลกเสมือนจริงที่มีฝีมือดีที่สุด รวมถึงยังเป็นรายการที่ได้รับความนิยมจากแฟนมอเตอร์สปอร์ต และ Gamer ตัวยงจากทั่วโลก มารวมตัวกันเพื่อสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์กับโตโยต้าซึ่งในปีที่ผ่านมามีผู้เข้าชมการแข่งขันจากทั่วโลกกว่า 2.7 ล้านครั้ง ผลการแข่งขันกีฬา e-Motrorsports รอบคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย…

 
Read More

ตลาดรถยนต์สิงหาคมอยู่ในช่วง Low season ยอดลดลง 38.8%

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม 2564 มีปริมาณการขาย 42,176 คัน ลดลง 38.8% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 35% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสืบเนื่องจากความวิตกกังวลต่อภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นการระบาดของสายพันธุ์ Delta ที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 (ศบค.)ขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดมากขึ้น เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และภาคธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้ผูบริโภคส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ภายในประเทศและรัดกุมเรื่องการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วง Low season ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการขายรถยนต์อีกด้วย          ตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 รวมทั้งการออกมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ต้องชะลอ หรือเลื่อนกำหนดการออกไป รวมไปถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทำให้ประชาชนเดือดร้อนด้วยหลายเหตุปัจจัยต่างๆ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และกระทบความสามารถในการซื้อรถยนต์ของลูกค้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดียังมีความหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้นจากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา และการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 รวมทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ฟื้นคืนกลับมาโดยเร็ว คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2564 ชะลอตัวทุกเซ็กเมนท์ในช่วง Low Season โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 42,176 คันลดลง 38.8%ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 13,845 คัน ลดลง 35% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 28,331 คัน ลดลง 40.5% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 21,875 คัน ลดลง 40.9% ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2564 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 42,176 คัน ลดลง 38.8% อันดับที่ 1 โตโยต้า     12,364 คัน   ลดลง        42.8% ส่วนแบ่งตลาด 29.3% อันดับที่ 2 อีซูซุ         11,035 คัน   ลดลง        33.4%   ส่วนแบ่งตลาด 26.2% อันดับที่ 3 ฮอนด้า      5,345 คัน    ลดลง        37.9%     ส่วนแบ่งตลาด 12.7% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 13,845 คัน ลดลง 35% อันดับที่ 1 ฮอนด้า       4,906 คัน    ลดลง       30.9%        ส่วนแบ่งตลาด 35.4% อันดับที่ 2 โตโยต้า     3,694 คัน    ลดลง       30.0%   ส่วนแบ่งตลาด 26.7% อันดับที่ 3 มาสด้า      1,061 คัน    ลดลง       49.6%   ส่วนแบ่งตลาด  7.7% 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,331 คัน ลดลง 40.5% อันดับที่ 1 อีซูซุ         11,035 คัน   ลดลง       33.4%      ส่วนแบ่งตลาด 39.0% อันดับที่ 2 โตโยต้า     8,670 คัน    ลดลง      46.9%       ส่วนแบ่งตลาด 30.6% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       2,012 คัน    ลดลง      23.3%       ส่วนแบ่งตลาด  7.1% 4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 21,875 คัน ลดลง 40.9% อันดับที่ 1 อีซูซุ         9,638 คัน     ลดลง     36.9%       ส่วนแบ่งตลาด 44.1% อันดับที่ 2 โตโยต้า     7,754 คัน    ลดลง     42.8%       ส่วนแบ่งตลาด 35.4% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       2,012 คัน    ลดลง     23.3%       ส่วนแบ่งตลาด  9.2% ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,487 คัน          โตโยต้า 1,114 คัน – อีซูซุ 687 คัน – มิตซูบิชิ 278 คัน – ฟอร์ด 250  คัน – นิสสัน 158 คัน 5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,388 คัน ลดลง 41.7% อันดับที่ 1 อีซูซุ         8,951 คัน     ลดลง       39.8%      ส่วนแบ่งตลาด 46.2% อันดับที่ 2 โตโยต้า     6,640 คัน    ลดลง       43.8%      ส่วนแบ่งตลาด 34.2% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       1,762 คัน    ลดลง      15.7%       ส่วนแบ่งตลาด  9.1%                สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2564 1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 467,809 คัน เพิ่มขึ้น 2.4%                             อันดับที่ 1 โตโยต้า     146,589 คัน เพิ่มขึ้น        9.9%     ส่วนแบ่งตลาด 31.3% อันดับที่ 2 อีซูซุ         117,880 คัน เพิ่มขึ้น        9.1%  ส่วนแบ่งตลาด  25.2% อันดับที่ 3 ฮอนด้า      55,018 คัน  ลดลง          1.7%     ส่วนแบ่งตลาด 11.8% 2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 150,885 คัน ลดลง 5.4%                                  อันดับที่ 1 ฮอนด้า      47,557 คัน  เพิ่มขึ้น       1.5%      ส่วนแบ่งตลาด 31.5% อันดับที่ 2 โตโยต้า     37,864 คัน  ลดลง        5.9%       ส่วนแบ่งตลาด 25.1% อันดับที่ 3 มาสด้า      13,235 คัน  ลดลง        9.4%       ส่วนแบ่งตลาด  8.8% 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 316,924 คัน เพิ่มขึ้น 6.6%                             อันดับที่ 1 อีซูซุ         117,880 คัน เพิ่มขึ้น      9.1%       ส่วนแบ่งตลาด 37.2% อันดับที่ 2 โตโยต้า     108,725 คัน เพิ่มขึ้น     16.7%     ส่วนแบ่งตลาด 34.3% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       20,429 คัน  เพิ่มขึ้น     24.1%     ส่วนแบ่งตลาด  6.4% 4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ PPV) ปริมาณการขาย 246,625 คัน เพิ่มขึ้น4.4%                             อันดับที่ 1 อีซูซุ         107,060 คัน เพิ่มขึ้น       6.9%      ส่วนแบ่งตลาด 43.4% อันดับที่ 2 โตโยต้า     92,458 คัน   เพิ่มขึ้น      15.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.5% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       20,429 คัน   เพิ่มขึ้น      24.1% ส่วนแบ่งตลาด  8.3%          ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 33,123 คัน          โตโยต้า 14,525 คัน – อีซูซุ 11,022 คัน – มิตซูบิชิ 4,204 คัน – ฟอร์ด 3,015 คัน – นิสสัน 357 คัน 5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 213,502 คัน เพิ่มขึ้น 0.5% อันดับที่ 1 อีซูซุ         96,038 คัน   ลดลง          0.3%     ส่วนแบ่งตลาด 45.0% อันดับที่ 2 โตโยต้า     77,933 คัน   เพิ่มขึ้น        9.9%     ส่วนแบ่งตลาด 36.5% อันดับที่ 3 ฟอร์ด       17,414 คัน   เพิ่มขึ้น      30.0%     ส่วนแบ่งตลาด  8.2%     …

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed