บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเวทีการประกวด Miss Universe Thailand 2021 เวทีแห่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ของสาวไทย ชวนสาวงาม 30 คนสุดท้าย ถ่ายทอดความเป็นตัวตนและเผยพลังแห่ง Passion ไปกับรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่ยกระดับในทุกมิติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมช่วงเก็บตัว ก่อนที่สาวงามผู้ครองมงกุฏ Miss Universe Thailand 2021 จะได้รับเป็นหนึ่งในของรางวัลในการประกวดรอบตัดสินในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 นี้ โดยทางฮอนด้าได้เตรียมรางวัลสำหรับสาวงามผู้ชนะการประกวดในปีนี้ คือ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชัน ที่ 11 รุ่นRS สีขาวแพลทินัม (มุก) มูลค่า 1,209,900 บาท ไอคอนยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ทุกรุ่นมาพร้อมขุมพลังเทอร์โบ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายเกินคลาส และครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานและเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายอันล้ำสมัย สะท้อนความเป็นตัวตนของคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจได้อย่างชัดเจนสอดคล้องกับแนวคิดการประกวด Miss Universe Thailand 2021 ในปีนี้ ซึ่งก็คือ “Power of Passion” ที่ต้องการเฟ้นหา“สตรีผู้ทรงพลัง สู่เส้นทางแห่งชัยชนะ” เพื่อเป็นตัวแทนสาวไทยเพียงหนึ่งเดียวไปแสดงศักยภาพและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศบนเวทีระดับโลก ฮอนด้าขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจให้กับสาวงามผู้เข้ารอบทั้ง 30 คน เพื่อก้าวต่อไปด้วย “พลังแห่งความฝัน” หรือ “The Power of Dreams” บนเส้นทางอันยิ่งใหญ่ เพื่อคว้าชัยและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงไทยทุกคนต่อไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ได้ที่ https://www.honda.co.th/civic #PowerofPassion #HondaThePowerofDreams
Month: October 2021
ยามาฮ่า สานต่อโครงการ Blood Hero ปี 2
แท็กทีม สภากาชาด ปลุกพลังซูเปอร์ฮีโร่ กู้วิกฤติขาดแคลนโลหิต โดย คุณพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ที่ปรึกษาคณะบริหาร และนายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมกันมอบเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท ให้กับสภากาชาดไทยโดยมี รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และ ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธินประธานคณะอนุกรรมการรณรงค์เพิ่มผู้บริจาคโลหิตเป็นผู้รับมอบ โดย สภากาชาดไทยจะนำเงินบริจาคดังกล่าวไปจัดทำเสื้อในโครงการ BLOOD HERO ปี 2 เป็นการกระตุ้นและเชิญชวนให้ชาวไทยร่วมกันบริจาคโลหิต เพื่อส่งมอบให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับโลหิตในการผ่าตัดต่างๆ รวมถึงการรักษาผู้ป่วยที่มีการสูญเสียโลหิตอย่างเฉียบพลัน ซึ่งการรักษาผู้ป่วยต้องมีโลหิตสำรองอย่างเพียงพอระหว่างการผ่าตัด เนื่องด้วยภาวะวิกฤติโลหิตขาดแคลนทั่วประเทศสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบทำให้จำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จึงได้ร่วมมือกับศูนย์โลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย บริจาคเงินจำนวน 500,000 บาท ในการจัดทำเสื้อทีเชิร์ต BLOOD HERO ปี 2 รุ่น Limited Edition ปลุกพลังซูเปอร์ฮีโร่ เพื่อมอบให้กับผู้ที่มาร่วมบริจาคโลหิตกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์, หน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต, ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง และโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต 170 แห่ง ทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสำรองโลหิตในการรักษาผู้ป่วยจึงได้มีการจัดให้พนักงานภายในองค์กรยามาฮ่า ได้ร่วมกันบริจาคโลหิตกับสภากาชาดไทยมาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 3 ครั้งมากว่า 30 ปี อนึ่ง การมอบเงินบริจาคในโครงการ BLOOD HERO ปี 2 ปลุกพลัง ซูเปอร์ฮีโร่ ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการ “ยามาฮ่า ร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย COVID-19” มีขึ้น ณ สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ
บริดจสโตน ผู้นำตลาดยางรถยนต์ตัวจริง
บริดจสโตน ตอกย้ำความเป็นที่สุดในการเป็นผู้นำตลาดยางรถยนต์ตัวจริง คว้ารางวัล “แบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทย” ประเภทยางรถยนต์ หรือ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ซึ่งเป็นผลจากการสํารวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วประเทศ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย คุณบัณฑิต จันทรคณา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดปฏิบัติการ รับรางวัลเกียรติยศ “แบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทย” ประเภทยางรถยนต์ หรือ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” ซึ่งมาจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดยนิตยสาร Marketeer ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งของแบรนด์บริดจสโตนที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนาน ด้วยเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นด้านการเดินทางอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “โซลูชั่นของทุกจุดหมายที่แตกต่าง หรือ Solutions for Your Journey” โดยได้กล่าวว่า “บริดจสโตนมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ (Customer-Centric) ในการรับฟังความต้องการ ศึกษาพฤติกรรมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นผ่านนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ตรงกับความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภค จึงทำให้บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นอันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภคชาวไทย บริดจสโตนขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่น และมอบความไว้วางใจในแบรนด์บริดจสโตนเสมอมา ทั้งนี้ บริดจสโตนยังคงดำเนินพันธกิจเหล่านี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยต่อไป” อ้างอิงจากผลสำรวจของ บริษัท Kadence International (Thailand) และ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง มูฟ จำกัด ในการสำรวจความนิยมในสินค้าและบริการประเภทต่างๆ ของผู้บริโภคชาวไทยในปีล่าสุด
MOTOR EXPO 2021
มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์-TIME to ENJOY!” โดย “IMC สื่อสากล” เผยแนวคิด “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” เน้นจุดเด่นเป็นงานที่สร้างความสุขให้คนรักยานยนต์ คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” กล่าวถึงแนวคิดของงานปีนี้ว่า เนื่องจากยานยนต์มีองค์ประกอบที่น่าชม และน่าศึกษามากมาย ทั้งรูปลักษณ์ เครื่องยนต์ สมรรถนะอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดคนรักยานยนต์ ขณะที่ความสุขของคนรักยานยนต์ ก็กว้างขวาง หลากหลาย ตามรสนิยม และความสนใจของแต่ละคน เช่น อาจเกิดจากการได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด การพินิจพิจารณาเฉพาะส่วนที่หลงใหลเป็นพิเศษ การทดลองขับขี่ รวมถึงการครอบครองเป็นเจ้าของ ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ “มหกรรมยานยนต์” ที่รวบรวมยานยนต์ทุกประเภทมาจัดแสดง เพื่อให้ชม สัมผัส ลองขับ และเลือกซื้อ จึงเป็นงานที่เหล่าคนรักยานยนต์รอคอย ยิ่งไปกว่านั้น “มหกรรมยานยนต์” ยังเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามประสาคนคอเดียวกัน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก เต็มเปี่ยมด้วยความสุข บริษัทฯ จึงกำหนดแนวคิดของ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” ให้สอดคล้องกับลักษณะงาน และความหมายของ“TIME” คำย่อชื่องานในภาษาอังกฤษ (TIME: THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO) ว่า “มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์–TIME to ENJOY!” งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.motorexpo.co.th
New Honda CBR500R จัดเต็มฟีเจอร์ระดับท็อปคลาส
มาดเท่ บาดใจสายสปอร์ตตัวจริง เพราะหากพูดถึงรถบิ๊กไบค์สายสปอร์ตที่เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสการขับขี่บิ๊กไบค์ในเมืองไทย คงหนีไม่พ้นสปอร์ตไบค์สุดเท่อย่างฮอนด้า CBR500R จากตระกูล 500 Series ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2013 เป็นรถสปอร์ตพิกัดกลาง ที่ขับขี่สนุกควบคุมง่ายเหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกของบิ๊กไบค์ หลังจากนั้นมา CBR500R ก็ได้รับการปรับโฉมพร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นรถที่โดนใจไบค์เกอร์ทั้งในเมืองไทย และทั่วโลกเป็นอย่างมาก ล่าสุดในปี 2021 ทางฮอนด้าบิ๊กไบค์ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว New CBR500R ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาสู่รถรุ่นนี้แบบเต็มพิกัดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยการติดตั้งโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 41 มม. และดิสก์เบรกหน้าคู่ ถือเป็นครั้งแรกของบิ๊กไบค์ในคลาสนี้ ที่มาพร้อมสเปคระดับเดียวกับรถซูเปอร์ไบค์ เมื่อรวมกับลวดลายกราฟิกที่ออกแบบใหม่ล่าสุด ยิ่งทำให้ New CBR500R ดูมีความดุดันในทุกมุม และยังมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีขึ้นไปสู่อีกระดับ ที่สำคัญ แม้จะมีอุปกรณ์ใหม่ๆ เข้ามา แต่น้ำหนักกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย เพราะฮอนด้าได้มีการออกแบบ สวิงอาร์ม และล้อแม็ก ให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิมเพื่อให้สมดุล กับน้ำหนักโดยรวม ของรถ แต่ไม่สูญเสีย ความแข็งแรงแต่อย่างใด รักษาจุดเด่นในเรื่องการเป็นรถที่ควบคุมง่ายได้เหมือนเดิม New CBR500R ยังได้รับการอัพเกรดในส่วนของไฟหน้าคู่แบบ LED ที่มีการปรับความสว่าง ให้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 25% ทำให้การขับขี่ในเวลากลางคืนมีความปลอดภัยมากขึ้น และยังติดตั้ง Assist Slipper Clutch ที่ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะเปลี่ยนเกียร์ เพื่อความนุ่มนวล และความต่อเนื่องของการขับขี่ ในด้านของสมรรถนะ New CBR500R ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้แรงบิดที่ดีตั้งแต่ออกตัว ในขณะที่ดิสก์หน้าคู่ที่ติดตั้งเข้ามาใหม่จะทำงานร่วมกับ คาลิปเปอร์แบบ Radial Mount 4 Pots และระบบเบรกแบบ ABS อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์ของความเป็นซูเปอร์สปอร์ตตัวจริง ก็คือตำแหน่งท่านั่ง ด้วยเบาะนั่งที่ไม่สูงมาก…
บริดจสโตน ผู้นำตลาดยางรถยนต์ตัวจริง
บริดจสโตน ตอกย้ำความเป็นที่สุดในการเป็นผู้นำตลาดยางรถยนต์ตัวจริง คว้ารางวัล “แบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทย” ประเภทยางรถยนต์ หรือ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ซึ่งเป็นผลจากการสํารวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วประเทศ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย คุณบัณฑิต จันทรคณา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดปฏิบัติการ รับรางวัลเกียรติยศ “แบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทย” ประเภทยางรถยนต์ หรือ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” ซึ่งมาจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดยนิตยสาร Marketeer ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งของแบรนด์บริดจสโตนที่สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนาน ด้วยเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นด้านการเดินทางอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “โซลูชั่นของทุกจุดหมายที่แตกต่าง หรือ Solutions for Your Journey” บริดจสโตนมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจโดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ (Customer-Centric) ในการรับฟังความต้องการ ศึกษาพฤติกรรมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นผ่านนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ตรงกับความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภค จึงทำให้บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นอันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภคชาวไทย บริดจสโตนขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่น และมอบความไว้วางใจในแบรนด์บริดจสโตนเสมอมาทั้งนี้ บริดจสโตนยังคงดำเนินพันธกิจเหล่านี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยต่อไป” อ้างอิงจากผลสำรวจของ บริษัท Kadence International (Thailand) และ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง มูฟ จำกัด ในการสำรวจความนิยมในสินค้าและบริการประเภทต่างๆ ของผู้บริโภคชาวไทยในปีล่าสุด
เชลล์ เปิดตัวโครงการ “ขับรถบรรทุกปลอดภัย สร้างทักษะใหม่กับเชลล์”
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านพลังงานและน้ำมันระดับโลก สานต่อเจตนารมณ์การอยู่เคียงข้างคนไทยผสานกำลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เปิดตัวโครงการ “ขับรถบรรทุกปลอดภัย สร้างทักษะใหม่กับเชลล์” หรือ “ Shell Road Safety Skills Training” เป็นโครงการอบรมการขับรถบรรทุกปลอดภัยเพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะผู้ขับรถบรรทุกตามมาตรฐานสากลสอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมบริการขนส่งสินค้าทางถนน และส่งเสริมให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืน เปิดการอบรมฟรีให้กับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวน 500 คน ซึ่งจะได้รับการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตามหลักสูตรการสอนขับรถเพื่อการขนส่งจาก “โรงเรียนสอนขับรถทักษะพิพัฒน์” ภายใต้การดูแลของบริษัท เอสซีจีโลจิสติกส์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งอยู่ภายใต้การรับรองจากกรมการขนส่งทางบกโครงการ “ขับรถบรรทุกปลอดภัย สร้างทักษะใหม่กับเชลล์” จะเริ่มเปิดรับสมัครในวันที่ 15 ตุลาคม 2564 –31 ธันวาคม2564 หรือจนกว่าจะมีผู้สมัครครบจำนวน คุณปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์ตระหนักดีถึงความสำคัญของผู้ขับรถบรรทุกผู้เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ขับรถบรรทุก และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งมีกิจกรรมหลายอย่างอย่างต่อเนื่องมาหลายปี อย่างไรก็ตามในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 นี้ เชลล์นอกจากจะให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพกับหลายๆ หน่วยงานแล้ว เรายังตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของภาคสังคมจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงได้ริ่เริ่มจัดโครงการ “ขับรถบรรทุกปลอดภัย สร้างทักษะใหม่กับเชลล์” ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก และ เอสซีจี กรุ๊ป เป็นการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ “Powering Progress” ด้วยการผนึกความร่วมมือและสร้างคุณค่าให้กับพันธมิตรทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายสำคัญคืออบรมและพัฒนาศักยภาพด้านทักษะการขับรถบรรทุกเพื่อการขนส่งในระดับต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้สังคมไทยปลอดภัยและพัฒนาศักยภาพของผู้ขับรถบรรทุกตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว โครงการนี้จะช่วยยกระดับทักษะให้กับผู้ที่มีพื้นฐานขับรถบรรทุกตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมถึงเปิดโอกาสให้กับบุคคลทั่วไปซึ่งมีใบขับขี่รถยนต์และได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ก็สามารถสมัครเข้าร่วมการอบรม เพื่อสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับตนเองในอนาคตได้อีกด้วย” รายละเอียดการฝึกอบรมมี 2 หลักสูตร คือ 1.หลักสูตรสอนขับรถขนส่งสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถขนส่งชนิดที่ 2 ผู้สมัครต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ชนิดที่ 1 มาแล้ว เพื่อให้สามารถขับรถเพื่อขนส่งทางการค้า และใช้ขนส่งเพื่อรับจ้างหรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้รวมเวลาเรียน 30 ชั่วโมง และ 2.หลักสูตรการสอนขับรถขนส่งสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถขนส่งชนิดที่ 3 ซึ่งต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถขนส่งชนิดที่ 2 มาแล้ว รวมเวลาเรียน 26 ชั่วโมง ผู้เข้าอบรมจะได้รับการอบรมและสอบใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถขนส่งทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีรวมเวลา 4 วันพร้อมที่พักและอาหารฟรี ที่โรงเรียนสอนขับรถทักษะพิพัฒน์ จังหวัดสระบุรี เริ่มฝึกอบรมตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและสมัครได้ที่ โทร. 098-8321525 หรือ line add @shellroadsafety ตั้งแต่วันที่15 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564 หรือ จนกว่าจะมีผู้สมัครครบจำนวน
“อีซูซุ” มอบความห่วงใย
อีซูซุ จัดแคมเพจ์นบริการหลังการขายช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ กลุ่มตรีเพชรโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยเหลือลูกค้าอีซูซุที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อีซูซุจึงขอมอบส่วนลดค่าแรงและค่าอะไหล่ 30% (ยกเว้น อุปกรณ์ประดับยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์ และยางรถยนต์) พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี ให้กับรถอีซูซุที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 พฤศจิกายน 2564 ที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ” ลูกค้าอีซูซุสามารถนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการอีซูซุทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ 0-2118-0777 ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai
ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์
อีซูซุเดินหน้าลุยตลาดรถช่วงปลายปี โชว์ศักยภาพ “ใหม่! พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” เผยโฉมรถรุ่นใหม่ครบทุกรุ่นเข้มขึ้น ดุขึ้น นำโดย “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์” ตอกย้ำตัวตนใหม่ภายใต้แนวคิด “MY NEW ID..MY NEW ISUZU D-MAX” ขับเคลื่อนความสมบูรณ์แบบในทุกองศา มาพร้อมเอกลักษณ์ สีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก “ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์” แรงทะลุไมล์…เร้าใจสไตล์เอ็กซ์ ปรับเพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น และรถอเนกประสงค์สุดหรู “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ที่เติมเต็มฟังก์ชั่นความปลอดภัยใหม่ในระบบ ADAS โดย “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์” และ “ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์” มีกำหนดเปิดตัวตนใหม่ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมศกนี้ และ “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมศกนี้ เป็นต้นไป ณ โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ กลุ่มตรีเพชร โดย มร.โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “รถใหม่ในปลายปีนี้ของอีซูซุเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ที่มีการปรับโฉมใหม่ให้เข้มขึ้น ดุขึ้น เริ่มจากอีซูซุดีแมคซ์ ยอดยนตรกรรมปิกอัพระดับ Top Class ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นรถที่มีการพัฒนาแบบไร้ขีดจำกัด สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในทุกครั้งที่มีการแนะนำรถรุ่นใหม่ และยังคงกระแส “ดีแมคซ์ฟีเวอร์” นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย ต่อเนื่องถึงการเปิดตัว “ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ…พลิกโลก” เมื่อปลายปี พ.ศ. 2562 หรือแม้แต่ปัจจุบันที่ตลาดรถยนต์หดตัวลงจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อรถยากขึ้น อีซูซุดีแมคซ์ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้ใช้รถในเมืองไทยเนื่องจากความโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะ ความคุ้มค่าเงินสูงสุดและภาพลักษณ์ใหม่ซึ่งดูทันสมัย สำหรับรถปิกอัพรุ่นล่าสุด “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “MY NEW ID..MY NEW ISUZU D-MAX” ตัวตนใหม่ที่เป็นคุณ ด้วยการเลือกรถคู่ใจที่ช่วยค้นหาตัวตนใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด พร้อมสนุกไปกับการใช้ชีวิตที่มีความหลากหลายควบคู่ไปกับการใช้งานได้อเนกประสงค์ โดยมาพร้อมสีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก ที่มีคุณสมบัติพิเศษให้มุมมองสีหลากหลายมิติ ไล่ระดับจากเทาประกายมุกจรดเทาเข้ม แตกต่างตามมุมตกกระทบของแสง น่าค้นหา ท้าทายทุกสายตา ซึ่งสีพิเศษนี้มีให้เลือกใน “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์” ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังมี “ใหม่! อีซูซุเอ็กซ์–ซีรี่ส์” ปิกอัพสไตล์สปอร์ตเท่ที่มาพร้อมชุดแต่งจัดเต็ม ซึ่งครั้งนี้ได้เพิ่มความสปอร์ตให้โดดเด่นยิ่งขึ้นอีก ทั้งในรุ่น SPEED ให้อารมณ์เรซซิ่งสุดร้อนแรง และรุ่น HI-LANDER สปอร์ตพรีเมี่ยม แฝงเรซซิ่งสปิริตภายใต้ความเรียบหรู สะดวกสบาย และ “ออลนิว อีซูซุมิว–เอ็กซ์” ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้น ตลอดจนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) โดยเพิ่มเติมฟังก์ชั่นความปลอดภัย ใหม่! Turn Assist with AEB ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา อีกขั้นของความมั่นใจในทุกการเดินทาง โดยรถแต่ละรุ่นจะเปิดตัวต่อเนื่องตลอดเดือนตุลาคม” “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” ได้รับการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างกันในแต่ละรุ่น สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่แห่งความสปอร์ตหรู ยกระดับความพรีเมี่ยม สู่มาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ TOP CLASS สีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก นอกจากนี้ยังมีจุดปรับเปลี่ยนพิเศษในแต่ละรุ่น ได้แก่ รถธงรุ่นล่าสุด ใหม่! อีซูซุวี-ครอส 4×4 (NEW! ISUZU V-CROSS 4×4) พรีเมี่ยมสปอร์ตออฟโรดที่มาพร้อมความแรงจัด ขับสนุกเร้าใจของเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เติมเต็มความเข้มดุสไตล์สปอร์ตทรงพลังในทุกมิติของรถด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทน สีเทาดำ และ Black Chrome พร้อมไฟท้าย ดีไซน์โทนสีเข้ม ใหม่! Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคันที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง Fender Lip, Robust Extender เพิ่มความดุดัน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่! แบบ Robust Radius สี Matte Black ห้องโดยสารอารมณ์ใหม่ ผสานความเท่ สปอร์ต และหรูหรา ด้วยดีไซน์ High-Class & Sporty เน้นสีแบบทูโทน ดำ-น้ำตาลคอนโซลหน้าสีดำ เบาะคู่หน้าดีไซน์ใหม่ เดินด้ายสีน้ำตาลอย่างพิถีพิถัน และพวงมาลัยสัมผัสใหม่ สีทูโทน พร้อมออกแบบให้มิติห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่อ่า แบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู ที่เติมเต็มอารมณ์ด้วยวัสดุตกแต่งพรีเมี่ยม สี Brown Cafe และ Satin Silver เพิ่มความสปอร์ตหรู เหนือระดับไปอีกขั้น และจัดวางสิ่งอำนวยสะดวกสบายตามหลัก Usability Design เน้นการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบของ ISUZU Ultimate Entertainment ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ (NEW! ISUZU D-MAX) รุ่น CAB 4, HI-LANDER และ SPACECAB เอกลักษณ์แห่งดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ตอบรับทุกเป้าหมาย ทุกการใช้งานในทุกด้านของการใช้ชีวิต เท่ เต็มอารมณ์สปอร์ต ด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทน สี Chrome และ Dark…
BMW รุ่นพิเศษ R nineT Urban G/S “40 Years GS Edition”
หลังจากเปิดตัวตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ไปได้ไม่นาน บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เอาใจแฟน ๆ บิ๊กไบค์ในไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในตระกูล GS กับตำนานแห่งการทัวร์ริ่งในแบบเอ็นดูโร ด้วยการเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S รุ่น “40 Years GS Edition” มอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษในดีไซน์เฉพาะที่ผสานสีดำและสีเหลืองได้อย่างโดดเด่น ซึ่งนำมาสู่ตลาดไทยเพียง 9 คันเท่านั้นพร้อมให้จับจองได้แล้วที่ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ มร.มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ตระกูล GS เป็นรุ่นที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก จากแอฟริกาสู่เอเชียกลาง ในฐานะผู้บุกเบิกรถมอเตอร์ไซค์แบบดูอัลสปอร์ต ทั้งยังเปี่ยมด้วยความแข็งแกร่ง รูปลักษณ์อันทรงพลังและโดดเด่น เหมาะกับการขับขี่ในทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นออฟโรดและบนท้องถนน ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยูตระกูล GS เป็นที่รู้จักในฐานะมอเตอร์ไซค์ที่ให้ประสบการณ์แห่งความท้าทายและค้นหาการผจญภัยครั้งใหม่ ๆถือเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับนักแสวงหาตัวจริง และยังครองใจนักบิดชาวไทยสายแอดเวนเจอร์อีกด้วย เพื่อเฉลิมฉลองการผจญภัยตลอดสี่ทศวรรษซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราได้ชื่นชมกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล GS ที่นำไปสู่การเดินทางอันน่าจดจำ และสร้างแรงบันดาลใจในการผจญภัยอย่างต่อเนื่อง จนขับเคลื่อนสู่การขับขี่ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย จึงนำตำนานแห่ง GS กลับมาอีกครั้งด้วยรุ่นพิเศษ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S รุ่น “40 Years GS Edition” กับโฉม “Bumblebee” ของบีเอ็มดับเบิลรุ่น R 100 GS พร้อมยกระดับขุมพลังและเสริมการขับขี่ที่สนุกสนานยิ่งขึ้น ” บีเอ็มดับเบิลยู R nineT G/S รุ่น “40 Years GS Edition” ยังคงการออกแบบอันเป็นตำนานไว้ด้วยชุดแต่ง Option 719 ทั้งฝาครอบกระบอกสูบ เบาะหนังสีดำและเหลือง แฮนด์การ์ดสีเหลือง และท่อร่วมชุบโครเมียม สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียด พร้อมด้วยสมรรถนะของการเป็นมอเตอร์ไซค์ออฟโรดที่สมบูรณ์ทั้งรูปลักษณ์และการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นล้อซี่ลวดลาย Cross Spoke II ยางออฟโรด และท่อไอเสียยกสูงในแบบScrambler เติมเต็มรูปลักษณ์และสื่อถึงความเป็นมาของ GS ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู R nineT G/S “40 Years GS Edition” สืบทอดเอกลักษณ์ในตระกูล GS ด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศ/น้ำมัน ที่ได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องตามมาตรฐานมลพิษ EU-5 ส่งพละกำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์ (109 แรงม้า) ที่ 7,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที หัวฉีดแบบใหม่ทำงานเข้าจังหวะกับระบบระบายความร้อนยิ่งขึ้น วาล์วปีกผีเสื้อและฝาครอบหัวฉีดได้รับการออกแบบใหม่ ปรับโฉมให้โดดเด่นกว่าเดิม บีเอ็มดับเบิลยู R nineT G/S “40 Years GS Edition” ยกระดับความสมดุลแห่งการขับขี่ด้วยโหมด Pro ซึ่งติดตั้งมาเป็นมาตรฐานใน R nineT Urban G/S ทุกรุ่น นอกจากนี้ โหมด Dirt ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน(Dynamic Traction Control) และระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตในทุกสภาวะพื้นถนน เช่นเดียวกับใน R nineT รุ่นใหม่ ๆ นอกจากเครื่องยนต์จะถูกปรับแต่งมาให้ตอบสนองได้ฉับไวเต็มพิกัดแล้ว ระบบ DTC จะทำงานร่วมกับเบรก ABS Pro เพื่อให้สามารถเร่งความเร็วบนท้องถนนได้อย่างมั่นใจ ด้วยแรงเสียดทานที่เพิ่มการยึดเกาะถนน ส่วนจังหวะที่เบรกพร้อมกับลดเกียร์ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT G/S “40 Years GS Edition” ก็ยังเสริมความปลอดภัยด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) ซึ่งทำงานด้วยการควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่วนระบบกันสะเทือนใหม่ มาพร้อมกับสปริงที่มีอัตราการยุบตัวแตกต่างกันไปตามแรงกดที่ได้รับ (WAD) จึงทำให้ทรงตัวได้มั่นคงและเพิ่มความสบายในการขับขี่ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ตัวรถยังรองรับการตั้งค่าสปริงด้วยตัวเองอย่างง่ายดายด้วยปุ่มหมุนที่เพิ่มเข้ามา เพื่อลุคที่ทันสมัยยิ่งขึ้น R nineT Urban G/S “40 Years GS” ยังเติมความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟเลี้ยวที่กลมกลืนไปกับตัวรถ จะมองเห็นเฉพาะเมื่อเปิดไฟเท่านั้น ขณะที่ชุดไฟหน้า LED มาพร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางวันและไฟเลี้ยวสีขาวในตัว พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายขณะเดินทางด้วยช่องเสียบสายชาร์จ USB ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน บีเอ็มดับเบิลยู R nineT G/S “40 Years GS Edition” พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้วในราคา 899,000 บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw-motorrad.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วประเทศ