นิสสัน พร้อมจำหน่าย จีที-อาร์ ที-สเปค

นิสสัน ประเทศไทย พร้อมจำหน่าย นิสสัน จีที-อาร์ ที-สเปค (GT-R T-spec) ในประเทศไทย โดยเปิดให้จองแล้ววันนี้ที่นิสสัน กรุงไทย ผู้จำหน่าย จีที-อาร์ อย่างเป็นทางการแห่งเดียวในประเทศไทย ตามมาตรฐานศูนย์บริการรถยนต์สมรรถนะสูงของนิสสัน หรือ นิสสัน ไฮเพอร์ฟอร์มแมนซ์ เซ็นเตอร์ (Nissan High-Performance Center – NHPC) โดย จีที-อาร์ ที-สเปค คันแรก พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยลูกค้าสามารถพบนิสสัน จีที-อาร์ ที-สเปค ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 (Thailand International Motor Expo 2021) นิสสัน จีที-อาร์ ที-สเปค เป็นรุ่นพิเศษที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการปรับปรุงสมรรถนะและดีไซน์ ด้วยเบรกคาร์บอนเซรามิก สปอยเลอร์หลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ฝาครอบเครื่องยนต์พิเศษสำหรับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น และตราสัญลักษณ์รุ่น ที-สเปค ลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ด้านหน้าและด้านหลัง ล้ออัลลอยฟอร์จจาก RAYS สีบรอนซ์ขนาด20 นิ้ว และสีตัวถังใหม่ 2 สี ได้แก่ สีม่วง มิดไนท์ เพอร์เพิล (Midnight Purple) และสีเขียว มิลเลนเนียม เจด (Millennium Jade) ควบคู่ไปกับสีหลักอื่น ๆ อีก 4 สี ภายในตกแต่งเฉพาะด้วยสีเขียว โมริ กรีน (Mori Green) และมีเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับภายในหลังคาใช้วัสดุอัลคันทาร่า (Alcantara) และสัญลักษณ์ T-spec บริเวณคอนโซล  

 
Read More

ลมหายใจไร้มลทิน

มูลนิธิ ลมหายใจวไร้มลทิน มอบชุดตรวจ ATK สนับสนุนการตรวจหาเชื้อ COVID-19 โดยงานนี้ มูลนิธิลมหายใจไร้มลทิน มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ Antigen Test Kit หรือ ATK  จำนวน 200 ชุด ให้ศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน และแก้ไขสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) องค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา โดยได้รับเกียรติจาก คุณกันตพงศ์ ช้างนิล ปลัดอำเภอท่าศาลา คุณธนกร มะโนสงค์ รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา และ คุณจิรวรรณ ทิศคงทอง ผู้อำนวยการศูนย์พักคอย อบต.ท่าศาลา รับมอบเพื่อนำไปตรวจเชิงรุกป้องกันการแพร่ระบาดในพื้นที่ ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสาร และรายละเอียดมูลนิธิลมหายใจไร้มลทินได้ที่ www.lomhaijai.org  facebook.com/lomhaijaimotorexpo  

 
Read More

คาลเท็กซ์ จัดโปรฯ เด็ดรับคลายล็อก

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้นำอุตสาหกรรมด้านพลังงานระดับโลก เจ้าของแบรนด์น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน      คาลเท็กซ์ เดโล่ และผลิตภัณฑ์เทครอนสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล จัดโปรโมชั่นเด็ดรับคลายล็อกดาวน์ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ ทั้งเดโล่ สปอร์ต เดโล่ โกลด์ อัลตร้า และฮาโวลีนที่สถานีบริการน้ำมัน     คาลเท็กซ์ รับทันทีส่วนลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท สูงสุด 200 บาท  (จำกัดการใช้ส่วนลด 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จ ต่อ  การเติมน้ำมัน 1 ครั้ง) ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 หรือจนกว่าสินค้าที่มีคูปองส่วนลดใต้ฉลากบรรจุภัณฑ์จะหมด(สามารถใช้คูปองส่วนลดได้ถึง 31 มีนาคม 2565) ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นได้ที่ https://bit.ly/3AQZRoI เติมพลังการปกป้องเครื่องยนต์ พร้อมรับส่วนลดง่าย ๆ ได้แล้ววันนี้ ที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์สาขาที่ร่วมรายการสอบถามเพิ่มเติมที่ ศูนย์บริการลูกค้าน้ำมันคาลเท็กซ์ โทร 02 081 4123 หรืออีเมล thcsc@chevron.com (เปิดทำการทุกวันเวลา 08.00 – 20.00 น.) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโปรโมชั่นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นดี ๆ จากคาลเท็กซ์ได้ที่ www.caltex.co.th และ LINE official : @iLoveCaltex  

 
Read More

นิสสันช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ร่วมกับสื่อมวลชน และตัวแทนลูกค้านิสสัน รวม 4 ครอบครัว ร่วมเดินทางในคาราวานNissan Care For You เพื่อส่งมอบน้ำดื่ม 9,000 ขวด หน้ากากอนามัย 5,000 ชิ้น อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ชัยภูมิ และลพบุรี มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังเผชิญกับอุทกภัยในหลายพื้นที่ซึ่งกระทบต่อการดำเนินชีวิต นิสสัน พร้อมกับ เพื่อน สื่อมวลชน และลูกค้าของเราได้พร้อมใจกันนำสิ่งของจำเป็นมาช่วยเหลือพร้อมส่งกำลังใจให้พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยแทนความห่วงใยภายใต้โครงการ Nissan Care For You ซึ่งเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ถึงแม้ในบางพื้นที่ ระดับน้ำจะลดลงแล้ว แต่การเยียวยาช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยยังจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประสบภัยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างเร็วที่สุดนอกจากนี้นิสสันยังให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้ ด้วยบริการรถลาก/รถยกจากบริเวณน้ำท่วมไปยังศูนย์บริการนิสสันที่ใกล้ที่สุดฟรี พร้อมมอบส่วนลด 30 % สำหรับค่าอะไหล่แท้, เคมีภัณฑ์, น้ำมันหล่อลื่น, ยาง และอุปกรณ์ตกแต่ง ให้แก่ลูกค้านิสสันที่ประสบภัยทุกคน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 นิสสัน กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 แห่งการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯและผู้จำหน่ายกว่า 178 แห่งทั่วประเทศมีความผูกพันกับคนไทย เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้”   

 
Read More

MAZDA เปิดตัว CX-5 ครอสโอเวอร์ใหม่

มาสด้าปลุกกระแสตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายของปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เตรียมแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เสริมทัพตลอด 3 เดือน เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-5 กับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” ประกาศชัดพร้อมผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีด้วยเทคโนโลยีที่ใส่มาให้จนล้นคันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ผนวกกับดีไซน์ที่เรียบหรูสง่างามทุกมุมมอง ส่งมอบพลังแห่งความสุขที่เร้าใจไปทุกเส้นทาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตกับครอบครัว มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 คุ้มค่ามากที่สุดเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 เทอร์โบ ทรงพลังแรงมากที่สุด และเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 แรงและประหยัดน้ำมันมากที่สุด เติมเต็มความคุ้มค่ามากกว่าเดิมด้วยการปรับราคาจำหน่ายใหม่เพียง 1.3 ล้านบาท และพิเศษสุดในช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี หรือฟรี Mazda Care 3 ปี หรือโปรแกรมบำรุงรักษา ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทาง คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังจากที่มาสด้าเริ่มบุกตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยการส่ง 4 โมเดลหลัก หรือเรียกว่า CX-Series ประกอบด้วย CX-3, CX-5, CX-8 และ CX-30 ส่งผลให้รถยนต์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้นทำให้ตลาดเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2564 มียอดขายรวมสะสมประมาณ 57,000 คัน ส่วนมาสด้ามียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นประมาณ 9,700 คันเพิ่มสูงขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จำนวน 7,653 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ17% ซึ่งการปรับโฉมและการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาจำหน่ายใหม่ที่เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น จะส่งผลทำให้มาสด้ากลับมาครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ปัจจุบันอันดับหนึ่งในเซ็กเมนต์รถอเนกประสงค์ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23% รองลงมาอยู่ที่ 20% ในขณะที่มาสด้าขยับขึ้นมารั้งอันดับสาม และเป้าหมายสำคัญคือเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุด การเปิดตัวแนะนำมาสด้า CX-5 ใหม่ ในครั้งนี้ ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใส่มาให้อย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ทำให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งกว่าเดิม แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่ายแต่งดงาม ระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในสังคมยุคปัจจุบัน และยังนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย 3 เครื่องยนต์อันทรงพลัง ให้เหมาะสมกับการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชื่นชอบสมรรถนะความแรงกับเครื่องยนต์ 2.5 เทอร์โบ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทั้งแรงและประหยัดน้ำมันกับเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 ลิตร หรือผู้ที่ต้องการใช้งานภายในเมืองที่กำลังมองหารถที่คุ้มค่าคุ้มราคากับเครื่องยนต์ 2.0 นี่คือเอกลักษณ์ของมาสด้าที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์หนี่งเดียวที่มีหลากหลายเครื่องยนต์ให้เลือกมากที่สุดในตลาด ในขณะที่ยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้านับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 25,800 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 1% จากตัวเลข26,000 คัน ซึ่งสถานการณ์ในปีนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่ต้องประคับประคองธุรกิจให้เดินหน้าก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ โดยเฉพาะการทำงานระบบหลังบ้านให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งผลลัพธ์ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง หลังจากนี้ไปมาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดให้ครบทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าการปรับกลยุทธ์สำหรับการแนะนำมาสด้า CX-5 ใหม่ ในครั้งนี้ จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น กลายเป็นโมเดลหลักสำคัญที่จะสร้างยอดขายให้กับมาสด้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผลักดันให้มาสด้าก้าวสู่เป้าจำหน่ายของปีงบประมาณ 2564 ได้อย่างแน่นอน”  คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวถึงแนวทางการสื่อสารการตลาดว่า “NEW MAZDA CX-5 มาพร้อมกับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” เป็นหนึ่งในตระกูลเอสยูวีจากมาสด้า เพื่อเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้ก้าวไปสู่ความเป็นที่สุด ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วันกับครอบครัว Enjoy Driving  โดยเป็นยนตรกรรมที่ได้รับการพัฒนาให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำหน้า กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ใส่เทคโนโลยีและออฟชั่นเพิ่มมากขึ้นแต่ปรับราคาขายเพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เริ่มต้น 1.3 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลทำให้CX-5 ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นและได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทย คือ เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงการออกแบบที่สง่างาม เป็นรถที่แรงและประหยัดน้ำมัน ระบบความปลอดภัยระดับโลก และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ใช้งานง่ายและมีความจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่เพื่อใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน มาสด้า CX-5 รถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้านับตั้งแต่ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันมียอดขายสะสมกว่า 8 ล้านคันทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและความนิยมต่อรถประเภทนี้ โดยมาสด้า CX-5 เจเนอเรชั่นแรก ได้เปิดตัวแนะนำในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 มียอดขายสะสมสูงถึง 17,000 คัน ตามมาด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 มียอดจำหน่ายถึงปัจจุบันกว่า 15,000 คัน และครั้งนี้คือการกลับมาครั้งสำคัญของ CX-5 เพื่อกลับมาทวงคืนบัลลังก์ผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี และสร้างปรากฏการณ์ของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความสง่างามของการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในระดับโลก กลยุทธ์ด้านราคาถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะส่งผลทำให้ CX-5 ใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง1,320,000 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติ ออฟชั่น ผนวกกับเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาจะส่งผลทำให้เกิดความคุ้มค่า คุ้มราคา มากที่สุดในตลาด และเมื่อรวมกับโปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ย ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาที่ครอบครองแล้วยิ่งทำให้ CX-5 ใหม่ควรค่าแก่การครอบครองมากที่สุด”  แนวคิดในการพัฒนามาสด้า CX-5 ใหม่ ยังคงคำนึงถึงการใช้งานและอรรถประโยชน์การใช้สอยเป็นหลัก ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) เพื่อให้สัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ รวมถึงการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay® และระบบ Android Auto™ ด้วยหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะที่หรูหราและจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า(Windshield Active Driving Display) ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การตกแต่งภายในของยังความหรูหรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พิถีพิถันในทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ และให้ผิวสัมผัสอย่างประณีต โดยการคัดสรรเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาล และใช้วัสดุตกแต่งภายในแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม หรือเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม ในรุ่น 2.5 Turbo SP ที่เพิ่มความหรูหราและสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม มาสด้า CX-5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคันให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อให้สามารถควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งในขณะเข้าโค้ง ขณะอยู่ในโค้ง หรือขณะออกจากโค้ง หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง มาสด้าคือหนึ่งเดียวในตลาดที่มีเครื่องยนต์ให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการและการใช้งานถึง 3 เครื่องยนต์เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 เทอร์โบ โดยมีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย –รุ่น 2.0 S ราคาจำหน่ายเพียง 1,320,000 บาท ส่งมอบความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดในคลาส ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม ให้พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบAuto Hold ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED เปิด-ปิด และปรับระดับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Signature เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อค พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รุ่น 2.0 SP ราคาจำหน่ายที่ 1,470,000 บาท เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล พร้อมจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้ว ระบบบันทึกตำแหน่งสำหรับเบาะนั่งคนขับ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า มอบสุนทรียภาพตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง ระบบแสดงภาพ 360 ̊ รอบทิศทาง และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ครบครัน  อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S) –รุ่น XDL ราคาจำหน่าย 1,770,000 บาท เครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน2 ขั้น ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ทั้งแรงและประหยัด ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร  และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม –รุ่น 2.5T SP ราคาจำหน่าย 1,830,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงถึง231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบ แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะDual S-VT ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดSkyactiv-Drive ที่มอบความสนุกในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษขนาด 19 นิ้ว เบาะหนังNappa สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม เพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าแบบสีดำเปียโน และสีเงินซาตินโครม รวมถึงวัสดุตกแต่งสวิตซ์ปรับเบาะ และที่เปิดกล่องเก็บของด้านหน้าแบบสีเงินซาตินโครม เพดานหลังคาสีดำ ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคู่หน้า Seat Ventilation ที่ช่วยระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ไฟอ่านแผนที่ ไฟห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระแบบ LED ไฟสร้างบรรยากาศบริเวณคอนโซลกลางแบบ Down Light ไฟส่องสว่างบริเวณที่วางเท้าหน้า-หลัง ไฟส่องสว่างในกล่องเก็บของด้านหน้า (เพิ่มเติมจากรุ่น XDL)…

 
Read More

MAZDA TRIPLE BONUS

มาสด้าเปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำเดือนกันยายนที่ผ่านมา เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 64% ที่สำคัญเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรุ่นทั้งครอสโอเวอร์เอสยูวี CX-Series และรถยนต์นั่ง ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ประกาศเดินหน้าเต็มกำลังเตรียมส่งรถใหม่ลุยไตรมาสสุดท้ายของปี พร้อมอัดแคมเปญพิเศษ “MAZDA TRIPLE BONUS รับดีลสุดคุ้ม คว้าโบนัส 3 ต่อ” ให้กับลูกค้าใหม่ ระหว่างวันที่ 9 – 17 ตุลาคม 2564 กับ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ขับฟรี 3 เดือน ฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษ และมอบความคุ้มอีก 3 ต่อ ให้ลูกค้าปัจจุบันที่นำรถเข้ารับบริการ ระหว่างวันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2564 เมื่อซื้อยาง 3 เส้น แถมฟรี 1 เส้น หรือรับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกสินค้าและบริการ และส่วนลดค่าแรงสูงสุด 50% ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้า คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากภาครัฐที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นและเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงรถยนต์ที่ยังคงเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญและเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตัวเนื่องจากผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวแทนการเดินทางด้วยรถยนต์สาธารณะมากขึ้น จึงทำให้ตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีภาพรวมอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงมาสด้า ที่ยอดขายรวมในเดือนกันยายน 2564 เติบโตขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2564 ถึง 64% ซึ่งเราเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดมาแล้ว และถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับประชาชนชาวไทยทุกคนที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง สำหรับเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์มาสด้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกรุ่น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 โดยมาสด้า2 ยังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มียอดขายที่ 1,799 คัน หรือเติบโตขึ้นถึง 86% ตามมาด้วย มาสด้า CX-30 จำนวน 484 คัน เพิ่มขึ้น 47% มาสด้า CX-3 จำนวน 350 คัน เพิ่มขึ้น 24% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 144 คัน เพิ่มขึ้น 106% มาสด้า3 จำนวน 122 คัน เพิ่มขึ้น 28% มาสด้า CX-5 จำนวน 46 คัน เพิ่มขึ้น 7% และมาสด้า CX-8 จำนวน 35 คัน เพิ่มขึ้น 35% ตามลำดับ จึงทำให้เดือนที่ผ่านมามาสด้ามียอดขายรถยนต์รวมทุกรุ่นอยู่ที่ 2,980 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 64% ในขณะที่ยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 25,813 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 1% โดยแบ่งออกเป็นรถอเนกประสงค์ตระกูล CX-Series จำนวน 9,698 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 27% ในขณะที่รถยนต์นั่งมียอดขายรวมที่15,155 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 9% ส่วนรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 เริ่มกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น มียอดสะสมจำนวน 960 คัน มาสด้ามั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาสดใสเนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยกันมากที่สุด ประกอบกับกำลังเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ภาคธุรกิจและประชาชนต่างขานรับต่อนโยบายของภาครัฐต่อการเปิดประเทศ จึงเชื่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนและส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งมาสด้าได้เตรียมความพร้อมเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งความพร้อมด้านกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านผลิตภัณฑ์ การขาย การบริการ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด รวมถึงการเปิดตัวโมเดลธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งลูกค้าจะได้สัมผัสในเร็วๆ นี้ เชื่อว่าจะมาเติมเต็มและตอบรับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน และช่วยให้มาสด้าเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้” พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการตอบรับต่อกำลังซื้อที่กำลังจะกลับมาและมอบความคุ้มค่ายิ่งขึ้นให้กับลูกค้า มาสด้าได้เตรียมโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแคมเปญ ”MAZDA TRIPLE BONUS รับดีลสุดคุ้ม คว้าโบนัส 3 ต่อ” โดยมอบข้อเสนอให้กับทั้งลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่และลูกค้าปัจจุบันถึง 3 ต่อ ได้แก่ 1.ลูกค้าที่ต้องการออกรถใหม่ พบกับข้อเสนอสุดพิเศษที่โชว์รูมมาสด้า ในระหว่างวันที่ 9–17 ตุลาคม 2564 กับความคุ้ม ต่อที่ 1 ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% หรือ ต่อที่ 2 ขับฟรี 3 เดือน เมื่อซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น และต่อที่ 3 สำหรับลูกค้า800 ท่านแรก ที่จองรถภายในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 รับฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษกล่องฆ่าเชื้อโรค UV-C จาก Philips มูลค่า 1,590 บาท 2.ลูกค้าปัจจุบันที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้า รับโปรโมชั่นพิเศษ ต่อที่ 1 เมื่อซื้อยาง 3 เส้น แถมฟรี 1 เส้น หรือ รับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท4 ต่อที่ 2 ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ทุกสินค้าและบริการ5 และต่อที่ 3 ส่วนลดค่าแรงสูงสุด 50%6 ระหว่างวันที่ 1-31 ตุลาคม 2564 ณ ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้าทั่วประเทศ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือมาสด้าสปีดไลน์ 02 030 5666 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th  

 
Read More

ฟอร์ด ใช้คอมพิวเตอร์ ร่นระยะเวลาการพัฒนารถ

ฟอร์ด การออกแบบพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าจะออกแบบรถสักคันต้องผ่านหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน ตั้งแต่การสร้างรถต้นแบบและการระดมพลังจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายแผนกทั่วโลก จนกว่ารถที่อยู่ในภาพร่างสเก็ตช์จะกลายเป็นรถจริงที่พร้อมจำหน่ายในโชว์รูม รถยนต์รุ่นใหม่ต้องได้รับการพัฒนาต่อยอดและยกระดับฟีเจอร์ต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาไลน์อัพที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและมาพร้อมกับตัวเลือกที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และการออกแบบตัวรถ แต่ก่อน การพัฒนารถยนต์หนึ่งคัน นับตั้งแต่การออกแบบบนภาพร่างสเก็ตช์ จนสำเร็จเป็นรถที่พร้อมจำหน่ายในโชว์รูม ใช้เวลามากกว่า 5 ปี นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฟอร์ด ออสเตรเลีย ฐานผลิตสำคัญของฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ลงทุนมหาศาลไปกับการนำโปรแกรมที่ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในงานออกแบบ (Computer-Aided Design หรือ CAD) และคอมพิวเตอร์มาช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) เพื่อนำมาพัฒนารถยนต์ เนื่องจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะช่วยร่นระยะเวลาในการออกแบบและขั้นตอนทางวิศวกรรม อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก รถยนต์หนึ่งคันประกอบด้วยชิ้นส่วนมากกว่า 1,500 ชิ้น รถยนต์รุ่นใหม่จึงต้องได้รับการออกแบบและพัฒนาให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในด้านความปลอดภัย ความทนทาน ไปจนถึงมาตรฐานด้านการออกแบบ และขั้นตอนอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น CAE จึงมีส่วนเข้ามาช่วยวิศวกรในการจำลองเชิงวิเคราะห์ ซึ่งต้องใช้เวลาที่ใช้ในการคำนวณหลายหมื่นชั่วโมง นับเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่จะเริ่มสร้างรถต้นแบบ มร.เจสัน โนกูเอรา วิศวกรด้าน CAE แชสซีรถยนต์ ฟอร์ด ออสเตรเลีย กล่าวว่า “เทคโนโลยี CAE ช่วยให้เราสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริง ด้วยข้อมูลที่รวบรวมสะสมมาจากการทดสอบรถจริงมานานหลายปี ไปจนถึงขั้นตอนการทดสอบรถต้นแบบบนถนนและบนเส้นทางออฟโรด ซึ่งถือเป็นความละเอียดของผลิตภัณฑ์และเป็นการตรวจสอบผลลัพธ์ของการจำลอง ดังนั้น CAE จึงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งที่พัฒนารถรุ่นใหม่คอมพิวเตอร์สามารถจำลองสถานการณ์และคำนวณผลลัพธ์จากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าการรอผลจากการทดสอบจริงกับรถต้นแบบ เนื่องจากการทดสอบทางกายภาพต้องใช้เวลานานหลายวัน ในขณะที่ CAE สามารถประมวลผลลัพธ์ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ วิธีนี้ยังช่วยลดการปรับเปลี่ยนด้านการออกแบบในระหว่างขั้นตอนภายหลังซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจาก CAE จะช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่ต้องแก้ไขตั้งแต่แรกระหว่างการพัฒนาแบบเสมือนจริง ในระหว่างการจำลองเพื่อพัฒนารถโดยใช้ CAE เราสามารถทดลองน้ำหนักบรรทุกและอัตราเร่งกับแบบจำลองเสมือนจริงเพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับรถ ในขั้นตอนการออกแบบ ซึ่งช่วยให้เราสามารถการพัฒนารถได้ตั้งแต่ขั้นตอนของ CAE ก่อนการทดสอบความทนทานทางกายภาพ ถึงแม้ว่า CAD และ CAE จะช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนารถยนต์ แต่การทดสอบกับรถจริงก็ยังสำคัญและจำเป็น เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของผลลัพธ์ที่ได้จาก CAE และการออกแบบรถยนต์ขั้นสุดท้าย CAD และ CAE ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการออกแบบและขั้นตอนทางวิศวกรรมรถของเราเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เทคโนโลยีนี้เหล่านี้มีส่วนช่วยในการนำไอเดียสุดล้ำมาทำให้เกิดขึ้นจริงได้ ทั้งนี้ยังไม่มีสิ่งไหนที่สามารถมาทดแทนการทดสอบจริงเพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจากฟอร์ดจะตอบโจทย์การใช้งานได้มาากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้” การพัฒนาและการทดสอบรถยนต์ฟอร์ดในการขับขี่จริง ยังต้องอาศัยวิศวกรฟอร์ดในการทดสอบรถทั่วโลกในสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอร์เรสต์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ฟอร์ดที่วางจำหน่ายทั่วโลกจึงได้รับการพัฒนาและทดสอบในภูมิอากาศและเส้นทางที่โหดที่สุดใน 5 ทวีปทั่วโลก และผ่านการทดสอบในระยะทางมากกว่า 600,000 กิโลเมตร ตั้งแต่ทะเลทรายในออสเตรเลียและภูมิภาคตะวันออกกลาง  ไปจนถึงเส้นทางสุดขรุขระในแอฟริกาใต้ และภูเขาในทวีปอเมริกา ฝ่าภูมิอากาศสุดขั้วจาก -40 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 50 องศาเซลเซียส จึงมั่นใจได้ว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ได้รับการพัฒนาและผ่านการทดสอบมาเพื่อพร้อมลุยทุกเส้นทางในทุกสภาวะ  

 
Read More

ซูบารุมอบเซอร์ไพรส์รับคลายล๊อกดาวน์

บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุในประเทศไทยอย่างเป็นทางการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบกำลังใจให้ชาวไทยในช่วงเวลาสถานการณ์โควิด-19 มาโดยตลอด ในเดือนมิถุนายนบริษัทได้ริเริ่มแคมเปญ “ก้าวสู่วันใหม่” Let’s Move On Campaign ร่วมโปรโมทรณรงค์ฉีดวัคซีน ดูแลสุขอนามัยโชว์รูมและศูนย์บริการด้วยมาตรการที่รัดกุม เสนอบริการนัดหมายส่วนตัว ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับแรก ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ทีซี ซูบารุได้บริจาคเงินและของอุปโภคช่วยเหลือโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ผ่านการจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าและบุคคลทั่วไปทางโซเชียลมีเดีย ในเดือนตุลาคมนี้ซึ่งเป็นเดือนพิเศษที่คนไทยได้ผ่อนคลายจากมาตรการล๊อกดาวน์ ซูบารุจึงมอบข้อเสนอดีที่สุดของรถทั้ง  2 รุ่น ซูบารุ เอ็กซ์วี (Subaru XV) และซูบารุ ฟอเรสเตอร์ (Subaru Forester) ให้ลูกค้าก้าวต่อไปสู่การเดินทางที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยแคมเปญ TIME TO CHANGE “ถึงเวลาเปลี่ยน…สู่ข้อเสนอที่ดีกว่า” ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถเอสยูวีนวัตกรรมความปลอดภัยกว่า 100 รายการ การันตีด้วยรางวัลความปลอดภัยมากมาย TIME TO CHANGE ถึงเวลาเปลี่ยน…สู่ข้อเสนอที่ดีกว่า กับสิทธิพิเศษที่พลาดไม่ได้ และจำนวนจำกัด –ซูบารุ เอ็กซ์วี รุ่น 2.0i- P จำนวนจำกัด ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท* พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ –ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ทุกรุ่น มอบสิทธิประโยชน์สูงสุด 100,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ,    ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และสุดพิเศษเฉพาะเดือน สนับสนุน Trade-in รับเพิ่มอีก 50,000 บาท ติดต่อที่ปรึกษาการขายเพื่อทดลองขับและเข้าใจการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยกว่า 100 รายการ กับ 4 เทคโนโลยีหลักอันเป็นเอกลักษณ์ เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร, มาพร้อมกับซูบารุโกลบอลแพลตฟอร์ม ในรถเอสยูวีของซูบารุทุกรุ่น และระบบเสริมความปลอดภัยขณะขับขี่ Eyesight เทคโนโลยีที่เสมือนดวงตาที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในซูบารุ ฟอเรสเตอร์เชิญเยี่ยมชมรถหรือนัดหมายทดลองขับได้ที่โชว์รูมซูบารุทั่วประเทศ   ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ซูบารุรุ่นต่างๆ ที่www.subaru.asia รายละเอียดโปรโมชัน Time to Change www.subaru.asia/th/th/promotions/ และติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/subaruasiath  

 
Read More

MG แจ้งยอดขายรวม 3 ไตรมาส เติบโตขึ้น 14%

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย แถลงยอดขายรวมหลังจบไตรมาส 3 มีอัตราการเติบโตถึง 14% พร้อมสร้างสถิติใหม่ พาแบรนด์ติดอันดับ 5 ของตลาดรถยนต์ไทยในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา                   หลังเปิดตัว ALL NEW MG5 รถยนต์สปอร์ตคูเป้ซีดานรุ่นใหม่ และตอกย้ำความเป็นองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นด้วยการคว้ารางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2021 ประเภทความเป็นเลิศ OUTSTANDING AWARDS  พร้อมเดินหน้ามอบความสุขให้คนไทยอีกครั้งด้วย ด้วยแคมเปญพิเศษ “RESTART – รีสตาร์ท ฟื้นพลังความสุข” รับไตรมาสสุดท้ายหลังสถานการณ์โควิดที่มีทิศทางที่ดีขึ้น คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในปีนี้ มีสถานการณ์โควิดเข้ามาเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อยอดการผลิตและยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ เป็นอย่างมากทำให้เอ็มจีต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยตัวเลขยอดขายสะสม 3 ไตรมาส อยู่ที่ 21,279 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต สูงถึงกว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา”  ทั้งนี้ หากพิจารณาเป็นรายไตรมาส พบว่า ยอดขายเอ็มจีในไตรมาสที่ 1 และ 2 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากสถานการณ์โควิดในประเทศที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ประกอบกับการเปิดตัว MG EXTENDER รุ่นปรับโฉมใหม่พร้อมการจัดทำข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องและขยายไปยังหลากหลายช่องทางมากขึ้น ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 สถานการณ์โควิดกลับมารุนแรงอีกครั้ง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์    แต่เอ็มจียังคงเดินหน้าแผนงานตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ กับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่คือ ALL NEW MG5 รถยนต์สปอร์ตคูเป้ซีดานที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ เทคโนโลยีและฟังก์ชั่นต่างๆ กับราคาที่คุ้มค่า ทำให้เอ็มจีมียอดขายขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 5 ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ในเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม ที่ผ่านมา   บทพิสูจน์ทางด้านยอดขายข้างต้น ถือเป็นหนึ่งภาพสะท้อนความสำเร็จของแบรนด์เอ็มจี ในฐานะองค์กรที่มีเป้าหมายในการพัฒนาและยกระดับแบรนด์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค จนได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากคนไทยมากยิ่งขึ้น และล่าสุดยังได้รับรางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS ประจำปี2564 ประเภทรางวัล “OUTSTANDING AWARDS” ในฐานะองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่น ทั้งด้านผลประกอบการ ด้านนวัตกรรม ด้านการบริหารจัดการ และด้านการบริการลูกค้าที่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเป็นการ รับรางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ภายหลังจากการได้รับรางวัล ในประเภท “FAST – GROWING COMPANY AWARD” หรือองค์กรที่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อปีที่ผ่านมา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com  Line: @MGThailandFacebook:www.facebook.com/MGcarsThailand Twitter: @mg_thailand Instagram: @mgthailand Youtube: MG Thailand. TikTok: @mgthailand  

 
Read More

มาสด้า เตรียมรบในปี 2565

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับแผนการพัฒนาธุรกิจ โดยเปิดเผยนโยบายเกี่ยวกับการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวี และจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่นใหม่ที่กำลังกล่าวถึง ประกอบด้วย มาสด้า CX-50 ซึ่งจะทำการผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกันกับรถยนต์อีกหลายรุ่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ (Large Product group1) รวมถึง มาสด้าCX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90 ซึ่งรถยนต์รุ่นต่างๆ เหล่านี้ มาสด้าได้มีการวางแผนเพื่อเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดในอีกสองปีข้างหน้า หรือ ในระหว่างปี 2565 ถึง 2566 โดยมาสด้ามุ่งหวังที่จะนำเสนอทางเลือกรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีให้กับลูกค้าและเป็นรถยนต์ที่ส่งมอบทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการรถเอสยูวีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก จากการใช้ประโยชน์ด้านทรัพย์สินทางเทคโนโลยีในการพัฒนาและการผลิตอย่างเต็มกำลัง เช่น เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, Bundle Planning และรูปแบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่น มาสด้าได้สะสมองค์ความรู้มาอย่างต่อเนื่อง ตามกลยุทธ์แบบ Building Block2  จึงทำให้สามารถขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รถเอสยูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการลงทุนที่ต่ำทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะกลางถึงระยะยาว มาสด้า CX-50 เป็นอเนกประสงค์เอสยูวีที่มาสด้าเพิ่มเติมเข้ามาเป็นโมเดลหลักรุ่นใหม่ และจะทำการเปิดตัวเฉพาะในตลาดอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่รถเอสยูวีได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบกับความต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงในการขับขี่สไตล์ออฟโรด ซึ่งมาสด้า CX-50 เป็นรุ่นที่อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก (Small Product group3) เช่นเดียวกับมาสด้า3 และมาสด้า CX-30 โดยมาสด้าจะเริ่มทำการผลิตมาสด้า CX-50 ในเดือนมกราคม 2565 ณ โรงงานแห่งใหม่ โดยความร่วมมือกันระหว่างมาสด้ากับโตโยต้า หรือ โรงงานมาสด้า โตโยต้า แมนูแฟคเจอริ่ง สหรัฐอเมริกา (MTMUS) ณเมืองฮัลต์สวิลล์ มลรัฐอลาบาม่า  ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (Large Products group) ประกอบด้วย มาสด้า CX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90 จะมาพร้อมกับ 2 รูปแบบตัวถัง พร้อมกับการจัดวางแถวที่นั่ง 2 แบบ ได้แก่ แบบที่นั่ง 2 แถวและแบบที่นั่ง 3 แถว เนื่องจากรถอเนกประสงค์รุ่นเหล่านี้เป็นรถที่มีช่วงราคากว้างกว่า CX-50 หรือ CX-5 รุ่นปัจจุบัน ในตลาดที่มีถนนค่อนข้างแคบและมีพื้นที่จอดรถขนาดเล็ก อาทิ ยุโรปและญี่ปุ่น มาสด้าจะทำการเปิดตัวแนะนำCX-60 แบบที่นั่ง 2 แถว และ CX-80 แบบที่นั่ง 3 แถว ในขณะเดียวกัน CX-70 และ CX-90 จะถูกเปิดตัวในอเมริกาเหนือและตลาดอื่นๆ ที่รถขนาดใหญ่ได้รับความนิยม ซึ่งรถทั้งสองรุ่นนี้จะมาพร้อมกับตัวถังขนาดใหญ่ โดย CX-70 จะเป็นรถที่นั่งแบบ 2 แถว และ CX-90 จะเป็นรถที่นั่งแบบ 3 แถว ซึ่งรถในกลุ่มนี้จะเป็นรุ่นที่มาเสริมความหลากหลายของกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวีขนาดกลางของมาสด้าในอนาคต  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed