บริดจสโตน ประเทศไทย ผู้สนับสนุน โอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์

บริดจสโตน ประเทศไทย สานต่อพันธกิจของกลุ่มบริษัทบริดจสโตนทั่วโลกในฐานะผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกระดับโลกอย่างเป็นทางการ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมติดตามการแข่งขันของ 4 พนักงานและนักกีฬาทีมบริดจสโตนประเทศไทย ดีกรีนักกีฬาพาราลิมปิกทีมชาติไทย สู่เส้นทางการพิชิตฝันครั้งสำคัญในพาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม – 5 กันยายน 2564 นี้ จากความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างบริษัทบริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ในปี2557 
สู่การขยายพันธสัญญาสนับสนุนการจัดการแข่งขันโอลิมปิกยาวนานต่อเนื่องจนถึงปี 2567 และการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันพาราลิมปิกตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน พร้อมผลักดันการสนับสนุนนักกีฬาคนพิการในประเทศไทย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและได้รับการต่อยอดความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ ภายใต้สังกัดนักกีฬาทีมบริดจสโตนประเทศไทย เพื่อสร้างความพร้อมต่อสู้กับทุกอุปสรรค และพิชิตฝันของตนเองได้สำเร็จ หรือ “Chase Your Dream” ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของบริดจสโตน แบรนด์ผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกที่ได้มีโอกาสจุดประกายความฝันและสร้างแรงผลักดันให้แก่ผู้คนทั่วโลกโดยไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มชาติพันธุ์และข้อจำกัดทางร่างกาย โดยมีกีฬาเป็นตัวเชื่อมความพยายามสู่เป้าหมายได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้ ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลักระดับโลกเพียงรายเดียวที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเจ้าภาพการแข่งขัน และเพื่อเป็นการต้อนรับผู้คนจากทั่วโลกสู่ประเทศบ้านเกิด             ของบริดจสโตน บริษัทฯ ได้ยึดมั่นพันธกิจ “รับใช้สังคมด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า” ด้วยการทำหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและยั่งยืน เพื่อให้นักกีฬาทั่วโลกสามารถพิชิตฝันของพวกเขาได้สำเร็จ  โดยนำผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงการนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การจัดเตรียมความพร้อมของการจัดงาน ได้แก่   ติดตั้งยาง Bridgestone Ecopia รุ่นใหม่ พร้อมคิดค้นและพัฒนายางรุ่นพิเศษเพื่อใช้สำหรับยานพาหนะประเภทต่างๆ จำนวน 3,000 คัน สนับสนุนการบรรเทาและลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองเจ้าภาพด้วยการสนับสนุนรถจักรยานกว่า 800 คันพร้อมจัดหาจักรยานร่วมสมทบอีกกว่า 400 คัน และเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน จักรยานจากบริดจสโตนจะถูกนำไปบริจาคให้แก่องค์กรและชุมชนเป็นลำดับต่อไป สนับสนุนการเดินทางของ “บริดจสโตนแบรนด์แอมบาสเดอร์” ซึ่งเป็นนักกีฬาทีมบริดจสโตนจาก
ทั่วโลกกว่า 70 คน ได้ร่วมแข่งขันอย่างเต็มศักยภาพ ร่วมนำเสนอโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์การก่อสร้างต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีรองรับการเกิดแผ่นดินไหว (Bridgestone seismic isolation bearings) ที่ศูนย์กีฬาทางน้ำโตเกียว (Tokyo Aquatic Centre) และสนามกีฬาอาริอาเกะ (Ariake Arena) เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหว จัดให้มีโปรแกรมอาสาสมัครที่ส่งเสริมให้พนักงานบริดจสโตนได้มีโอกาสร่วมมือกับผู้จัดงานเพื่อทำให้มหกรรมกีฬาโตเกียวโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020 เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นำเสนอเครือข่ายศูนย์บริการในประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้บริการตรวจสอบยางรถยนต์ตามปกติและบริการยางที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกทั่วโตเกียว โดย มร.เคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตนจำกัด กล่าวว่า “สำหรับพันธกิจในประเทศไทย บริดจสโตนได้เล็งเห็นถึงความพยายามและความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมของนักกีฬาพาราลิมปิกทีมบริดจสโตนประเทศไทยทั้ง 4 ท่าน ได้แก่ ชัยวัฒน์ รัตนะ (นักกรีฑาวีลแชร์เรซซิ่ง ทีมชาติไทย) วรวุฒิแสงอำภา (นักกีฬาบอคเซีย ทีมชาติไทย) จ่าเอกอนุสรณ์ ไชยชำนาญ (นักกีฬายิงปืนคนพิการ ทีมชาติไทย) และ เจนจิราปัญญาทิพย์ (นักกรีฑาคนพิการ ทีมชาติไทย) ซึ่งมีผลงานสะสมและการันตีด้วยศักยภาพที่โดดเด่นจนผ่าน เข้าร่วมแข่งขันโตเกียวพาราลิมปิก 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 ยาวนานเช่นนี้ บริษัทฯได้สนับสนุนนักกีฬาทั้ง 4 ท่าน อย่างเต็มกำลังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในฐานะที่พวกเขาเป็นพนักงานของบริดจสโตน  เพื่อให้การเก็บตัวฝึกซ้อมและการเดินทางเข้าร่วมแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้จัดทำช่องทางประชาสัมพันธ์ข่าวสารการแข่งขันของนักกีฬาพาราลิมปิกทีมบริดจสโตนประเทศไทยผ่านwww.bridgestonechaseyourdream.com ซึ่งเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์หลักของบริษัทฯ เพื่อให้แฟนกีฬาชาวไทยได้ร่วมติดตามผลงานพร้อมส่งกำลังใจให้พวกเขาพิชิตฝันสู่เส้นทางโตเกียวพาราลิมปิก 2020 ได้สำเร็จผ่านกิจกรรมในรูปแบบ    ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย”  ทั้งนี้นักกีฬาพาราลิมปิก ทีมบริดจสโตนประเทศไทยทั้ง 4 ท่าน จะมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารการแข่งขันและกิจกรรมความเคลื่อนไหวเพื่อส่งกำลังใจเชียร์พวกเขาได้ผ่านทาง www.bridgestonechaseyourdream.com หรือ www.facebook.com/BridgestoneTH/     

 
Read More

เอช เซม ส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

เอช เซม มอเตอร์ ร่วมโครงการ “Robinhood EV Bike Model” คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด พร้อมทีมบริหาร ถ่ายภาพคู่กับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เอช เซม โมบิล่า จี (H SEM MOBILA G) จำนวน 100 คัน ที่จะส่งเข้าร่วมโครงการ “Robinhood EV Bike Model” สำหรับไรเดอร์ที่สนใจ เช่า / ซื้อสามารถแวะเข้ามาคุยกับเราเพื่อรับโปรโมชั่นดี ๆ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ณ H SEM Charging Station ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่  

 
Read More

The new Mercedes-Benz S-Class

สำหรับ The new S-Class คือที่สุดแห่งยนตรกรรมในตระกูลเอสคลาสของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ความหรูหราและความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ ทั้งในเรื่องของการมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ การปกป้องผู้โดยสารในทุกเบาะที่นั่ง ตลอดจนการมอบประสบการณ์การใช้งานแบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่ตอบทุกความต้องการของผู้ขับขี่และผู้โดยสารผ่านระบบดิจิทัลในทุกรายละเอียด The new S-Class มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,925 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 286 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 600 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.4 วินาที โดยขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เครื่องยนต์ชุดนี้นับเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การออกแบบภายนอกของ The new S-Class ถ่ายทอดความหรูหราออกมาภายใต้คอนเซ็ปต์Sensual Purity ในภาษาดีไซน์ที่ได้รับการยกระดับขึ้นในทุก ๆ ส่วน ภายใต้การตีความใหม่ให้ดูโมเดิร์นยิ่งกว่าที่เคย ตั้งแต่ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ล้อแบบ AMG ขนาดใหญ่สูงสุด 20 นิ้ว กับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิมมากถึง 51 มิลลิเมตร เส้นโค้งหลังคา Catwalk line ที่กดองศาของหลังคาให้ต่ำลง ทำให้รถยนต์คันนี้ดูสปอร์ตขึ้น ทว่าพื้นที่ห้องโดยสารไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ การออกแบบให้มือจับประตูเป็นแบบไร้รอยต่อ (Seamless door handles) ยังช่วยเพิ่มความกลมกลืนของเส้นสายทางด้านข้าง และช่วยให้การล็อกและปลดล็อกประตูทำได้อย่างสะดวกสบายเพียงใช้มือสัมผัสที่มือจับประตู ดีไซน์ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นที่มอบทั้งความหรูหรา คุณภาพระดับสูง และวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีที่สุด พรั่งพร้อมด้วยระบบ ENERGIZING comfort control ที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 เฉดสี ระบบปรับอากาศพร้อม AIR BALANCE package ที่ทำให้ห้องโดยสารสะอาดยิ่งขึ้น และระบบเครื่องเสียงจากลำโพง Burmester® 3D  surround sound system ที่ให้คุณภาพเสียงที่มีมิติลุ่มลึก ฯลฯ ในห้องโดยสารยังพร้อมมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ตอบรับความต้องการของผู้โดยสารในทุกที่นั่ง ตั้งแต่เบาะที่นั่งตอนหน้าเรื่อยไปจนถึงตอนหลัง เริ่มตั้งแต่การออกแบบคอนโซลหน้าด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ดูโมเดิร์นขึ้นและตอบรับกับสรีระของผู้ใช้มากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa leather และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ Digital Instrument clusters ขนาด 12.3 นิ้ว …

 
Read More

No.1 Brand Thailand 2020-2021

อีซูซุได้รับรางวัลเกียรติยศ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” แบรนด์ยอดนิยมอันดับ1 ประเภทรถปิกอัพ ซึ่งทาง อีซูซุ ได้รับรางวัลเกียรติยศแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค ในหมวดรถปิกอัพ “No.1 Brand Thailand 2020-2021” อันเป็นผลจากการสํารวจความคิดเห็นจากผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยนิตยสาร Marketeer และ Marketeer Online ร่วมกับ สถาบันวิจัยการตลาดชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศ 2 แห่ง คือ Kadence International (Thailand) และบริษัทมาร์เก็ตติ้ง มูฟ จำกัด โดยศาสตราจารย์วิทวัส รุ่งเรืองผล เป็นผู้ควบคุมโครงการวิจัย  

 
Read More

กองทุน ฮอนด้าฯ

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการส่งมอบความช่วยเหลือเพื่อเสริมเกราะป้องกันและสนับสนุนการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วย ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกที่ผลิตโดยทีมวิศวกรฮอนด้าจิตอาสา เพิ่มเติมจำนวน 1,100 ชิ้น รวมมูลค่า 42 ล้านบาท ให้แก่กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อจัดสรรตามความต้องการและกระจายต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐ จำนวน 114 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ เพื่อกระจายต่อไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง และโรงพยาบาลเรือนจำกลางสมุทรปราการ คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน สถานการณ์โควิด-19 ได้กลับมาระบาดอีกครั้ง มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์รวมถึงผู้ป่วยมีความต้องการอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อมากขึ้น  กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย โดยทีมวิศวกร  ฮอนด้าจึงได้เร่งดำเนินการผลิตหน้ากากแรงดันฯ เพิ่มเติมอีก 1,100 ชิ้น เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลรัฐ รวมทั้งเรือนจำและทัณฑสถาน ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือและความพยายามของทุกภาคส่วนจะช่วยให้เราก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ และขอเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่อาสา รวมถึงผู้ป่วยทุกคน ให้พร้อมต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี” คุณอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า “กรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน โดยปรับพื้นที่บางแห่งเป็นโรงพยาบาลสนามและปรับบทบาทเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้ทำหน้าที่สายการแพทย์ร่วมด้วย เพื่อแก้ไขสถานการณ์การติดเชื้อภายในเรือนจำ ขณะที่โรงพยาบาลภายนอกไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ ทำให้จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขังจำนวนมากโดยหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกที่ได้รับจากกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย จำนวน 100 ชิ้น จะสามารถป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อจากผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยและบุคคลกลุ่มเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กรมราชทัณฑ์ขอขอบคุณกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยสำหรับความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังได้เห็นถึงคุณค่าของตนเอง และรับรู้ถึงความห่วงใยของสังคม ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างจิตสำนึกที่ดีและประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นพลเมืองดีของสังคมต่อไป” นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ทางกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ได้มอบความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ ด้วยการผลิตและบริจาคเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบจำนวน 100 เตียง ซึ่งมีต้นแบบมาจากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และยังต่อยอดนวัตกรรมมาเป็นหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก 2,100 ชิ้น พร้อมด้วยเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อฮอนด้า และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันเชื้อ PPE หน้ากาก Face Shield หน้ากากอนามัยแบบผ้า รวมถึงการบริการรถยนต์และรถจักรยานยนต์พยาบาลกองทุน     ฮอนด้าเคียงข้างไทย เพื่อร่วมต้านภัยโควิด-19 รวมงบประมาณกว่า 122 ล้านบาท (ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2564) โดยงบประมาณส่วนนี้มาจากเงินสมทบจากการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ขอขอบคุณลูกค้าฮอนด้าทุกท่าน เราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย เพื่อก้าวผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน  

 
Read More

FUSO ยกระดับบริการหลังการขาย

บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีซีวีที ยกระดับมาตรฐานการบริการหลังการขายด้วยการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการให้บริการหลังการขาย พร้อมมอบโปรโมชั่นส่วนลด 15%-40% สำหรับอะไหล่ฟูโซ่ (FUSO) ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2564 ดีซีวีที จัดฝึกอบรม Parts Training ในเดือนมิถุนายน และ Warranty Training ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการสื่อสารออนไลน์ ASCENT และโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้จำหน่ายและทีมช่างของ FUSO ทั่วประเทศ โปรแกรมการฝึกอบรมมีการให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับชิ้นส่วนอะไหล่ FUSO ทั้งหมดโดยครอบคลุมทุกรุ่น ซึ่งช่วยให้ทีมช่างผู้เชี่ยวชาญได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและอัปเดตมากที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการด้านการบำรุงรักษานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของดีซีวีทีในการยกระดับมาตรฐานบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาซื้อรถบรรทุกของลูกค้า แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่ ดีซีวีที ยังคงมอบความมั่นใจอย่างต่อเนื่องในด้านความพร้อมของชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้จำหน่ายและลูกค้าทุกท่าน และให้การรับประกันครอบคลุมในหมวดหมู่อื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ระบบส่งกำลังและระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ดีซีวีทียังมุ่งมั่นในการพัฒนาความรู้ของผู้จำหน่ายคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการผ่านการฝึกอบรม สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ดีซีวีทีสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมตลอดการเป็นเจ้าของสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความพร้อมและราคาของชิ้นส่วนอะไหล่แท้ ทั้งนี้ ดีซีวีที มอบโปรโมชั่นชิ้นส่วนอะไหล่แท้ FUSO สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นคลาสสิกทุกรุ่น ช่วยให้ลูกค้ารถบรรทุกรุ่นคลาสสิกของ FUSO อุ่นใจได้มากขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษาและความปลอดภัย โปรโมชั่นส่วนลด 15%-40%  สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องยนต์ คลัตช์ เกียร์ เบรก ระบบช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว งานตัวถัง รวมถึงระบบไฟฟ้าสำหรับ FUSO รุ่นคลาสสิค FE, FM, FN และ FV ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2564 ลูกค้าสามารถรับบริการโปรโมชั่นนี้ได้ที่ผู้จำหน่ายอะไหล่ หรือผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ FUSO และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.dcvt.co.th  

 
Read More

ฮอนด้า ชวนลูกค้าตรวจเช็กสภาพรถฟรี 25 รายการ

รับฤดูฝน กับแคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” ฟรี บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในรถเมื่อเข้ารับบริการเน้นย้ำมาตรการสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยในทุกโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ขอส่งความห่วงใยผ่าน แคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” ชวนลูกค้าเตรียมความพร้อมของรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานเพื่อความปลอดภัยทุกเส้นทาง ด้วยการนำรถยนต์เข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ พร้อมสร้างความอุ่นใจและความปลอดภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ
โควิด-19 ด้วยบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ฟรี พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์แผ่นกรองอากาศป้องกันไวรัสและฝุ่น PM 2.5 รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าฮอนด้า ทั้งโปรโมชั่นยางซื้อ 3 แถม 1 หลากหลายรุ่น ส่วนลดค่าอะไหล่ รวมถึงการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานทุกงานบริการและยางรถยนต์ นานสูงสุดถึง 10 เดือนเมื่อนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ทั้ง 230 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 – 31 สิงหาคม 2564 สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าฮอนด้าในแคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” รายการที่ 1บริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ รายการที่ 2 ฟรี บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในห้องโดยสารรถยนต์ รายการที่ 3ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการ 0% นาน 6 เดือน สำหรับการเข้ารับบริการในงานตรวจเช็กตามระยะทาง งานซ่อมทั่วไป งานซ่อมตัวถังและสี (ประเภทลูกค้าเป็นผู้ชำระเงิน) งานติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ของฮอนด้า รวมถึงลูกค้าที่ซื้อโปรแกรมอัลติเมทแคร์และแพ็กเกจเช็กระยะฮอนด้าเพย์เซฟ รายการที่ 4ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายยางรถยนต์ 0% นานสูงสุด 10 เดือน รายการที่ 5รับส่วนลด 10% ผ้าเบรก จานเบรก ยางปัดน้ำฝน และน้ำยาล้างระบบปรับอากาศ รายการที่ 6รับฟรียางโยโกฮาม่า 1 เส้น เมื่อซื้อยาง 3 เส้น สำหรับรถยนต์ฮอนด้า 5 รุ่น ได้แก่ ซิตี้ แจ๊ซ ซีวิค เอชอาร์-วี และแอคคอร์ด รายการที่ 7 รับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 500 บาท เมื่อซื้อยางกู๊ดเยียร์  4 เส้น สำหรับรถยนต์ฮอนด้า 5 รุ่น ได้แก่ ซีวิค แอคคอร์ด บีอาร์-วี เอชอาร์-วี 
และซีอาร์-วี นอกจากนี้ ฮอนด้า ขอแนะนำแผ่นกรองอากาศรุ่นใหม่ป้องกันไวรัสและฝุ่น PM 2.5 ซึ่งใช้สำหรับกรองอากาศภายในห้องโดยสารรถยนต์ โดยเป็นเทคโนโลยีกรอง 3 ชั้นจากประเทศเยอรมนี ที่สามารถยับยั้งการเติบโตและดักจับเชื้อโรค เชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ขนาด 0.05-0.1 ไมครอน ตามมาตรฐาน ISO18184 
อีกทั้งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N1 ได้ถึง 99.99% และเชื้อ HcoV 229E ได้ถึง 99.999% รวมถึงการกรองหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ได้สูงถึง 90% ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศในห้องโดยสาร ทำให้ได้รับอากาศที่สะอาดสดชื่น สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ ได้ปฏิบัติตามมาตรการด้านความสะอาดและสุขอนามัย
เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการกำหนดจุดคัดกรอง
เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมทั้งเตรียมพรมน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณทางเข้าและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริเวณจุดต่าง ๆ มีการทำความสะอาดศูนย์บริการและรถจัดแสดง พร้อมทั้งฉีดพ่นฆ่าเชื้อเป็นประจำ ในส่วนของพนักงานได้ปฎิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ลูกค้าที่สนใจในแคมเปญ “ฝนนี้ ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยกับฮอนด้า” สามารถจองคิวเข้ารับบริการล่วงหน้าผ่านบริการ“Online Service Booking” ได้ที่ https://servicebooking.honda.co.th หรือทาง LINE Honda Thailand Official Account (@Honda-Thailand) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 – 31 สิงหาคม 2564 โดยลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับบริการ “Honda Drop & 
Go” เพียงนัดหมายเช็คระยะล่วงหน้า นำรถมาฝากกุญแจไว้แล้วไปทำธุระต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอ หรือ บริการ “Super Fast Tech” การนัดหมายเช็กระยะเร่งด่วน แบบรอรับรถได้ภายในเวลาที่กำหนด ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.honda.co.th  

 
Read More

TOYOTAห่วงใยลูกค้า

ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ได้มีมติยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรค ด้วยนโยบายการควบคุม และปฏิบัติอย่างเข้มงวดในเขตจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตั้งแต่วันที่12 – 26 กรกฎาคม 2564  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงยกระดับการบริการ และกำหนดมาตรการป้องกันรวมทั้งเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อตอบรับมาตรการดังกล่าว โดยเป็นการป้องกัน ลดความเสี่ยง และความกังวล ในการติดเชื้อไวรัส ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1.ศูนย์บริการโตโยต้า เปิดให้บริการตามปกติ ในเวลา 08:00 – 17:00 น. ภายใต้มาตรการการปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด–19 และขอความร่วมมือลูกค้าที่มีความต้องการนำรถยนต์เข้ารับบริการ สามารถทำการนัดหมายล่วงหน้ากับศูนย์บริการโตโยต้าใกล้บ้านท่าน ทางโทรศัพท์ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ และในการนัดหมายเจ้าหน้าที่จะแจ้งเงื่อนไขการคัดกรองลูกค้า และมาตรการดูแลรักษาความสะอาดภายในศูนย์บริการเพื่อทำความเข้าใจ และความสะดวกของลูกค้า 2.สำหรับลูกค้าที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ หรือบริการโตโยต้า สามารถติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์www.toyota.co.th และสามารถลงทะเบียน เพื่อรับการบริการจากผู้แทนจำหน่าย ได้ง่าย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 3.เพื่อลดความกังวล และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 โตโยต้าได้กำหนดมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาด โดยให้พนักงานของผู้แทนจำหน่ายทุกแห่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในการดูแลเรื่องสุขอนามัยทั้งบริเวณโชว์รูม และศูนย์บริการ ในทุกจุดสัมผัส รวมทั้งลูกค้าที่นำรถยนต์โตโยต้าเข้ารับบริการ จะได้รับการดูแลทำความสะอาดฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสภายในห้องโดยสารโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ภายในโชว์รูม มีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการตามจุดต่างๆ และทำความสะอาดรถยนต์ที่จัดแสดง รวมทั้งรถใหม่ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้า โดยเน้นบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน ที่ไม่ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์ภายในรถ และผู้ขับขี่ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณโต๊ะ เก้าอี้ พื้นโชว์รูม และอุปกรณ์ต่างๆ ทุกชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พนักงานทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาปฏิบัติงาน ตามแนวทางปฏิบัติการป้องกันของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมกันนี้ลูกค้าที่สนใจทดลองขับยังอุ่นใจด้วยกระบวนการทำความสะอาดรถยนต์ทุกคันทั้งก่อน และหลังจากการทดลองขับทุกครั้ง โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆได้แก่ พวงมาลัย หัวเกียร์ คอนโซล เข็มขัดนิรภัย มือจับประตู คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความมั่นใจว่า “โตโยต้าให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพ และความปลอดภัยอย่างสูงสุดของลูกค้า รวมถึงบุคลากร บุคคลภายนอกที่มาติดต่อ คู่ค้าทางธุรกิจ และพนักงานทุกคน ในโอกาสนี้ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อความไม่สะดวกในการติดต่อที่อาจได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ โดยโตโยต้ามีแนวทางในการกำหนดมาตรการป้องกันที่เข้มงวดให้กับพนักงานของผู้แทนจำหน่ายในการดูแลเรื่องสาธารณสุข ทั้งบริเวณโชว์รูมและศูนย์บริการในทุกจุดสัมผัส เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการของเรา ขอให้ลูกค้าเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุดจากการเลือกใช้สินค้า และนำรถเข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการโตโยต้า และเลกซัสทุกแห่งทั่วประเทศ” ทั้งนี้ โตโยต้ารวมทั้งเครือข่ายธุรกิจ ขอขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน และสำคัญที่สุดคือคนไทยทุกคน ในการร่วมกันฟันฝ่า เพื่อผ่านพ้นวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด-19  อันยากลำบากนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย ด้วยการให้บริการที่ดีต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยความห่วงใย  

 
Read More

e:HEV , Powerful Hybrid by Honda

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความทรงพลังและการทำงานอย่างชาญฉลาดของระบบขับเคลื่อนไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid โดยได้สื่อสารถึงผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริด ในชื่อ อี:เอชอีวี (e:HEV) และเริ่มในรุ่น ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี เป็นครั้งแรกในประเทศไทย   ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ยนตรกรรมซิตี้คาร์ Full Hybrid รุ่นแรกที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2563 ได้รับการตอบรับอย่างสูงจากลูกค้าชาวไทย ด้วยยอดจองสะสมกว่า 2,200 คัน ในระยะเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่เปิดตัว ระบบขับเคลื่อนไฮบริด Sport Hybrid i-MMD เป็นระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า 
(E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม–ไอออน (Lithium-ion)ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด จะเริ่มตั้งแต่การออกตัว การขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ การใช้ความเร็วสูง และระหว่างลดความเร็ว โดยระบบจะเลือกและปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่อย่างอัจฉริยะ ทั้งโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สะท้อนจุดเด่นที่โดนใจและพร้อมตอบโจทย์การใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ “แรง ล้ำเกินคาด ประหยัดเกินใคร มั่นใจทุกการขับขี่” -High Performance ขับสนุกด้วยแรงบิดและอัตราเร่งที่ทรงพลัง   -High Saving ประหยัดเกินคาดด้วยโหมดการขับขี่ที่ปรับให้เหมาะกับทุกการเดินทาง
อย่างมีประสิทธิภาพ -High Confidence เพิ่มความมั่นใจไปถึงทุกจุดหมายได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังมอบความมั่นใจในการใช้งานยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี 
ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care)* ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สามารถรับชมวิดีโอ “e:HEV – Powerful Hybrid by Honda” ได้ทาง https://youtu.be/byr_Ds0qxxs พร้อมสัมผัสประสบการณ์แรง ล้ำเกินคาด ประหยัดเกินใคร มั่นใจทุกการขับขี่ ของรถยนต์ Full Hybrid ใน ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ  

 
Read More

เดอะ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำตำแหน่งผู้บุกเบิกและผู้นำเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทยเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ครั้งแรกในโลก ยนตรกรรมซิตี้คาร์แฮทช์แบ็กฟูลไฮบริด ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งของไลน์อัปไฮบริดของฮอนด้าไปอีกขั้น และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” (The City Series)มาพร้อมจุดเด่นเทคโนโลยี Full Hybrid อันทรงพลัง กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) พร้อมด้วยเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน เสริมเอกลักษณ์ยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV พร้อมแนะนำสีใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟกับสีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เสริมความมั่นใจในการใช้งานด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) คุ้มค่าเกินคลาส ด้วยราคาจำหน่ายรุ่น e:HEV RS 849,000 บาท มร.โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“เมื่อปลายปี 2563 ฮอนด้า ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า โดยมีจุดเด่นคือการผสานการขับขี่ที่สนุกสนานและความอเนกประสงค์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถสไตล์แฮทช์แบ็กไว้ได้อย่างลงตัว มาในครั้งนี้ได้นำเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนอันทรงพลังและล้ำสมัย กับระบบฟูลไฮบริด และเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ผนวกกับเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมสไตล์แฮทช์แบ็ก ด้วยการแนะนำ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ จึงนับได้ว่าเป็นซิตี้คาร์ที่สมบูรณ์แบบและพร้อมมอบพลังใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและความปลอดภัยอันล้ำสมัย ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้” ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมฟูลไฮบริดแฮทช์แบ็กของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ ที่พร้อมมูฟไปกับพลังเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอันล้ำสมัย กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ระบบFull Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก แรงเกินคลาส โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดเพื่อตอบรับกับทุกการใช้งาน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 86 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 อย่างไรก็ตาม แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี มูฟได้อย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่ 1.ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) 2.ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) 3.ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) 4.ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) 5.ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) อนึ่ง ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ ระบบ Auto Brake…

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed