เปป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ และแบรนด์แอมบาสเซอเดอร์ระดับโลกของนิสสัน เผยถึงความตื่นเต้น และความคาดหวังของเขาที่มีต่อการปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมบรรยายถึงความภาคภูมิใจ ที่มาจากการใช้รถยนต์ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ ตั้งแต่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อสามปีที่แล้ว เปปก็ตกหลุมรักโลกแห่งการขับเคลื่อนด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเข้าอย่างจัง ยิ่งเมื่อได้สัมผัสนวัตกรรมที่ผสมผสานพลังที่ยั่งยืน และความเร้าใจไว้ด้วยกันของ นิสสัน ลีฟ เขาก็ค้นพบว่ารถยนต์ไฟฟ้าส่งเสริมภาพลักษณ์ของการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน และอนาคต ในการสัมภาษณ์พิเศษ และนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกของแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่กำลังจะมาถึง กุนซือทีมรายนี้เผยถึงเป้าหมายส่วนตัวในการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นด้วย นิสสัน ลีฟ และความหลงใหลในนวัตกรรมทั้งในและนอกสนามฟุตบอลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าและการดำเนินชีวิตที่คำนึงถึงอนาคต
Month: June 2021
MOTOR EXPO กิจกรรม CSR
“Spirit 4×4” ร่วมใจ “คนไทยไม่เคยทิ้งกัน” สนับสนุนน้ำดื่มให้ ศปก. ปากพลี คุณสุกานดา ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนพัฒนาทักษะการ ขับขี่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ (Spirit of the 4×4 Driving School) และสนาม Spirit Adventure Ground มอบน้ำดื่ม 1,800 ขวด ให้แก่ “ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอปากพลี” เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ และบริการประชาชนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 โดยมี คุณปพนศักดิ์ สันติชัยมงคล ปลัดอำเภอเป็นผู้แทนรับมอบ ณ ที่ว่าการอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก
มิตซูบิชิ ห่วงใยต่อสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศไทย จึงได้นำน้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย N95 มอบให้กับโรงพยาบาล 6 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดชลบุรี เพื่อส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้บุคลากรทางการแพทย์ พร้อมมอบลังกระดาษจำนวน 10 ตัน ให้กับ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเอสซีจี นำไปสร้างเป็นเตียงสนามกระดาษ เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาเตียงรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ และมีความต้องการเตียงอย่างเร่งด่วนทั่วประเทศ ภายใต้ “โครงการมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ช่วยหมอ ต่อชีวิต สู้ภัยโควิด-19” มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยึดมั่นในปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” ผ่านการดำเนินโครงการเพื่อสังคมใน 3ด้านหลักสำคัญได้แก่ 1)สิ่งแวดล้อม 2)สุขภาพและชีวอนามัย 3)การศึกษาและจริยธรรม โดยบริษัทฯ ได้มีการจัดตั้ง “มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย” ขึ้นในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เพื่อมุ่งมั่นดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว อันนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และการขับเคลื่อนพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน มีคนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทฯ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวฯ จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือด้วยการส่งมอบลังกระดาษ เพื่อนำไปสร้างเป็นเตียงสนามกระดาษ ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเร่งด่วน รวมถึงการนำน้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย N95 ไปมอบให้โรงพยาบาล เพื่อส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ผู้อุทิศตน เสียสละดูแลผู้ป่วยได้มีอุปกรณ์ป้องกันที่มีประสิทธิภาพใช้ขณะทำงาน และเนื่องในโอกาสครบรอบ 60ปี พนักงานยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์โควิด-19อีกด้วย…
มิตซูบิชิ ร่วมใจช่วยไทยพ้นภัยโควิด-19
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มอบน้ำดื่มจำนวน 2,600 แพ็ค พร้อมด้วยหน้ากากอนามัย N95 จำนวน 4,800 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาล 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลสนามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลบางละมุง โรงพยาบาลแหลมฉบัง โรงพยาบาลวิภาราม แหลมฉบัง และโรงพยาบาลชลบุรี เพื่อสนับสนุนการทำงานและป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์สู้ภัยโควิด-19 โดยบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายชลัช กังวานธนวัต ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักวิศวกรรมการผลิต มอบลังกระดาษจำนวน 10 ตัน ให้แก่ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเอสซีจี นำไปสร้างเป็นเตียงสนามกระดาษ เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลที่มีความต้องการเร่งด่วนทั่วประเทศ โดยมี นายขวัญชัย บุตรคำ เป็นผู้แทนบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) รับมอบ ณ โรงงานอัดกระดาษ สาขา ปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศไทย จึงได้นำน้ำดื่ม และหน้ากากอนามัย N95 มอบให้กับโรงพยาบาล 6 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดชลบุรี เพื่อส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้บุคลากรทางการแพทย์ พร้อมมอบลังกระดาษจำนวน 10 ตัน ให้กับ บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) และ มูลนิธิเอสซีจี นำไปสร้างเป็นเตียงสนามกระดาษ เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาเตียงรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ และมีความต้องการเตียงอย่างเร่งด่วนทั่วประเทศ…
มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย
หมดห่วงเรื่องสถานีชาร์จ! เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถชาร์จได้ที่PEA VOLTA กว่า 32 แห่ง พร้อมแผนขยายรวมทั้งสิ้น 73 แห่ง ทั่วประเทศในปี 2564 บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความมั่นใจเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ที่สถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ทั่วประเทศ โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และสถานีบริการน้ำมันบางจาก โดยปัจจุบันสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ได้เปิดให้บริการแล้วกว่า 32 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ของ PEA จำนวน 14 แห่ง และในพื้นที่สถานีบริการน้ำมันบางจากอีกจำนวน 18 แห่ง โดยมีแผนขยายสถานีเพิ่มจนครบ 73 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2564 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โดยรองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบเร็วด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO อีกด้วย สถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ (ยกเว้นสถานีในสำนักงาน PEA ได้แก่ PEA VOLTA สำนักงานใหญ่, พระนครศรีอยุธยา,รังสิต, ปากช่อง, นครราชสีมา, นครชัยศรี, สมุทรสาคร, ชลบุรี, เขาย้อย, หัวหิน ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 20.00 น.) นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการตรวจสอบสถานีที่ให้บริการได้ผ่าน PEA VOLTA application บนสมาร์ทโฟนและแท็บเลต ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งสถานีเพื่อนำทางไปยังสถานีนั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถพีเอชอีวียังสามารถชำระค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าผ่านระบบการเติมเงินได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และรวดเร็ว อีกด้วย สำหรับแผนการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ในอนาคต จะดำเนินการต่อเนื่องตลอดปี พ.ศ. 2564 ครอบคลุมทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 73 แห่ง โดยหลังจากนี้จะมีการเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA เพิ่มเติมอีก 41 แห่ง เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้าถึงบริการสถานีหัวจ่ายอัดประจุไฟฟ้าได้ง่าย ทั้งบนถนนหลักสู่เมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญครอบคลุมทั่วประเทศไทย ซึ่งผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี…
เอ็มจี ชวนปรับไลฟ์สไตล์
ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนไทยต้องรู้จักปรับตัวให้รวดเร็วขึ้น และต้องรู้จักป้องกันตัวเองให้ห่างไกลเชื้อไวรัส โดยปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่ทางภาครัฐได้ประกาศใช้ ซึ่งสามารถเริ่มจากตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกไปข้างนอก หมั่นล้างมือเป็นประจำหากจำเป็นต้องสัมผัสสิ่งของต่างๆ หรือแม้กระทั่งการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) แต่เราก็ไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าวิกฤตินี้จะจบลงเมื่อไหร่ สิ่งที่สำคัญ คือ การดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีสติ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมทั้งสร้างความสุขรอบตัวในทุกๆ วัน และต้องไม่ละเลยความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เอ็มจี ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่มีความห่วงใยคนไทยทุกคน ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้คนไทยยังสามารถใช้ชีวิต หรือเต็มที่กับไลฟ์สไตล์ได้อย่างมีความสุข โดยการแบ่งสัดส่วนชีวิตประจำวัน เพียงแค่ลดกิจกรรมที่เป็น Offline ปรับมุมมองในการประยุกต์กิจกรรมต่างๆ มาอยู่ในโลก Online ให้มากยิ่งขึ้น ก็สามารถที่จะสร้าง “ความสุข ความสนุก ความสะดวกสบาย” ผ่านมิติใหม่ และอาจเป็นความปกติครั้งใหม่ (Next Normal) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
MAZDA FAST SERVICE
มาสด้าเริ่มขยายโมเดลธุรกิจในรูปแบบใหม่ เตรียมเปิดศูนย์บริการเพื่อให้บริการเฉพาะด้านการตรวจเช็กรถตามระยะทางแบบเร่งด่วน และสามารถรอรับรถกลับได้ทันทีภายใน 30 นาที หรือ FAST SERVICE เพื่อรองรับกับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนศูนย์บริการหลักเริ่มมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการอย่างหนาแน่น จนเกิดการรอคิวเพื่อนำรถมาเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อลดความแออัดดังกล่าวและอำนวยความสะดวกแบบรวดเร็วทันใจ มาสด้าจึงได้ทำการเปิดศูนย์บริการเฉพาะการบริการแบบเร่งด่วน เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสังคมยุคปัจจุบันที่ทุกคนต่างเร่งรีบ รวมทั้งเป็นการช่วยบรรเทาและลดความแออัดของศูนย์บริการหลักได้เป็นอย่างดี คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันมาสด้ามีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศไทยทั้งหมด 140 แห่ง แม้ว่าปีนี้จะตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่ง แต่ทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ยังไม่เพียงพอต่อการเข้ารับบริการของลูกค้า ดังนั้นการลงทุนเพื่อเปิดเฉพาะศูนย์บริการแบบเร่งด่วนขึ้น จะช่วยแบ่งเบาภาระและลดความแออัดของศูนย์ใหญ่และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งศูนย์บริการแห่งนี้จะเป็นต้นแบบให้กับการขยายธุรกิจของดีลเลอร์ที่มีโชว์รูมหลักอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเปิดช่องซ่อมแบบเร่งด่วนเพิ่มเติม หรือ FAST TRACK ไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นการเปิดเฉพาะงานซ่อมบำรุงรักษาตามระยะจึงเป็นทางออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะลูกค้าที่อาศัยอยู่ในย่านชุมชนจะได้มีทางเลือกในการนำรถเข้ารับบริการที่สะดวกรวดเร็ว ลดการรอคิว และลดความแออัดของศูนย์บริการหลักที่มีลูกค้าเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก โดยสาขาแรกที่เปิดให้บริการตั้งอยู่ในซอยวัชรพล เขตบางเขนจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งบริหารงานโดย มาสด้า แอลบาทรอส ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของมาสด้าในประเทศไทยที่มีโชว์รูมหลักอยู่บนถนนรามอินทราและลำลูกกา”
กรุงไทยคาร์เร้นท์ มั่นใจไอโอทีโซลูชันติงส์ ออน เน็ต
การยกระดับบริการสู่ที่หนึ่งในไทย โดย บริษัท ติงส์ ออน เน็ต จำกัด (THINGS ON NET CO., LTD.) ผู้นำด้านบริการโซลูชันไอโอทีครบวงจร ด้วยโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารระดับโลก ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ “KCAR” บริษัทผู้ให้บริการรถเช่าสัญชาติไทยแท้ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจรถเช่ามายาวนานกว่า 40 ปี ทำสัญญาสั่งซื้อและติดตั้งโครงข่ายเทคโนโลยีไอโอที แพลตฟอร์ม และเซ็นเซอร์อัจฉริยะจากติงส์ ออน เน็ต เพื่อยกระดับการบริหารจัดการสต๊อกรถภายใน และเพิ่มขีดความสามารถการเป็นผู้นำธุรกิจรถยนต์เช่าที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าองค์กรสูงสุด คุณศักดิธัช จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทให้ความสำคัญกับประสบการณ์ ความพึงพอใจและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง เราจึงมุ่งมั่นยกระดับการบริการที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกในการบริหารจัดการและการลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเบื้องต้นเราได้นำเทคโนโลยีไอโอทีมาใช้เพื่อยกระดับการบริหารจัดการรถยนต์ในสต็อกและในอนาคตมีแผนที่จะต่อยอดเพิ่มคุณค่าการให้บริการและความสะดวกสบายแก่ลูกค้าต่อไป เราจึงมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านไอโอทีโซลูชันครบวงจร มีแพลตฟอร์ม และอุปกรณ์อัจฉริยะที่รองรับการใช้งานเข้ามาช่วยในการดำเนินกิจการ ซึ่งเรามั่นใจว่า ติงส์ ออน เน็ต เป็นพันธมิตรที่มีความพร้อมและมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ กรุงไทยคาร์เร้นท์ เป็นมากกว่าผู้ให้บริการรถเช่าและก้าวทะยานสู่อันดับหนึ่งในตลาดได้อย่างแท้จริง”
“ช้อป.ใช้.ชิง ซีซั่น 2”
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญใหญ่ “ช้อป.ใช้.ชิง ซีซั่น 2” มอบทองคำทั่วไทย 5 ภาค รวม 555 รางวัล มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากแคมเปญ “ช้อป.ใช้.ชิง ซีซั่น 2 รวยเปรี้ยง ไม่เกี่ยง ซีซี.” เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าชาวไทยต่อเนื่องจากซีซั่นแรก ด้วยการแจกโชคใหญ่ มอบทองคำแท่ง มูลค่ารางวัลละ 1 ล้านบาท 5 รางวัล แจกครบทั้ง 5 ภาค ได้แก่ เหนือ, ใต้, กลาง, อีสาน, และกรุงเทพ-ปริมณฑล พร้อมรางวัลสร้อยคอทองคำอีก 550 รางวัล รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 20 ล้านบาท โดยมี คุณวรพจน์ พรประภา ประธานบริษัท และ ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เป็นตัวแทนในการจับรางวัล ณ โรงแรมทินิดี แอท บางกอก กอล์ฟ…
ฟอร์ดร่วมมือกับโพลีเน็ต
เนื่องจาก ฟอร์ด ประเทศไทย และ บริษัท โพลีเน็ต จำกัด ส่งมอบแว่นตานิรภัยทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันการติดเชื้อทางดวงตาให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเป็นครั้งที่ 2 โดยสนับสนุนเพิ่มอีกจำนวน 10,000 ชิ้น จากที่ได้สนับสนุนไปจำนวน 3,000 ชิ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการอุปกรณ์การป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับมอบจาก คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย คุณกาญจนา เหลารัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเน็ต จำกัด และคณะ ซึ่งในงานนี้ คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “อุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยปกป้องบุคลากรด่านหน้าในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที แว่นตานิรภัยคุณภาพสูงที่ฟอร์ดและโพลีเน็ต บริษัทคู่ค้าผู้ผลิตวัสดุชิ้นส่วนรถยนต์ฟอร์ด ได้พัฒนาและส่งมอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน สามารถตอบสนองการใช้งานของบุคลากรได้เป็นอย่างดี เราจึงได้ผลิตและส่งมอบแว่นตานิรภัยให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มอีก 10,000 ชิ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อให้สอดรับกับปริมาณความต้องการในช่วงการแพร่ะบาดระลอกใหม่” แว่นตานิรภัยทางการแพทย์ที่ฟอร์ดและโพลีเน็ตได้ร่วมกันออกแบบและผลิต เป็นแว่นตานวัตกรรมใหม่ที่รองรับการใช้งานจริงและมีคุณภาพสูง สามารถป้องกันดวงตาจากละอองน้ำ สารเคมี และของเหลวต่างๆ รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกเมื่อใช้เป็นเวลานาน วัสดุที่ใช้ เป็นซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ซึ่งมีความยืดหยุ่น ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง สามารถสวมใส่ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานได้โดยไม่ทําให้เกิดรอยกดทับ นอกจากนี้ กรอบแว่นซิลิโคนที่ได้รับการออกแบบมาให้แนบสนิทกับใบหน้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรค และให้ความสะดวกขณะเคลื่อนไหวในการทํางาน และยังสามารถสวมทับแว่นสายตาโดยไม่ทําประสิทธิภาพการป้องกันลดลง ซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ที่นำมาใช้ยังสามารถทนต่อความร้อนสูงถึง 200 องศา ทำให้ง่ายต่อการทําความสะอาด เพื่อลดการติดเชื้อและการเกิดเชื้อราบริเวณข้อต่อที่ประกอบระหว่างกรอบซิลิโคนและกระจก นอกจากนี้กระจกแว่นยังสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ ทําให้สะดวกในการชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานโดยไม่เปลี่ยนรูปทรง และไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ