เอ็ม เอ เอ็น แบรนด์รถบรรทุกจากเยอรมัน

ยี่ห้อรถบรรทุก MAN หรือ เอ็ม เอ เอ็น ในประเทศไทย เป็นที่รู้จักมานานหลายทศวรรษ เพราะ เอ็ม เอ เอ็น ผู้นำนวัตกรรมด้านยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของโลกจากประเทศเยอรมนี ที่ได้ก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถบรรทุกอันดับหนึ่งด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ เน้นความทนทานและการประหยัดน้ำมัน โดยรถบรรทุกทุกรุ่นของ เอ็ม เอเอ็น ถูกออกแบบและพัฒนาด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ จนได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการในวงการขนส่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลด้านดีไซน์และเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น รางวัล “International Truck of the Year” และ “iF Design award”  เอ็ม เอ เอ็นได้เข้ามาตีตลาดในประเทศไทยและส่งมอบรถบรรทุกสัญชาติเยอรมันให้กับผู้ประกอบการไทยครั้งแรกในปี 2550 โดยปัจจุบัน เอ็ม เอ เอ็น ได้เปิดตัวรถบรรทุกเรือธงทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ TGS 6×4 360 แรงม้า TGS 6×4 400 แรงม้า และ TGS 6×4 440 แรงม้า ซึ่งมีจุดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและฟังก์ชั่นที่มุ่งเน้นการมอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่าสูงสุดแก่ผู้ประกอบการ ทำให้รถบรรทุก เอ็ม เอ เอ็น ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการไทยมากมายอย่างต่อเนื่องและเป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์รถบรรทุกคุณภาพเยี่ยม จนกลายมาเป็นโซลูชั่นด้านการขนส่งของวงกางผู้ประกอบการไทย รถบรรทุกทุกคันของเอ็ม เอ เอ็น นำเข้าแบบ CBU 100% จากเยอรมนี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะประเทศผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ของโลก โดยชิ้นส่วนอะไหล่ของรถบรรทุกของ เอ็ม เอ เอ็น ผ่านการใส่ใจในการเลือกวัสดุ และผ่านขั้นตอนการผลิตและประกอบชิ้นส่วนด้วยเทคโนโลยีที่รับประกันด้านความทนทาน ป้องกันการเสื่อมสภาพและการเกิดสนิมของชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ โดยรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น ได้รับการการันตีว่ามีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี เพราะนอกจากวัสดุต่างๆจะแข็งแรงทนทานแล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถดูแลด้วยตนเองได้ง่าย เพื่อยืดอายุของรถบรรทุกทั้งตัวรถและอะไหล่ให้ทรงประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน ความปลอดภัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของ เอ็ม เอ เอ็น โดยแบรนด์ได้นำนวัตกรรมที่ออกแบบโดยเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยในการป้องกันอุบัติเหตุและรองรับการขับขี่บนทุกสภาพผิวถนน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ ระบบ MAN BrakeMatic ระบบล้อเบรกลมล้วน ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBS) แบบดิสค์เบรคทั้งด้านหน้าและล้านหลัง ติดตั้งมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อล็อกอัตโนมัติ (ABS) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเบรกรถได้อย่างแม่นยำทันทีที่สั่งการ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ระบบ Electronic Brake Assitance (EBA) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ที่ช่วยประมวลผลระยะห่างของสิ่งกีดขวางหน้าตัวรถ และสามารถตอบสนองได้อย่างฉับไวหากมีรถวิ่งตัดหน้าหรือเบรกกะทันหัน โดยระบบจะทำการแจ้งเตือนในรูปแบบเสียง และแสดงไฟสัญญาณบนหน้าปัด พร้อมสั่งการให้รถเบรกอัตโนมัติหากประมวลว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุสูง ระบบเบรกเครื่องยนต์ มาพร้อมเบรกวาล์วไอเสีย EVB (Exhausted Valve Brakes) ช่วยลดความเร็วของรถบรรทุกในขณะวิ่งหรือเข้าโค้งได้มากถึง 60% เมื่อเทียบกับรถบรรทุกอื่นที่มีขนาดเดียวกัน ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผ้าเบรกและเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนท้องถนน ระบบ MAN Easy Start อุปกรณ์มาตรฐานที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการออกตัวบนทางลาดชัน กรณีที่รถบรรทุกจำเป็นต้องหยุดรถ-ออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน โดยเฉพาะหากบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก นอกจากฟังก์ชั่นต่างๆที่ออกแบบให้ผู้ชับขี่สามารถขับรถบรรทุกได้อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัยแล้ว เอ็ม เอ เอ็น ยังได้สร้างพื้นที่ภายในหัวรถให้มีขนาดกว้างมากขึ้น โดยหัวรถบรรทุก เอ็ม เอ เอ็น จะเป็นหัวเก๋งที่มีลักษณะเป็นทรง L และLX หรือหลังคาสูง แต่มีน้ำหนักเบา มาพร้อมระบบลดแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทก ทำให้สามารถสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว และเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดถภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการขับระยะทางใกล้หรือไกล เอ็ม เอ เอ็น  ให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลังงานน้ำมัน เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนด้านธุรกิจรวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งระบบต่างๆของรถบรรทุกได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้รถบรรทุกสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด โดยรถบรรทุกหัวลากเอ็ม เอ เอ็น ทั้ง 3 รุ่น ที่เปิดตัวในประเทศไทย ผลิตด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 10,518 ซีซี เครื่องยนต์รุ่น D20 ผสมผสานเทคโนโลยีคอมมอนเรล ช่วยลดการบริโภคน้ำมันและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้รองรับการใช้งานระยะทางสูงสุด 1.5 ล้านกิโลเมตร เมื่อตรวจเช็คระยะทุก120,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ เอ็ม เอ เอ็น ยังออกแบบรถบรรทุกด้วยการใช้แนวคิดการเคลื่อไหวของอากาศ โดยแรงต้านอากาศที่ไม่จำเป็นในรถจะถูกคำนวณและลบออก เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างเต็มที่และประหยัดน้ำมันสูงที่สุดนอกจากนี้ เอ็ม เอ เอ็นยังมีระบบ  MAN Adaptive Cruise Control ที่ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมของรถบรรทุก MAN TGS ที่มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ตรวจจับระยะห่างรถคันหน้าด้วยกล้องมัลติเซนเซอร์ที่คำนวณผลแบบเรียลไทม์ รวมทั้งช่วยลดภาระคันเร่งและเบรก ด้วยการช่วยควบคุมความเร็วและการเบรกของรถให้เหมาะสม และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันอีกด้วย  

 
Read More

All New HAVAL H6 จัดเต็ม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดข้อเสนอสุดพิเศษผ่าน“ULTRA DEAL Campaign” สำหรับลูกค้ากลุ่มแรก ในการจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อ  All New HAVAL H6 Hybrid SUV โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษก่อนการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ผ่านช่องทาง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH ในระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2564 – 28 มิถุนายน 2564 นี้เท่านั้น จัดเต็มทั้งแพ็กเกจ 5 Years GWM ULTRA INCLUSIVE SERVICE ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน พร้อมประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และบริการส่งมอบรถยนต์ถึงหน้าบ้าน รวมถึงเอกสิทธิ์เหนือระดับอื่นๆ อีกมากมาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเดินหน้าส่งข่าวความเคลื่อนไหวและสร้างปรากฎการณ์ใหม่ๆ ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัว “New Retail Concept” รูปแบบใหม่ ภายใต้กลยุทธ์ New User Experience 
ที่ GWM Store แห่งแรกของโลกในประเทศไทยที่เซ็นทรัลบางนา ต่อด้วยการเปิดโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) 
ที่จังหวัดระยองอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแบบเต็มรูปแบบแห่งที่สองนอกประเทศจีนของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมเผยโฉม All New HAVAL H6 Hybrid SUV คันแรกจากสายการผลิตไทยไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาล่าสุด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศ เปิดจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ในระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 00.01 น. ไปจนถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เวลา18.00 น. ก่อนที่จะ
มีการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 นี้ มอบเซอร์ไพรส์แคมเปญสุดพิเศษ
กว่าใคร! ให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถจองสิทธิ์ลงทะเบียนเพื่อซื้อ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ผ่านช่องทาง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH มอบข้อเสนอที่มาพร้อมเอกสิทธิ์ที่เหนือกว่า เพื่อสร้างความมั่นใจในการเป็นเจ้าของรถ สร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ และบริการเหนือระดับในระยะยาว อาทิ 1.ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน มูลค่าสูงสุด 85,000 บาท 2.ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท 3.ฟรี 5 ปีเต็ม ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง พร้อมอะไหล่สิ้นเปลือง เช่น แบตเตอรี่ 
ผ้าเบรค ใบปัดน้ำฝน (5 Years GWM Ultra Service Inclusive) เพิ่มความอุ่นใจในการใช้งาน การบำรุงดูแลรักษารถยนต์ และการเป็นเจ้าของรถในระยะยาว รวมมูลค่า 65,000 บาท 4.ฟรี 5 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ( Roadside Assistance ) ตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน GWM Application มูลค่า 10,000บาท 5.บริการส่งมอบรถถึงบ้านทั่วประเทศ พร้อมน้ำมันเต็มถัง มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท 6.สิทธิ์ในการเรียกใช้บริการรับหรือส่งรถยนต์เพื่อเข้ารับบริการ จำนวน 4 ครั้ง มูลค่า 3,000 บาท 7.สิทธิ์ในการใช้รถบริการเคลื่อนที่ (GWM Mobile Service) จำนวน 2 ครั้ง มูลค่า 1,500 บาท 8.รับ GWM point 30,000 คะแนน เพื่อแลกของสมมนาคุณและบริการต่างๆ บน GWM Application  รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้ ULTRA DEAL Campaign กว่า 200,000 บาท นอกจากนี้ All New HAVAL…

 
Read More

เอาท์แลนเดอร์ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ยานยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด เพื่อการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน ตามรายงานสภาพภูมิอากาศโลกขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2563 ที่ผ่านมา มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าค่าเฉลี่ยของระดับที่ปลอดภัยประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส โดยตัวเลขดังกล่าวหมายถึง ‘ระดับที่ใกล้อันตราย’ ที่ต้องไม่สูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ตามที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้กำหนดไว้ เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาหกปีนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา เป็นช่วงเวลาที่โลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ช่วงต้นของทศวรรษจนถึงปีนี้ยังถือเป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาอีกด้วย อนึ่ง ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินการนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อร่วมรณรงค์ในการลดภาวะโลกร้อนและยังมุ่งมั่นส่งเสริมการขับเคลื่อนในแบบที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการ‘สร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นด้วยสมรรถนะแห่งการขับเคลื่อน’ พร้อมด้วยพันธกิจด้าน ‘ความมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบแทนสังคมในแบบที่ยั่งยืน’ ด้วยเหตุผลดังกล่าว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จึงได้กำหนดแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดทิศทางในการสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้นในอีก 30 ปีข้างหน้า ทั้งนี้แผนงานด้านสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ยังได้คำนึงถึงการประเมินวัฏจักรของยานยนต์ (Life Cycle Assessment หรือ LCA) ที่พิจารณาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดกระบวนของขั้นตอนการผลิตรถยนต์ โดยการพิจารณาจะเริ่มตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ หรือ รถยนต์ทั้งคัน ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบสำหรับขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วน การผลิตรถยนต์ การประกอบรถยนต์ การขับขี่ การผลิตเชื้อเพลิง และการกำจัด เพื่อทราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดจากกระบวนการต่างๆ โดยการประเมินวัฏจักรของยานยนต์ดังกล่าว ถูกนำมาใช้เพื่อการพัฒนาปรับปรุงในด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มีมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านกระบวนการผลิตชิ้นส่วน เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งรถยนต์รุ่นใหม่ต่างๆโดยเปรียบเทียบกับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์แบบดั้งเดิม มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี คือ ตัวอย่างสำคัญของรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลงเมื่อเทียบกับรถยนต์แบบทั่วไป และยังช่วยรักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมนุษยชาติ ทั้งนี้การประเมินวัฏจักรของยานยนต์ยังได้ถูกนำไปใช้กับกระบวนการผลิตรถยนต์รุ่นปัจจุบันเพื่อใช้ในการศึกษาถึงแนวทางการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต รวมทั้งการปรับลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้กำหนดแนวคิดในปีนี้ ได้แก่ ‘การฟื้นฟูระบบนิเวศ‘ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และตระหนักถึงความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์สำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เพื่อร่วมกันลดการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติและหยุดการทำลายสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำ และยังถูกออกแบบขึ้นบนพื้นฐานของเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม.ต่อลิตร(3) หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม.(3) ตามมาตรฐาน NEDC  และยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่ต่ำเพียง 43 กรัมต่อกม. อย่างไรก็ดี มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ยังเป็นรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดที่ขายดีที่สุดในโลก ที่มีจำหน่ายแล้วกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ด้วยยอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกมากกว่า 283,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนพฤษภาคมปี 2564 ที่ผ่านมา จึงถือเป็นยานยนต์ทางเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับการขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะด้วยอุปสรรคและข้อจำกัดในด้านระยะทางการขับขี่ กอปรกับสถานีชาร์จไฟฟ้าที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงส่งผลให้การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) ยังคงมีอุปสรรคและข้อจำกัดอยู่มากมาย แม้ว่าจะปลอดจากมลภาวะทางอากาศก็ตาม มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ยังเป็นรถยนต์รุ่นแฟล็กชิพที่สำคัญและแสดงถึงความเชี่ยวชาญของ  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งในด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงานไฟฟ้า ยานยนต์อเนกประสงค์ และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ส่งผลให้ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล มีความต่อเนื่องและเงียบ พร้อมอัตราการเร่งแซงที่ยอดเยี่ยมและทรงพลัง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถขับขี่ได้ทั้งในโหมดไฟฟ้า (EV) สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน และยังสามารถเป็นรถยนต์แบบไฮบริด (HEV) สำหรับการเดินทางระยะไกล พร้อมสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้ขับขี่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟฟ้า มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์–ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถยนต์ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพอากาศและทุกสภาพถนน มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดสูงสุดถึง 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถที่มีอยู่ 2 จุด เพื่อให้สามารถสัมผัสกับไลฟ์สไตล์กลางแจ้งรูปแบบใหม่ และยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือ กรณีที่ไฟฟ้าดับเพราะ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เอง และยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ที่พักอาศัยด้วยเทคโนโลยีระบบพลังงานแบบ Vehicle-to-Home (V2H) ได้นานถึง 10 วัน(5) สำหรับครัวเรือนทั่วไป โดยแบตเตอรี่ต้องถูกชาร์จไฟเต็มและมีน้ำมันเต็มถัง ดังนั้น มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการขับเคลื่อนในแบบที่ยั่งยืน เพราะเป็นยานยนต์ที่สามารถใช้งานได้จริง มีความทนทาน มีประสิทธิภาพ มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ และเป็นรถยนต์พีเอชอีวี สัญชาติญี่ปุ่นรุ่นแรกที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   

 
Read More

อีซูซุ ได้รับรางวัลจากประเทศ ออสเตรเลีย

“อีซูซุดีแมคซ์” คว้ารางวัลรถยนต์แห่งปี 2021 ประเภทรถปิกอัพ 4 ประตูยอดเยี่ยม จากสื่อดังในประเทศออสเตรเลียdrive.com.au ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ด้านรถยนต์ชื่อดังในประเทศออสเตรเลีย  drive.com.au ตัดสินให้ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เป็นผู้ชนะรางวัล “รถยนต์แห่งปี 2021” ประเภทรถปิกอัพ 4 ประตูยอดเยี่ยม จากไดร์ฟ (“2021 Drive Car of the Year Awards”, Best Dual Cab Ute Category) จากการตัดสินของคณะกรรมการซึ่งเป็นสื่อมวลชนผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์ออสเตรเลีย ด้วยการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ทั้งบนสภาพถนนปกติและในสนามแข่ง โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย ประสบการณ์และความสะดวกสบายในการขับขี่ รวมถึงสมรรถนะ และการควบคุมรถ เป็นต้น ไดร์ฟ (Drive) กล่าวชื่นชม “อีซูซุดีแมคซ์” ว่าเป็นรถปิกอัพที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดที่จำหน่ายในออสเตรเลียในขณะนี้ โดยมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอย่างครบครันเป็นมาตรฐาน และ “อีซูซุดีแมคซ์” ยังเป็นรถปิกอัพรายแรกในประเทศออสเตรเลียที่ได้รับการประเมินระดับสูงสุดห้าดาวจากสถาบันทดสอบความปลอดภัยหรือ ANCAP ซึ่งใช้หลักเกณฑ์การทดสอบล่าสุดที่เข้มงวดกว่าเดิม  นอกจากนี้ “อีซูซุดีแมคซ์” ยังช่วยสร้างสุนทรียภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ปิกอัพสไตล์ออฟโรด “อีซูซุดีแมคซ์” ยังมีสมรรถนะการปีนไต่ทางชันที่ดีเยี่ยมอีกด้วย  

 
Read More

บริดจสโตน ประเทศไทย สมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

บริดจสโตน ประเทศไทย ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนการทำงานของบุคลากร และอาสาสมัครในทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ ให้แก่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ (โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ) สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในชุมชนคลองเตย มูลนิธิดวงประทีป และสำหรับรถ SWAB Mobile Unit มูลนิธิโรงพยาบาล   พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร โดยบริดจสโตนขอร่วมเดินทางเคียงข้างคนไทยอย่างปลอดภัยร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน    คุณนันธกา สาตราภัย ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 ระลอกที่สามในประเทศไทย ที่มีปริมาณผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ทุกภาคส่วนของประเทศโดยต้องรับมือกับภาวะวิกฤตนี้อย่างเต็มกำลัง ทั้งความต้องการจากโรงพยาบาลสนามเพื่อให้พร้อมรองรับและดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด รวมถึงความต้องการด้านอุปกรณ์​ทางการแพทย์​ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ โดย บริดจสโตนประเทศไทย เราได้ดำเนินการสนับสนุนทางด้านการแพทย์อย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้บุคลากรและอาสาสมัครทุกภาคส่วนเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังและปลอดภัย รวมทั้งขอเป็นอีกพลังใจให้คนไทยทุกคนฝ่าวิกฤตโควิด–19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน”  ทั้งนี้ บริดจสโตน ประเทศไทย พร้อมทั้งพนักงานในเครือบริดจสโตน 4 บริษัทฯ คือ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัดบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที. (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ทีบีเอสซีโลจิสติกส์จำกัด ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 และชุด PPE สำหรับโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์(โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ) จำนวน 219,750.50 บาท สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในชุมชนคลองเตยมูลนิธิดวงประทีป จำนวน 218,150.50 บาท และมอบเงินสมทบทุนสำหรับรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย SWAB Mobile Unit ให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จำนวน 115,651 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงิน 553,552 บาท  

 
Read More

เบนซ์ ไพรม์มัส มอบโปรรับฝนนี้

BENZ PRIMUS ประกาศต้อนรับหน้าฝนนี้ ด้วยสิ่งดีๆ สำหรับลูกค้า “เบนซ์ไพรม์มัส“ เพิ่มความมั่นใจ ขับขี่ปลอดภัยไร้ COVID มอบโปรรับหน้าฝน ตรวจเช็กสภาพรถ ฟรี! 72 รายการ ส่วนลดอะไหล่แท้สูงสุด 20% มอบ Premium Gift ทันที เมื่อมียอดใช้จ่าย 5,000บาทขึ้นไป เร่งขานรับนโยบายรัฐ ส่งพนักงานทุกคนฉีดวัคซีน COVID-19 ครบ  แถมบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคในรถ ฟรี! เริ่ม 1 มิ.ย. – 31 ก.ค.64 เฉพาะที่ “เบนซ์ไพรม์มัส” เท่านั้น  คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด บริษัทในเครือทีโอเอ เวนเจอร์โฮลดิ้ง (TOAVH)  ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า  จากนโยบายของ “เบนซ์ไพรม์มัส” ที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุด ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้าเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกเส้นทางการขับขี่ ที่สำคัญ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้านบริการหลังการขายกับบริการมาตรฐานระดับโลก ด้วยการจัดแคมเปญพิเศษต้อนรับฤดูฝน โดยเชิญชวนลูกค้า  “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” นำรถยนต์เข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพ พร้อมส่วนลดและข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ มากมาย ที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ “เบนซ์ไพรม์มัส”   พร้อมขานรับนโยบายของภาครัฐ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยการให้พนักงานทุกภาคส่วนเข้ารับการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบทุกคน และเพิ่มบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรค ภายในห้องโดยสารรถยนต์ทุกคัน ทั้งก่อนและหลัง เข้ารับบริการ ที่ศูนย์บริการฯ  “เบนซ์ไพรม์มัส”  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงฤดูฝน ทาง “เบนซ์ไพรม์มัส” จึงขอเชิญชวนลูกค้า “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” นำรถยนต์เข้ารับบริการภายในศูนย์บริการฯ “เบนซ์ไพรม์มัส” รับมอบแคมเปญพิเศษ…

 
Read More

โครงการ ‘i-rEzEPT’

จากการที่คนใช้ นิสสัน ลีฟ โดยการเชื่อมต่อรถยนต์ไฟฟ้าเข้ากับระบบโครงข่ายไฟฟ้าของภาครัฐ และเอกชนได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจในระหว่างการทดลองระบบ เป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่ผู้เข้าร่วมโครงการไม่เพียงแต่จะได้รับความพึงพอใจในด้านการขับขี่ แต่ยังได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นเองเพื่อใช้สำหรับที่พักอาศัย ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ให้สัมภาษณ์ และรีวิวการใช้งานที่ผ่านมาอีกด้วยการทดสอบภาคสนามในฐานะผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้านิสสัน ได้นำ ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100% และอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไปติดตั้งที่บ้าน 13 หลังในประเทศเยอรมนี โดยทุกหลังจะต้องมีระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์อยู่แล้ว โดยเป้าหมายคือการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ผลิตเองในครัวเรือนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้พลังงานจากระบบโครงข่ายไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การใช้ประโยชน์จากการชาร์จแบบสองทิศทางถือเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน ลีฟ หรือที่เรียกว่า V2G(vehicle-to-grid) เทคโนโลยีถ่ายเทพลังงานจากยานพาหนะสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถใช้นิสสัน ลีฟสำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของแผงโซลาเซลล์บนหลังคาบ้านในแบตเตอรี่ของนิสสัน ลีฟ และหากจำเป็นก็สามารถนำพลังงานไฟฟ้าจากรถไปใช้ในครัวเรือนหรือย้อนกระแสไฟฟ้าคืนสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า นิสสันเปิดตัวโครงการ “i-rEzEPT” ย่อมาจาก “intelligent regenerative electric vehicles for self-power maximisation and primary control market participation” หมายถึง รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่เพื่อเพิ่มพลังในตัว และสามารถกำหนดการมีส่วนร่วมในตลาด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และยังเน้นถึงบทบาทของรถยนต์ไฟฟ้าในการรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าของภาครัฐและเอกชน ซึ่งได้ร่วมกับ บ๊อช ไอโอ (Bosch.IO) สถาบันฟรอนโฮเฟอร์ ไอเอฟเอเอม (Fraunhofer Institutes IFAM) และ ไอเอโอ (IAO)  การร่วมทุนครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการระดมทุนสำหรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มีมูลค่ารวมถึง 2.39ล้านยูโร สเตฟาน ซอนน์ทาก ผู้จัดการโครงการการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (E-Mobility) จาก นาว จีเอ็มบีเอช (Stefan Sonntag, Program…

 
Read More

รถจักรยานยนต์ฮอนด้าชวน “ฝึกคิด ขี่ฉลาด”

ในการเรียนรู้การคาดการณ์อุบัติเหตุ ฝึกง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์โครงการ APT โดยศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ห่วงใยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ใช้ท้องถนนในเมืองไทย ร่วมเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุผ่านโปรแกรมฝึกทักษะคาดการณ์อุบัติเหตุ ภายใต้แนวคิด “ฝึกคิด ขี่ฉลาด” บนเว็บไซต์ www.hondasafetyAPT.com ที่จำลองสถานการณ์หลากหลายรูปแบบให้เข้าใจง่ายและได้ความรู้ สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะในการตัดสินใจ หวังลดความเสี่ยงจากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาดของผู้ขับขี่ จากผลโครงการวิจัยเพื่อเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ จัดทำโดยศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย (Thailand Accident Research Center-TARC) ภายใต้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เมื่อเร็วๆ นี้ได้ทำการวิจัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริงจำนวน 1,000 กรณีศึกษา ระหว่างปี 2559-2563 โดยผลการวิจัยระบุว่า ในกลุ่มอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 49 เกิดจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด (Perception Failure) รองลงมาร้อยละ 32 เกิดจากผู้ขับขี่ตัดสินใจผิดพลาดขณะเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉิน (Decision Failure) และร้อยละ 13 เกิดจากผู้ขับขี่ควบคุมรถผิดพลาด (Reaction Failure) สำหรับสาเหตุหลักนี้สะท้อนว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ยังขาดทักษะด้านการคาดการณ์อุบัติเหตุ อีกทั้งไม่สามารถตัดสินใจได้ทันที และทำการควบคุมรถเพื่อหลบหลีกการชนหรืออุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ในฐานะผู้นำในการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2532 จึงเสนอหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ คือ โครงการ APT (Accident Prediction Training) หรือฮอนด้าฝึกทักษะการคาดการณ์อุบัติเหตุ ภายใต้แนวคิด “ฝึกคิด ขี่ฉลาด” ผ่านการใช้โปรแกรมฝึกทักษะคาดการณ์อุบัติเหตุในรูปแบบ Interactive Animation ที่เข้าใจง่าย ได้ความรู้ และมีความสนุกสนานเหมือนกำลังเล่นเกมบนเว็บไซต์ www.hondasafetyAPT.com  โดยเนื้อหาในเว็บไซต์ประกอบด้วยแบบจำลองอุบัติเหตุถึง 70 เคส ที่จำลองสถานการณ์ต่างๆ จากผลวิจัยอุบัติเหตุ ให้ผู้ใช้งานได้เห็นกระบวนการก่อนเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงฝึกประเมินจุดเสี่ยงและรับฟังคำแนะนำวิธีการขับขี่ เสริมสร้างทักษะให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเมื่อพบกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดคิด ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเรียนรู้ฝึกทักษะคาดการณ์อุบัติเหตุ เพื่อช่วยการตัดสินใจอย่างแม่นยำขณะใช้รถใช้ถนน สามารถคลิกเข้าไปได้ที่ www.hondasafetyAPT.com รวมถึงติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก : facebook.com/HondaSafetyThailand และเว็บไซต์ : hondasafety.thaihonda.co.th…

 
Read More

มาสด้าปรับทัพ

การบริหารองค์กร เพื่อรองรับการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล มาสด้า ดัน ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กำหนดกลยุทธ์การขาย การตลาด ดีลเลอร์และลูกค้าขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง มาสด้าปรับทัพผู้บริหารรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่กำลังรุกคืบเข้าสู่สังคมไทยอย่างรวดเร็ว โดยมอบหมายให้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ขยับขึ้นดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารอาวุโส เพื่อเข้ามากำกับดูแลในส่วนของการกำหนดกลยุทธ์การขาย การตลาด และการพัฒนาธุรกิจของมาสด้า เนื่องจากปัจจุบันโลกของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่หยุดนิ่ง เกิดโอกาสใหม่ เกิดความท้าทาย และความเป็นไปได้มากมาย มาสด้าต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นการปรับทัพในครั้งนี้จะทำให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล และขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เร่งสร้างการเติบโตให้ยั่งยืนภายใต้การทำงานเป็นทีม หรือ One Mazda ปัจจุบัน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหาร กำกับดูแลรับผิดชอบในส่วนงานการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารอาวุโส เพื่อกำกับดูแลในส่วนสำคัญขององค์กรระหว่างประเทศ ทั้งสายงานด้านการขาย กลยุทธ์ด้านการตลาด การกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานองค์กร การพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด การตลาดดิจิทัล การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาธุรกิจและเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ และรัฐกิจสัมพันธ์ ที่สำคัญคือการมุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดและสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป  คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ามาบริหารองค์กรระหว่างประเทศท่ามกลางวิกฤตที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ว่า “ด้วยสปิริตและความมุ่งมั่นที่เป็นเสมือนดีเอ็นเอมาสด้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การปรับทัพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกการค้าเสรียุคดิจิทัลในครั้งนี้ จะสามารถนำพาให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกยุคดิจิทัลมีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทั้งในการเลือกซื้อรถและความพึงพอใจของลูกค้า…

 
Read More

ยามาฮ่าเดินหน้าร่วมต้านโควิด-19

ในการสนับสนุนลังกระดาษสำหรับการสร้างเตียงสนามเพื่อผู้ป่วยโควิด จำนวน 100 เตียง จากยามาฮ่า คุณสมเกียรติ พูลขวัญ รองผู้จัดการใหญ่ด้านบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ทำการส่งมอบลังกระดาษจำนวนกว่า 1,800 กิโลกรัม ให้กับ คุณพิชิต สมบัติมาก ผู้ช่วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยลังกระดาษที่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมมอบในครั้งนี้จะถูกส่งต่อไปให้กับ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท SCG Packaging นำไปรีไซเคิลเพื่อทำเป็นเตียงสนามสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 100 เตียง และทำการส่งต่อให้กับโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ  สำหรับการส่งมอบลังกระดาษสำหรับทำเตียงสนามช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในครั้งนี้ มีขึ้น ณ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด นับเป็น 1 ในโครงการ ”ยามาฮ่าร่วมใจต้านภัยโควิด-19” ที่ยามาฮ่าดำเนินมาอย่างต่อเนื่องโดยเริ่มต้นโครงการนี้ตั้งแต่การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย  

 
Read More
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed