มิตซูบิชิ ส่งออกรถยนต์รวม 5 ล้านคัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฉลองชัยส่งออกสะสมรวม 5 ล้านคัน คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย มร.นะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย ร่วมเป็นประธานในพิธีฉลองชัยในวาระที่บริษัท  มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคัน ณ ท่าเทียบเรือ เอ็น วาย เค เทอร์มินอล    เอ วัน (A1) ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมี คุณนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย มร.โทโมฟุมิ ฮิราคุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และ มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีฉลองชัยอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสที่มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมถึง 5 ล้านคัน ณ ท่าเทียบเรือ เอ็น วาย เค เทอร์มินอล เอ วัน (A1) ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ย้ำความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกประเทศญี่ปุ่น

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า “การที่ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ช่วยผลักดันให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อส่งออกที่สำคัญของเครือมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง โรงงานพ่นสี 1 แห่ง รวมถึงสนามทดสอบรถยนต์เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาแห่งแรกของโลกที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีสถาบันการศึกษาและฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะพนักงานและผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิที่ครอบคลุมทั่วไทย ทั้งนี้ ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่แหลมฉบัง เป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิจากไทยไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า 120 ประเทศทั่วโลก โดยตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าการผลิตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีการจ้างงานมากกว่า 400,000 ตำแหน่ง จึงนับเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทย เสริมรากฐานการเติบโตและร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน เรามีแผนการลงทุนเพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด เสริมประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์ ตลอดจนยกระดับศูนย์ปฏิบัติการของบริษัทฯ ให้มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนมาใช้ เรามุ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งเคียงข้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมไทย โดยดำเนินโครงการสนับสนุนการลดคาร์บอนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และริเริ่มปูทางสู่ความยั่งยืนแห่งอนาคตด้วยการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจนและแน่วแน่ในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลาง”   

พิธีฉลองเนื่องในโอกาสที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมถึง 5 ล้านคัน ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมเป็นประธานในพิธีและกล่าวแสดงความยินดีต่อก้าวสำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้วยความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยได้กล่าวว่า “ในฐานะที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งมีการส่งออกรถยนต์มากเป็นอันดับต้นๆ ความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในวันนี้ ก็ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของประเทศไทยและประชาชนคนไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ขยายผลสู่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ผมขอบคุณในความมุ่งมั่นของ     มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่พัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่งและเติบโตเคียงข้างสังคมไทยมาโดยตลอด” 


มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี 2504 และเริ่มเปิดสายการผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2535 ณ โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส แห่งแรกในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ต่อมาในปี 2539 จึงได้ขยายสู่โรงงานแหลมฉบัง 2 ขณะที่โรงงานแหลมฉบัง 3 เปิดทำการในปี 2550 ส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการผลิตรถยนต์และรถกระบะขนาด 1 ตันที่มีคุณภาพระดับโลก เพื่อการจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกสู่นานาชาติ โดยในปัจจุบันมีรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานแหลมฉบังในประเทศไทย ทั้งหมด 5 รุ่น ประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี

ตลอดระยะเวลากว่า 61 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเพื่อการเติบโตของประเทศไทยผ่าน 7 แกนหลักสำคัญ ประกอบด้วย การลงทุน สิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การช่วยเหลือสังคม การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ การจ้างงาน และการส่งออก 

ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์รายแรกของไทยที่ส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยคนไทยสู่ต่างประเทศ โดยรถยนต์รุ่นแรกที่บริษัทฯ ส่งออกคือ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ ซึ่งส่งไปยังประเทศแคนาดาในปี 2531 หลังจากนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจส่งออกรถยนต์อย่างต่อเนื่อง จนมียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 1 ล้านคัน ในปี 2550 และมียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมเป็นลำดับ ดังนี้

ปี 2556: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 2 ล้านคัน

ปี 2559: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 3 ล้านคัน

ปี 2562: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 4 ล้านคัน

ปัจจุบัน โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังนับเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตรถยนต์มากกว่า 400,000 คันต่อปี และส่งออกไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2562 ถึงเดือนตุลาคม 2565 บริษัทฯ มีการส่งออกยานยนต์ไปยังประเทศออสเตรเลียมากเป็นอันดับ 1 ตามด้วยประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ชิลี และซาอุดิอาระเบีย โดยมีโมเดลสำคัญคือ รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรุ่นยอดนิยมที่ส่งออกมากที่สุดด้วยสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด ตามด้วยมิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สำหรับรถยนต์รุ่นหลักที่ส่งออกไปยังต่างประเทศในวาระที่มียอดส่งออกสะสมรวม 5 ล้านคัน คือ มิตซูบิชิ ไทรทัน” 

ก้าวสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในวาระที่มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคันครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหลักชัยแห่งความสำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นปี 2565 บริษัทฯ ได้เปิดทำการโรงงานพ่นสีระดับโลกแห่งใหม่ ซึ่งใช้นวัตกรรมด้านการพ่นสีด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการยกระดับคุณภาพและศักยภาพการผลิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้งในตลาดรถยนต์ภายในและต่างประเทศ

 

Related posts

Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed