คาราวาน อีซูซุ วี-ครอส 4×4

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ได้จัดคาราวาน อีซูซุ วี-ครอส 4×4 “พลังดี…เปลี่ยนโลก” เพื่อสนับสนุนพลังความดีสู่สังคมของเหล่าเจ้าหน้าที่กลุ่มวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิต  ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลผู้ซึ่งเสียสละฟันฝ่าทุกอุปสรรค เพื่อให้อีกหลายพันชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความกว้างใหญ่ของพื้นที่ป่าในเขตภาคเหนือตอนบน ห่างไกลจากความเจริญด้วยอุปสรรคจากการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้ชีวิตช่วงกลางคืนมีแต่ความมืดมิด ได้สัมผัสกับแสงสว่างจากไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

กลุ่มตรีเพชรโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า “คาราวาน อีซูซุวี-ครอส 4×4 “พลังดี…เปลี่ยนโลก” เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของคนอีซูซุ ผ่านสมาชิกชมรมผู้จำหน่ายอีซูซุรุ่นใหม่และผู้จำหน่ายอีซูซุทั่วประเทศ โดยครั้งนี้เดินทางไปที่หมู่บ้านปายสองแง่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งการเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบากต้องผ่านเส้นทางออฟโรด ผาสูงชัน ทางแคบริมเหว ทางโคลน และอุปสรรคมากมาย แต่ความยากลำบากเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละของคนกลุ่มหนึ่งที่มีหัวใจสว่างไสว นำโดย รศ.ดร.ศักดิ์ดา จงแก้ววัฒนา อาจารย์จากภาควิชาพืชศาสตร์และปฐพีศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นผู้ประสานงานเครือข่ายวิจัยเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ตลอดจนกลุ่มเจ้าหน้าที่กลุ่มวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิต ที่เสียสละเวลาส่วนตัวนอกเหนือจากการสอน รวมถึงทุนทรัพย์ของตนเอง ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เสี่ยงชีวิตหลายครั้งเพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ทุรกันดารที่ขาดแคลน ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ในเวลาค่ำคืน ด้วยการมอบแสงสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 12 โวลต์ ซึ่งเป็นระบบพลังงานทางเลือกที่ยั่งยืนอย่างพอเพียง บำรุงรักษาง่าย พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือการแบ่งแยกใด ๆ มานานกว่า 10 ปี ช่วยเหลือชุมชนไปแล้วกว่า 70 แห่ง กลุ่มอีซูซุได้ร่วม   สบทบทุนบริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดสร้างระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แก่ 16 หมู่บ้าน ภาคเหนือตอนบน, บ่อยางเก็บน้ำ, อุปกรณ์การศึกษา และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่าง ๆ รวมมูลค่ากว่า 1,075,600 บาท และได้มอบรถ “อีซูซุดีแมคซ์วี-ครอส 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์” 4 ประตู จำนวน  1 คัน มูลค่า 1,054,000 บาท สำหรับการปฏิบัติภารกิจอีกด้วย โดยอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่นี้เป็นพลังแห่งความดีที่อีซูซุตั้งใจที่จะเผยแพร่เรื่องราวของสองมือผู้สร้างความเจริญสู่ดินแดนหลังหุบเขา ผ่านคลิปภาพยนตร์สั้นทางโซเซียลเน็ตเวิร์คให้ผู้สนใจได้รับชม ในชื่อชุด “ไร้ค่า…หรือรู้ค่า ??” จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปได้ติดตามชม เพื่อร่วมส่งแรงใจสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่อุทิศตนเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสที่ยังมีอีกมากในประเทศไทยของเรา”

รศ.ดร.ศักดิ์ดา จงแก้ววัฒนา หัวหน้าคณะทำงานของมูลนิธิวิจัยและพัฒนาคุณภาพชีวิต เผยถึงการร่วมมือกันสานต่อพลังความดีสู่สังคมในครั้งนี้ว่า “ในการทำงานทุกครั้ง สิ่งหนึ่งที่ยึดถือมาโดยตลอด คือ สถานที่ไหนที่คนอื่นยังไม่ไป ผมและทีมงานจะเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเรารู้ว่าในที่ ๆ นั้นยังมีคนที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่ และถ้าเราไม่ทำก็คงจะไม่มีใครที่จะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นได้ โดยไฟฟ้าที่เราให้นั้นไม่ใช่เพื่อความสะดวกสบายใด ๆ แต่เป็นไฟขนาด 12 โวลต์ที่ผมคิดค้นและออกแบบมาให้ผลิตด้วยต้นทุนต่ำ ดูแลรักษาง่าย ใช้กำลังไฟไม่มาก แต่เพียงพอสำหรับให้แสงสว่างที่ยาวนาน โดยแผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก 1 แผงและแบตเตอรี่รถยนต์ 1 ลูกนั้นพอเพียงกับชาวบ้านที่จะได้ใช้อย่างยั่งยืนทั่วทั้งหมู่บ้าน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในการเยียวยาความเป็นอยู่ของพวกเขาจากหนึ่งหมู่บ้านจนถึงปัจจุบันเพิ่มเป็น 43 หมู่บ้าน รวมกว่าพันหลังคาเรือน การทำงานเรื่องแสงไฟก็เป็นเหมือนการเริ่มจุดเทียนนำทางความดี เมื่อมีแสงไฟพวกเขาจะรู้สึกว่ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น  แล้วก็พร้อมเปิดใจให้ผมและทีมงานก้าวเข้าไปช่วยพัฒนาสิ่งที่พวกเขาขาดแคลนในด้านต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และในครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เป็นอย่างมากที่ได้มอบรถปิกอัพอีซูซุ วี-ครอส 4×4 คันนี้มาให้    ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานในการเข้าช่วยเหลือชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ยากจะเข้าถึงนั้นเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเงินบริจาคกว่าล้านบาทจากกลุ่มอีซูซุในประเทศไทยที่จะสามารถนำมาใช้สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป”

อนึ่ง หมู่บ้านปายสองแง่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหนึ่งในพื้นที่ทุรกันดารและเข้าถึงยากที่มูลนิธิฯ เข้าไปให้ความช่วยเหลือ นอกจากชาวบ้านจะขาดแคลนในหลายๆ ด้านแล้ว ยามค่ำคืนยังต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต และการเดินเท้าที่เสี่ยงอันตรายจากสัตว์มีพิษต่าง ๆ เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง นอกจากนี้การเดินทางไปยังหมู่บ้าน ต้องผ่านหน้าผาสูงชัน ผ่านทางแคบ ริมเหว ประกอบกับมีดินโคลนหนาลึกตลอดเส้นทาง นับเป็นเส้นทางสุดทรหดที่ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง แต่ด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยมและสมรรถนะเหนือชั้นของรถอีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส 4X4 ทำให้ไปถึงจุดหมายได้ในที่สุด โดยได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และชาวบ้านปายสองแง่พร้อมชุมชนใกล้เคียงอย่างอบอุ่น ร่วมติดตามผ่านภาพยนตร์สั้นทางโซเซียลเน็ตเวิร์ค ชุด “ไร้ค่า…หรือรู้ค่า ??”ทาง www.isuzu-tis.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

Related posts

Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On YoutubeCheck Our Feed