ด้วย Life Style Community เชื่อมโยง ใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้น มร.โนริอากิ ยามาชิตะกก.ผจกญ. คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รอง กก.ผจกญ. โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และ คุณขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. ร่วมเปิด “TOYOTA ALIVE” Life Style Complex มุ่งมั่นเชื่อมโยง ใกล้ชิดลูกค้ายิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ “Customer Touch Point” เนื่องในวาระฉลองครบรอบ 60 ปี “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”
Category: Social
Benz Primus Autohaus เปิดประสบการณ์แห่งความท้าทายใหม่
ในงาน “Mercedes-AMG Track Day” โดย Benz Primus Autohaus นำทีมโดย “คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ” ประธาน และ “คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด ชวนลูกค้าคนพิเศษร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีพ ในงาน “Mercedes-AMG Track Day” ณ สนามแข่งระดับโลก “Chang International Circuit” จ.บุรีรัมย์ โดยเดินทางแบบคาราวานรถยนต์ จากโชว์รูม Benz Primus สู่ร้านอาหารMidwinter Green ลิ้มลองรสชาติอาหารที่ปรุงแต่งพิเศษ ท่ามกลางธรรมชาติของเขาใหญ่ และมุ่งหน้าไปโรงแรมที่พัก Amari Buriram United อวดโฉม 6 รถยนต์รุ่นดาวเด่น ให้ชมและเก็บภาพ ก่อนเช็คอินน์เข้าที่พัก ในงานเลี้ยงต้อนรับ หลังชม VDO แนะนำ Benz Primus และ TOAVH “คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ” ขึ้นกล่าวต้อนรับและขอบคุณลูกค้าที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และ “คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์” ได้แจ้งกำหนดการในวันพรุ่งนี้ ก่อนเชิญร่วมทานอาหารค่ำในแบบ Sit-Down Dinner ที่คัดสรรเมนูอาหารสุดพิเศษ พร้อมความสนุกสนานกับเสียงเพลงจากวงดนตรี “iHearBand” ที่สร้างสีสันให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ วันรุ่งขึ้น เริ่มต้นกิจกรรม Mercedes-AMG Track Day กับประสบการณ์ความท้าทายบทใหม่ในการขับขี่รถยนต์ที่เปี่ยมสมรรถนะ ตั้งแต่ A-Class ถึง S-Class ในแบบ Saloon, Coupe’ และ SUV รวมเกือบ 20 คัน ให้เลือกทดลองขับได้อย่างเต็มที่ จากนั้นเข้าสู่โหมดการขับขี่ ทีม Certified Instuctor ได้แนะนำเทคนิคเบื้องต้นในการเตรียมความพร้อมก่อนลงขับในสนามแข่ง อาทิ การปรับเบาะ การวางตำแหน่งมือ การจับพวงมาลัย และการใช้อุปกรณ์ฟังก์ชั่นต่างๆ ช่วงเช้า เป็นการทดลองขับในเรื่องการเร่งความเร็ว เพื่อเร่งแซง การยึดเกาะถนน ความแม่นยำในการเข้าโค้งและการเบรกหยุดกระทันหัน ช่วงบ่าย เป็นการขับแบบ Full Trak โดยทุกท่านเลือกรถรุ่นที่สนใจหรือนำรถตนเองลงขับในสนามได้เช่นกัน เพื่อให้สัมผัสสมรรถนะของรถยนต์ ในสนามแข่งแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ ปิดท้าย ด้วยการมอบรางวัลโมเดลรถยนต์สำหรับ 3 ผู้ชนะที่ทำเวลาต่ำสุดในการขับ Full Track พร้อมมอบประกาศนียบัตร Mercedes-AMG Track Day และกรอบรูปสุดหรู เป็นที่ระลึกในการร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับครอบครัว Benz Primus ในครั้งนี้
Audi Urbansphere รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่
อาวดี้ เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์สู่โลกอนาคตที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น เกินกว่าใครจะคาดคิด พร้อมเชื่อมจินตนาการในอดีตสู่การสร้างแรงบันดาลใจใหม่ในโลกอนาคตให้เป็นจริง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นที่ 3 ในตระกูล Sphere นั่นคือ “Urbansphere” ในรูปแบบรถเอนกประสงค์ที่ล้ำสมัย เป็นครั้งแรกของอาวดี้ พร้อมสร้างนิยามใหม่ของประสบการณ์เดินทางระดับเฟิร์สคลาส ตอบโจทย์ในอนาคตเพื่อเติมเต็มความต้องการของชีวิตในเมืองใหญ่ ที่พื้นที่ส่วนตัวเป็นสิ่งที่หาได้ยากลงไปทุกที ขณะที่การเชื่อมต่อเทคโนโลยีในชีวิตและการเดินทางสอดประสานสู่ความสำเร็จเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด รวมถึงความสะดวกสบายและความรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการสุดๆ เช่นกัน ในทันทีที่ก้าวเข้าไปรถ “Urbansphere” เป็นรถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นที่ 3 ในตระกูล “Sphere” ที่ได้รับความสนใจทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและความสะดวกสบายเหนือระดับ หลังจากเปิดตัวรถ Skysphere รถยนต์ต้นแบบสปอร์ตโรดสเตอร์พลังงานไฟฟ้า และ Grandsphere concept พรีเมียมซีดานขนาดใหญ่ 4 ที่นั่ง ไปเมื่อปลายปี 2021 แนวคิดในการออกแบบและพัฒนายานยนต์พลังไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในซีรีย์ “Sphere” คือ การสร้างระบบนิเวศใหม่ (ecosystem) เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเลือกกำหนดให้เหมาะสมกับตนเองได้อย่างอิสระไม่ว่าจะต้องการพักผ่อน ทำงาน ประชุมร่วมกัน หรือความเป็นส่วนตัว ซึ่งเทคโนโลยีอันก้าวล้ำของอาวดี้ ได้ทำให้ความเป็นไปได้แทบจะไม่มีที่สิ้นสุด รวมถึงบริการดิจิทัลในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการจองร้านอาหาร ชอปปิ้งออนไลน์จากรถ เช็คข้อมูลสุขภาพ สามารถไปรับผู้โดยสารได้เองที่บ้าน การหาที่จอดรถ และหาจุดชาร์จแบตเตอรี่ได้เอง “Urbansphere” จึงเป็นมากกว่ายานพาหนะเพื่อใช้เดินทางเพียงอย่างเดียว แต่กลับเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งอนาคตที่ขาดไม่ได้ Urbansphere ที่เพิ่งอวดโฉมเป็นครั้งแรกในโลก นับเป็นรถยนต์ต้นแบบที่สะท้อนความก้าวหน้าของวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของอาวดี้ ที่ต้องการผสานเรื่องความยั่งยืน การพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และความก้าวหน้าของโลกดิจิทัล ให้สามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการของชีวิตยุคใหม่ที่รถยนต์สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่า จึงมีการปรับกระบวนการทำงานใหม่ทั้งหมด ที่เรียกว่า กระบวนการสร้างงานร่วม(Co-creation process) คือ ตั้งแต่การออกแบบและพัฒนา โดยนอกจากทีมนักออกแบบและวิศวกรของ Audi Design Studio ในปักกิ่งและสำนักงานใหญ่ Ingolstadt ที่ประเทศเยอรมัน จะได้มาทำงานร่วมกันแล้ว ยังมีการเชิญลูกค้าในกรุงปักกิ่งเข้ามามีส่วนร่วมบอกเล่าประสบการณ์และความต้องการ เพื่อให้ “Urbansphere” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชีวิตยุคใหม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ได้อย่างแท้จริง ซึ่งเหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผ่อนคลาย ความสุขความบันเทิง การชาร์จพลังชีวิต พลังการทำงาน การมีช่วงเวลาสร้างสรรค์Productivity สู่ความสำเร็จในทุกๆ เรื่องอย่างสมดุล “Urbansphere” เป็นรถต้นแบบ MPV พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้ความสำคัญกับการมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในการใช้ชีวิตและทำงานในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแออัดและความเร่งรีบ จึงได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความอิสระมากที่สุด รองรับความรู้สึกอยากมีพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายทั้งกายและใจ โดยขนาดตัวถังยาวถึง 5.51 เมตร ความกว้าง 2.01 เมตร ความสูง 1.78 เมตร และความยาวฐานล้อ 3.40 เมตร ภายในออกแบบตกแต่งแบบพรีเมียม หรูหรา และทันสมัยสุดๆ พร้อมเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีโลกดิจิตัล สามารถใช้เป็นห้องทำงานเคลื่อนที่อัจฉริยะที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไฮเทคแบบครบครัน “Urbansphere” โดดเด่นด้วยประตูเปิดแบบกว้าง เบาะนั่งแบบแยกอิสระ 4 ที่นั่ง พื้นที่ภายในห้องโดยสารแบบเลานจ์ระดับเฟิร์สคลาสสัมผัสได้ถึงเรียบหรู โปร่งสบายตา เปรียบเสมือน third living space ที่ให้ความสะดวกสบายกับทุกช่วงเวลาเดินทาง ให้ความเงียบสงบแม้ในชั่วโมงเร่งด่วน มาพร้อมพื้นที่ส่วนตัวมีความกว้างขวาง หรูหรา “Urbansphere” ทรงพลังด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 120 กิโลวัตต่อชั่วโมง (kWh) สามารถวิ่งไกลได้ถึง 750 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 800 โวลต์ ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วถึง 270 กิโลวัตต์ ภายในเวลาเพียง 10 นาที สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 300 กิโลเมตร และใช้ระยะเวลาชาร์จพลังงานจาก5% – 80% น้อยกว่า 25 นาที Skysphere รุ่นที่ 1 ของรถต้นแบบในตระกูล Sphere สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้า 2 ที่นั่ง ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Horch 853 ในยุค 1930 ดีไซน์หรูล้ำสมัย จุดเด่นอยู่ที่ฐานล้อ ซึ่งสามารถยืดเข้าออกได้สูงสุด 250 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานอีกทั้งยังสามารถปรับช่วงล่างขึ้น-ลงได้สูงสุด 10 มิลลิเมตร เพื่อเลือกระหว่างความสบายในการโดยสารหรือเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ มาพร้อมกับฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติ “Experience Devices” มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด632 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 4 วินาที แบตเตอรี่ความจุ 80 กิโลวัตต์ วิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง Grandsphere รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าในตระกูล Sphere ที่มาในขนาดของ Luxury Premium Sedan อย่าง A8 ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4 ประตู ทรงยาวเป็นพิเศษ ดีไซน์สุดล้ำ สวยหรู โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Singleframe อันเป็นเอกลักษณ์ของอาวดี้ มาพร้อมความสะดวกสบายและครบครันด้วยฟังก์ชัน เริ่มตั้งแต่คอนโซลไร้ปุ่มกด มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่แสดงผลผ่านหน้าจอ MMI รับคำสั่งด้วยการวาดมือในอากาศหรือการขยับตัว พร้อมระบบกล้องที่คอยตรวจสอบสายตาและการเคลื่อนไหว รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ทั้ง 3 รุ่น ของตระกูล “Sphere” ทั้ง Skysphere Grandsphere และ Urbansphere ของอาวดี้ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการยกระดับยานยนต์แห่งโลกอนาคตไปอีกขั้น และการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า 100% ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะเพื่อการเดินทาง จากจุด A ไปจุด B แต่ทั้ง 3 ซีรีย์ มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (High Autonomation 4* SAE หรือ Society of Automotive Engineers) สามารถขับเคลื่อนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พวงมาลัยและแป้นเหยียบจะถูกพับเก็บและซ่อนไว้ในจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ โดยระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 4 จะทำหน้าที่ตรวจสอบการจราจรและพาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย นี่คือก้าวต่อไปของอาวดี้ ที่จะแสดงให้เห็นว่า นับจากนี้โลกแห่งการเคลื่อนที่ และประสบการณ์การขับขี่ในอนาคตอันใกล้นี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นอกเหนือจากเรื่องดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และสุนทรียภาพของการขับขี่ที่ใส่มาแบบไม่อั้นแล้วนั้น รถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ตระกูล Sphere ยังได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ถึงความพิเศษเฉพาะตัวจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าพรีเมียม Premium Platform Electric (PPE) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของ Volkswagen Group ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดึงศักยภาพของรถไฟฟ้า 100% รองรับรถรุ่นที่มีสมรรถนะการขับขี่สูง โดยมีการออกแบบให้ได้ประโยชน์ใช้สอย สามารถจัดการพื้นที่และติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ระหว่างเพลาล้อหน้า-หลังในตำแหน่งที่ต่ำ ทำให้วางแบตเตอรี่ความจุสูงได้อย่างเหมาะสม A6 Avant e-tron อีก Concept model ที่สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีของอาวดี้ คือ “A6 Avant e-tron ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ใช้แพลตฟอร์ม PPE เช่นเดียวกับรถในตระกูลSphere A6 Avant e-tron ได้รับการออกแบบให้มีสัดส่วนที่สง่างาม ลุคปราดเปรียว ดังคำบอกเล่าของ Oliver Hoffmannสมาชิกคณะกรรมการฝ่ายพัฒนาด้านเทคนิคของอาวดี้ “ด้วยแนวคิด Audi A6 Avant e-tron เรากำลังนำเสนอรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับรุ่นการผลิตในอนาคตบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี PPE ใหม่ของเรา ซึ่งเราไม่เพียงแต่กระตุ้นประวัติศาสตร์ 45 ปี ของ Avant ที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการสร้างรถไฟฟ้า100% ในตระกูล Avant ที่แฟนอาวดี้หลงรัก ทั้ง Design ที่โดดเด่น และประสิทธิภาพอันทรงพลัง 800 โวลต์ ชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 270 กิโลวัตต์ (fast charge) และสามารถวิ่งได้สูงสุด 700 กิโลเมตร” ตามมาตรฐาน WLTP อาวดี้ วางอนาคตในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายไม่ได้เพียงแค่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่จะต้องเป็นรถยนต์ที่มี DNA ของอาวดี้ สะท้อนปรัชญาVorsprung Durch Technik ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแค่นำเสนอให้เห็นความสามารถทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังลึกซึ้งถึงเรื่องการออกแบบรถยนต์ ตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงภายในที่สอดคล้องไปกับการใช้งานได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบาย สมรรถนะทรงพลัง ดีไซน์สปอร์ต ที่สำคัญเป็นรถยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบและพร้อมตอบสนองทุกการใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอาวดี้ สำหรับประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบาย “Future is Electric” ของ Audi AG ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา อาวดี้ ประเทศไทย รุกตลาดรถไฟฟ้าพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง โดย นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวว่า “อาวดี้ นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาจำหน่ายแล้ว 5 รุ่น รวมถึง Supercar พลังงานไฟฟ้า 100% RS Audi e-tron GT ซึ่ง อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเกมส์รุกชิงเปิดตัวเป็นประเทศแรกในเอเชีย และเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกของโลกที่ได้นำรถเข้ามาเปิดตัวก่อนใคร ถือเป็นก้าวสำคัญกับการทำตลาดในฐานะผู้นำรถไฟฟ้า 100% ในเซกเมนต์รถหรู ขณะที่ในเซกเมนต์ SUV นั้น Audi e-tron 55 quattro และ e-tron Sportback 55 quattro…
อีซูซุ มอบเงินพัฒนาวัคซีนโควิด-19
คณะบุคคลผู้ผลิตชิ้นส่วนอีซูซุ นำโดย มร.เคอิจิ ชูมะ ประธานคณะบุคคลฯ มร.มาซาชิ โอคุโบะ รองประธานบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้บริหารของผู้ผลิตชิ้นส่วนดีเด่น มอบเงินสมทบทุนสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมี ผศ.นพ. นครินทร์ ศิริทรัพย์ ผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เป็นผู้รับมอบ
มาสด้าแต่งตั้งประธานบริหารคนใหม่
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศต่อยอดทางธุรกิจ เตรียมสยายปีกรับการแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มเติม เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ประกาศแต่งตั้ง มร. ทาดาชิ มิอุระ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหารคนใหม่ พร้อมนำทัพทีมผู้บริหารคนไทยรุ่นใหม่ไฟแรงขึ้นแท่นนั่งบริหารงานครบทุกแผนกแสดงถึงศักยภาพความรู้ความสามารถของคนไทยที่สามารถก้าวขึ้นมาบริหารงานในตำแหน่งสำคัญๆ ในบริษัทญี่ปุ่น พร้อมประสานการทำงานร่วมกันทั้งในระดับระดับภูมิภาคจนถึงเวทีระดับโลก เพื่อบริหารจัดการธุรกิจมาสด้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล และสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการตลาด การขายและการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ทั้งนี้ มร. ทาดาชิ มิอุระ ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่ง ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ทำหน้าที่กำกับดูแลและรับผิดชอบในหลายตลาดหลักทั่วโลกให้กับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น อาทิ ตลาดยุโรป อเมริกาเหนือโอเชียเนีย รัสเซีย และล่าสุด คือ ไต้หวัน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริหารของมาสด้า มอเตอร์ ไต้หวัน มร. ทาดาชิ มิอุระ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเข้ามารับตำแหน่งประธานบริหารในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และเป็นตลาดหลักของมาสด้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตลาดประเทศไทยมียอดขายสะสมมากกว่า 700,000 คัน รวมถึงเป็นรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟอีกประมาณ300,000 คัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือการทำให้ลูกค้ามีความสุข อันเกิดจากคุณค่าแบรนด์และความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า” กลยุทธ์การบริหารธุรกิจของมาสด้าในปี 2565 คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณค่าของแบรนด์ ด้วยการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touchpoints และส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยมาสด้าจะขับเคลื่อนการบริการหลังการขายอย่างเต็มกำลัง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะการขยายศักยภาพของธุรกิจด้านบริการหลังการขายในหลายๆ ภาคส่วน อาทิ ศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานมาสด้า มาสด้า CPO โปรแกรมสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า ฯลฯ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าและเพิ่มสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าไปตลอดการครอบครองรถยนต์ นอกจากนั้น มาสด้ายังให้ความสำคัญกับการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อรองรับการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับลูกค้าและแฟนมาสด้า เพื่อสร้างโอกาสในการทำการตลาดแบบ Fan-based Marketing เพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย เพิ่มมูลค่าของแบรนด์มาสด้า และส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกท่าน นอกจากการแต่งตั้งประธานบริหารคนใหม่แล้ว มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยังได้เสริมทัพผู้บริหารซึ่งเป็นคนไทยขึ้นมาบริหารในตำแหน่งสำคัญๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพของการบริหารงานภายในองค์กรระดับโลก และระดับภูมิภาค ภายใต้นโยบายการทำงานร่วมกันเป็นทีม หรือ “One Mazda” หลอมรวมทุกหน่วยงานเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพแบบไร้รอยต่อ และก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับ คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข อดีตประธานบริหาร จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษา ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจยานยนต์มายาวนานหลายทศวรรษ คุณชาญชัยจะช่วยสนับสนุนธุรกิจมาสด้า ประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่มาสด้ามอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้บริหารชาวไทยที่มีความพร้อม ความเข้าใจตลาดและเข้าถึงลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง และต่อจากนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าเตรียมความพร้อมขึ้นไปอีกขั้น เพื่อดูแลลูกค้าให้ครบทุกด้านอย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความพึงพอใจให้กับลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าท้าทายความสามารถของตัวเองต่อไป เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ อันเป็นความปรารถนาของลูกค้า รวมถึงสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการเติมเต็มความมีชีวิตชีวาของลูกค้าจากประสบการณ์การครอบครองรถยนต์ ตามความวิสัยทัศน์ของมาสด้า เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป
TOYOTA GAZOO RACING Thailand Open 2022
สำหรับรายการแข่งขัน แบดมินตัน TOYOTA GAZOO RACING Thailand Open 2022 โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการโอลิมปิกสากลรองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายศุภกร รัตนะวราหะ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแถลงข่าวจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติในประเทศไทย 2 รายการ คือ THOMAS & UBER CUP FINALS และ TOYOTA GAZOO RACING Thailand Open 2022 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ณ โรงแรมอโนมาแกรนด์ กรุงเทพมหานคร คุณศุภกร รัตนะวราหะ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการกีฬาของประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการจัดการแข่งขัน การสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆเพื่อพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยให้พร้อมสำหรับการแข่งขันทุกระดับ ตลอดจนพัฒนารากฐานวงการกีฬาให้เกิดความแข็งแกร่ง รวมถึงการเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ” “สำหรับกีฬาแบดมินตันนั้น ถือเป็นกีฬาที่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย และนักกีฬาของเราสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ โตโยต้ามีความยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ 2 รายการใหญ่…
ฮอนด้า ซูเปอร์ไอเดีย คอนเทสต์ 2021
การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่าไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งพลังความฝัน จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนได้ จึงเดินหน้าจัดการแข่งขันเพื่อค้นหาตัวแทนนวัตกรจิ๋วในโครงการ “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ 2021” ในรูปแบบออนไลน์เต็มรูปเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ภายใต้แนวคิด “เปิดแคปซูลความฝัน ปลดปล่อยพลังแห่งจินตนาการ สานต่อไอเดียสุดสร้างสรรค์กับฮอนด้า” ซึ่งปีนี้มีจำนวนผู้ส่งผลงานทั้งสิ้น 5,723 ผลงาน โดยได้ตัวนวัตกรจิ๋วที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศและรับโล่พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษาได้แก่ ด.ช. วชิรวิชญ์ เชิดพานิช (โปรตอน) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนบ้านโครงงานครูกวีวิทย์ เจ้าของผลงาน“น้ำแข็งดับคาวอาหารทะเล” และนวัตกรจิ๋วที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอีก 5 รางวัล ได้ร่วมเปิดประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมออนไลน์กับเยาวชนญี่ปุ่น และเดินทางไปทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมมอบรางวัล “ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ” ให้แก่คุณครูที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมจินตนาการให้กับเยาวชนไทย
รอยัล เอ็นฟีลด์ ประกาศแผนขยายตลาด
รอยัล เอ็นฟีลด์ แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งยังดำเนินการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง และผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบรนด์รถจักรยานยนต์ขนาดกลางชั้นนำในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 7% หลังจากสร้างตลาดเฉพาะกลุ่ม (niche market) ของรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250-750 cc) ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันเติบโตขึ้นมากทั้งในประเทศอินเดีย และต่างประเทศทั่วโลก Classic 350 รถจักรยานยนต์รอยัล เอ็นฟีลด์ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้รถประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย All-New Royal Enfield Classic 350 เป็นรถจักยานยนต์รุ่นคลาสสิค ดีไซน์เหนือกาลเวลาที่สร้างขึ้นมาให้ตอบโจทย์คนยุคใหม่สื่อถึงความสวยเท่ และความมั่นใจ พร้อมทั้งส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เรียบลื่น ขณะเดียวกันรถจักรยานยนต์Meteor 350 รุ่นใหม่ล่าสุดก็มีกลิ่นอายของครูซเซอร์ขนานแท้ ด้วยรูปทรงที่คลาสสิกและการออกแบบที่เหนือกาลเวลา ทำให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ขี่ได้ง่ายทั้งในเมืองที่แสนวุ่นวาย บนถนนที่เปิดโล่ง และเส้นทางที่ท้าทาย รอยัล เอ็นฟีลด์ได้รับรางวัล BIKE OF THE YEAR 2022 อันทรงเกียรติถึง 3 รางวัล ติดต่อกันเป็นปีที่สองจาก กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป ในประเทศไทย โดย Classic 350 ได้รับรางวัล “Best Modern Classic Light Weight” และMeteor ได้รับรางวัล “Best Modern Classic over 250cc” ส่วน Himalayan นั้นก็ยังคงได้รับรางวัล “Best Touring Lightweight” เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน Thailand Bike of The Year 2022 เป็นการประกวดที่จัดโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อค้นหารถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดในแต่ละประเภท เป็นรางวัลด้านยานยนต์ที่ทรงเกียรติที่สุดงานหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งให้เกียรติแก่แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มุ่งมั่นยกระดับนวัตกรรมเพื่อให้บริการผู้บริโภค พร้อมปรับปรุงมาตรฐานยานยนต์ นอกจากนี้ Himalayan ความภาคภูมิใจของแบรนด์ ยังมาพร้อมกับแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด411cc เป็นรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ทัวริ่งของที่สร้างขึ้นสำหรับถนนทุกสาย และสำหรับการขับขี่แบบไม่มีถนนเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขี่แบบออฟโรด แต่ก็ยังยอดเยี่ยมสำหรับการขี่บนถนนในเขตเมืองด้วย Himalayan สะท้อนถึงมรดกอันน่าชื่นชมของแบรนด์ผ่านประสิทธิภาพ และการออกแบบอันโดดเด่นได้อย่างลงตัว ผู้ที่สนใจสามารถไปทดลองขี่รถจักรยานยนต์รอยัล เอ็นฟีลด์รุ่นต่าง ๆ รวมถึง All-new Classic 350, Meteor 350, Himalayan, Interceptor 650 และ Continental GT 650 ได้ที่รอยัล เอ็นฟีลด์ สโตร์ทั่วประเทศ
อีซูซุรับมอบโล่จาก สคบ. ประจำปี 2565
คุณอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณประเภทองค์กร ให้แก่ คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ในฐานะที่อีซูซุเป็นผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง ในงาน “วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย 2565”
“ค่าของแผ่นดิน”
โครงการฮอนด้าเมืองไทยปลอดภัย โดยรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คว้าโล่ประกาศเกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต จากการดำเนินกิจกรรมและรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ทศวรรษ ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า “รางวัลค่าของแผ่นดินถือเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากความมุ่งมั่นในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนมาอย่างต่อเนื่องถึง 33 ปี ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความปลอดภัย ที่ผ่านมาเราได้บุกเบิกการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย และเผยแพร่ความรู้ในด้านนี้ภายใต้โครงการฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย (Safety Thailand) ทั้งการพัฒนาหลักสูตรการขับขี่ปลอดภัยที่เหมาะสมกับสภาพจราจรในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการผลิตครูฝึกขับขี่ปลอดภัยเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เช่นเดียวกับการสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยในทุกภูมิภาคโดยร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายฯ สถานศึกษา และหน่วยงานของภาครัฐ รวมไปถึงการปลูกจิตสำนึกสาธารณะในการใช้รถใช้ถนนให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไป เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความปลอดภัยอย่างแท้จริง และจากนี้ไปเราก็จะยังคงมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละตามแนวทางของฮอนด้ามอเตอร์ที่ต้องการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจากยานยนต์ฮอนด้าลดครึ่งหนึ่งภายในปี 2030” สำหรับโครงการเมืองไทยปลอดภัยหรือ Safety Thailand เริ่มดำเนินกิจกรรมมาตั้งแต่ปี 1989 ตั้งแต่ยุคของบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด และดำเนินการมาจนมาถึงปัจจุบันในนามของ บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด โดยมีจุดเริ่มต้นจากการส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมที่ประเทศญี่ปุ่นและนำความรู้ รวมถึงวิธีการที่ได้รับมาพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพจราจรในประเทศไทยและพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย โดยหลักสูตรที่ทำการอบรมประกอบด้วยหลักสูตรพื้นฐานจนไปถึงระดับครูฝึก อาทิ หลักพื้นฐานการขับขี่ปลอดภัย 10 ประการ (PDSA), หลักสูตรขั้นพื้นฐาน, หลักสูตรสำหรับสอบใบขับขี่, หลักสูตรรถบิ๊กไบค์, หลักสูตรรถวิบาก รวมไปถึงหลักสูตรครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึก ล่าสุดยังได้เปิดโครงการฝึกทักษะการคาดการณ์อุบัติเหตุหรือ Accident Prediction Training (APT) ทางออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม นอกจากหลักสูตรต่างๆ แล้ว…