บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งล่าสุดกับ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด (Evolt Technology) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เพื่อขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควบคุมการชาร์จ และชำระเงินค่าชาร์จผ่านแอปพลิเคชั่น EVolt พร้อมรับสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 และสำหรับลูกค้ามินิ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ สามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะได้ราว 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนในประเทศไทยมาโดยตลอด เราร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 และเนื่องจากผู้ขับขี่ชาวไทยมีความต้องการด้านพลังงานยั่งยืนและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เราจึงมองเห็นโอกาสสำคัญในการทำงานร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพื่อขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ ให้ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการใช้งานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ เพื่อปูทางการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทยอีกด้วย” คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้กับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะเป็นการผนวกความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสถานีชาร์จไฟฟ้าและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอันล้ำสมัยของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ เพื่อนำเสนอบริการที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วยแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำศักยภาพและจุดแข็งของเราในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และช่วยผลักดันเป้าหมายแห่งการเติบโตให้กับบริษัทของเราในฐานะผู้ให้บริการระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย” จากความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ จะทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะมากถึง 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ ประกอบไปด้วยสถานีชาร์จไฟฟ้าของอีโวลท์ เทคโนโลยี และสถานีชาร์จของพันธมิตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานีชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สถานี ChargeNow และสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ทั้งนี้ เฉพาะลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่เป็นเจ้าของรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และ รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับบริการสุดพิเศษเมื่อใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าของอีโวลท์ เทคโนโลยี อาทิ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลงานบริการลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น ที่ตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าและการวางแผนเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้ารายใดก็ตาม ได้ที่เบอร์ 02-114-7343 หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปประเทศไทย 1397 ทั้งนี้ ลูกค้าที่ติดต่อไปยังอีโวลท์ เทคโนโลยีโดยตรง จะต้องยืนยันความเป็นเจ้าของรถยนต์โดยการแจ้งหมายเลขประจำยานพาหนะ (VIN) กับเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ นอกจากนั้น ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จะได้รับส่วนลดถึง 20% เมื่อเติมเงินสำหรับเครดิตการชาร์จผ่านแอปพลิเคชั่น EVolt ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอพิเศษดังกล่าว ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น EVolt บน Google Play หรือ Apple Store พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ยี่ห้อรถ และหมายเลขประจำยานพาหนะ (VIN) หลังจากนั้นจะสามารถใช้สิทธิพิเศษดังกล่าวได้ทันทีกับหมายเลขประจำยานพาหนะที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งทั้งสองสิทธิพิเศษดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู และ 1 มิถุนายน 2565 สำหรับลูกค้ามินิ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการดังกล่าว สามารถสอบถามได้ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เบอร์โทรศัพท์ 1397 และติดตามข่าวสารได้ทาง https://www.bmw.co.th หรือhttps://www.facebook.com/bmwthailand/
Category: Social
แอทต้า ออโต้เฮ้าส์
แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ ( ATTA Autohaus) โชว์รูมและศูนย์บริการเมอร์เซเดส–เบนซ์ ครบวงจร ใหม่ล่าสุด บนถนนราชพฤกษ์ ในรูปแบบ Thailand’s first automotive digital space’ แห่งแรกในประเทศไทย กับพื้นที่การบริการที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สร้างสรรค์นวัตกรรมการบริการ Service Innovation บนที่พื้นที่กว่า 5 ไร่ ด้วยงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่ว่า เทคโนโลยีสามารถตอบสนองความต้องการ ที่หลากหลายของแต่ละบุคคลได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงเกิดการริเริ่มนำเสนอ รูปแบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพสร้างสรรค์และยั่งยืน ผ่านสินค้าและการบริการอันล้ำสมัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ควบคู่ไปกับการนำเสนอนวัตกรรมการบริการรูปแบบใหม่ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล เป็น องค์กรที่ขับเคลื่อนโดยจุดมุ่งหมาย (Purpose Driven Organizatioin) โดยมีคุณค่าหลักขององค์กรในเรื่อง Innovation – Sustainability – Leadership สะท้อนออกมาเป็นองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่างในการคิดค้นนวัตกรรมการบริการได้แก่ * High-Tech คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและทันสมัย * High-Touch คือการเชื่อมต่อประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ * High-Value คือการสร้างคุณค่าต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านเศรฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม (Profit Planet People) ต่อไป ผู้บริหารแอทต้า ออโต้เฮ้าส์ คุณโอ จิตติรัตน์ ตันตสิรินทร์ (CEO) และ คุณโอ๋ เบญจรัตน์ ตันตสิรินทร์(CFO)ทายาทรุ่นที่ 2 เบนซ์ตลิ่งชัน ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามามากว่า 40 ปี มีเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งทั้ง 2 ผู้บริหาร ตั้งใจให้ แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ เป็น “องค์กรที่ยอมรับความแตกต่างและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้คน (Diversity & Inclusion Workplace)” เปิดโอกาสให้คนทุกเพศ ทุกวัย ได้เข้ามาเรียนรู้และแบ่งปันทรัพยากรให้เป็นองค์กรที่สร้าง คุณค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ในระดับโลก มุ่งเน้นการพัฒนาคน (Digital Generation) ที่พร้อมและสามารถรับฟังความต้องการและนำเสนอสินค้าและบริการให้ได้ตรงใจลูกค้า พนักงานทุกคนจะผ่านการอบรมและกระบวนการพัฒนาเพื่อให้เข้าใจตนเองและเรียนรู้ที่จะอยู่กับความต้องการที่หลากหลายได้อย่างสร้างสรรค์ สามารถรับฟังลูกค้า และเป็นที่ปรึกษาการเลือกซื้อรถยนต์และเข้ารับบริการเกี่ยวกับรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างเข้าใจและเป็นมืออาชีพ ควบคู่ไปกับพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเพื่อให้เกิด ประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Digital Experience & Digital Solution) นอกจากนี้แอทต้า ออโต้เฮ้า ยังได้จัดตั้งแผนก business innovation และ immersive experience division ขึ้นเพื่อพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ ได้รับรางวัลระดับโลก ชนะเลิศในการเป็นองค์กรต้นแบบ Winner of Gender-Inclusive Workplace 2020, WEPs Award จาก UN Women ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดทำการ และ รางวัล Winner Leadership Commitment 2021, WEPs Award จาก UN Women เป็นปีที่สองติดต่อกัน รวมถึงรางวัลการันตีด้านความพึงพอใจ ลูกค้าและยอดขาย ชนะเลิศ Winner of The Best CSI 5 Star Rater 2020 & 2021 –Bangkok และ Winner of Sell Out Competition Award 2020 & 2021 จาก Mercedes-Benz (Thailand) 2 ปีติดต่อกัน รวมถึงรางวัลชนะเลิศด้านคุณภาพงานบริการ Winner of Top Service Quality Score 2020…
วอลโว่ บัส เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า
บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถบัสสายพันธุ์แกร่งจากประเทศสวีเดนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ประกาศแต่งตั้งผู้ประกอบตัวถังรถวอลโว่ บัส จำนวน 3 ราย ได้แก่บริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ จำกัด บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท พานทอง กลการ จำกัด ให้เป็นโรงงานประกอบตัวถังวอลโว่ บัส อย่างเป็นทางการในประเทศไทย คุณเดชชัย กุลกรินีธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นไปตามแผนดำเนินการของการจัดตั้งบริษท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยวอลโว่กรุ๊ป แห่งประเทศสวีเดน โดยภายหลังการจัดตั้งบริษัทฯ ในประเทศไทยแล้ว ทางวอลโว่ กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดรถบัสในประเทศไทยของวอลโว่ บัส ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการเพิ่มผู้ประกอบตัวถังรถวอลโว่ บัสจากเดิมที่มีเพียงบริษัท เชิดชัย มอเตอร์เซลส์ จำกัด โดยการเพิ่มเติมผู้ประกอบตัวถังวอลโว่ บัส เพิ่มเติมอีก 2 รายนั้น เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการประกอบตัวถังวอลโว่ บัส ให้ได้มาตรฐานสากล อีกทั้งยังเป็นเพิ่มทางเลือกในการสรรหาผู้ประกอบตัวถังวอลโว่ บัส เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่เหมาะกับธุรกิจของลูกค้า “ในธุรกิจหลักของวอลโว่บัส เรานั้น เราจะขายเพียงแชสซีส์ให้กับลูกค้าเราโดยตรง แต่การประกอบตัวถังรถนั้น จะเป็นความอิสระของลูกค้าที่จะเลือกผู้ประกอบตัวถัง แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเราเพื่อให้คุณภาพตัวถังสอดคล้องกับแชสซีส์คุณภาพระดับโลกของวอลโว่ บัส แต่ที่ผ่านมา เราไม่มีทางเลือกให้ลูกค้าของเราเลย ดังนั้น เราจึงถือโอกาสที่เราก่อตั้งบริษัทสาขาในประเทศไทยในครั้งนี้ ทำการเพิ่มผู้ประกอบตัวถังวอลโว่ บัส เพิ่มเติมเพื่อให้ลูกค้ามีอิสระในการเลือกสรรผู้ประกอบตัวถังที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้าแต่ละราย” ปัจจุบัน ลูกค้าวอลโว่ บัส ประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่มได้แก่ผู้ประกอบการโดยสารท่องเที่ยว ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ผู้ให้บริการรถรับส่งพนักงานตามโรงงานอุตสาหกรรมและรถโดยสารขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัท เชิดชัย มอเตอร์เซลส์ จำกัด ถือเป็นพันธมิตรของวอลโว่ บัส มาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ในขณะที่บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ประกอบตัวถังรถบัสที่มีคุณภาพสูง ผ่านการคัดเลือกของวอลโว่ บัส และบริษัท พานทองกลการ จำกัด เป็นผู้ประกอบรถโดยสารมาอย่างยาวนานจนเป็นที่ยอมรับของธุรกิจรถโดยสาร ซึ่งผู้ประกอบตัวถังรถทั้ง 3 รายนี้ วอลโว่ บัส จะให้คำปรึกษาและแนะนำขั้นตอนและกระบวนการประกอบรถวอลโว่ บัสตามมาตรฐานสากลภายใต้เครื่องหมายการค้าของวอลโว่ บัส นายเดชชัย กล่าวว่าผู้ประกอบตัวถังวอลโว่ บัส ทั้ง 3 ราย จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าวอลโว่ บัส ให้ได้ตามมาตรฐานสากล อีกทั้งจะเป็นด่านแรกในการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าวอลโว่ บัส ซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดันตลาดรถวอลโว่ บัส ให้ได้ตามเป้าหมาย
Saving The World From Wherever You Are
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้นำในตลาดรถยนต์ลักชัวรี ร่วมกับ กฟผ. จัดทริปรักษ์โลกสุดพิเศษส่งขบวนรถยนต์ไฟฟ้า 100% และปลั๊กอินไฮบริด เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าโซลาเซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจ.อุบลราชธานี แสดงเจตนารมณ์ส่งเสริมคนไทยหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานสะอาด (clean energy) และพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) โดยให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความยั่งยืน ภายใต้นโยบายระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จะปรับกลยุทธ์จาก “รถไฟฟ้านำ” (electric-first) เป็น“รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น” (electric only) ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป หากสภาวะตลาดเอื้ออำนวย เพื่อก้าวสู่โลกที่ปลอดมลพิษได้อย่างแท้จริง ในประเทศไทยเรายังจัดโครงการ “Charge to Change” เป็นปีที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหันมาชาร์จเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นร่วมกัน และเป็นที่มาให้เรามองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้ กฟผ. และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อยู่ระหว่างการศึกษา ความร่วมมือสนับสนุนการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าและการบริหารจัดการพลังงานร่วมกัน เช่นการจัดการแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งานจากยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว อาจนำมาใช้ต่อในภาคการจัดการพลังงาน โดยใช้เป็นแบตเตอรี่สำหรับระบบ กักเก็บพลังงานแบบตั้งอยู่กับที่ (Stationary energy storage system) เป็นต้น ด้าน คุณบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวเสริมว่า กฟผ. มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการผลักดันให้คนไทยได้มีโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยมลพิษ ด้วยประสบการณ์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าของ กฟผ. ที่ได้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นทางเลือกใหม่ของผู้เดินทาง ภายใต้ธุรกิจใหม่ของ กฟผ. “EGAT EV Business Solutions” โดยได้เปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ที่มุ่งสร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยความรวดเร็วในการชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 120kW ภายในเวลาเพียง 30 นาที และยังมีการชาร์จแบบ AC Normal Charge ที่สามารถชาร์จและรองรับรถยนต์ไฟฟ้าด้วยความปลอดภัยให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการผ่านการใช้เครื่องชาร์จคุณภาพสูง ได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ตลอดการเดินทาง โดยเปิดให้บริการสถานี EleX by EGAT พร้อมสถานีพันธมิตรในเครือข่ายEleXA แล้วจำนวน 49 สถานีทั่วประเทศ ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ยังเตรียมขยายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากยิ่งขึ้น เช่น จ.อุดรธานี จ.สกลนคร จ.ร้อยเอ็ด จ.นครพนม จ.ศรีสะเกษ จ.มุกดาหาร และ จ.เลย เป็นต้น โดยตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จ EleX by EGAT รวมกว่า 120 สถานี ให้ได้ภายในสิ้นปี 2565 สำหรับที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร หรือโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี มีการติดตั้งสถานีสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ด้วยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมโซลาเซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลงานนวัตกรรมพลังงานที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของ กฟผ. ที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนประเทศสู่ Carbon Neutrality อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากเขื่อนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเป็นการผลิตไฟฟ้าแบบ Hybrid สามารถผลิตไฟฟ้าจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน และพลังน้ำจากเขื่อนที่มีอยู่เดิมมาผลิตไฟฟ้าในช่วงที่ไม่มีแสงแดด หรือเสริมความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในช่วงค่ำ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพพลังงานหมุนเวียน และเสริมความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยมีขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 47,000 ตัน/ปี ตอบโจทย์พลังงานสะอาดช่วยลดภาวะโลกร้อน และยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการท่องเที่ยวรอบพื้นที่นี้อีกด้วย ความร่วมมือในครั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ กฟผ. ได้จัดทริปทดสอบการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า 100% และปลั๊กอินไฮบริด บนเส้นทางกรุงเทพ-อุบลราชธานี ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์มีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกหลากหลายรุ่นในหลายเซกเมนต์ รวมทั้งระหว่างการเดินทางผู้ใช้รถจะได้สัมผัสประสบการณ์การแวะเติมพลังงานไฟฟ้าที่สถานีชาร์จ EleX by EGAT ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการคมนาคมขนส่งตามเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สถานี EleX by EGAT สาขา PT วังน้อย 5 จ.พระนครศรีอยุธยา สถานีชาร์จที่โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา รวมถึงที่สถานีชาร์จที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ก่อนนำทั้งคณะเยี่ยมชมโซลาเซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี กิจกรรมทั้งหมดนี้นับเป็นปัจจัยสำคัญช่วยเติมเต็มความมั่นใจของผู้เดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า และยกระดับความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับประเทศด้วย
“เบนซ์ไพรม์มัส” เผยความสำเร็จ คว้าที่ 2 ยอดจองสูงสุดใน Motor Show 2022 เลยตอบแทนลูกค้าที่รักในเสียงเพลง
“เบนซ์ไพรม์มัส” ดันยอดขาย Mercedes-AMG ไตรมาสแรก ทะลุเป้า 50% ด้านงานบริการ เติบโต 26% เร่งเดินหน้าชูกลยุทธ์มัดใจลูกค้ารับซัมเมอร์ชมคอนเสิร์ต Kenny G พร้อมที่พักสุดหรู รับโปรพิเศษ ฟรี! ดอกเบี้ย, MB Oil และร่วมลุ้นรับทองหนัก 10 บาท คุณณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach และ Mercedes-EQ อย่างเป็นทางการ เปิดเผยถึงความสำเร็จของ“เบนซ์ไพรม์มัส” ในงาน Bangkok International Motor Show 2022 โดยมียอดจองสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของผู้จำหน่าย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ทั่วประเทศ ด้วยตัวเลข 206 คัน ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้ ทำยอดขายรถMercedes-AMG ได้สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทแม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)” กำหนดไว้ถึง 50% ขณะที่ยอดขาย รถ Mercedes-Benz ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.9% ด้านงานบริการหลังการขาย มีรถเข้ารับบริการรวมทั้งสิ้น2,315 คัน หรือคิดเป็นรายได้โดยประมาณกว่า 66 ล้านบาท เติบโตกว่า 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว “ในช่วงไตรมาสแรก ตลาดรถหรูมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบ อาทิ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และการขนส่ง ที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์โดยรวมอย่างต่อเนื่องหาก “เบนซ์ไพรม์มัส” ยังคงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการบริการที่มอบความคุ้มค่า และความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ให้รับรู้ในวงกว้าง ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ “เบนซ์ไพรม์มัส” จะเพิ่มความเข้มข้นในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์แบบครบวงจร เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกๆ ด้าน” คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด เปิดเผยว่า “เบนซ์ไพรม์มัส” ยังคงตอกย้ำแนวคิดลูกค้าทุกคนเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้นและต่อเนื่อง โดยรวบรวมความต้องการของลูกค้ามาจัดสรรกิจกรรม หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล เพื่อได้สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีพที่แตกต่างและเหนือระดับตลอดทั้งปี ล่าสุด “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานคอนเสิร์ตของศิลปินแจ๊สระดับโลก “KENNY G” งานINTERNATIONAL JAZZ & BLUES FESTIVAL 2022 ที่จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 พ.ค.65 ณ ทรูอารีน่าหัวหิน ของบริษัท หนีกรุง คอนเน็ค จำกัด โดยสนับสนุนรถยนต์ Mercedes-Benz สำหรับเป็นพาหนะในการเดินทางของทีมงานและศิลปินแจ๊สระดับโลก “KENNY G” และนำรถยนต์รุ่นล่าสุดอวดโฉมในงานดังกล่าว เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ของแบรนด์สินค้า และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้สัมผัสรถยนต์อย่างใกล้ชิด ทั้งเชิญชวนลูกค้า “เบนซ์ไพรม์มัส” ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ที่เหนือระดับกับการชมงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมมอบที่พักสุดหรู Holiday Inn Resort Vana Nava Hua Hin จำนวน 2 วัน 1 คืน คุณจิระพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาส 2 “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้เพิ่มสีสันด้วยการจัดกิจกรรมต้อนรับซัมเมอร์ ภายใต้ชื่อ “ENJOY SUMMER” โดยตกแต่งโชว์รูมในธีมสดใสกับบรรยากาศชายทะเล ที่ให้ความรู้สึกสบายและเป็นกันเองในการเลือกชมรถยนต์ พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG เลือกรับข้อเสนอ ฟรี! ดอกเบี้ย นานสูงสุด 5 ปี หรือเลือกรับ ประกันภัยชั้น1 MB Protection นานสูงสุด 4 ปี หรือเลือกรับ MBSP โปรแกรม Extra Guarantee นาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง รับเพิ่มบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นรับทองคำ หนัก10 บาท จำนวน 1 รางวัล ทองคำ หนัก 5 บาท 5 รางวัล รวมมูลค่า 1 ล้านบาท เฉพาะรถยนต์ที่ร่วมรายการและเริ่มต้นสัญญาทางการเงิน ด้านบริการหลังการขาย “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลรถยนต์ของลูกค้า เพื่อมอบความห่วงใยและความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ “Enjoy a trip ahead” รับสิทธิประโยชน์ดังนี้ 1.รับฟรี! MB Oil 1 ลิตร สำหรับลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการ Maintenance Service และรับฟรี! MB Oil เพิ่มอีก 1 ลิตร เมื่อทำการนัดหมายรับบริการล่วงหน้า 2.รับส่วนลดพิเศษสูงสุด 20% เฉพาะอะไหล่ในการบำรุงรักษาและอะไหล่สึกหรอที่ร่วมรายการ 3.รับฟรี! ค่าแรงเปลี่ยนยาง, บริการสลับยาง 1 ครั้ง และชุดฝาปิดที่เติมลมยาง Mercedes-Benz มูลค่า1,016 บาท เมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครบทั้ง 4 เส้น 4.รับ MB Car Care Set ชุดน้ำยาดูแลรถยนต์สำหรับภายนอกและภายใน มูลค่า 3,712 บาท เมื่อมียอดค่าใช้จ่าย 30,000 บาทขึ้นไป หรือเลือกรับเก้าอี้ Director มูลค่า 5,157 บาท เมื่อมียอดค่าใช้จ่าย 50,000 บาทขึ้นไป พิเศษ! เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต Citi Mercedes เลือกแบ่งชำระ ฟรี! ดอกเบี้ย นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 20,000 บาท ขึ้นไป เริ่มวันนี้ ถึง 31 พ.ค.65 ผู้ใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือทำการนัดหมายรับบริการล่วงหน้า ได้ที่ 02 095 5555, www.benzprimus.com , FB : Benz Primus และ LINE @benzprimus
ISUZU V-CROSS 4×4 MASTER OF ALL ROADS
ตัวจริงทุกเส้นทาง กระแสตอบรับดี พร้อมเปิดเบื้องหลังให้ดูกันจุใจกับ ISUZU V-CROSS 4×4 MASTER OF ALL ROADS เมื่อ อีซูซุ จัดภาพยนตร์สั้น “ISUZU V-CROSS 4×4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” 3 ตอนพิเศษที่สร้างกระแสตอบรับเป็นอย่างดีบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ และสร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้ผู้ชมภาพยนตร์สั้นทั้ง 3 ตอน กว่า 10 ล้านวิว ตลอด 1 เดือน ที่ผ่านมา พร้อมเรียกกระแสอย่างต่อเนื่องด้วยการเผยภาพเบื้องหลังการถ่ายทำทั้ง 3 เส้นทางในรูปแบบคลิปภาพยนตร์สั้นให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม และอีกหนึ่งความพิเศษสุดกับการรับชมภาพเบื้องหลังในรูปแบบ ASMR : SOUND OF ALL ROADS ความมหัศจรรย์ของเสียงที่จะเพิ่มอรรถรสในการรับชม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม เป็นต้นไป งานนี้ขอเชิญชวนแฟนคลับรับชมเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนกันแบบสด ๆ ของ 2 หนุ่ม คุณนิว-ชัยพล และคุณโต้ง-บรรจง ใน Live Watch Party ทาง Facebook : All-New Isuzu D-Max คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “โปรเจ็กต์พิเศษ “ISUZU V-CROSS 4×4 MASTER OF ALL ROADS…ตัวจริงทุกเส้นทาง” สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถปิกอัพออฟโรดระดับพรีเมี่ยมซึ่งจัดทำภาพยนตร์สั้น 3 ตอนพิเศษ, MASTER OF ALL ROADS : BEHIND THE SCENE และ ASMR : SOUND OF ALL ROADS โดยเริ่มจากการเล่าเรื่องผ่านภาพยนตร์สั้น 3 ตอนพิเศษที่สะท้อนสมรรถนะรถ ISUZU V-Cross 4×4 รถธงของอีซูซุที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะใช้งานในแบบออนโรด หรือตะลุยในแบบออฟโรด โดยถ่ายทอดเป็นเรื่องราวการเดินทางค้นพบความท้าทายเพื่อพิสูจน์ความเป็นไปได้ของ 3 เพื่อนร่วมทาง ได้แก่ ISUZU V-Cross 4×4, คุณนิว-ชัยพล จูเลียน พูพาร์ต นักแสดงยอดนิยมและนักเดินทางตัวจริง และ คุณโต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับมือรางวัลระดับประเทศ สู่ 3 โลเคชั่นอันซีนของไทย โดยใน Episode แรกเป็นการพิชิตอุปสรรคเส้นทางโหดแห่งสายน้ำและหุบเขาที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนส่วนใน Episode 2 เป็นการท่องเที่ยวสไตล์ออฟโรด ตาดูดาว เท้าย่ำทรายที่หาดพลกายและหาดชมดาว จังหวัดอุบลราชธานี และ Episode 3 ร่วมสัมผัสอันซีนเมืองไทย ลุยเกาะเดียวเหมือนเที่ยว 3 ประเทศที่เกาะพระทอง จังหวัดพังงา และเพื่อสร้างกระแสให้โปรเจ็กต์นี้อย่างต่อเนื่องจึงส่งคอนเทนต์ MASTER OF ALL ROADS : BEHIND THE SCENE และ ASMR : SOUND OF ALL ROADS มาให้ติดตามชมกัน”…
บาเซโลนา มอเตอร์ เปิดโปรเจกต์ THE LEGEND TO BE REBORN
บาเซโลนา บริการซ่อมรถบีเอ็มดับเบิลยูคลาสสิคแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยเพื่อคนรักรถคลาสสิคบีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัวศูนย์บริการซ่อมรถบีเอ็มดับเบิลยูคลาสสิคแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยภายใต้โปรเจกต์ THE LEGEND TO BE REBORN เอาใจคนรักรถคลาสสิคด้วยการ Rebuild รถยนต์คันโปรดให้อยู่ในสภาพดั้งเดิมที่สุด ด้วยการบริการแบบครบวงจรที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนบอดี้รถและสี ส่วนเครื่องยนต์ และ ส่วนช่วงล่างของตัวรถ เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบสภาพรถยนต์และวางแผนการซ่อมบำรุงส่วนต่างๆอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ดูแลปรับสภาพรถโดยศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน BMW Certified Body and Paint ก่อนตรวจเช็คและส่งมอบรถคืนให้แก่ลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ ให้รถคลาสสิคที่คุณรักกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โปรเจกต์ THE LEGEND TO BE REBORN ได้เริ่มดำเนินการแล้วโดยรถยนต์ต้นแบบคันแรกคือ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 (E21) จากความต้องการของลูกค้าที่อยาก Rebuild ปรับปรุงโฉมรถยนต์ให้ใกล้เคียงกับสภาพดั้งเดิมที่สุด พร้อมทั้ง Restore รำลึกถึงประสบการณ์ที่มีร่วมกับรถยนต์คันนี้ บาเซโลนา มอเตอร์จึงต้องการตอบรับความต้องการเพื่อความพอใจสูงสุดของลูกค้า ทุกขั้นตอนผ่านการดูแลโดยทีมบุคลากรมืออาชีพที่ผ่านการอบรมและช่างซ่อมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานขั้นสูง พร้อมประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี ในธุรกิจ ยนตรกรรมหรูเป็นที่ไว้วางใจจากลูกค้าด้วยการบริการมาตรฐานระดับโลก ความพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมทั้งตอกย้ำความความโดดเด่นในฐานะผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู คุณกวิน ลีนุตพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บาเซโลนา มอเตอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์BMW, MINI และ BMW Motorrad เปิดเผยว่า “สำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 กำเนิดขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้วและเปิดตัวครั้งแรกในงาน International Motor Show ที่แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน เป็น รถบีเอ็มดับเบิลยูที่ประสบความสำเร็จรุ่นนึงเลยทีเดียว โดยเป็นรถที่ถูกดีไซน์มาเพื่อเน้นความสปอร์ตเป็นหลัก ทั้งห้องโดยสาร ไฟหน้าทรงกลมกระจังหน้าฟันหนู เส้นสายเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูรอบคัน ต่อมาบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นนี้ก็ยังได้สร้างความประทับใจเหนือรุ่นอื่นๆ ขึ้นไปอีก ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ให้กลายเป็นรถซีดานขนาดกลางรุ่นแรกที่มีเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบพร้อมระบบหัวฉีดและมีการใช้ส่วนผสมของอลูมิเนียมและแมกนีเซียม เพื่อลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ พร้อมทั้งการพัฒนาตัวถังอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือก บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 (E21) เป็นตัวชูโรงของโปรเจกต์นี้” โดยเรื่องราวของโปรเจกต์ THE LEGEND TO BE REBORN จะถูกถ่ายทอดเป็นวีดีโอซีรีส์ทั้งหมด 10 EP สามารถติดตามรับชมได้ทาง Facebook ของ BMW Barcelona Motor และ สำหรับลูกค้าที่สนใจปรึกษาด้านการซ่อมรถบีเอ็มดับเบิลยูคลาสสิคสามารถติดต่อ บาเซโลนา มอเตอร์ ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการทั้ง 3 สาขา ได้แก่สาขาวิภาวดี บางแค และเชียงใหม่ Line : @bmwbarcelonamotor Facebook : http://fb.com/BmwBarcelonaMotor Instagram : https://www.instagram.com/bmwbarcelonamotorgroup/ Tiktok : https://www.tiktok.com/@barcelonamotor Youtube : http://bit.ly/BMW-Barcelona-Motor-Channel
มิตซูบิชิ เปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่
ณ แหลมฉบัง มิตซูบิชิ ชูนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับชั้นนำของโลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มร.ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, มร.นะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น และ คุณนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ มิตซูบิชิ มอเตอร์สประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ายกระดับศักยภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโรงงานพ่นสีระดับโลกแห่งใหม่ในแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โรงงานพ่นสีใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งมอบงานพ่นสีรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด ให้แก่ลูกค้าทั้งในตลาดรถยนต์ภายในและต่างประเทศด้วยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเปิดโรงงานพ่นสีในครั้งนี้ ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสนับสนุนเป้าหมายพันธกิจในการก้าวไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนสมดุลและความยั่งยืนของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการบรรลุวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมปี 2593 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่นที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งเสริมการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ และป้องกันการเกิดมลพิษ โรงงานพ่นสีที่แหลมฉบังนี้ ใช้เทคโนโลยีการพ่นสีอันทันสมัย เพื่อความมั่นใจในประสิทธิภาพสูงสุดของกระบวนการการพ่นสี โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ที่มีความยากและซับซ้อน เช่น ระบบซีลตัวถังอัตโนมัติ (Sealer Automation) หุ่นยนต์ และปืนพ่นสีนำประจุไฟฟ้า (Electrostatic Spray Gun) ลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจในคุณภาพสีชั้นเยี่ยมของรถยนต์มิตซูบิชิ โรงงานพ่นสีแห่งใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับการออกแบบอย่างดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ด้วยเป้าหมายของการลดมลพิษ ลดของเสียให้น้อยที่สุด ใช้ทรัพยากรอย่างเต็มประสิทธิภาพ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านกระบวนการในการพ่นสีต่างๆ ได้แก่ ระบบตลับสี(Cartridge Paint System), ระบบเทคโนโลยีการบำบัดมลพิษในอากาศ (Regenerative Thermal Oxidation – RTO)และเทคโนโลยีสีฐานน้ำ (Waterborne) ในทุกๆ ขั้นตอนของการผลิต จะสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ Volatile Organic Compounds (VoCs) สู่สภาพแวดล้อม ได้ถึง 50% ส่วนโรงงานบำบัดน้ำเสีย ช่วยในการน้ำกลับมาใช้ใหม่และลดการปล่อยน้ำเสียได้ถึง 50%
โตโยต้า ขานรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
ในการร่วมลงนามข้อตกลงระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์สานต่อพันธกิจผลักดันสังคมไทยสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างไร้รอยต่อ มร.โนริอากิ ยามาชิตะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงขององค์กร เข้าเป็นตัวแทนใน “พิธีลงนามข้อตกลงระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์” เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิตนายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี 2 ร่วมลงนามและเป็นสักขีพยาน ณ อาคารหอประชุม กรมสรรพสามิต บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เข้าร่วม “พิธีลงนามข้อตกลงระหว่างกรมสรรพสามิตกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์” เพื่อเข้าร่วมมาตรการการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตามแนวทางของ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ โดยภายใต้การลงนามฯ นี้ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมมาตรการฯจะได้รับสิทธิในการรับเงินอุดหนุนพร้อมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการจำหน่ายรถยนต์ BEV รุ่นที่ขอรับสิทธิโดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้นำรถยนต์ประเภท Battery Electric Vehicle (BEV) มาขอรับสิทธิตามมาตรการฯ จำนวน 1 รุ่น คือ Toyota bZ4X และจะนำเสนอรถยนต์รุ่นดังกล่าวออกสู่ตลาดภายใต้ราคาขายปลีกที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุนแล้วเป็นลำดับต่อไป เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในด้านราคาจำหน่ายที่ลดลง กระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าถึงการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น สอดคล้องกับพันธกิจใหม่ขององค์กร ในการนำเสนอการขับเคลื่อนที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ของโตโยต้า ในการ “เป็นผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขของผู้คน และความยั่งยืนของสังคม” ได้กำหนดหนึ่งในพันธกิจหลักขององค์กร คือ การนำพาประเทศมุ่งสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” หรือ Carbon Neutrality โดยหนึ่งในกลไกสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวคือการแนะนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้เป็นที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย ซึ่งโตโยต้าได้มีการเตรียมความพร้อมในการวิจัยและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายระบบส่งกำลัง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ รวมถึงมีการริเริ่มโครงการความร่วมมือกับหลายภาคส่วน เพื่อศึกษารูปแบบการใช้งาน การยกระดับทักษะแรงงานเพื่อรองรับยานยนต์ยุคหน้า ระบบพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องเหมาะสมกับบริบทการใช้งานของประเทศไทย อาทิ โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ร่วมกับเมืองพัทยา เป็นต้น เพิ่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างไร้รอยต่อ กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาคของโตโยต้าต่อไป
Lexus Amazing Showcase
เลกซัส ประเทศไทย ขอเชิญทุกท่านพบกับยนตรกรรมไฟฟ้า Lexus Electrified สุดหรูพร้อมทดลองขับ และรับข้อเสนอสุดพิเศษในงาน “Lexus Amazing Showcase” ณ แฟชั่นแกลเลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565 คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเปิดเผยว่า “ในฐานะตัวแทนของเลกซัสประเทศไทย ผมขอเชิญทุกท่านที่สนใจสัมผัสยนตรกรรมไฟฟ้า Lexus Electrified สุดหรูในงาน “Lexus Amazing Showcase”ซึ่งภายในงานทุกท่านจะได้พบกับไฮไลท์สุดยอดยนตรกรรมไฟฟ้า The All-Electric Lexus UX 300e และอีก 2 รุ่นปรับโฉมใหม่ Lexus ES 300h และ Lexus IS 300h Lexus UX 300e ครอสโอเวอร์สุดหรูที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบ ให้พละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า อัตราเร่งที่เร้าใจ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.5 วินาที สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 360 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ภายในเวลาเพียงแค่ 50นาที โดยการออกแบบให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานล้ำสมัย ให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Lexus ES 300h ยนตรกรรมซีดานระดับหรูสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของผู้บริหาร โดดเด่นพื้นที่ห้องโดยสายด้านหลังที่กว้างขวาง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบบไฮบริดที่ให้ทั้งความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสาร เต็มเปี่ยมไปด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus Lexus ES 300h จึงเป็นความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ Lexus IS 300h สุดยอดรถสปอร์ตซีดาน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า…