“ฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย พยายามอย่างหนักมากกว่า 40 ปี ในการผลักดันนักแข่งรถจักรยานยนต์ชาวไทยขึ้นสู่เวทีระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาเรามีนักแข่งรถสัญชาติไทยไต่ขึ้นไปสูงสุดในระดับ โมโตทู และรุ่น 250 ซีซี เท่านั้น โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ “โร้ดแม็ป” การพัฒนาเด็กไทยอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งต้องเริ่มต้นจากอายุน้อยๆ เช่นเดียวกับชาติชั้นนำอย่าง สเปน และ อิตาลี ที่เริ่มต้นพัฒนานักบิดตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ ส่งผลให้มีนักกีฬาจากทั้งสองชาติโลดแล่นในโมโตจีพีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีดาวรุ่งชาวไทย 2 คน ซึ่งเป็นผลผลิตของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” คนแรกคือ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา วัย 22 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในฤดูกาลที่ 3 ของรุ่น โมโตทู ชิงแชมป์โลกใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ สมเกียรติ เจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 กำลังค้นหาสไตล์การบิดที่แข็งแกร่งของตนเองใน…
Author: GIANT Autosawasdee
นิสสัน สร้างรอยยิ้มให้ ทาสแมว
การศึกษาทางวิทยศาสตร์บ่งชี้ว่าการดูวิดีโอเกี่ยวกับแมวทำให้ผู้ดูมีความรู้สึกเชิงบวกเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับเทรนด์การเลี้ยงแมวที่กำลังเติบโตในประเทศไทยเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยเหตุนี้ทาง นิสสัน ประเทศไทย จึงได้เปิดตัววิดีโอน้องเหมียวน่ารักเพื่อสร้างความบันเทิงและรอยยิ้มให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างสรรค์ผ่าน นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ คลิปวิดีโอเกี่ยวกับแมวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ เช่น เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าเพิ่มอารมณ์ในเชิงบวกและลดความรู้สึกด้านลบ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด โดยประเทศไทย(42%) มีจำนวนผู้เลี้ยงแมวสูงสุดเป็นอันดับสามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะสถานการณ์โควิด ด้วยเหตุนี้นิสสันจึงนำข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคดังกล่าวมาใส่ไว้ในวิดีโอ ‘Kicks loves Cats’ ในคอนเซ็ปต์ #เหมียวแอพพรูฟ ดารานำในคลิปคือแมวเซเลบอย่าง ‘คุณมณี’ จากเพจ “คุณมณี นินิว” ที่รับบทเป็น ‘คิกกี้’ น้องเหมียวช่างเลือกและมีสไตล์ คุณมณีเหมาะสมกับบทนี้มากเป็นพิเศษเพราะเป็นแมวพันธุ์ไทยขาวมณีหายาก บุคลิกของเธอเชื่อมโยงนิสัยโดยธรรมชาติของแมวซึ่งมีความพิถีพิถันและรักอิสระเข้ากับจุดเด่นเฉพาะตัวของ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ได้อย่างสร้างสรรค์ มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “จากความนิยมการเลี้ยงแมวที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยประกอบกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคว่าวิดีโอเกี่ยวกับแมวนั้นช่วยให้คนเรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น นิสสันจึงได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์วิดีโอสนุก ๆ กับเซเลบแมวชื่อดังของไทย เราอยากที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับผู้บริโภคพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติอันโดดเด่นของ e-POWER ในฐานะที่ผมเองก็เป็นคนรักแมวเหมือนกัน การที่เจ้าเหมียวเพื่อนยากของเรานั้นช่างเลือกและมีมาตรฐานสูงจึงทำให้แมวนั้นเหมาะที่จะเป็นตัวแทนในการนำเสนอ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเทคโนโลยี e-POWER เหมาะมากสำหรับผู้นำเทรนด์ และการออกแบบที่มีสไตล์ของ Kicks รวมถึงประสบการณ์การขับขี่แบบรถยนต์ไฟฟ้าโดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟ ก็ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบความโดดเด่นมีสไตล์ไม่เหมือนใคร เรามีเป้าหมายที่จะนำเสนอเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ด้วยเนื้อหาที่สร้างสรรค์และน่ารักน่าเอ็นดู ผ่านภาษาและภาพที่เข้าใจง่าย และทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยการเล่าเรื่องจากมุมมองของ”คิกกี้” เจ้าแมวช่างเลือก คลิปวิดีโอนี้ฉีกกฎคลิปรถยนต์แบบเดิม ๆ ที่คนทั่วไปคุ้นเคย และคิกกี้ยังเป็นเหมือนตัวแทนของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง” นอกจากนี้ นิสสันยังต่อยอดเพิ่มการรับรู้ในกลุ่มคนรักแมวบนโลกออนไลน์ ด้วยการโปรโมตคลิปวิดีโอในคอนเทนต์สนุก ๆ บนเพจเฟซบุ๊กแมวชื่อดัง อาทิ เพจเค้าเรียกผมว่าแมว เพจขนทองแมวเอ๋อ เพจหน้าแมว เป็นต้น นิสสันชวนคุณมาอมยิ้มและเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวความรักสุดอลเวงของเจ้าเหมียวช่างเลือกกับภารกิจนัดเดตPURRFECT MATCH เพราะเธอถือคติที่ว่า ‘จะธรรมดาไปทำไม ในเมื่อเป๊ะปังสุดๆ ได้!’ ติดตามชมเรื่องราวเต็มๆ ได้ทางFacebook – Nissan หรือ YouTube – Nissan Thailand
มาสด้า ปันสุข
มาสด้า เริ่มปันความสุขแล้วทั่วฟ้าเมืองไทย มาสด้าเริ่มเดินหน้าโครงการ “มาสด้า ปันสุข ปี 2” เต็มกำลังจัดตั้งตู้ “ปันสุข” หน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าตลอดเดือนสิงหาคม พร้อมขบวนคาราวานไปทั่วทุกชุมชน เพื่อแบ่งปันอาหาร ยาสามัญประจำบ้าน และสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพให้แก่พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 พร้อมส่งมอบการแบ่งปันไปยังกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เยาวชน และประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อต่อเติมพลังแรงใจและสนับสนุนให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง ทั้งนี้ กิจกรรมได้เริ่มเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา และจะจัดขึ้นตลอดเดือนสิงหาคม จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจของทั้งผู้ให้และผู้รับไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ มาสด้ายังได้จัดขบวนคาราวานเข้าไปส่งมอบสิ่งของที่จำเป็นกับการแบ่งปันและส่งกำลังใจไปให้ประชนชนในทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น บุคลากรทางการแพทย์ เยาวชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐ รวมถึงจัดตั้ง “ตู้ปันสุข” ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการแบ่งปันความสุขในครั้งนี้ได้ถ้วนหน้ามากยิ่งขึ้น โครงการ “มาสด้า ปันสุข ปี 2” จะจัดขึ้นจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ซึ่งพี่น้องประชาชนที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันในครั้งนี้ สามารถนำสิ่งของต่างๆ มาสมทบที่ “ตู้ปันสุข” บริเวณหน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าได้ด้วยเช่นกัน โดยได้วางมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ “ตู้ปันสุข” ทุก 1-2 ชั่วโมง และวางมาตรการเว้นระยะห่างจากการสัมผัสให้มากที่สุด เพื่อให้ทุกท่านอุ่นใจและปลอดภัยจากโรคโควิด-19 มาสด้าขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งจากพลังเล็กๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปันที่ยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งความคาดหวังของมาสด้า คือการได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนจากการได้เป็นทั้ง “ผู้ให้” และ “ผู้รับ” และสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกันได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ “มาสด้า ปันสุข” และกิจกรรมเพื่อสังคมตลอดไปเพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยในทุกสถานการณ์ความยากลำบาก ตามความวิสัยทัศน์ของมาสด้า เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ที่ยั่งยืนตลอดไป
ฟอร์ด มี 5 ฟีเจอร์ใน เอเวอเรสต์
ไลฟ์สไตล์และการใช้งานที่หลากหลาย รถยนต์ เป็นเพื่อนคู่ใจ นับว่ามีความสำคัญไม่น้อย เพราะรถเอสยูวีขนาดกลางอย่างฟอร์ด เอเวอเรสต์ นอกจากจะเหมาะกับการใช้งานสำหรับครอบครัวแล้ว ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่พร้อมทำให้สมาชิกในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงหรือพอดแคสต์รายการโปรด พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด และอุปกรณ์ปกป้องความปลอดภัยสำหรับคนที่คุณรักในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งลูกๆ ไปโรงเรียน ตระเวณซื้อของใช้ที่จำเป็น พาลูกๆ ไปเล่นกีฬาในวันหยุดหรือพาเจ้าตัวเล็กไปสำรวจโลกกว้าง ในรถยนต์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มี 5 ฟีเจอร์หลัก อันเป็นเหตุผลที่ทำให้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ พร้อมเป็นผู้ช่วยให้สุดยอดการใช้งานรถ เอสยูวี ได้โฟกัสกับคนสำคัญที่สุดในชีวิตได้อย่างเต็มที่ยิ่งกว่าเดิม อาทิ 1.มอบความปลอดภัยสำหรับเจ้าตัวน้อย พ่อแม่ทุกคนรู้ดีถึงความยากลำบากในการติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีทให้แน่น ของที่ดูใช้ง่ายอย่างหัวล็อกและสายรัด อาจกลายเป็นเรื่องยุ่งยากได้หากรถของคุณไม่มีอุปกรณ์พื้นฐานรองรับ แต่การยึดคาร์ซีทที่เบาะแถวที่สองของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยตัวช่วยอย่างจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX ที่รองรับคาร์ซีทได้หลายรูปแบบ ช่วยให้คุณแม่อุ่นใจและพร้อมออกเดินทางไปด้วยกันได้ทั้งครอบครัว 2.เพิ่มเพื่อนร่วมทางหรือสัมภาระได้จุใจ ในวันที่เด็กๆ ต้องทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ ห้องโดยสารที่กว้างขวางของฟอร์ด เอเวอเรสต์ พ้อมรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 คน หรือคุณแม่อาจปรับเบาะแถวที่ 3 ด้วยระบบพับเบาะไฟฟ้า เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้กว่า 876 ลิตร ง่ายๆ เพียงกดปุ่มด้านหลังเพียงปุ่มเดียว 3.เชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อความบันเทิงได้ตลอดทาง สำหรับการเดินทางไกลๆ การเปิดการ์ตูนเรื่องโปรดหรือให้เด็กๆสาละวนอยู่กับเกมหรือกิจกรรมต่างๆ ในแท็บแล็ต เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินตลอดเส้นทางโดยคุณแม่ไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะแบตหมด ด้วยช่องต่อยูเอสบีหลายจุด และอุปกรณ์เสริมในรุ่นไทเทเนียม พลัส ที่เพิ่มปลั๊กไฟบ้านแบบ 230 โวลต์ ให้ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ แถมยังมีช่องเก็บของทั้งคันอีกกว่า 30 จุด ช่วยให้คุณแม่จัดระเบียบของเล่นและเก็ตเจ็ตได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวรก 4.ใช้งานง่าย สะดวกสบาย และทันสมัย หมดปัญหามือไม่ว่างเปิดประตูในวันที่ถือข้าวของพะรุงพะรัง เพราะสุดยอดคุณแม่สามารถโชว์พลังวิเศษเปิดประตูท้ายได้ด้วยระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรีในฟอร์ด เอเวอรเรสต์ ไม่ว่าจะเก็บรถเข็นเด็ก หรือข้าวของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เพียงคุณแม่เตะเท้าไปที่เซนเซอร์ท้ายรถ ประตูท้ายรถก็จะเปิดขึ้นหรือปิดลงแบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย 5.อุ่นใจด้วยระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของครอบครัว ด้วยโครงสร้างและสมรรถนะอันทรงพลังของฟอร์ด นอกจากเสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทันทีที่ขึ้นรถ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 7 จุดเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะทั้งบนถนนและแบบออฟโร้ด อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวที่จะช่วยให้คุณแม่พาเจ้าตัวเล็กออกไปสำรวจโลกกว้างหรือตั้งแคมป์ปิคนิกได้ทุกที่อย่างมั่นใจ ไม่ว่าเส้นทางจะสมบุกสมบันแค่ไหนก็ตาม สามารถดูรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้เว็บไซต์ https://www.ford.co.th/suvs/everest/ หรือขอโบรชัวร์ และโปรโมชั่นข้อเสนอสุดพิเศษผ่าน LINE Official Account @FordThailand พร้อมบริการจัดส่งรถทดลองขับถึงบ้าน ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดพร้อมบริการจัดส่งรถทดลองขับที่ได้รับการทำความสะอาดฆ่าเชื้อถึงบ้านคุณ
MG HS PHEV รถยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าด้วยรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี พ.ศ. 2564 (Product Innovation Awards) ประเภทยานยนต์ ในกลุ่มรถยนต์พลังงานทางเลือก จากรุ่น MG HS PHEV MG HS PHEV เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินงานของเอ็มจีในการมุ่งมั่นนำเสนอรถยนต์ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี ความทันสมัย และคุณค่าที่ได้รับ โดยมีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ให้มีสมรรถนะขั้นสูงให้กำลังแรงม้าและแรงบิดที่สูงอีกทั้งยังมี ระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า หรือ EV Range สูงถึง 67 กิโลเมตร ซึ่งรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ทางด้านการออกแบบ MG HS PHEV มีการผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหราได้อย่าง ลงตัว ดีไซน์ภายในมีการตกแต่งให้เรียบหรู มีระดับ และห้องโดยสารเงียบให้ความเป็นส่วนตัว พร้อมฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้อย่างครบครันพร้อมมอบประสบการณ์ใหม่และยกระดับการขับขี่ให้กับผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมการเชื่อมต่ออัจฉริยะผ่านระบบปฎิบัติการi-SMART รวมไปถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัยกว่า 25 ระบบ ที่ทำงานประสานกัน (Advanced Synchronized Protection Systems) ตลอดจนเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่ หรือ ADAS ที่เทียบเท่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน MG HS PHEV เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยมีจำหน่ายแล้วกว่า 15 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษไอร์แลนด์ อิสราเอล อิตาลี นอร์เวย์ สเปน สวีเดน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และประเทศไทย ซึ่งกว่า 13 ประเทศ ล้วนอยู่ในทวีปยุโรป แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของรถยนต์แบรนด์เอ็มจี ที่ได้รับความไว้วางใจและมีการการันตีคุณภาพระดับสากล สำหรับรางวัล PRODUCT INNOVATION AWARD 2021 จัดขึ้นโดยนิตยสาร BUSINESS+ ภายใต้บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อมอบรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปีให้แก่สินค้าและบริการที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งช่วยสร้างสรรค์ให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้น ซึ่งเป็นผลโหวตจากผู้บริโภคทั่วประเทศ คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างยุคของรถยนต์สันดาปไปสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าจึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจและควรให้ความสำคัญ สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้เราไม่หยุดในการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เอ็มจีพร้อมจะเป็นแบรนด์รถยนต์ยุคใหม่ที่มอบสิ่งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าอยู่เสมอ รวมทั้งจุดประกายและผลักดันตลาดรถยนต์ในประเทศไทยก้าวสู่อีกระดับต่อไป” MG HS PHEV “REFINEMENT” คุณค่าสูงสุดแก่ผู้ขับขี่ ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ ฟังก์ชั่น และเทคโนโลยี MG HS PHEV มาพร้อมแนวคิด “REFINEMENT” ขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต โดดเด่นด้วยระบบ Plug-in Hybrid ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมนวัตกรรม Hairpin Design พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดใหญ่ 16.6 kWh ที่ทำให้มีระยะการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุดถึง 67 กิโลเมตร ในด้านของสมรรถนะใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ EDU II – 10 Speeds มีกำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ในระยะเวลา 7.5 วินาที มีรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ โดยมีจุดเด่นที่โหมด Super Sport และ EV Mode ที่มาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ MG HS PHEV มีดีไซน์พื้นฐานมาจาก MG HS รถเอสยูวีที่ผสานความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างลงตัวกระจังหน้าแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้า LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้าย LED Space Light Field และไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่แสดงผลแบบไล่ระดับ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ใช้วัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury…
TTB มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้มที่ศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำ
บัตรเครดิตทีทีบี จัดโปรโมชั่นสุดคุ้มรับเครดิตเงินคืน 2 ต่อ สำหรับลูกค้าที่มียอดใช้จ่าย ณ ศูนย์บริการของผู้แทนจำหน่ายแบรนด์รถยนต์ชั้นนำที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์บริการฮอนด้า อีซูซุ มาสด้า มิตซูบิชิ นิสสัน ซูซูกิ และโตโยต้า ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2564 ต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10,800 บาท เมื่อมียอดใช้จ่าย 3,000 บาท ขึ้นไป / เซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 50 บาทยอดใช้จ่าย 5,000 บาท ขึ้นไป / เซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 120 บาท ยอดใช้จ่าย 10,000 บาท ขึ้นไป / เซลล์ สลิป รับเครดิตเงินคืน 300 บาท ยอดใช้จ่าย 30,000 บาท ขึ้นไป / เซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท และยอดใช้จ่าย 50,000 บาท ขึ้นไป/ เซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 1,800 บาท ลูกค้าสามารถลงทะเบียน SMS พิมพ์ JP ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 ต่อที่ 2 แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้คะแนนสะสม ttb rewards plus ขั้นต่ำ 3,000 คะแนน สามารถแลกคะแนนสะสมสูงสุดได้ถึง 30,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก / เดือน โดยลูกค้าบัตรเครดิต ttb reserve infinite และ ttb reserve signature แลกรับเครดิตเงินคืน 15% ลูกค้าบัตรเครดิตทีทีบี ประเภทที่มีคะแนนสะสมอื่น ๆ แลกรับเครดิตเงินคืน 10% ลงทะเบียน SMS ทุกครั้งที่ร่วมรายการ พิมพ์ JC ตามด้วยคะแนนที่ใช้แลก เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ttb contact center 1428
มาสด้าร่วมแบ่งปัน
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศเดินหน้าสานต่อโครงการแบ่งปันน้ำใจสู่ชุมชน“มาสด้า ปันสุข ปี 2” จัดตั้ง “ตู้ปันสุข” หน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าตลอดเดือนสิงหาคม 2564 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแบ่งปันอาหาร ยาสามัญประจำบ้าน และของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพให้แก่ประชาชนทั่วประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของโควิด-19 และร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคม ควบคู่กับการวางมาตรการเพิ่มความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมยืดหยัดให้การช่วยเหลือผู้คนตลอดไปเพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นระยะเวลากว่า2 ปี ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยความมุ่งหวังที่อยากให้คนไทยก้าวผ่านสถานการณ์ความยากลำบากครั้งนี้ไปได้ด้วยกันอีกครั้ง มาสด้าจึงลุกขึ้นมาทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม ผ่านโครงการ “มาสด้า ปันสุข ปี 2” ด้วยการจัดตั้ง “ตู้ปันสุข” ที่บริเวณด้านหน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้า เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแบ่งปันสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ โดยจะเริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2564 เพราะมาสด้าเชื่อมั่นว่าด้วยการสนับสนุนเพียงคนละเล็กคนละน้อยจากทุกภาคส่วนจะก่อเกิดเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นกำลังใจให้เราทุกคนก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันอีกครั้ง โครงการ “มาสด้า ปันสุข” ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแบ่งปันน้ำใจและให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ด้วยการจัดตั้ง“ตู้ปันสุข” ณ บริเวณด้านหน้าโชว์รูมรถยนต์มาสด้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแบ่งปันสิ่งของเครื่องอุปโภคและบริโภค อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ยาสามัญประจำบ้าน และสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถนำสิ่งของเหล่านี้กลับไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ พร้อมกันนี้ มาสด้าขอเชิญชวนผู้มีจิตอาสาร่วมแบ่งปันน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ในครั้งนี้ด้วยกัน ด้วยการนำสิ่งของต่างๆ มาร่วมสมทบในตู้ปันสุข โดยมาสด้าวางมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ “ตู้ปันสุข” ทุก 1-2 ชั่วโมง และวางมาตรการเว้นระยะห่างจากการสัมผัสให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจและปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ทั้งนี้ มาสด้าขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกื้อกูลสังคมไทย ให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน มาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าให้การช่วยเหลือคนไทยทุกคนในทุกสถานการณ์ความยากลำบากอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข ตามวิสัยทัศน์ระยะยาวของมาสด้า “Sustainable Zoom-Zoom 2030” เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คน ตลอดไป
สตาร์ท อัพ ในประเทศจีน สู่ ธุรกิจสื่อยานยนต์ไทย
เนื่องมาจาก ตลาดยานยนต์ไทยเนื้อหอม ซีอีโอ AutoFun โรบิน ซู เลือกเป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลุยธุรกิจยานยนต์แบบครบวงจร หลังสุดปังกับตลาดมาเลเซียและอินโดนีเซีย ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการเทคโนโลยีของประเทศจีนมากว่า 20 ปี เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของหัวเหว่ยและ อาลีบาบา กรุ๊ป คุณโรบิน ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้ก่อตั้งAutoFun.co.th มองว่าตลาดยานยนต์ในประเทศไทยมีความน่าสนใจ เป็นตลาดที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ดี มีความหลากหลาย เหมาะสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์และการสร้างสรรค์เนื้อหา ก่อนเริ่มดำเนินงาน AutoFun.co.th นั้น ทีมจากกวางโจว ประเทศจีนได้ร่วมทำงานกับทีมไทยเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ศึกษาอย่างรอบด้านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การตลาด และผู้บริโภค เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปกำหนดเป็นกลยุทธ์เชิงธุรกิจ และเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา AutoFun.co.th ได้เปิดตัวกับผู้ใช้ชาวไทยอย่างเป็นทางการ การทำงานในประเทศไทยของ AutoFun ในวาระครบรอบ 1 ปี ได้สร้างสรรค์เนื้อหาด้านยานยนต์ให้ครอบคลุม มีความทันสมัย สนุกสนาน ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นกับประเด็นต่างๆ ได้อย่างเปิดกว้าง ส่งผลให้มีผู้ใช้งานกว่า 930,000 ต่อเดือน อาทิ การทดลองขับรถแบบระยะยาว วิดีโอในรูปแบบ Vlog หรือ ซีรีย์สั้น ควบคู่กับการสร้างสรรค์เนื้อหาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งเฟสบุ๊ก (Facebook) ยูทูป (YouTube) และ ติ๊ก ต๊อก (Tik Tok) ที่มีผู้ติดตามให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนเรายังคงเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มเว็บไซต์ที่แตกต่าง เพื่อก้าวสู่ความเป็นศูนย์รวมยานยนต์แบบครบวงจร ทั้งค้นหาข้อมูลและซื้อรถใหม่สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย
NISSAN FOMULA E
นิสสันนำโครงการการพัฒนากระบวนการคิดขั้นสูง เพิ่มประสิทธิภาพนักแข่งฟอร์มูล่า อีนักแข่งนิสสัน จะได้รับการฝึกซ้อม และพัฒนาการจัดการในการเรียนรู้ การตอบสนองให้มีความสม่ำเสมอระหว่างการแข่งกันเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับนักแข่ง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด เปิดตัวโครงการนวัตกรรมพัฒนากระบวนการทางความคิดขั้นสูง และการวิจัยด้านกายวิภาคศาสตร์ เพื่อฝึกซ้อมให้กับเซบาสเตียน บูเอมี (Sebastien Buemi) และโอลิเวอร์ โรวแลนด์ (Oliver Rowland) นักแข่งรถฟอร์มูล่า อี โครงการดังกล่าวใช้ชื่อว่า Nissan Brain to Performance ใช้การถ่ายภาพสมองขั้นสูง และการวิเคราะห์เพื่อกำหนดลักษณะเฉพาะทางกายวิภาคของนักแข่งมืออาชีพ และนำไปพัฒนาการโปรแกรมการฝึกซ้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการคิดและกายวิภาคในการแข่งขัน มร.ทอมมาโซ โวลป์ ผู้อำนวยการระดับโลกฝ่ายกีฬาทางรถยนต์ของนิสสันในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี กล่าวว่า “ที่นิสสัน เรากล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า นวัตกรรมสุดล้ำนี้จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของสมองของนักแข่งได้มากกว่าที่เคยเพื่อเพิ่มศักยภาพการขับขี่บนสนามแข่งฟอร์มูล่า อี จะดีแค่ไหนหากเราสามารถช่วยให้นักแข่งของเราทำผลงานได้ดีขึ้นผ่านการวิเคราะห์และฝึกซ้อมการทำงานของสมองขั้นสูง เวลาทุกเสี้ยววินาทีในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี มีความหมายมาก จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่เราจะได้เห็นทีมวิจัยของนิสสันสามารถพัฒนาการทำงานสมองของทั้ง เซบาสเตียน และ โอลิเวอร์ ที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้วให้ทำงานดียิ่งกว่าเดิม”
วอลโว่ คาร์ เปิดกลยุทธ์การขาย
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) เผยกลยุทธ์การขายปี 2021 เดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานสู่ระบบดิจิทัล(Digital Transformation) เพื่อมอบบริการบนเครือข่ายดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ (Digital Services) เปิดตัวศูนย์บริการลูกค้ารูปแบบใหม่ Customer Relations Center (CRC) สัมผัสการบริการแบบครบวงจรให้ความรู้สึกปลอดภัยตลอดการเดินทางและ ยังคงให้ความสำคัญกับการยกระดับโชว์รูมบนมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) รวมถึงบริการซ่อมบำรุงระดับพรีเมียม Volvo Personal Service (VPS) สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งแบบ Plug-in Hybrid และ Pure Electric ตามแผนธุรกิจระยะ 10 ปีของวอลโว่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์พลังงานสะอาดระดับพรีเมียมของโลกภายในปี 2030 ตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ 1,824 คัน โดยเป็นลูกค้าองค์กร 26% ส่วนการจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้มาตรฐาน Volvo Selekt Used Cars มีอัตราลดลงเพียง 10% สำหรับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่รุ่น XC40 คิดเป็น 30% ของยอดจำหน่ายรวม อันดับสองคือรุ่น XC60 คิดเป็น 26% และอันดับสามคือรุ่น V60 คิดเป็น 16% โดยรุ่นที่น่าจับตามองคือรุ่น S60 ซึ่งเปิดตัวในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคระบาดโควิด-19 แต่ยังสามารถจำหน่ายได้นับร้อยคันทันทีที่เปิดจอง คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด สรุปการดำเนินธุรกิจของวอลโว่ ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาว่า “วิกฤติการณ์ในปี 2020 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก สำหรับวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เรามีการตั้งรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ด้วยการยกระดับช่องทางการสื่อสารออนไลน์และมาตรฐานด้านสุขอนามัยในศูนย์บริการทุกแห่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้เราสามารถจำหน่ายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับพรีเมียมได้เกือบ 2,000 คัน โดยลดลงจากปี 2019 เพียง 13% เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผู้บริโภครายย่อยยังคงเชื่อมั่นในประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของรถยนต์วอลโว่อย่างมาก” สำหรับการดำเนินงานด้านการยกระดับคุณภาพของศูนย์บริการในปี 2020 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย สามารถขยายเครือข่ายโชว์รูมพันธมิตรเพิ่มอีก 3 แห่ง และยังสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานของโชว์รูมและศูนย์บริการพันธมิตรทุกสาขาให้สอดคล้องตามมาตรฐาน Volvo Retail Experience (VRE) ทุกขั้นตอน