ทีทีบีไดรฟ์ (ttb DRIVE) นำโดย คุณสุรศักย์ อาปตาคม หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร งานขายและเครือข่ายธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ และ คุณชัชฤทธิ์ ตั้งเถกิงเกียรติ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ผลิตภัณฑ์ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี(ttb) มอบเงินบริจาคจำนวน 1,170,000 บาท สนับสนุนโครงการ #ช่วยด้วยแชร์ ให้แก่ สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วโดย คุณวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ ประธานสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว สำหรับโครงการ #ช่วยด้วยแชร์ เป็นโครงการที่ ttb DRIVE ร่วมกับผู้ประกอบการเต็นท์รถทั่วประเทศจัดขึ้น เพื่อนำเงินบริจาคไปช่วยในกิจกรรมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท ได้นำไปมอบให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี เพื่อสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ อาทิ ค่าอาหารให้กับผู้ยากไร้ การจัดทำโรงพยาบาลสนาม การจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาด และการจัดหาถุงยังชีพ เป็นต้น ทั้งนี้ ttb DRIVE และพันธมิตร พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเหลือและขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน
Author: GIANT Autosawasdee
ยามาฮ่า ฟินน์ รุ่นใหม่ สตาร์ทมือ ดรัมเบรก
ยามาฮ่า ฟินน์ รถครอบครัวสุดประหยัด คุ้มสุดในยุคนี้!! เป็นใครก็…เลิฟ โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัดตอกย้ำความเป็นที่ 1 ของรถจักรยานยนต์ครอบครัวสุดประหยัดด้วยรถจักรยานยนต์ “ยามาฮ่า ฟินน์” รุ่นใหม่!!! สตาร์ทมือดรัมเบรก พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานในทุกสายอาชีพ สวยงาม ทนทาน และประหยัดน้ำมันเป็นที่ 1 ด้วยหัวฉีดสุดประหยัด โดดเด่นไม่เหมือนใครกับการดีไซน์ช่องเก็บของด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 9.7 ลิตร สะดวกสบายกว่าใครด้วยกุญแจแบบ Multi-function ควบคุมการใช้งานในจุดเดียว จะล็อก สตาร์ท หรือเปิดเบาะก็สบาย สั่งการที่จุดเดียว พร้อมราคาสบายกระเป๋าเพียง 39,800 บาท เท่านั้น!!! พิเศษซื้อ ยามาฮ่า ฟินน์ ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษ “ฟินน์ทุกคัน ฟรีทุกคน” รับหมวกนิรภัยสุดสวย พร้อมบัตรน้ำมัน รวมมูลค่า 1,500 บาท รวมทั้งสิทธิ์รับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับผู้ที่ซื้อยามาฮ่าฟินน์ทุกรุ่นตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 สามารถเป็นเจ้าของยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่!!! รถครอบครัวสุดประหยัด คุ้มสุดในยุคนี้!! เป็นใครก็…เลิฟ ได้แล้วที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ
ยามาฮ่า เดินหน้ามอบของให้ผู้ประสบภัยจาก โควิด19
ยามาฮ่าเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากโรคโควิด-19 มอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ศูนย์พักคอย อบต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ จ.สมุทรปราการ คุณสุรชัย เพชรพงษ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรการทั่วไป บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เป็นตัวแทนบริษัทฯ ทำการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมสิ่งของจำเป็น ให้กับ คุณอดุลย์ แก้วโบราณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่สำหรับการบรรจุลงถุงยังชีพเพื่อมอบต่อให้กับประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าพักรักษาตัว ณ ศูนย์พักคอย (Community Isolation) ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ อันประกอบไปด้วย อาหารแห้ง, หน้ากากอนามัย, แอลกอฮอล์ 75 เปอร์เซ็นต์, สบู่ฆ่าเชื้อและเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 20,000 บาท สำหรับการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการยามาฮ่าร่วมใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย COVID-19 โดยจัดขึ้น ณ อบต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ จ.สมุทรปราการ
CaltexGO
บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันคุณภาพระดับโลกภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” จัดโปรโมชั่นปัง ๆ เพิ่มความคุ้มค่าทุกการจับจ่าย เพียงลูกค้าคาลเท็กซ์ใช้บริการเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ (ยกเว้น ดีเซล B20) ที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ (เฉพาะในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี) ตั้งแต่700 บาทขึ้นไป (ครบ 5 ครั้ง) และชำระค่าน้ำมันด้วยแอปพลิเคชัน CaltexGO รับทันทีคูปองอิเล็กทรอนิกส์ (E-Coupon) ส่วนลดต่าง ๆ มูลค่ารวมสูงสุด 180 บาท อาทิ ส่วนลดที่ร้าน MK Restaurants, ร้าน Starbucks หรือรับส่วนลดค่าน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ ลูกค้าคาลเท็กซ์สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CaltexGO ได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับระบบปฏิบัติการ IOS สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store และสำหรับระบบปฏิบัติการ Android สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store โดยสามารถรับสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2564 หรือจนกว่าจะครบ 10,000 สิทธิ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าน้ำมันคาลเท็กซ์ โทร 02 081 4123 หรืออีเมล thcsc@chevron.com
มิตซูบิชิ ดัดแปลง มิตซูบิชิ ไทรทัน สนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สนับสนุนรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน จำนวน 3 คัน เพื่อร่วมภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อเข้ารับการรักษาตัวที่ฮอสพิเทลและโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยรถกระบะดังกล่าว ได้ถูกดัดแปลงและติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น พร้อมระบบป้องกันเชื้อโรค โดยสามารถรองรับผู้โดยสารรวมถึงคนขับได้สูงสุดถึง 12 ที่นั่ง รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้ง 3 คัน ที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นรถสำหรับใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีไม่ฉุกเฉิน เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการช่วยเหลือสังคมของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อการสนับสนุนโครงการ ‘เรื่องเล่าเช้านี้ ช่วยผู้ประสบภัยโควิด-19’ ซึ่งริเริ่มโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าว ชื่อดังและผู้ก่อตั้งรายการข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ โดยจับมือกับพันธมิตรในเพจเฟซบุ๊ก อาทิ เพจ ‘เราต้องรอด’ ‘อีจัน’ และเพจ ‘เส้นด้าย’ เพื่อช่วยประสานงานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยให้เข้าสู่กระบวนการรักษา มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป เราตระหนักดีถึงความยากลำบากและความท้าทายที่เกิดขึ้น มิตซูบิชิมอเตอร์ส ประเทศไทย ยืนหยัดอยู่เคียงข้างประเทศไทยมานานกว่า 60 ปี และเราจะร่วมกันเดินหน้าสู้กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ อย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านการสนับสนุนและการมอบความช่วยเหลือหลากหลายด้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ เราได้บริจาคหน้ากากอนามัย N95 น้ำดื่ม กระดาษลังเพื่อใช้ประกอบเตียงสนาม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลให้แก่โรงพยาบาลหลายแห่ง” รถกระบะที่ดัดแปลง คือ มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นตอนเดียว ขับเคลื่อน 2 ล้อ เพื่อภารกิจการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ครั้งนี้ ได้รับการติดตั้งระบบป้องกันเชื้อโรค 4 ชั้น ท่อออกซิเจนมาตรฐานทางการแพทย์ และอุปกรณ์การแพทย์พื้นฐานอื่น ๆ ส่วนท้ายกระบะได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องโดยสาร มีการติดตั้งเบาะนั่งที่รองรับสรีระอย่างเป็นธรรมชาติทั้งสองฝั่ง สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10 คน ห้องโดยสารส่วนท้ายกระบะถูกติดตั้งอยู่บนโครงรถ (Chassis) ด้านหลังห้องโดยสารผู้ขับขี่ ทำจากเหล็กกล้า และอลูมิเนียมเกรดพิเศษที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย ทนทานต่อแรงกระแทก ด้วยกลไกระบบป้องกันเชื้อโรค 4 ชั้น ที่นอกจากจะมีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ HEPA เครื่องผลิตโอโซน หลอดไฟฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซี แล้ว ยังมีการออกแบบผนังและเพดานของห้องโดยสารที่สร้างจากพลาสติกเสริมความแข็งแรงด้วยไฟเบอร์ที่ป้องกันแบคทีเรียตามมาตรฐาน ISO 22196 และ JIS Z 2801 พื้นผิวผ่านการทดสอบการปกป้อง และได้รับรองประสิทธิภาพสูงสุด มีอายุใช้งานอย่างน้อย 55 ปี ภายในห้องโดยสารเพียบพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานทางการแพทย์ อาทิอุปกรณ์ช่วยหายใจ เครื่องวัดความดันโลหิตพร้อมเครื่องช่วยฟัง และถังออกซิเจน พร้อมกันนี้ การไหลเวียนอากาศระหว่างห้องผู้ขับขี่ส่วนหน้าและห้องผู้โดยสารส่วนท้ายถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งรถกระบะดัดแปลงทั้ง 3 คัน ดังกล่าว มีมูลค่ารวมจากการดัดแปลง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ ทางการแพทย์และระบบป้องกันเชื้อโรคกว่า 3.7 ล้านบาทโดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการส่งมอบรถกระบะดัดแปลงทั้ง 3 คัน ดังกล่าว ให้แก่ นายสรยุทธ นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ในฐานะตัวแทนของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหาร จากบริษัทฯ อีกด้วย นอกจากการสนับสนุนจัดหารถเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมอบบัตรเติมน้ำมัน เพื่อสนันสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับรถยนต์เพื่อการขนส่งผู้ป่วย ซึ่งก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ส่งรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน จำนวน 2 คัน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานรายวันเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะยังคงยึดมั่นในปณิธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม “สรรค์สร้าง เคียงข้างสังคมไทย” ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมด้านสาธารณสุขแก่ประเทศไทย โดยจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้การสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม ภายใต้แนวคิด “ร่วมด้วย ช่วยไทย” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ คนไทยที่จะต่อสู้และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นี้
BMW C 400 GT สกู๊ตเตอร์สายทัวริ่ง
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุด C 400 GT สกู๊ตเตอร์ขนาดกลางที่มาสานต่อความสำเร็จของรุ่นก่อนหน้าที่เป็นสองล้อคู่ใจของไบค์เกอร์ในทุกโอกาส ด้วย สมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นครบครัน ยกจิตวิญญาณของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งมาจุดประกายให้นักบิดไทยได้ตื่นเต้นและเพลิดเพลินไปกับการโลดแล่นบนท้องถนนแบบครบเครื่องทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และสไตล์เฉพาะตัว โดยบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน นับตั้งแต่เครื่องยนต์ที่มาพร้อมระบบ E-gas ไปจนถึงสีใหม่ที่เติมความโฉบเฉี่ยวให้สะดุดตายิ่งกว่า มร.มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มอบความตื่นตาตื่นใจให้แก่ลูกค้า ด้วยมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์หลากหลายรุ่นที่เปี่ยมทั้งสมรรถนะ และสไตล์ในการขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากของเรา ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสานความสนุกของการเดินทางระยะไกลบนท้องถนน เข้ากับความเป็นสกู๊ตเตอร์สำหรับชีวิตคนเมืองแบบเต็มตัว และใน C 400 GT รุ่นใหม่นี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มความปราดเปรียว เสริมเสน่ห์ของการขับขี่ เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถยกระดับความประทับใจของลูกค้าขึ้นไปอีก ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง” บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ยังคงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1 สูบตัวเดิม พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำส่งพละกำลังสูงสุดที่ 25 กิโลวัตต์ (34 แรงม้า) ที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตันเมตรที่ 5,570 รอบต่อนาทีเครื่องยนต์นี้ทำงานประสานกับระบบเกียร์ CVT และระบบกันสะเทือนล้อหลังที่ผสานนวัตกรรมใหม่เพื่อลดการสั่นสะเทือนและเสริมความสบายระหว่างการขับขี่ และด้วยการรับรองมาตรฐานมลภาวะระดับ EU 5 บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ จึงเป็นสกู๊ตเตอร์คู่ใจที่พร้อมสนุกไปด้วยกันในทุกจังหวะการขับขี่ เพื่อยกระดับความคล่องแคล่วของ บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ เครื่องยนต์ชุดนี้จึงทำงานควบคู่กับระบบ E-gas หรือคันเร่งระบบไฟฟ้า พร้อมวาล์วระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายองค์ประกอบ นับตั้งแต่ระบบไอเสียที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ไปจนถึงการปรับแต่งระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ในเกียร์ว่าง ยังช่วยให้สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่นี้ตอบสนองฉับไวในทุกจังหวะ และการเดินเครื่องที่ราบรื่น นุ่มนวลยิ่งขึ้นขณะใช้เกียร์ว่าง ขณะที่ชุดสปริงใหม่ในระบบคลัทช์แบบแรงเหวี่ยงก็ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานได้นิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน Automatic Stability Control (ASC) พร้อมระบบตั้งค่าอัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคที่โดดเด่นใน บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ คือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ Automatic Stability Control (ASC) ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าตัวเองได้แบบอัตโนมัติเมื่อจำเป็น เช่นในกรณีที่เปลี่ยนยาง นอกจากนี้ ระบบ ASC ใหม่นี้ยังออกแบบมาให้ทำงานด้วยระดับแรงเสียดทานที่ต่ำกว่าในรุ่นเดิม จึงทำให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการตอบสนองที่ฉับไวขึ้นและการขับขี่ที่สบายขึ้น โดยเฉพาะบนพื้นถนนที่เปียกและลื่น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องปิดการใช้งาน ASC อีกต่อไป และสามารถเร่งตัวรถไปสู่ความเร็วสูงสุดที่ 139 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างมั่นใจ ระบบเบรกล้อหน้าใหม่ พร้อมปรับความไวของคันเบรกหน้าและหลัง เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นระบบเบรกของบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ มาพร้อมกับคาลิเปอร์ใหม่ที่ช่วยให้ระบบดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้าทำงานได้แม่นยำมากขึ้น สัมผัสได้ถึงจังหวะออกแรงเบรกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับการเคลื่อนตัวของลูกสูบดิสก์เบรกให้ดียิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการตั้งค่าคันเบรกล้อหลังที่มือซ้ายและคันเบรกล้อหน้าที่มือขวาให้ทำงานด้วยแรงกดสมดุลกันอย่างลงตัว ช่องเก็บสัมภาระที่มาพร้อมกับระบบไฟและช่องเสียบสายชาร์จ USB ช่วยในการมองเห็น ระบบไฟส่องสว่างในช่องเก็บสัมภาระได้ถูกเปลี่ยนตำแหน่งให้ส่องแสงลงมาจากด้านบนแทนที่จะเป็นด้านข้าง ส่วนช่องเก็บสัมภาระนี้อยู่ในบริเวณใต้เบาะนั่งซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้ นั่งสบายกว่าที่เคย โดยนอกจากช่องต่อไฟแบบ 12 โวลต์แล้ว ช่องเก็บของด้านหน้ายังมาพร้อมกับช่องเสียบสายชาร์จ USB อีกด้วย (ช่องเก็บสัมภาระขนาด 31 ลิตร ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 45 ลิตรหากติดตั้ง Flexcase) บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ยังคงรักษารูปลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไว้เช่นเคยแต่เสริมความโฉบเฉี่ยวสะดุดตาด้วยรุ่น “Triple Black” ที่มาในสีดำ Blackstorm metallic พร้อมลายคาดสีด้าน ในราคา429,000 บาท ขณะที่รุ่นมาตรฐานในสีขาว Alpine White ก็ยังเป็นทางเลือกให้จับจองเป็นเจ้าของที่ราคา 419,000 บาท
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่นพิเศษ แพชชั่น เรด เอดิชั่น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ เพื่อร่วมฉลองการครบรอบ60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลและตอบแทนสังคมไทย โดย มิตซูบิชิเอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ รุ่นพิเศษดังกล่าวนี้มีจำนวนการผลิตที่จำกัด มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมและก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอ็มพีวี นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2561 โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ทุกรุ่นมียอดจำหน่ายสะสมรวมกันแล้วมากกว่า38,000 คัน ถือเป็นรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบทั้งในด้านการออกแบบและความทันสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความอเนกประสงค์ ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ความรู้สึกมั่นคงและความปลอดภัย รวมถึงความสะดวกสบาย และสมรรถนะการใช้งานในแบบรถเอสยูวี” ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ยังการันตีความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติมากมายจากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ รางวัลรถอเนกประสงค์มินิเอ็มพีวีขายดียอดเยี่ยม 3 ปีซ้อนจากงานรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศไทย รวมถึงรางวัลรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีขนาดเล็กยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับความโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้นด้วยการแนะนำสีแดงใหม่ ‘Spirit Red’ ที่สะท้อนถึงความน่าตื่นเต้นในทุกการเดินทาง เพื่อร่วมฉลองการครบรอบ 60 ปี โดยสีแดงเป็นสีประจำบริษัทฯ ซึ่งแสดงถึงความสำเร็จและยังปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ ทรีไดมอนส์ สะท้อนถึงคุณภาพ ความตื่นเต้นเร้าใจ และความมุ่งมั่น มิตซูบิชิเอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ สร้างขึ้นเพื่อปลุกแรงบันดาลใจให้แก่ทุกไลฟ์สไตล์ให้สามารถเป็นไปได้ พร้อมขับผ่านทุกอุปสรรค อนึ่ง ลูกค้า สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของเราในแบบที่ยั่งยืนได้ ด้วยการซื้อ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ รุ่นดังกล่าว โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะบริจาคเงินจำนวน 2,000 บาทต่อคัน และมอบให้แก่องค์กรการกุศล 3 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริฯ, มูลนิธิรามาธิบดีฯ และมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน และเพื่อร่วมฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปี ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อและใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ ด้วยแคมเปญ ‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน’ มอบรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งหนัก 60 บาท มูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ อาทิ ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวี SAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล และ โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รุ่น จีที ที่ได้รับการยกระดับด้านดีไซน์ พร้อมด้วยเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างจากรุ่นปกติทั่วไป โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่ด้านข้างและที่ล้ออัลลอย ภายในเพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกได้แก่ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือแบบไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ตลอดจนซองใส่กุญแจอัจฉริยะพร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี ที่แสดงถึงความพิเศษของรถยนต์รุ่นดังกล่าว นอกเหนือจากอุปกรณ์พิเศษที่มอบให้แล้ว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ยังคงครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดในเซกเม้นท์ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยระยะความสูงจากพื้นถึง 205 มม. มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย มีเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนที่ต่ำ(NVH) ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพตามปรัชญาแบบ ‘โอโมเตะนาชิ’ ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มุ่งเน้นความประณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มคุณภาพเยี่ยม ช่วยสร้างผิวสัมผัสที่นุ่มนวล และยังทำให้ห้องโดยสารมีความเงียบเพิ่มมากขึ้น มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ครบครันด้วยความอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง ติดตั้งเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นด้วยกุญแจอัจฉริยะแบบ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 3 ตำแหน่ง และระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารตอนหลังหรูหราด้วยหัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มหนังที่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ และปรับเข้า-ออกได้ มาพร้อมกับสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง มีปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย และระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ สะดวกสบายด้วยจอภาพระบบสัมผัสพร้อมเครื่องเล่นดีวีดี และจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ครบครันด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก(ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ มอบความมั่นใจในด้านบริการหลังการขายภายใต้สโลแกน ‘เราดูแล คุณแค่ขับ’ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าด้วยผู้จำหน่ายทั่วประเทศกว่า 240 แห่ง ด้วยการให้บริการที่ได้มาตรฐานคุณภาพอะไหล่แท้ ให้บริการด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและผ่านการฝึกอบรม ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกคันจะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ด้วยค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง พบกับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘แพชชั่น เรด เอดิชั่น’ ได้ที่โชว์รูม มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและขอทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ที่เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
Volkswagen Caravelle
THAIYARNYON (ไทยยานยนตร์) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen Caravelle รถตู้ลักชัวรีระดับแนวหน้าของโลกอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำเสนอบริการใหม่ล่าสุดกับการถ่ายภาพเซตไลฟ์สไตล์สำหรับลูกค้าเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก ณ วันส่งมอบ พร้อมเปิดตัวออพชั่นใหม่ล่าสุด “เครื่องฟอกอากาศ” ที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโควิด-19 ทำให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัย พร้อมตอกย้ำนิยามเสมือนว่าเป็น “Ritz Carlton of Vans” ของ THAIYARNYON (ไทยยานยนตร์) โดยในวันส่งมอบรถ ลูกค้าสามารถเลือกถ่ายภาพไลฟ์สไตล์เป็นกิจกรรมสนุกๆ ได้ฟรี และสามารถนำภาพในรูปแบบของตัวเองแชร์ลงบนโซเชียลมีเดียและเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี นอกจากนี้ THAIYARNYON (ไทยยานยนตร์) ยังมอบความพิเศษให้กับลูกค้าโดยสามารถเลือกเพิ่มอุปกรณ์ภายในรถได้ ทั้งเบาะนั่งพร้อมที่วางเท้า ปรับได้ 10 ทิศทาง เซตกระจกแต่งหน้ากับไฟอ่านหนังสือ เป็นต้น ไม่ว่าจะดูทีวีช่องโปรด หรือทำงานอย่างมีประสิทธิภาพบนโต๊ะพับเก็บได้ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหลังการส่งมอบรถ ยังมีบริการหลังการขายจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกแง่ทุกมุม คุณวิทิต ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร THAIYARNYON (ไทยยานยนตร์) กล่าวว่า “ด้วยตัวเลือกการตกแต่งภายในของรถยนต์ที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งมีอยู่จำกัดในท้องตลาดตอนนี้ ไทยยานยนตร์ได้เปิดโอกาสให้ลูกค้าปรับแต่งรถได้อย่างไม่จำกัด เราพร้อมเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถลักชัวรีในประเทศไทย และต้องการมอบประสบการณ์การครอบครองรถที่เต็มไปด้วยความสนุก และปลอดภัยในเวลาเดียวกัน ตัวเลือกพิเศษที่เราเตรียมให้กับลูกค้าได้เลือกสรร ยังสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น แผงกระจกกั้นกลางระหว่างที่นั่งคนขับและเบาะนั่งด้านหลังทำให้สามารถแยกส่วนระบบปรับอากาศได้อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดได้อย่างแน่นอน” นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศในรถ ซึ่งใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยแบบเดียวกับที่ใช้ในโรงพยาบาลชั้นนำ ได้รับการพิสูจน์ในห้องแล็บของสหรัฐฯ ว่ามีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโควิด-19 ทำให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัย และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถนั่งรถออกไปนอกบ้าน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและสร้างความสดชื่นให้กับชีวิตด้วย Volkswagen Caravelle
ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ ได้รับรางวัล Global Customer Experience Challenge 2564
Global Customer Experience Challenge (GCEC) เป็นโปรแกรมการแข่งขันในการสร้างประสบการณ์ความพึ่งพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ผ่านการแข่งขันในรูปแบบ Online บนแพลตฟอร์ม GT App คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด รับโล่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภททีม-บุคคล และเงินรางวัล มูลค่า 60,000 บาท ในการแข่งขัน Global Customer Experience Challenge (GCEC) โดยมี มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อม มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด และ คุณพุทธิตุลยธัญ รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เกียรติเป็นผู้มอบและถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารระดับสูง และทีมแข่งขัน “เบนซ์ไพรม์มัส” ณ ศูนย์ฝึกอบรม เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) บางนา-ตราด กม.19 คุณจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่บุคลากรของ “เบนซ์ไพรม์มัส” สามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้ โดยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในระดับประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการพัฒนาศักยภาพการทำงานของบุคลากรในทุกภาคส่วนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญ ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการบริหารงานและนโยบายหลักของ “เบนซ์ไพรม์มัส” ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง “Customer Centric” เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ดีที่สุด และการมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน” Global Customer Experience Challenge (GCEC) เป็นโปรแกรมการแข่งขันในการสร้างประสบการณ์ความพึ่งพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ผ่านการแข่งขันในรูปแบบ Online บนแพลตฟอร์ม GT App ระหว่างเจ้าหน้าที่ในส่วนการขายและส่วนบริการหลังการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยหน่วยงาน Global Training (GT) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทักษะและศักยภาพของพนักงานในสายงานที่รับผิดชอบดูแลและให้บริการลูกค้า ทั้งเพื่อสร้างการยอมรับ และเป็นขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่มีศักยภาพในหน่วยงานดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเป็นการประเมินความรู้และทักษะของเจ้าหน้าที่ของผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่กำหนด สำหรับการแข่งขัน GCEC 2021 ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถส่งพนักงานเข้าร่วมการแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 6 คน โดยการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1.ระดับขั้นต้น เป็นการแข่งขันตอบคำถามเพื่อสะสมการมีส่วนรวม 2.ระดับประเทศ เป็นการแข่งขันของทีมผู้จำหน่ายเดียวกันและต่างผู้จำหน่าย เพื่อทำคะแนนทีมสูงสุด โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันระดับโลก 3.ระดับโลก เป็นการแข่งขันของทีมที่มีคะแนนสูงสุดในแต่ละประเทศ เพื่อค้นหาทีมที่สามารถทำคะแนนสูงสุด เพื่อเป็นผู้ชนะเลิศระดับโลก
TOYOTA FORTUNER GR Sport โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มแนะนำรถอเนกประสงค์สุดหรู โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี พ.ศ. 2548 ภายใต้โครงการ “IMV: Innovative International Multi-Purpose Vehicle”ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท Pick-Up Passenger Vehicle (PPV) ในประเทศไทย รวมไปถึงในตลาดต่างประเทศด้วยชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก ดีไซน์โดดเด่น รวมถึงสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม และอรรถประโยชน์ในการใช้สอยที่คุ้มค่า จนสามารถครองใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิด้วยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 380,000 คัน ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2564…สัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ (Wisdom of a Leader) มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า “ก่อนอื่น ผมขอแสดงความขอบคุณสื่อมวลชนและแฟนพันธุ์แท้ รถกระบะไฮลักซ์ที่ให้การสนับสนุนและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากที่ได้ทำการเปิดตัว ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport และไฮลักซ์ รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2564 ครั้งแรกของโลกไปเมื่อวานนี้ ในวันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของโตโยต้า ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำการแนะนำ ฟอร์จูนเนอร์ GR Sport เป็นครั้งแรกของโลกและฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2564 ฟอร์จูนเนอร์ เป็นผู้นำในตลาด PPV เป็นระยะเวลายาวนานถึง 9 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่พ.ศ. 2555 และยังคงสามารถรักษาตำแหน่งยอดขายสูงสุดในครึ่งปีแรกของปีนี้นี้ พร้อมกันนี้ยังยืนยันด้วยรางวัลต่างๆ มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความเหนือชั้นของรถรุ่นนี้ ทั้งดีไซน์ที่โดดเด่น คุณภาพการผลิตอันเป็นมาตรฐาน ตลอดจน ฟังก์ชั่นการใช้งาน และมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ผมเชื่อว่าด้วยการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นจะช่วยให้เราสามารถครองความเป็นผู้นำเป็นปีที่ 10 ติดต่อกันและพิสูจน์ว่า ฟอร์จูนเนอร์ คือ เจ้าแห่งรถกระบะดัดแปลง (King of PPV) ตัวจริง อันดับแรก ผมขอแนะนำ ฟอร์จูนเนอร์ GR Sport รถรุ่นพิเศษที่โดดเด่น ด้วยความเหนือระดับ และการออกแบบที่สปอร์ต ทั้งภายนอก และภายใน พร้อมด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง และช่วงล่างที่เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในเมือง และการขับแบบออฟโรด นอกจากนี้ ยังมีกับโช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ที่ปรับจูนเป็นพิเศษเพื่อมอบประสิทธิภาพการทรงตัว และความนุ่มนวลในการขับขี่ ที่ดียิ่งขึ้น ช่วยลดความเหนื่อยล้าให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารภายในรถ ทั้งระหว่างการเดินทางระยะไกล และสภาพจราจรที่หนาแน่น และในรุ่นปกติ เราได้มีการเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยล้ำสมัย สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องปรับอากาศแถวที่ 1แบบอัตโนมัติปรับอิสระแยกซ้าย–ขวาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ส่วนในรุ่น Legender 2.8 ลิตร มีการเพิ่มระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง และระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ พร้อมกล้องมองรอบคัน ในรุ่น V นอกจากนี้ เราขอแนะนำชุดแต่ง Modellista ที่ช่วยเสริมให้ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นยิ่งขึ้น เสริมภาพลักษณ์ที่หรูหรา ไม่ซ้ำใคร” คุณสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมต้องขอขอบคุณกลุ่มแพทย์ และพยาบาลอีกครั้งที่ทำงานกันอย่างหนัก ไม่ท้อถอยเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่หนักหน่วงในขณะนี้ สำหรับตลาดรถยนต์นั้นเราได้รับผลกระทบเหมือนธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งผมต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ รุ่น Legender ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าสนับสนุน ส่งผลให้เราครองอันดับ 1 ในตลาด PPV อย่างต่อเนื่อง สำหรับรุ่นปรับปรุงใหม่ในปีนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยยกระดับความพรีเมียมของรถ PPV ให้มีความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน เหมาะกับลูกค้าที่มองหารถใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน หรือรถครอบครัวเพื่อเดินทางในเมือง อีกทั้งยังสามารถใช้ขับท่องเที่ยวระยะไกลในช่วงวันหยุดพักผ่อนได้อีกด้วยครับ ฟอร์จูนเนอร์ รุ่น GR Sport ถือได้ว่าเป็นรุ่นสูงสุดของรถในตระกูล PPV ของโตโยต้า ซึ่งมีที่มาเฉกเช่นเดียวกับการพัฒนารถไฮลักซ์ รีโว่ รุ่น GR Sport ด้วยการนำเอาประสบการณ์และความรู้ทางเทคนิค จากการที่โตโยต้าได้เข้าร่วมการทดสอบสมรรถนะยานยนต์ในสนามแข่งขันทั่วโลกผ่านแบรนด์รถแข่งระดับโลกอย่าง TOYOTA GAZOO RACING ทำให้ ฟอร์จูนเนอร์ GR Sport เป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งของความเป็นผู้นำตามแบบฉบับแบรนด์รถแข่งTOYOTA GAZOO RACING ที่ให้คุณสามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณความสปอร์ตลงไปสู่การขับขี่ ผมเชื่อว่า ฟอร์จูนเนอร์GR Sport จะพาคุณก้าวไปสู่อีกระดับของรถ PPV อย่างแน่นอนครับ” ใหม่…ดีไซน์ภายนอก…เอกลักษณ์ตามแบบฉบับรถแข่งดับโลก Toyota Gazoo Racing สะท้อนความเป็น Sport Premium PPV กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่งสีดำเงา มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สีพิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport ใหม่…ดีไซน์ภายใน…โดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกมุมมอง ภายในดีไซน์สปอร์ตโทนสีดำสลับแดง ให้ความรู้สึกแบบรถแข่ง คงไว้ซึ่งความหรูหราไว้อย่างลงตัว เบาะนั่ง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์เดินด้ายตกแต่งสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver พร้อมบุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายแดง ช่องปรับอากาศด้านหน้าตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver และโครเมียม แผงข้างประตู สีดำบุหนังสังเคราะห์พร้อมตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ Soft Touch แบบเจาะรู พร้อมตกแต่ง Center mark สีแดง และเดินด้ายสีแดง/ สี Smoke silver และสัญลักษณ์ GR หัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver ฐานเกียร์ลาย Carbon Fiber พร้อมตกแต่งด้วยแถบสี Smoke silver กล่องเก็บของหุ้มหนังสังเคราะห์ เดินด้ายตกแต่งสีแดง แป้นคันเร่งและเบรคแบบสปอร์ต…